LOGINหยางหนานได้ยินดังนั้นก็รีบร้อนถาม “พระนางหลิง โอสถบำรุงวิญญาณมีความนัยใดแอบแฝงกันแน่? ท่านอย่าอ้อมค้อมอีกเลย บอกข้าน้อยมาให้หมดเถิด!”หลิงอวี๋กล่าวเสียงขรึม “หยางหนาน เมื่อครู่ข้าเจาะเลือดของเจ้าก็เพื่อต้องการตรวจสอบว่าในร่างกายของเจ้ามีพิษหรือไม่!”“และก็มิผิดจากที่ข้าคาดการณ์ ในเลือดของเจ้ามีพิษตกค้างของเถาเลือด หญ้ารากดิน และดอกใจเพลิงเจ็ดใบ!”“โอสถที่อ๋องซู่มอบให้เจ้านั้นมีส่วนผสมของสมุนไพรเหล่านี้อยู่ สมุนไพรพวกนี้ช่วยให้เจ้าเลื่อนขั้นวรยุทธ์ได้ก็จริง แต่พิษของมันกลับมิถูกร่างกายขับออกไปจนหมดสิ้น!”“เมื่อสะสมนานวันเข้า พิษร้ายเหล่านี้ก็จะกัดกร่อนอวัยวะภายในของเจ้า หากขาดยาถอนพิษเมื่อใด ก็อาจถึงแก่ชีวิตได้!”“และโอสถบำรุงวิญญาณที่อ๋องซู่มอบให้พวกเจ้าทุกสิบห้าวัน ก็คือสิ่งที่ใช้สะกดพิษเหล่านี้ไว้นั่นเอง!”หยางหนานและชิงเสวียนต่างฟังจนตกตะลึงอ้าปากค้างหยางหนานส่ายศีรษะอย่างมิอยากเชื่อ “เป็นไปมิได้! หากในโอสถมีพิษ ท่านแม่ของข้าจะมิล่วงรู้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋กล่าวเสียงเย็นชา “ข้ามิรู้หรอกว่าตอนที่ท่านแม่ของเจ้าตรวจสอบโอสถนั้น ในโอสถได้เติมสมุนไพรเหล่านี้ลงไปแล้วหรือไม่ แต่หาก
หลิงอวี๋มองหยางหนาน แล้วเอ่ยเสียงขรึม “หยางหนาน ข้าขอเจาะเลือดเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่? มิมาก เพียงแค่หลอดเดียวก็พอ!”หยางหนานขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋หยิบหลอดเข็มสำหรับเจาะเลือดออกมาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “หยางหนาน หากยังอยากเจรจากันต่อ ก็จงแสดงความจริงใจออกมาเสียหน่อย!”“อีกประการหนึ่ง การที่ข้าเจาะเลือดของเจ้าก็นับเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเอง หากเจ้ามิยินยอม เช่นนั้นพวกเราก็คงมิจำเป็นต้องเจรจากันอีกต่อไป!”ชิงเสวียนเหลือบมองหลอดเข็ม ก่อนจะดึงแขนเสื้อของหยางหนานหยางหนานกล่าวอย่างมิค่อยเต็มใจนัก “ก็ได้ ท่านเจาะไปเถิด!”หลิงอวี๋ถือหลอดเข็มเดินเข้าไป บอกให้หยางหนานพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นจึงสอดเข็มเข้าไปในท่อนแขนของเขาเพื่อเก็บเลือดมาหนึ่งหลอด“รอสักครู่!”หลิงอวี๋เดินออกไปด้านนอก นางนำโลหิตไปวิเคราะห์ในมิติหยางหนานมองไปที่ประตูอย่างกังขา ก่อนจะหันไปถามว่า “นายท่านอู่ พระนางหลิงทำเช่นนี้หมายความว่ากระไร?”เซียวหลินเทียนรู้ดีว่าหลิงอวี๋กำลังสงสัยสิ่งใด จึงเพียงยิ้มเล็กน้อย “รออีกสักครู่เดี๋ยวก็รู้เอง!”“หยางหนาน เจ้าควรทราบว่าพวกเรามิได้มีเจตนาร้ายต่อพวกเจ้า มิฉะนั้นคงมิเอ่ยถึงเรื
ชิงเสวียนเอ่ยแย้งขึ้นมาเช่นกัน “พวกท่านตาฝาดไปแล้วกระมัง!”“เจี่ยงชิง... แม้รูปร่างจะเล็กเตี้ย แต่เขาก็เป็นบุรุษโดยแท้ ทั้งยังมีลูกกระเดือก…”หลิงอวี๋แย้มยิ้มพลางหยิบลูกกระเดือกเทียมชิ้นหนึ่งออกมา ทาบลงบนลำคอของตนลูกกระเดือกเทียมชิ้นนี้มีสีราวกับผิวเนื้อของหลิงอวี๋ ทั้งยังแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว มองแทบมิออกเลยว่าเป็นของปลอมครั้งนี้ที่หลิงอวี๋และหลิงหว่านออกมาภายนอกและปลอมตัวเป็นบุรุษ เพื่อมิให้ผู้ใดจับพิรุธได้ หลิงอวี๋จึงเตรียมลูกกระเดือกเทียมไว้ให้ทั้งตนเองและหลิงหว่านชิงเสวียนและหยางหนานจ้องมองอย่างตกตะลึง อ้าปากค้างพูดอันใดมิออก“หน้ากากหนังมนุษย์ของชิงเสวียนนับว่าสะดวกยิ่งนัก แต่ข้ากลับรู้วิธีปลอมตัวเป็นผู้อื่นโดยมิต้องอาศัยหน้ากากหนังมนุษย์!”“และข้าเชื่อว่าเจี่ยงชิงย่อมรู้วิธีการมิน้อยไปกว่าข้า!”หลิงอวี๋ยิ้มบางเบา “พวกเจ้ามิเชื่อ ก็สุดแล้วแต่จะหาวิธีพิสูจน์ในภายหน้า แต่หากเรื่องที่ข้าพูดเป็นความจริง ทั้งหมดนี้ก็สมเหตุสมผลแล้วมิใช่หรือ?”“เจี่ยงชิงเป็นสตรี นางวนเวียนอยู่ข้างกายอ๋องซู่ มิน่าจะเพียงเพื่อต้องการเป็นกุนซือเท่านั้นกระมัง?”“มิต้องพูดถึงเรื่องไกลตัว เอาแค่เร
จู้เฉียงยังมามิถึง หลิงหว่านก็พบพานหลินระหว่างทางเสียก่อน เมื่อพานหลินเห็นหลิงหว่านก็เอ่ยขึ้นทันที “พี่หว่านเอ๋อร์ ฮูหยินหยางส่งคนมาตามหาฮูหยินอู่อีกสองคนแล้วเจ้าค่ะ!”ใจของหลิงหว่านไหววูบ กล่าวว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถิด!”หลิงหว่านเองก็มิได้รีบร้อนไปหาจู้เฉียง เพียงยืนรออยู่ที่เดิมครู่ต่อมา ชิงเสวียนที่ปลอมแปลงโฉมแล้ว ก็พบบุรุษผู้หนึ่งที่แต่งกายคล้ายบ่าวรับใช้เข้ามาบุรุษผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าชิงเสวียนหนึ่งศีรษะ ทั้งหน้าตาก็แสนธรรมดาสามัญชิงเสวียนเห็นหลิงหว่าน ก็แนะนำบุรุษข้างกายทันที “นี่หยางหนาน พี่ชายของรั่วหลาน!”“คุณหนูเจียง โปรดนำพวกเราไปพบฮูหยินอู่ด้วย!”หลิงหว่านรู้ว่าหยางหนานเองก็ปลอมตัวมาเช่นกัน จึงนำทางไปเบื้องหน้าโดยมิเอ่ยคำใดเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋เห็นหลิงหว่านพาคนกลับมาสองคนก็มิได้ประหลาดใจชิงเสวียนแนะนำหยางหนานให้หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนหยางหนานทำเช่นเดียวกับที่ชิงเสวียนทำก่อนหน้า เขาฉีกหน้ากากหนังมนุษย์ออกหยางหนานอายุราวยี่สิบปี อาจเป็นเพราะสายเลือดของฮูหยินหยางเข้มข้นยิ่งนัก หยางหนานจึงรูปงามสง่า คิ้วเข้มตาโต เครื่องหน้าหมดจดงดงามข้อแตกต่างเ
“ท่านคิดเห็นอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามเขาวันนี้เซียวหลินเทียนออกไปสืบมาทั้งวัน เขาจะต้องสงสัยเรื่องที่มามิชัดเจนในงบทางทหารของอ๋องซู่อยู่นานแล้วแน่นอน แล้วจะมิสืบได้อย่างไรเล่าเซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงขรึมไปว่า “งบทางทหารก้อนนี้ ทางราชสำนักไม่มีทางจัดสรรให้อ๋องซู่อย่างแน่นอน!”“หากพึ่งเพียงแค่งบประมาณของปากั๋วโจว ก็ไม่มีทางนำงบทางทหารมากมายถึงเพียงนั้นมาใช้ได้!”“อ๋องซู่คิดจะเลี้ยงดูกองกำลังจำนวนมากถึงเพียงนั้น ก็เว้นแต่เขาจะพบขุมทรัพย์แล้ว!”“หรือไม่ก็สังหารคนรวยไปช่วยเหลือคนจน!”หลิงหว่านฟังแล้วก็ชะงักค้างไป แล้วก็อดถามออกไปมิได้ว่า “สังหารคนรวยไปช่วยเหลือคนจน หรือว่าพวกเขาจะปล้นคนรวยในปากั๋วโจว?”“แต่จะว่าทำเช่นนี้ก็มิสมเหตุสมผลนัก ปากั๋วโจวเป็นเมืองที่หยางเฉิงเป็นคนดูแล หากมีคนรวยตายอยู่ในเขตของเขาอยู่บ่อย ๆ แล้วคนรวยเหล่านั้นจะยอมได้หรือ?”“คาดว่าคงจะหนีกันไปจนหมดตั้งนานแล้ว!”หลิงอวี๋หัวเราะแล้วเอ่ย “หว่านเอ๋อร์ แนวคิดของเจ้าเป็นความจริง เพียงแต่คับแคบไปเสียหน่อย!”“กระต่ายมิกินหญ้าใกล้รังฉันใด อ๋องซู่ก็มิอาจปล้นคนรวยในปากั๋วโจวได้ฉันนั้น เพราะว่าถิ่นฐานของเขาอยู่ที่นี่
หลิงอวี๋เปิดเผยเรื่องที่มีคนมาเฝ้าดูกับชิงเสวียนก็เพื่อหยั่งเชิงและชักให้นางเผยข้อมูลที่สำคัญกว่าออกมาใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าความสัมพันธ์ของครอบครัวฮูหยินหยางกับอ๋องซู่ว่าแน่นแฟ้นเพียงใดหากฮูหยินหยางรู้ว่าเจี่ยงชิงที่อยู่ข้างกายอ๋องซู่ลอบทำร้ายบุตรีของตน แล้วยอมทนกล้ำกลืนความโกรธนี้ไว้ เช่นนั้นหยางรั่วหลานก็คือคนที่ต้องเสียสละแม้ว่าหลิงอวี๋จะยินดีช่วยนาง แต่หยางรั่วหลานก็มิแน่ว่าจะรอดหากฮูหยินหยางยอมที่จะช่วยลูกสาว และมิเสียดายที่จะต้องกลายเป็นศัตรูกับอ๋องซู่ เช่นนั้นพวกหลิงอวี๋ก็สามารถช่วยได้!เวลาค่อย ๆ ผ่านไปจนถึงเวลาอาหารกลางวัน ลู่ปินก็เข้ามารายงานว่าตระกูลหยางไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยและคนที่แอบเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ยังมิล่าถอยไปด้วยเช่นกันหลิงหว่านฟังแล้วก็ค่อนข้างผิดหวัง จึงเอ่ยกับหลิงอวี๋ว่า “พี่หญิงหลิงหลิง ข้ามิเชื่อเลยจริง ๆ ว่าฮูหยินหยางจะมิสนใจความเป็นความตายของหยางรั่วหลานได้เช่นนี้!”“นางยังเป็นแม่ของหยางรั่วหลานอยู่นะ มีแม่ที่รู้ว่าลูกสาวตัวเองถูกคนอื่นทำร้ายแล้วยังนิ่งเงียบเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ใจเย็น ๆ ก่อน หยางรั่วหลานยังมิต







