น้ำขิง ชลนิภา ไอยภา อายุ 23 ปี อยู่กับแม่เลี้ยงที่ติดหนี้ติดพนันทุกอย่าง เธอทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงครอบครัวมีดีมีไม่ดีบ้าง แต่ทุกอย่างล้วนเพื่อปากท้องทั้งนั้น…แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเธอได้พลัดตกน้ำเสียชีวิต แต่โชคดีชะตาเล่นตลกเหมือนเล่นเกมส์ พาเธอมายังโลกอีกโลกและเจอกับเธออีกคนที่อยู่ในโลกคู่ขนานนี้ น้ำขิง:"แล้วหนูจะได้ไปสวรรค์หรือนรกล่ะท่านลุง" ผู้นำดวงวิญญาณ:"คิดว่าที่ผ่านมาเจ้าใช้ชีวิตมาแบบไหนล่ะ ตกปลาในเขตวัด หรือเล่นไพ่ในงานศพกัน" น้ำขิง:"เอ่อ เรื่องนั้นหนูว่าเราสามารถประนีประนอมกันได้นะ เรื่องดี ๆ หนูก็ดีเช่นทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หนูทำงานร้านอาหาร ทำงานเป็นเด็กเข็นผักในตลาด อาชีพที่ทำก็สุจริตทั้งนั้น" ผู้นำดวงวิญญาณ:"ชีวิตเจ้านั้นน่าสงสารเจ้าใช้ชีวิตใหม่ที่เจ้าจะได้รับให้คุ้มค่า" น้ำขิง:"ชีวิตใหม่หรือจะให้หนูตายแล้วฟื้นเหรอคะ" ผู้นำดวงวิญญาณ:"เจ้านั้นตายแล้ว แต่เจ้าในอีกภพหนึ่งยังไม่ตายข้าจะพาเจ้าไปดู"
View Moreหมู่บ้านซานซานเป็นหมู่บ้านขนาดกลาง ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ในหมู่บ้านจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือมีผัวเดียวเมียเดียว หากผัวตายเมียตายและเป็นหม้ายก็ไม่ผิดที่จะมีผัวหรือเมียใหม่ได้ไม่ผิด ยังไม่เคยมีครอบครัวใดที่แต่งเมียเข้าบ้านพร้อมกันคนสองคนเพราะจะเป็นการประจานครอบครัวตนเองและเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ไม่มีใครอยากตกเป็นของขี้ปากคนอื่นที่พูดคุยในวงสนทนายามพักเที่ยงนั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องชาวบ้านที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่ไม่ใช่กับครอบครัวซุนที่ตกเป็นจำเลยในวงสนทนาอยู่
ตระกูลซุน
ซุนกวางหวาที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่บัดนี้ร่างกายของเขาเริ่มเสื่อมสภาพลงไปทุกทื่ เพราะความที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก "จ่างลี่เจ้าจะมารับพี่ใช่หรือไม่"ซุนกวางหวานอนเพ้อถึงซุนจ่างลี่ที่เป็นภรรยาคนแรกที่เสียไปได้นานหลายปีแล้ว แต่ในใจไม่เคยลืมนางได้เลย
"คนมันตายไปแล้วพี่จะเพ้อถึงมันอีกทำไม"ซุนอีเหยียนนางแต่งเข้าตระกูลซุนมาเป็นภรรยารองต่อจากนางจ่างลี่ที่ตายไป นางเองไม่ได้มีทางเลือกมากนักเพราะนางเองเป็นสตรีผ่านการแต่งงานมาแล้วแต่ก็หย่าร้างกับสามีไป แถมนางยังมีลูกกับสามีเก่าติดมาอีก ที่บ้านไม่ได้ให้ความสำคัญกับนางเท่าไหร่การแต่งงานออกเรือนคือสิ่งที่นางต้องการมากที่สุด
เพราะจะได้ไม่ต้องอดทนอยู่บ้านที่ทำเหมือนนางเป็นขี้ข้าค่อยรับใช้คนในครอบครัว แต่ท่านแม่ก็จะคอยบอกว่ามันคือหน้าที่ของสตรีซึ่งเป็นสิ่งที่นางเกลียดที่สุด
"พี่กวางหวา พี่มันไม่ได้เรื่อง!!"ซุนอีเหยียนไม่ชอบซุนจ่างลี่ถึงจะไม่เคยเห็นน่าค่าตากันมาก่อน แต่ชื่อเสียงของซุนจ่างลี่ไม่เคยจางไปจากใบหูของนางเลย ซุนกวางหวามักจะเพ้อละเมอพูดเพ้อฝันถึงซุนจ่างลี่อยู่บ่อย ๆ เห็นจะมากอยู่ในตอนนี้ที่กำลังป่วยหนักอยู่ เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้และนางเองก็รักษาตามมีตามเกิดไม่ได้มีเงินมากมายขนาดที่จะไปหาหมอดี ๆ ในเมืองหลวงขนาดหมอในหมู่บ้านก็หลายอีแปะอยู่
ซุนกวางหวาเหมือนได้ยินเสียงซุนอีเหยียนอยู่ใกล้ ๆ แต่เขาไม่สามารถที่จะลืมตาตื่นได้จริง ๆ ร่างกายที่หนักอึ้งขยับตัวไม่ได้ปวดร้าวไปหมดทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ เท่านั้น
"ท่านแม่เล็กข้าทำข้าวต้มกุ๊ยมาให้ท่านพ่อเจ้าคะ"ซุนจือหลินในวัย 18 ปี จะเข้า 19 แต่ยังไม่ได้ออกเรือน เหมือนหญิงสาวในหมู่บ้านอายุ 15 ก็พากันออกเรือนแล้ว แต่ซุนจือหลินนางต่างออกไปนางเป็นห่วงทุกคนในครอบครัวตอนนี้ท่านพ่อก็ล้มป่วยหนัก ท่านแม่เล็กเองก็ต้องดูแลท่านพ่อเงินในบ้านก็เริ่มจะหมดลงเรื่อย ๆ
"มีแต่ข้าวต้มกุ๊ยหรือเจ้าทำได้แค่นี้เองหรือซุนจือหลิน"ซุนอีเหยียนถึงจะไม่ได้ชอบซุนจ่างลี่ แต่นางไม่ได้โกรธเกลียดซุนจือหลินที่เป็นลูกของซุนจ่างลี่ ซุนจือหลินนางแตกต่างจากเด็กทั่วไปทำให้นางเองมองเด็กคนนี้ต่างออกไปในทางที่ดีขึ้น แต่จะมาดีกว่าลูกสาวของนางได้อย่างไร แต่นางเองก็ไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายทำร้ายตบตีลูกเลี้ยง เพียงแต่นางขี้เกียจทำงานบ้านก็เท่านั้นเองหน้าที่นี้จึงตกเป็นของซุนจือหลิน
"ช่างมันไปเตรียมยามาให้ท่านพ่อเจ้าด้วย"
"เจ้าค่ะแม่เล็ก"ซุนจือหลินมองท่านพ่อของตนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ทำนางอ่อนใจ ที่บ้านไม่ค่อยมีเงินท่านพ่อป่วยมาจะเข้า 2 เดือน แล้วเงินเก็บที่บ้านแม่เล็กก็เอาออกมาใช้ ๆ จ่ายในบ้านในทุก ๆ วันก็ต้องมีวันหมดเป็นธรรมดา แต่จะหมดมากหน่อยช่วงที่ซุนเพ่ยหนิงยามที่นางออกเรือนไปแล้ว เพราะต้องมีเงินให้นางได้ติดตัวไปบ้างจะได้ไม่น้อยหน้าฝ่ายสามีแม่เล็กบอกแบบนั้น
ตั้งแต่ที่ซุนเพ่ยหนิงแต่งออกไปก็เกือบจะ 1 ปี เต็มนางยังไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลยและก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวมาที่บ้านแม่เล็กบอกเพียงนางสบายดีเท่านั้น ถึงนางจะไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกันซุนเพ่ยหนิงเป็นลูกของท่านแม่เล็กท่านพ่อกับท่านแม่เล็กไม่ได้มีลูกด้วยกันอยู่กันฉันสามีภรรยา ถึงท่านแม่เล็กจะขี้เกียจทำงานแต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรือเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายอะไรขนาดนั้น
แม่เล็กก็มีมุมที่ดีอยู่เยอะเพียงเป็นคนพูดเก่งและเสียงดังเลยอาจดูจะน่ากลัวไปหน่อย อีกอย่างตอนนาง 3 ขวบ แม่เล็กก็เป็นคนที่ช่วยท่านพ่อดูแลพร้อมกับเลี้ยงซุนเพ่ยหนิงไปด้วยนางกับซุนเพ่ยหนิงห่างกัน 3 ปี นิสัยซุนเพ่ยหนิงก็ออกคล้าย ๆ ท่านแม่เล็กเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะต้องเป็นที่หนึ่ง และชอบความสบายย แต่เป็นคนเข้มแข็งความสัมพันธ์ของเราสองพี่น้องก็มีทั้งดีและไม่ดีตามประสาพี่น้องทั่วไป
"ยาได้แล้วเจ้าค่ะท่านแม่เล็ก"
"เจ้าออกไปรอข้างนอกข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"ซุนอีเหยียนเองก็ลำบากใจที่จะพูด เมื่อหลายวันก่อนบ้านมู่มาพูดคุยเรื่องสัญญาของซุนกวางหวากับบ้านมู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นางนั้นไม่เคยรู้มาก่อนน่าจะเป็นช่วงที่ซุนจ่างลี่ยังมีชีวิตอยู่สัญญาของสองครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดยากในสถานการณ์ในตอนนี้
ดูก็รู้ว่าบ้านมู่พยายามจะสลัดลูกชายคนที่สามทิ้งเพราะไม่มีประโยชน์ เห็นว่าไปเป็นทหารในช่วงสงครามนานหลายปี แต่ได้ข่าวมาว่าบาดเจ็บสาหัสเลยต้องกลับบ้านเห็นชาวบ้านพูดคุยกันว่าคงจะพิการทางหน่วยที่มู่ซงหยวนสังกัดอยู่ส่งจดหมายมาหาบ้านมู่
เคยได้ยินแต่ขายลูกกิน ซึ่งเป็นแม่ของฝ่ายหญิงเสียมากกว่า ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะเจอกับตัวนังมู่น่าหลิงกำลังขายลูกชายตัวเองที่กำลังจะพิการนังสารเลวนี่มันร้ายจริง ๆ
"อีเหยียน…"
"น้องรู้เจ้าค่ะเดี๋ยวจะออกไปคุยกับจือหลินอายุนางก็สมควรที่จะออกเรือนได้ตั้งนานแล้ว"
"พี่ไม่คิดว่าบ้านมู่จะมาทวงสัญญา"ซุนกวางหวาคิดว่าบ้านมู่คงจะลืมไปแล้ว เพราะบ้านมู่ มีลูกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตกับคนรองก็แต่งงานแล้ว เหลือคนที่สามมู่ซงหยวนที่ไปเป็นทหารหลายปีแล้ว
"น้องว่านังมู่น่าหลิงนั่นจะขายลูกชายกินต่างหากท่านพี่ไม่ทันคนบ้านนั้น"
"พูดจาเหลวไหลอีเหยียนบ้านมู่มาทวงสัญญาก็ถูกแล้ว"
"พี่กวางหวาจะว่าถูกก็ถูก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ควรหรือพี่ มู่ซงหยวนบาดแผลอาจจะพิการบ้านมู่เลยให้รีบแต่งจะได้ผลักภาระการดูแลมาให้บ้านเรามากกว่า"
ซุนกวางหวาคิดตามที่ซุนอีเหยียนพูดก็ถูก แต่จะให้ปฏิเสธไปก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะสัญญาที่ให้กันสองครอบครัวถือว่าเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แสดงความซื่อสัตย์
"น้องรู้พี่เองก็ลำบากใจ จะปฏิเสธไปก็ทำไม่ได้อีก"ซุนอีเหยียนเองก็ไม่อยากให้ซุนจือหลินแต่งกับคนบ้านมู่ โดยรู้ทั่วกันว่าบ้านมู่นั้นมีเงินเพราะลูกเป็นทหาร แต่ก็มู่น่าหลิงเป็นคนขี้งก และปากจัด นิสัยเสีย รักลูกไม่เท่ากันเป็นที่สุดเห็นได้จากงานแต่งงานของลูกชายคนโตกับคนรองที่ต่างกันจนน่าเห็นใจคนโตอย่างซุนฉวนที่เกิดมาเจอแม่เช่นนี้
เหมือนมู่น่าหลิงจะให้ความสำคัญกับมู่จื่อชิวที่เป็นบุตรคนรองและมู่จื่อเหมยที่เป็นน้องเล็กสุดของบ้าน วัน ๆ ไม่เห็นนางจะทำอะไรเลยแต่งตัวสวยคอยจับผู้ชายบ้านรวยไปวัน ๆ สงสารก็แต่คนโตกับคนที่สามอย่างมู่ซงหยวนได้เงินมาส่งให้ที่บ้านหมดไม่รู้ตนเองจะได้ใช้หรือไม่
น้ำขิงมองดูสภาพความเป็นอยู่โดยรอบทุกอย่างเป็นสิ่งแปลกตาไปหมด ทั้งสภาพบ้านและชุดที่สตรีตรงหน้าสวมใส่ทุกอย่างมันดูโบราณไปหมด"ภพนี้เป็นอดีตของโลกคู่ขนานแตกต่างจากภพที่เจ้าเกิดดวงวิญญาณของเจ้าไปเกิดผิดภพจึงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และเจ้าของร่างนี้ได้สิ้นบุญวาสนาแล้ว ก็อย่างที่ข้าเคยบอกเจ้าว่าเจ้าคือนางและนางก็คือเจ้าทุกอย่างตามที่สวรรค์ลิขิต""ทะลุมิติแบบในนิยายที่หนูเคยอ่านก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น…อย่างนี้ถ้าหากหนูอยู่ในร่างของเธอเลือกทางที่มีชีวิตรอดอยู่ต่อ หนูจะมีมิติวิเศษหรือเปล่าคะ"ในนิยายที่เคยอ่านทุกคนต่างมีมิติต่างร่ำรวยกันทั้งนั้น เจอเห็ด เจอโสมกัน"ไม่มีมิติอะไรของเจ้ากันของแบบนั้นให้ไม่ได้ มนุษย์ช่างโลภมากเสียจริง""อ่าว ลุงแล้วแบบนี้หนูจะใช้ชีวิตยังไงต่างโลกแบบสุดขั้วแบบนี้""ไม่มีมิติ แต่มีภารกิจให้เจ้าทำแลกกับการอยู่รอด ซึ่งเจ้าปฏิเสธไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่เจ้าจะต้องชดใช้ที่หนีไปเกิดที่ภพอื่น จนทำให้ข้านั้นปวดหัวต้องทำงานหนักที่จะไปนำดวงวิญญาณของเจ้ามายังภพนี้ได้"ทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลาและไม่สามารถที่จะทำตามใจตัวเองได้เลย เพราะมนุษย์ล้วนมีบุญและกรรมที่ติดตัวมากต่างกัน เวลาที่เหมาะ
ซุนอีเหยียนวิ่งสุดชีวิตให้มาถึงบ้านท่านหมอชาวบ้านให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ซุนจือหลินจะเป็นเช่นไรบ้างนางโดนงูกัดตัวใหญ่ขนาดนั้นพิษน่าจะแรงด้วย ในใจภาวนาขอให้นางนั้นรอดด้วยเถิดบ้านท่านหมอฉี้(หมอชาวบ้าน)"ท่านหมอฉี้อยู่หรือไม่ข้าซุนอีเหยียนเจ้าค่ะ""อยู่ ๆ มีเรื่องอันใดล่ะวิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างนี้""ท่านหมอจือหลินโดนงูกัดเจ้าค่ะช่วยไปดูนางหน่อยเถอะเจ้าค่ะอาการนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่""ไป ๆ รีบไปช้าไม่ได้"หมอฉี้รับปากไปทั้งที่ไม่รู้ว่าจะรักษาได้หรือไม่เพราะงูนั้นหากมีพิษทางรอดนั้นก็จะมีน้อยลงหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้เมื่อมาถึงบ้านซุนมีชาวบ้านมากมายมายืนอยู่ที่หน้าบ้านซุนและพูดคุยเรื่องที่ซุนกวางหวานั้นเสีย ซึ่งยังไม่ได้เป็นข่าวที่จริงหรือออกมาจากปากของซุนอีเหยียน แต่เป็นการตีความกันไปเอง"ท่านหมอฉี้มาแล้ว"ชาวบ้านต่างแหวกทางให้ท่านหมอได้เข้าไปด้านในบ้านชาวบ้านต่างถามไถ่ซุนอีเหยียนแต่นางนั้นไม่ได้ตอบคำถามใครเลยสักคนแถมปิดประตูบ้านเงียบหมอฉี้ที่เห็นบาดแผลของซุนจือหลินก็มองหาทางรอดของนางนั้นยากมาก เพราะงูที่กัดนางนั้นที่พิษ "งูมีพิษเช่นนี้ข้าขอไม่รับปากว่านางจะรอดเพราะโอกาสของนางช่างน้อยนัก""ท่า
ซุนอีเหยียนชั่งใจอยู่เล็กน้อยยามซุนกวางหวานั้นจริงจังเขามักจะใช้น้ำเสียงเข้มและหนักในเนื้อเสียงเช่นในตอนนี้ จะให้บอกความจริงในใจไปได้อย่างไรนางเองก็กลัวสามีอยู่ไม่น้อยถึงจะปากร้ายก็ตาม"จะบอกพี่ได้หรือไม่"ซุนกวางหวานั้นหงุดหงิดตัวเองในตอนนี้ที่ทำอะไรไม่ได้มากขยับตัวมากก็ไม่ได้มันจะปวดร้าวไปทั่วร่างกาย แต่พอได้กินยาต้มก็รู้สึกว่าดีขึ้น แต่เพียงไม่นานเท่าไหร่ก็จะกลับมาเป็นเช่นเดิม"พี่น้องเองก็…กลัว""น้องกลัวสิ่งใดกัน…พี่หรือ"หรือเพราะเมื่อกี้นี้เขาเผลอใช้น้ำเสียงเข้มใส่ซุนอีเหยียนนางเลยกลัวและไม่กล้าที่จะเอ่ยพูดสิ่งที่นางอัดอั้นอยู่ในใจ"…""ขอโทษที่ใช้น้ำเสียงเช่นนั้นกับน้อง แต่พี่อยากให้น้องพูดหากน้องรู้สึกไม่ดีอะไรเพราะน้องไม่ใช่คนอื่นคนไกลน้องเป็นภรรยาของพี่เป็นท่านแม่ของซุนจือหลินกับซุนเพ่ยหนิง""ท่านพี่เราแต่งงานกันมาหลายปีแล้วลูกโตกันหมดแล้วเพ่ยหนิงก็แต่งงานออกไปแล้ว จือหลินก็กำลังจะแต่งงานออกไปใช้ชีวิตครอบครัว แต่ที่ผ่านมาน้องไม่รู้ว่าท่านพี่คิดกับน้องเช่นไร เราสองคนไม่มีลูกด้วยกันด้วยซ้ำท่านพี่เองก็ยังไม่ได้ลืมนาง…ท่านแม่ของซุนจือหลินน่ะเจ้าคะ""เรื่องนี้เองหรือที่ทำให้น้องคิ
ซุนอีเหยียนพูดคุยและถามไถ่สิ่งที่มู่ซงหยวนจะได้จากบ้านมู่ถึงจะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะถามก็ตาม แต่เพราะหลังจากแต่งงานแล้วมู่ซงหยวนก็ต้องแยกออกมาอยู่ข้างนอกเอง เพราะฟังจากที่พี่มู่ต๋าและมู่ฉวนพูดแล้วความเป็นไปได้สูงมาก"ก็อย่างที่ข้าถามออกไปถึงจะไม่สมควร แต่ก็เพื่อความสบายใจของบ้านซุนว่าซุนจือหลินจะไม่ต้องไปเริ่มชีวิตครอบครัวที่ลำบาก ไม่ใช่ว่าแต่งงานเสร็จต่อหาเลี้ยงสามี ต้องหาที่หลับที่นอน ที่อาศัย""เรื่องนั้นทางข้าเองไม่ได้จะใจดำกับลูกชายของตนเอง หลังจากแต่งกันแล้วก็คงต้องแยกบ้านข้ากับมู่น่าหลิงได้พูดคุยกันแล้วว่าจะให้เงินมู่ซงหยวน 100 อีแปะ กับที่ดินอีกสองหมู่"มู่ต๋าเองก็ละอายใจเพราะรู้ว่ามันเป็นจำนวนที่น้อยมากหากเทียบกับตอนที่มู่จื่อชิวกับมู่ฉวนได้แต่งงาน "ฮ่า ๆ พี่มู่ต๋าข้าเองไม่ได้ติดใจอะไรกับสิ่งที่มู่ซงหยวนได้ติดตัวมาหลอกนะ เพราะฐานะทางบ้านข้านั้นยากจน แต่น่าแปลกที่มู่ซงหยวนไปเป็นทหารส่งเงินมาที่บ้านตั้งเท่าไหร่ แต่กับมีที่ดินสองหมู่ กับเงินเพียงหยิบมือติดตัวยามเขากำลังทุกข์ยากเช่นนี้ นังมู่น่าหลิงมันใจร้ายเกินคนแล้วลูกในไส้แท้ ๆ ทำเหมือนไม่ใช่ลูกตัวเองคิดจะทิ้งจะขว้างยังไงก็
ซุนอีเหยียนที่ป้อนยาและพูดคุยเรื่องสัญญาของทั้งสองครอบครัวก็เป็นอย่างที่นางว่า สัญญาน่าจะเป็นโมฆะไปหากมู่ซงหยวนแต่งงานกับสตรีใดสักคนที่ไม่ใช่ซุนจือหลิน แต่เพราะร่างกายของมู่ซงหยวเห็นทีว่าจะหาสตรีที่มาแต่งด้วยได้ยาก บ้านมู่เลยใช้สัญญาที่ทั้งสองครอบครัวให้กันไว้มาบีบบังคับซุนกวางหวาในสัญญาไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นใครที่แต่ง แต่เพราะว่าซุนกวางหวามีซุนจือหลินเป็นบุตรสาวคนเดียวที่ยังไม่ได้ออกเรือน และบ้านมู่ก็เหลือมู่ซงหยวนคนเดียวที่เป็นลูกชายที่ยังไม่ออกเรือนเช่นกัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นสองคนนี้เพราะว่าก็ไม่มีใครแล้วที่จะให้มาแต่งกัน"ท่านแม่เล็ก…ข้า"ซุนจือหลินรู้ว่าท่านแม่เล็กจะพูดเรื่องอะไร นางแอบได้ยินที่ท่านพ่อกับท่านแม่เล็กพูดคุยกันเรื่องการแต่งงานของนางกับคนบ้านมู่ที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน"รู้แล้วหรือว่าข้าจะพูดสิ่งใด""เจ้าค่ะ""ซุนจือหลินฟังข้าให้ดีนะ มันเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธออกไปสัญญาของผู้ใหญ่แต่ลำบากเด็ก ข้าเองก็ลำบากใจที่จะพูดมู่ซงหยวนคนที่จะมาเป็นสามีของเจ้า เขาไปเป็นทหารช่วงสงครามนานหลายปี แต่มีข่าวว่าเขาบาดเจ็บสาหัสจึงถูกส่งตัวกลับบ้านและคงจะพิการซุนจือหลินที่ยังไม่
หมู่บ้านซานซานเป็นหมู่บ้านขนาดกลาง ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ในหมู่บ้านจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือมีผัวเดียวเมียเดียว หากผัวตายเมียตายและเป็นหม้ายก็ไม่ผิดที่จะมีผัวหรือเมียใหม่ได้ไม่ผิด ยังไม่เคยมีครอบครัวใดที่แต่งเมียเข้าบ้านพร้อมกันคนสองคนเพราะจะเป็นการประจานครอบครัวตนเองและเป็นขี้ปากชาวบ้านไม่มีใครอยากตกเป็นของขี้ปากคนอื่นที่พูดคุยในวงสนทนายามพักเที่ยงนั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องชาวบ้านที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่ไม่ใช่กับครอบครัวซุนที่ตกเป็นจำเลยในวงสนทนาอยู่ตระกูลซุนซุนกวางหวาที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่บัดนี้ร่างกายของเขาเริ่มเสื่อมสภาพลงไปทุกทื่ เพราะความที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก "จ่างลี่เจ้าจะมารับพี่ใช่หรือไม่"ซุนกวางหวานอนเพ้อถึงซุนจ่างลี่ที่เป็นภรรยาคนแรกที่เสียไปได้นานหลายปีแล้ว แต่ในใจไม่เคยลืมนางได้เลย"คนมันตายไปแล้วพี่จะเพ้อถึงมันอีกทำไม"ซุนอีเหยียนนางแต่งเข้าตระกูลซุนมาเป็นภรรยารองต่อจากนางจ่างลี่ที่ตายไป นางเองไม่ได้มีทางเลือกมากนักเพราะนางเองเป็นสตรีผ่านการแต่งงานมาแล้วแต่ก็หย่าร้างกับสามีไป แถมนางยังมีลูกกับสามีเก่าติดมาอีก ที่บ้านไม่ได้ให้ความสำคัญกับนางเท่าไหร่การแต่งงานออกเรือนคือสิ่ง
Comments