“โรคฝีดาษ?”องค์ชายเย่ตกใจ จูหลานยิ่งหวาดกลัวจนแทบจะล้มลงไปกับพื้นเลยนี่มันโรคร้ายแรงถึงชีวิต!“ท่าน… ท่านพี่สะใภ้สี่ อย่าทำให้ข้ากลัว! มันจะเป็นโรคฝีดาษได้เยี่ยงไร?”“เสี่ยวเป่าไม่มีการติดต่อกับบุคคลภายนอก ทุก ๆ วันก็มิเคยออกจากบ้าน จะติดเชื้อโรคฝีดาษได้เยี่ยงไร!”หลิงอวี้ก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน จึงเอ่ย “อย่าเพิ่งกังวล รอข้าตรวจเสี่ยวเป่าก่อนค่อยว่ากัน!”หลิงอวี๋รู้สึกว่าการหายใจของเสี่ยวเป่าอ่อนแรง จึงใช้ไม้กดลิ้นตรวจเสี่ยวเป่า ที่คอของเขาบวมและมีหนองสองจุดอยู่ในนั้นแค่กินยามิได้ผลหรอก!หลิงอวี๋ถือโอกาสล้างมือ และไปหยิบขวดยาออกจากมิติ“จูหลาน อาการของลูกชายเจ้าแย่มาก ข้าต้องฉีดยาเขา!”หลิงอวี๋แสดงขวดยาให้จูหลานดู เพื่อที่จูหลานจะได้ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในภายหลัง“แน่นอนว่าจะกินยาก็ได้ แต่ผลที่ได้มิดีเท่ากับการฉีดยา!”องค์ชายเย่มองขวดแปลก ๆ ของหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยอย่างมิสบายใจ “แค่กินยาเถิด! เจ้าเขียนตำรับยาแล้วข้าจะให้คนไปเอายามาเอง!”“ท่านพี่สะใภ้สี่ การกินยาจะทำให้อาการของเสี่ยวเป่าแย่ลงหรือไม่?”แม่ลูกอยู่ใกล้ชิดกัน จูหลานก็ทนมิได้ที่จะเห็นลูกชายของนางต้องทนทุกข์ทรมานเช่นน
ใบหน้าของจูหลานแดงมาก หลิงอวี๋พูดเปิดเผยขึ้นมา ก็ทำให้นางรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งหลิงอวี๋พูดถูก เซียวหลินมู่มิอยากเป็นหนี้หลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคราวนี้เมื่อเสี่ยวเป่าล้มป่วย เซียวหลินมู่จึงปฏิเสธที่จะไปเชิญหลิงอวี๋หากอาการเมื่อครู่ของเสี่ยวเป่ามิอันตรายเกินไป จนจูหลานบังคับเขาไป เขาก็คงมิยอมไปเชิญหลิงอวี๋“ท่านพี่สะใภ้สี่... ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้นจริง ๆ! ท่านช่วยข้า ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้ากับเสี่ยวเป่า ข้ามิเคยคิดที่จะกลายเป็นศัตรูของท่าน!”“ก็แค่… ข้า ข้ามิสามารถโน้มน้าวเขาได้!”จูหลานหลั่งน้ำตาด้วยความอับอาย “เขามิเคยสนใจตำแหน่งนั้นมาก่อน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้ามิรู้ว่าใครเป็นคนยุยงเขา เขา... เขาเพิ่งเริ่มคิดถึงมัน!”“ข้าขอโทษ ท่านพี่สะใภ้สี่... ข้ามิอยากให้เขาแข่งขันกับท่านอ๋องอี้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งนั้นจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกครอบงำ มีเพียงแค่เขาต้องชนะอันดับหนึ่งในการแข่งขันทางทหารสี่แคว้นเท่านั้ัน เสด็จพ่อจึงจะมองเขาต่างจากเดิม!”หลิงอวี๋มิรู้สึกโกรธเมื่อเห็นว่าจูหลานเปิดเผยความคิดทั้งหมดของเซียวหลินมู่ เมื่อเทียบกับพระชายาเว่ยกับพระชายาคังแล้ว จูหลานคนนี้ไร
เสี่ยวเป่ายังเด็กอยู่ เป็นเรื่องยากสำหรับหลิงอวี๋ที่จะไปจนกว่าอาการของเขาจะคงที่นางเดินออกไปให้เซียวหลินเทียนกลับไปก่อน ตนจะพักอยู่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ชั่วคราวหนึ่งคืนเซียวหลินเทียนรู้สึกได้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงท่าทีขององค์ชายเย่ที่มีต่อเขา เขาดึงหลิงอวี๋อย่างเป็นกังวลแล้วเอ่ย “อาอวี๋ เจ้าอยู่ที่นี่จะมิเป็นไรหรือ?”หลิงอวี๋เข้าใจความกังวลของเซียวหลินเทียนทันที จึงบีบมือแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา! หม่อมฉันจะดูแลตัวเอง!”“เมื่ออาการของเสี่ยวเป่าคงที่แล้ว หม่อมฉันจะกลับไปในวันพรุ่ง! ให้หลิงซวนดูแลเฮยจื่อให้ดี!”“โรคนี้ฟังดูน่ากลัว แต่ตราบใดที่ใส่ใจกับการฆ่าเชื้อและข้อควรระวัง ก็จะมิติดเชื้อในบ้าน!”“อืม ข้าจะจัดการให้!”เซียวหลินเทียนจับมือหลิงอวี๋อย่างแน่นก่อนจะพาคนกลับตำหนัก“พี่สะใภ้สี่ คืนนี้ท่านคงจะเหนื่อยแล้ว!”องค์ชายเย่เอ่ยอย่างสุภาพสองสามคำแล้วกลับไปที่ห้องของเขาหลิงอวี๋อยู่กับจูหลานคอยเฝ้าเสี่ยวเป่า เมื่อมีระยะห่างแล้ว หลิงอวี๋ก็มิได้พูดกับจูหลานมากนักเมื่อเห็นว่าเสี่ยวเป่าเหงื่อออกมาก นางจึงเอ่ย “เอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เขาเปลี่ยนเถิด! ซักเสื้อผ้าที่เปลี่ยน ต้มใ
หลิงอวี๋รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่จูหลานเอ่ยจูหลานดูไร้เดียงสา แต่นางก็มีสติ!“ท่านพี่สะใภ้สี่ ท่านคิดว่าข้าโตแล้วใช่หรือไม่?”จูหลานยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับท่านมามากแล้ว ข้าได้ยินมาว่าท่านเกือบจะถูกท่านอ๋องอี้ทุบตีจนตาย แต่ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา!”“ข้าก็เหมือนกัน ความตายอยู่ใกล้ข้ามากเมื่อตอนที่ข้าให้กำเนิดลูก!”“ข้ามักจะคิดว่าหากข้ามิโชคดีพอที่ได้พบท่าน หลุมศพของข้าคงเต็มไปด้วยวัชพืช! เมื่อเทียบกับความตาย ความรุ่งโรจน์กับความมั่งคั่ง ในใต้หล้านี้เป็นเพียงเมฆที่หายวับไปได้เท่านั้น!”“เซียวหลินมู่มิเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน หลังจากได้รับกำลังใจจากคนอื่น เขาลืมไปเลยว่าตัวเขาเองมีความสามารถแค่ไหน!”จูหลานส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ท่านอ๋องอี้มีพลังมากกว่าเขามาก ตอนที่ท่านถูกใส่ร้าย เขาเจอกับกองทัพหลวงก็ยังทำอะไรมิถูก!”“เซียวหลินมู่มิเคยคิดเลยว่าตอนที่เขาถูกศัตรูรายล้อม หากมิได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องที่เสียชีวิตไป ใครจะช่วยเขา!”หลิงอวี๋เงียบไป นางเข้าใจได้ว่าจูหลานแสดงความปรารถนาดีต่อนาง มิว่าจะเป็นเพื่อเซียวหลินมู่หรือเพื่อตัวนางเอง หลิงอวี๋ก็ยอมรับในความปรารถนาดีของ
หลิงอวี๋ให้น้ำเกลืออีกชุดหนึ่งกับเสี่ยวเปาแล้วเอ่ยกับจูหลาน“อาการของเสี่ยวเป่าให้น้ำเกลือสามวันก็มิเป็นอะไรมากแล้ว! ข้าจะให้สุ่ยหลิงเฝ้าเขาในวันนี้แล้ววันพรุ่งข้าจะมาตรวจอาการ!”จูหลานได้เห็นแล้วว่าเสี่ยวเป่าดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยขอบคุณ “เจ้าค่ะ ท่านพี่สะใภ้สี่ ขอบคุณท่านแล้ว! ท่านกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะส่งรถม้าไปรับในวันพรุ่ง!”“อืม!”หลิงอวี๋ต้องกลับไปดูเฮยจื่อ จึงให้สุ่ยหลิงอยู่ที่นี่แล้วบอกลาจูหลานจัดรถม้าไปส่งหลิงอวี๋กลับรถม้ามาถึงตำหนักอ๋องอี้ ก่อนที่หลิงอวี๋จะลงจากรถ นางก็เห็นมู่หรงชิ่งยืนอยู่ที่ประตูตำหนักอ๋องอี้พร้อมกับนางรับใช้“องค์หญิงชิ่ง? มีอะไรหรือ?”หลิงอวี๋ทักทายทันทีที่ลงจากรถ“อื้ม ข้ามาที่นี่เพื่อถามเจ้าว่า เจ้าได้รับคำเชิญขององค์หญิงตานรั่วหรือไม่?”หลิงอวี๋ส่ายหัว “เมื่อคืนข้ามิได้อยู่บ้าน ข้าไปตรวจรักษา มิรู้ว่าพระนางส่งคำเชิญมาให้ข้าหรือไม่!”“องค์หญิงตานรั่วบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดของนางแล้ว นางอยากจะใช้โอกาสนี้ติดต่อกับทุกคน!”มู่หรงชิ่งขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ข้าได้ยินมาว่านางเชิญคุณหนูร่ำรวยหลายคนจากเมืองหลวงของเจ้า! มีองค์หญิงหกด้วย! ข้าจึงมาถามเ
ทันทีที่มู่หรงชิ่งเดินจากไป หลิงอวี๋ก็ให้เถาจื่อไปเรียกลู่หนานมาทันที“ลู่หนาน ช่วยไปตรวจดูให้ข้าทีว่า องค์หญิงตานรั่วเชิญคุณหนูคนใดบ้าง มีกี่คนที่เก่งด้านวรยุทธ และมีกี่คนที่เตะลูกกลมได้!”ลู่หนานตะลึงไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “พระชายา ท่านจะทำสิ่งใดหรือขอรับ?”“ข้าอยากรู้อะไรบางอย่างเสียก่อน! องค์หญิงตานรั่วผู้นี้ดูเหมือนว่าจะมาเยือนพร้อมเจตนามิดี!”หลิงอวี๋มิเชื่อว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วแค่อยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดเท่านั้น ดังนั้นเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก็มิเสียหายอะไรลู่หนานพยักหน้าแล้วออกไปหาคนสอบถามหลังจากนั้น ลู่หนานก็ส่งข่าวมาว่า ในบรรดาคุณหนูที่ได้รับเชิญจากเซี่ยโฮ่วตานรั่วนั้น มีคนที่กำลังฝึกวรยุทธน้อยมาก มีอยู่เพียงแค่สามสี่คนเท่านั้น ซึ่งเจียงอวี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยในรายชื่อมีหลิงเยี่ยน อันซิน หลิงหว่าน อวี๋หลาน เจิงจื่ออวี้ และฉินรั่วซืออยู่ในนั้นด้วยส่วนแขกผู้สูงศักดิ์ที่สุดก็คือ ไทเฮา จักรพรรดิอู่อัน ฮองเฮาเว่ยและพระชายาเส้าหลิงอวี๋มองที่รายชื่อแล้วจมอยู่ในความครุ่นคิด เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้ได้เชิญลูกหลานผู้มีอำนาจในเมืองหลวงมาเกือบทั้งหมดเลย เห็นได้ชัดว่ามี
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปเลือกของกำนัลเป็นเพื่อนมู่หรงชิ่ง จากนั้นก็ไปดูเสี่ยวเป่าที่ตำหนักองค์ชายเย่ เมื่อกลับมาก็ลากพวกเถาจื่อกับสุ่ยหลิงไปฝึกเตะลูกกลมกันที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเห็นดังนั้นก็วิ่งมาฝึกด้วย เด็กชายตัวน้อยกับพี่น้องฉีเต๋อวิ่งกันไปทั่ว เล่นกันอย่างมีความสุขมากทีเดียวในสมัยใหม่หลิงอวี๋เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน แต่มิได้คุ้นเคยกับการเตะลูกกลมเช่นนี้มากนัก หลังจากฝึกซ้อมมาตลอดช่วงบ่าย ขาของนางก็เจ็บแปลบไปหมด นางอิจฉาหลิงเยวี่ยที่ยังเด็กก็เลยมีพลังเยอะมากคืนนี้หลิงอวี๋มิได้ไปที่เรือนริมวารี นางอาบน้ำร้อนแล้วเข้านอนก่อนกระทั่งในวันที่สาม ก็เป็นวันเกิดของเซี่ยโฮ่วตานรั่วแล้ว พวกของหลิงหว่าน เจียงอวี้และอันซินก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้แต่เช้าแล้วไปที่ภูเขาว่านโซ่วพร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง ข้าฝึกเตะลูกกลมแล้ว ไม่มีปัญหาในการทำคะแนน!”เจียงอวี้เอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างมีความสุขขณะที่นั่งอยู่บนรถม้าหลิงอวี๋เอ่ยชื่นชม “เช่นนั้นก็ดีเลย! หากวันนี้ตานรั่วมิเสนอการแข่งขัน เจ้าก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไป! แต่หากนางเสนอขึ้นมา เรามีเจ้าก็จะมิแพ้จนเสียหายเกินไป!”อันซินยิ้มพลางเอ่ย “ข้าก็ฝ
ขณะนี้หลิงอวี๋มีความคิดมากมายอยู่ในหัวแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะมีความหมายในการดูถูก แต่ก็หาข้อผิดพลาดอะไรมิได้เลยจริง ๆหากต้องหารนั่งเกี้ยวของพวกเขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของพวกเขาหากมิต้องการยอมรับชื่อว่าเป็นขยะ เช่นนั้นก็เดินขึ้นภูเขาด้วยตัวเอง พิสูจน์ให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าตนมิใช่ขยะ!ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนึกถึงชื่อเรียกที่ดูถูกคนในแผ่นดินแล้ว หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจออกมา มีเพียงแต่แคว้นต้องแข็งแกร่งเท่านั้นคนอื่นจึงจะมิกล้าดูถูก!เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล้าทำเช่นนี้ในวันนี้ ก็เพราะเห็นความอ่อนแอของสตรีในฉินตะวันตกอย่างชัดเจน จึงใช้เรื่องนี้มาดูถูกสตรีในฉินตะวันตกมิใช่หรือ?“พระชายาอ๋องอี้ พูดอะไรสักอย่างสิ! ท่านมีสถานะสูงสุดในหมู่พวกเรา หรือท่านจะปล่อยให้พวกนางวางอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋เงียบไป เจิงจื่ออวี้ก็ตะโกนอย่างมิพอใจหลิงอวี๋เหลือบมองนางแล้วเอ่ยกับนางรับใช้ที่มาต้อนรับอย่างเรียบ ๆ “องค์หญิงตานรั่วตรัสเพียงว่า หากต้องการนั่งเกี้ยวของพวกเจ้าขึ้นไป ถึงจำเป็นต้องลงนามรับเหรียญ มิได้บอกข้อจำกัดว่าจะขึ้นไปเยี่ยงไรใช่หรือไม่?”นางรับใช้เอ่ยอย่างสบาย
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช