“เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่… ปวดหัวชะมัด...มีเหล้าอีกไหม”
เสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาแผ่วเบา จากชายหนุ่มในสภาพดูไม่ได้ เสื้อยืดยับย่นกับกางเกงขาสั้น ผมยุ่งเหยิงอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาแดงก่ำจนขอบตาดำคล้ำ ริมฝีปากแห้งซีด แต่ต่อให้เหลือแค่เงา—เขาก็ยังหล่อ ในแบบที่ความพังพินาศไม่สามารถพรากไปได้
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงเรียบ ๆ จากซอนาดังขึ้น เธอนั่งพิมพ์งานไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง
“ฉันคิดว่าจะได้สั่งจองพวงหรีดไว้รอแล้วซะอีก”
ไดออนไม่สนใจคำแดกดัน เขาทิ้งตัวลงบนโซฟา มือยกขึ้นกดขมับ ก่อนพูดเสียงแหบ
“สั่งเหล้ามาเพิ่มให้หน่อย… ฉันปวดหัว”
“ฉันได้ยินมาว่า ผู้หญิงที่นายตามหาเป็นคนไทย”
เสียงซอนาแทรกขึ้นพลางปรายตามามองด้วยรอยยิ้มกวนประสาท ทั้งที่ยังพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่บนโน้ตบุ๊ก
เขาหันขวับ น้ำเสียงเริ่มแข็ง
“เสือกอะไรเรื่องส่วนตัว… ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่า—”
“‘ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัว’ ใช่ไหม?”
ซอนาพูดต่อให้ ก่อนจะหันมาจ้องตาเขาตรง ๆ
“จำได้สิ ก็ในสัญญาระบุไว้ชัดเจน แต่ต่อให้ไม่ระบุ ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องของนายหรอก…
แต่นายในสภาพนี้…มันกำลังกระทบกับ ‘งานของฉัน’ เพราะงั้น ฉันจำเป็นต้องรู้ และจำเป็นต้องยุ่ง”“เอามือถือมา ฉันจะสั่งเหล้าเอง”
“ฉันสั่งให้แล้ว”
เธอพูดเสียงนิ่ง ก่อนจะเสริมอย่างเย็นชา
“และสั่งข้าวไว้ด้วย ไปอาบน้ำ แล้วออกมากินซะ”
ไดออนยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนถอนหายใจเบา ๆ
“…ขอบใจ”
เขาหมุนตัวจะกลับเข้าห้อง แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเธอพูดขึ้นมาอีก
“เธอเป็นคนไทย”
เขาชะงักทันที หันขวับกลับมา ดวงตาว่างเปล่าหันมามอง
“…เธอหมายความว่ายังไง?”
“เรื่องอื่นฉลาดนัก แต่พอเป็นเรื่องเธอ นายกลับโง่เหมือนเด็กหัดเดิน”
ซอนาขยับตัวลุกขึ้น ยืนกอดอกสบตาเขา
“ฉันหมายถึง ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ที่นายตามหา เธอเป็นคนไทย และพรุ่งนี้…เราจะบินไปไทย
ถ้าเธอยังอยู่ที่นั่นจริง ๆ ก็อย่าเอาเวลาไปนั่งสืบแต่ในเกาหลีกับจีน เพราะบางที…ปลายทาง อาจอยู่ตรงหน้ามากกว่าที่นายคิด”ติ๊ง!
เสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้น ไดออนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอแสดงข้อความใหม่ ไม่มีชื่อ
ไม่มีเบอร์ ไม่มีไอดี“ถ้าอยากเจอเธอ...หยุดมองในอดีต แล้วหันไปดูเบื้องหลังของตัวเอง”
ประโยคนั้นเหมือนมีแรงกระแทกมาถึงกลางอก เขาชะงัก หัวใจเต้นโครมคราม นิ้วมือที่กำโทรศัพท์แน่นจนขาวซีด แววตาเหมือนถูกปักตรึงไว้กับคำสั้น ๆ เหล่านั้น
…เขารู้ทันทีว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ใครบางคน…กำลังบอกเขาว่าเธอไม่ได้หายไป...แค่เขามองผิดทิศเท่านั้นเอง
ไดออนหันกลับมาทางซอนา เสียงทุ้มต่ำไร้การลังเล
“เตรียมเจ็ทให้ฉัน ภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันต้องถึงไทย...ให้เร็วที่สุด”
ขาของซอนาชะงักไปในทันที เธอยังไม่ทันจะตอบอะไร ร่างสูงของไดออนก็เดินหายเข้าห้องไปเสียแล้ว เสียงประตูปิดดัง “ปัง” ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
เธอกะพริบตาช้า ๆ ก่อนจะกลอกตามองเพดาน แล้วถอนหายใจออกมาแบบไม่คิดจะเก็บอาการใด ๆ ทั้งสิ้น
“เฮ้อ... เยอะไม่ไหว”
เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางสาวเท้าไปเปิดประตูรับอาหารที่คนส่งพอดีมากดกริ่ง หลังจากนั้น...เธอก็ทำหน้าที่อย่างที่ชินชา เปิดแล็บท็อปขึ้นมา จัดการจองเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวทันทีตามคำสั่งของเขา
ในขณะเดียวกัน เสียงฝักบัวจากห้องน้ำด้านในเริ่มไหลริน หยดน้ำเย็นจัดกระทบร่างแกร่งที่ยืนอยู่อย่างเงียบงัน แต่ในความเงียบนั้น หัวใจของเขา...เริ่มส่งเสียงอีกครั้ง
ใช่แล้ว…เขาลืมไปได้ยังไงว่าเธอเป็นคนไทย
ว่าบ้านเกิดของเธอคือ "เมืองไทย"
ที่ที่เขาไม่เคยลองหา เพราะมัวแต่มองไปในอดีตที่ผิดทิศผิดทาง
เสียงน้ำดังคลอเบา ๆ แต่ในความเปียกปอนนั้น ใบหน้าของไดออนกลับมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏมาหลายเดือน
รอยยิ้ม...อ่อนโยน และเปราะบาง มันคือ “รอยยิ้มแรก”ตั้งแต่วันที่เธอหายไป
เขายกมือขึ้นทาบอก เหมือนจะกดหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ
“ฉันจะหาเธอให้เจอ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร…”
รถของเธอหมุนดริฟต์เข้าโค้งสุดท้าย ปิดโชว์ด้วยการหมุนตัวหนึ่งรอบ ก่อนเบรกลงช้า ๆจังหวะพอดีที่เขาวิ่งมาถึง—ทันเห็นเธอก้าวลงจากรถ ทันเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือน แต่ก็ทัน... เห็นใครอีกคนที่เดินเข้าหาเธอก่อน“เกอ...” เขาพึมพำบางอย่างออกมาชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลอง เดินตรงเข้ามายืนบังเธอไว้ จากนั้นก็โอบบ่าของเธอไว้แน่น แน่น... ราวกับต้องการประกาศอะไรบางอย่างต่อหน้าทั้งสนามเขาหัวเราะเบา ๆ—แต่แววตาที่มองตรงมาหาไดออน... ไม่ขำแม้แต่นิดเดียว“เพิ่งรู้ว่า คนที่เคยทิ้งเธอไว้ได้... กล้ากลับมามองเธออีกครั้ง”น้ำเสียงของชายคนนั้น คนที่เขาคุ้นเคย ไม่ได้ดัง ไม่ได้ขู่ ไม่ได้ขึ้นเสียง แต่ทุกคำของเขา หนักพอจะฝังหมัดลงกลางอกไดออน... โดยไม่ต้องแตะตัวไดออนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เขาไม่โต้กลับด้วยความบ้าระห่ำ...แต่เขาเลือก “เงียบ” และ มองแค่เธอคนเดียวข้าวหอม...ไม่หลบตา แต่ก็ไม่ได้สบตากลับ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้าง ๆ เขา เหมือนกำลัง... “รอคำตอบ” หรือไม่ก็ “ทดสอบ” อะไรบางอย่าง“ผมไม่ได้กลับมา เพื่อขอร้องให้เธอย้อนกลับมา” ไดออนพูดเสียงเรียบ แต่ชัดทุกคำ“ผมกลับมา... เพื่อยืนอยู
ปัจจุบันไดออนนั่งพิงเบาะในเครื่องบินส่วนตัว ดวงตาคมทอดมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลุ่มเมฆสีขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ สวยงามในสายตาใครหลายคน... ยกเว้นเขาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงวันแรกที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนกัน—วันที่หัวใจเขาเต้นแรงที่สุดในชีวิต... แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับกัดกินหัวใจเขาแทน‘ฉันมันโง่... ที่เอาความเจ็บปวดในอดีต ไปตัดสินคนที่รักผมมากที่สุด’แววตาอ่อนล้าภายใต้แว่นดำสั่นระริก ความรู้สึกผิดในใจยังไม่เคยจางลงแม้เพียงวันเดียว‘หากได้เจอเธออีกครั้ง... ไม่ว่าเธอจะยังรักผมหรือเปล่า ผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อชดเชยทุกอย่างที่ทำพังไปกับมือ’ณ ห้องพัก โรงแรมใจกลางเมืองบุรีรัมย์ข้าวหอมทรุดตัวนั่งริมเตียง สองมือกุมโทรศัพท์แน่น จ้องหน้าจอที่หยุดนิ่งอยู่ตรงช่วงท้ายของคลิปสัมภาษณ์ศิลปินคนหนึ่ง—อดีตคนรักของเธอ“เราเลิกกันเถอะ…”เสียงคำพูดของเขาในวันนั้นยังคงดังชัดอยู่ในหัวใจ ราวกับลมหายใจของเขายังอบอวลอยู่ตรงหน้า ทั้งที่จริง… มันกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นในอดีตดวงตาเธอเต็มไปด้วยแววเจ็บปวด... ความเจ็บปวดจากการถูกตัดสิน ทั้งที่ไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะอธิบาย‘
ประตูใหญ่เปิดออกในจังหวะที่ไม่ควรที่สุด...ชายหญิงคู่หนึ่งเดินโอบกันเข้ามา ก่อนจะแลกจูบกันอย่างเร่าร้อนราวกับลืมโลก ทั้งที่อีกมุมยังมีคนสองคนจ้องมองอยู่อย่างตะลึงมือหนึ่งกอดเอว มือหนึ่งลูบต้นขา ไม่มีแม้สำนึกถึงสาธารณะ จากนั้นทั้งคู่พากันหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงประตูจะ...ปัง!“ไม่ต้องเบามือนะหนุ่มน้อย เต็มที่เลย เจ้ชอบบบ~!”เสียงแสบหูดังแว่วมาทันก่อนประตูจะปิด เงียบงันอีกครั้ง...บรรยากาศเงียบ...จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเองข้าวหอมหน้าแดงปลั่ง เธอหันไปมองหน้าไดออน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ของตัวเองกับเขา‘ถ้าเพื่อนไม่โผล่มา...เราจะเลยเถิดไปไกลแค่ไหนนะ…’เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น...ติ๊ง!เสียงข้อความจากมือถือของไดออนดังขึ้นกะทันหันเขาหยิบขึ้นมาดู“ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุขนะคะ ^^ ถ้าจะใช้มุมไหนในบ้านก็ตามสบายเลยค่ะ รับรองว่าคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ออกจากห้องนี้แน่นอน😏 – มินยง”ไดออนชะงัก มือที่ถือโทรศัพท์สั่นนิด ๆ ด้วยความพยายามกลั้นหัวเราะ“มินยง...” เขายื่นมือถือให้ข้าวหอมดูข้าวหอมเห็นข้อความแล้วแทบจะเอาหน้าซุกหมอน ร้องเส
“เราเป็นแฟนกันนะ”เธอพูดเสียงเบา ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มสองแก้ม ‘ให้ตายสิ…เขาคงไม่รู้หรอกว่า ต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดออกมาได้’แต่เขากลับ... เงียบ!?เธอเริ่มเม้มปากแน่นขึ้น เหลือบมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา ทำท่าทางสบายเกินหน้าเกินตา“ผมว่า... ขอเวลาคิดก่อนจะได้ไหม?” เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีสีหน้าอะไรทั้งนั้น“ห๊ะ?” เธอเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ‘นี่เขากำลังแกล้งเรารึเปล่าเนี่ย?’“ผมอยากแน่ใจว่าผมกำลังจะรักผู้หญิงธรรมดา... ไม่ใช่ดีไซเนอร์เพิ่งได้รางวัลระดับโลกมา”เขาเริ่มวางมาดขรึม ‘จะเอาคืนบ้าง ใครบอกให้เขารอมาได้ตั้ง 6 เดือน’“โอเคค่ะ... ฉันให้เวลาคุณคิด...” เธอลุกขึ้น ยกคางนิด ๆ อย่างวางฟอร์ม “แต่ให้ได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น!”“หืมม?” เขาเลิกคิ้ว“ถ้าครบสามนาทีแล้วคุณยังไม่ตอบ ฉันจะถือว่าไม่ตกลง... แล้วฉันจะขอคืนกำไลด้วย”ว่าแล้วเธอก็แกล้งยื่นมือไปจับข้อมือเขา ทำท่าจะถอดกำไลออก“เฮ้ย! ไม่เอาน่า!” เขารีบดึงข้อมือหลบ“ห้ามเอาคืนนะ ให้แล้วก็ต้องให้เลยสิครับ”“เวลาเดินนะคะ เหลือสองนาทีห้าสิบแปดวินาทีแล้ว”เธอทำหน้าเฉยเหมือนไม่แคร์ ทั้งที่ใจเต้นต
ในห้องนั่งเล่นข้าวหอมเปิดประตูบ้าน ค่อย ๆ หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วผลักบานประตูให้เปิดออกช้า ๆ“เข้ามาก่อนสิคะ”เธอพูดเบา ๆ โดยไม่ต้องเอ่ยคำเชื้อเชิญยืดยาว เขาเดินตามเข้าไปโดยไม่ลังเล ก่อนประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งความวุ่นวายไว้ด้านนอกแสงไฟอุ่นในห้องนั่งเล่นค่อย ๆ ไล่ความเย็นชาในใจของทั้งสอง และ...ค่ำคืนนี้ ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเขานั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง หันไปมองเธอเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว 2 แก้ว“เห็นคุณดื่มไปเยอะในงาน เลยทำอันนี้มาให้ค่ะ”เธอยื่นให้ เขารับไว้เงียบ ๆ ก่อนดื่มช้า ๆ สายตายังไม่ละไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว“คุณเห็นด้วยใช่ไหม?”เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้… ใกล้จนเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง“หะ…เห็นอะไรคะ?”“ว่า…คืนนี้ผมอยากอยู่กับคุณ...แค่สองคน”เขากระซิบเบา ๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนจากลมหายใจที่ทำให้เธอเคลิ้ม“ตะ...ตัวคุณหอมจัง” ‘โอ้ยยยย ยัยข้าว พูดอะไรออกไปเนี่ย!’เขาหัวเราะเบา ๆ สบตาเธอ“ชอบเหรอ หึ...”‘ชอบค่ะ ชอบมากเลย!’ แต่เธอกลับแค่ยิ้ม...แล้วหลบตาเขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น เหม
หลังจากที่ข้าวหอมก้าวขึ้นเบาะข้างคนขับ เธอก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นเยียบที่ปกคลุมอยู่ภายในรถ ไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นเพราะความเงียบของคนขับที่นั่งอยู่ข้าง ๆ‘เขามาได้ยังไง ทั้งที่อ่านข้อความแล้วไม่ตอบ...อยู่ ๆ ก็โผล่มา?’คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัวข้าวหอมไม่หยุด เธอหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่เสียงเพลง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขารถแล่นด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง — เร็วและแรงเหมือนกับความรู้สึกที่เดือดปุด ๆ อยู่ในใจของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน...นิ่งเงียบเกินไป ราวกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง‘เขา...กำลังโกรธใช่ไหม?’‘หรือ...เขาแค่เมา?’ข้าวหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นระรัว ทั้งหวั่น ทั้งสับสน ทั้งกลัวเขาไม่แม้แต่จะมองเธอ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่อธิบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาคือคนที่ขี้เล่น อารมณ์ดี ความเงียบในรถหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามอะไรสักอย่าง ทว่าในจังหวะนั้นเอง เสียงเบรกรถจากรถตู้คันสีดำที่ขับตามมาอย่างกระชั้นชิดทางด้านหลังดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกดวงตาคู่สวยเบิกกว้า