เขาไม่รู้เลยว่าอะไรดลใจให้ตัวเองพูดแบบนี้ ปกติเขาไม่ใช่คนที่ตื้อใคร ใช่…ที่ผ่านมาเขาก็เคยจีบผู้หญิง แต่ถ้าถูกปฏิเสธ เขาจะไม่มีวันเซ้าซี้ หรือยอมเสียศักดิ์ศรี แต่กับเธอ…เขากลับรู้สึกว่าศักดิ์ศรีมันไม่สำคัญเลย หากแลกได้กับการได้อยู่ข้างเธอ
ด้านข้าวหอม…เธอหลับตาปี๋รู้สึกเคืองเพื่อนสาวอยู่ลึก ๆ
‘เพื่อนบ้า! ไปเล่าอะไรให้เขาฟังหมดเลยเนี่ย แบบนี้จะมองหน้าเขายังไงดีล่ะ โอ๊ยยย…’
เสียงตะโกนในใจดังก้องปนทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งประหม่า เธอพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก
“หนึ่ง…สอง…อย่าใช้อารมณ์ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปข้าวหอม ควบคุมให้ได้…”
ข้าวหอมใช้เวลานิ่งอยู่นาน ราว 10 นาทีที่ผ่านไปช้าเหมือนนิรันดร์ สำหรับเขา มันทรมานยิ่งกว่ารอคิวขึ้นเวทีคอนเสิร์ต และเขา…ก็ทำได้แค่รอ
ในที่สุด…ข้าวหอมก็หันกลับมา สบตาเขา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบคุณนะคะ…”
เธอเอ่ยขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความลังเลแต่ซื่อตรง
“แค่ความรู้สึกที่ฉันชอบคุณ…ฉัน…”
เขานิ่งฟังไม่มีคำพูดใดแทรก เพราะคำว่า “ชอบคุณ” จากปากเธอ ทำให้เขายังพอมีความหวังเล็ก ๆ
“ฟืด…” เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนพูดต่อ
“ฉันชอบคุณ…ในฐานะไอดอล ไม่ใช่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งค่ะ…”
คำพูดนั้นฟังดูสุภาพ แต่กลับบาดใจคนฟังลึกยิ่งกว่าถูกผลักให้ตกจากเวที
เขาเงียบ จ้องมองเธอด้วยดวงตาที่สะท้อนความผิดหวัง
‘เพราะฉันคือคนที่เธอชื่นชม…เธอเลยไม่กล้า “รัก” งั้นเหรอ?’
“…ครับ ผมเข้าใจ” เสียงตอบของเขาเบามาก แทบไม่มีน้ำหนัก แต่ก็ชัดพอให้เธอได้ยิน
เขากำลังจะหมุนตัวเดินออกไป…
แต่แล้ว…เสียงของเธอก็ดังขึ้นด้านหลัง
“แต่…ถ้าคุณยอมให้ฉัน…” เสียงนั้นเบาจนเกือบเป็นกระซิบ
“…มองคุณ…ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง—แค่คนหนึ่ง…ที่ฉันจะได้ค่อย ๆ เรียนรู้ ไม่ใช่ในฐานะศิลปิน ไม่ใช่ไอดอลแต่…ในฐานะ ‘คุณ’ ที่ฉันจะรักได้จริง ๆ…”
เธอยังหลับตาแน่น เพราะไม่กล้ามองหน้าเขาตอนพูด แต่คำพูดนั้น กลับดังชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ขายาวของไดออนหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาในพริบตา รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
“ขอบคุณนะครับ…ขอบคุณที่ให้โอกาสผม”
ว่าแล้วเขาก็วิ่งเข้ามากอดเธอแน่น เหมือนเด็กชายคนหนึ่งที่ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิต
“เดี๋ยวสิคุณ! ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!” เธอพูดปากย่น แก้มแดงน่ารักจนใจคนมองสั่น
“ก็ผมดีใจนี่นา~” เขายิ้มกว้าง ปนเสียงหัวเราะ
“ดีใจอะไรล่ะ ทำให้ได้ก่อนเถอะ!” ข้าวหอมพูดพร้อมเบือนหน้าหนี แต่แก้มกลับยิ่งแดงราวลูกมะเขือเทศสุกจัด
“ได้แน่นอนครับ!” เขาตอบกลับพร้อมทำหน้าทะเล้น รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสุข แววตาเต็มไปด้วยสัญญา และหัวใจของเขา…เต็มไปด้วยเธอ
หกเดือนผ่านไป...
หกเดือนผ่านไป...
แม้เขาและเธอจะไม่ค่อยได้เจอกันแบบตัวเป็น ๆ แต่ไม่ใช่เพราะหมดรักหรือหมดใจ...เพียงเพราะชีวิตของแต่ละคนกำลังเดินไปตามทางฝันของตัวเอง
ไดออน—ซุปตาร์หนุ่มผู้มีตารางแน่นยิ่งกว่าหัวหน้าหมู่บ้านช่วงเลือกตั้ง ต้องเดินสายโปรโมตอัลบั้มใหม่ทั่วโลก ทั้งคอนเสิร์ต ถ่ายแบบ โฆษณา และสารพัดงานที่ต้องใช้หน้าหล่อ ๆ ไปแลกเงิน
ส่วนข้าวหอมก็ไม่น้อยหน้า ชีวิตเธอคือสมรภูมิแห่งจักร เย็บ ตัด ปัก สอย เพราะกำลังเตรียมตัวเข้าแข่งขันดีไซเนอร์หน้าใหม่ระดับโลก (ซึ่งมีเดิมพันคือ...ชื่อเสียง เงินรางวัล และการได้กอดเขาหลังเวที—อันนี้เธอคิดเอง)
แม้อยู่กันคนละซีกโลก แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เขาจะวิดีโอคอลหาเธอเสมอ...บ่อยเสียจนมือถือของเธอแทบจะเปลี่ยนชื่อ Contact จาก "Dion" เป็น "คุณสายว่าง" ไปแล้ว
เขาเคยคิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้น่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอย่างเขา ผู้หญิงที่เข้าใจตารางชีวิตเขามีอยู่จริงเหรอ?
แต่เธอก็มาทลายความคิดนั้นด้วยรอยยิ้มและความใจเย็นแบบ...
"จะรีบไปร้องบนเวที หรือร้องไห้บนบ่าเค้าก็ได้นะ"
เธอทำให้เขาอยากพยายาม และเขา...ก็ไว้ใจเธอมากพอที่จะสานต่อทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไป
ไม่เร่ง ไม่รัด ไม่เร้า แต่มีครบทุกอย่าง—ทั้งความห่วงใย ความคิดถึง (แบบไม่โหยหา) และรอยยิ้มทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงค่อย ๆ ก่อตัว แน่นแฟ้น...แบบติดหนึบโดยไม่ต้องประกาศว่าเป็นแฟน
ติ๊ง ติ๊ง...
ข้อความจาก “คุณสายว่าง” มาแล้ว
Dion: /ตกลงเห็นผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งรึยัง/
Rice: /ไหน ไหน ยังไม่เห็นเลย~/
Dion: /....>_<…/ (อยากตีมุกแป้นโทรศัพท์แตก)
Rice: /เริ่มเห็นราง ๆ แล้วล่ะ/
(เหมือนเห็นผี...แต่ดันอยากเจอทุกวัน)
Dion: /พยายามมาตั้งนาน…น้อยใจซะมัด 😔/
Rice: /จะถอดใจแล้วจริงอะ? งั้นความพยายาม 6 เดือนที่ผ่านมา...จะสูญเปล่าน๊า~/
Dion: /ไม่มีทาง!!!/ (ตอบไวราวกับโดนยิงธนูใส่ใจ)
Rice: /คอลหาได้ไหม? สะดวกหรือเปล่า?/
Dion: /.../
แล้วเขาก็เงียบหายไป พร้อมความลุ้นระดับประกวดมิสแกรนด์รอบชิง
ข้าวหอมมองจอ ถอนหายใจเบา ๆ
“เห้อ…หายไปแล้วอ่ะ ว่าจะบอกข่าวดีซะหน่อย…”
เธอลากกระเป๋าไปที่เคาน์เตอร์เช็กอิน แม้จะน้อยใจเล็กน้อย...แต่ก็ยังยิ้ม
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วนี่นา :)”
ค่ำคืนงานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังพิธีแต่งงานที่มิลาน สวนดาดฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยไฟประดับสีอุ่น แสงจากโคมไฟระย้าสะท้อนแก้วแชมเปญบนโต๊ะกลม เสียงดนตรีแจ๊สคลอเบา ๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะของแขกผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุขข้าวหอมในชุดเดรสผ้าซาตินสีงาช้าง สะบัดชายกระโปรงเบา ๆ เดินออกมายังระเบียงที่ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยและเทียนหอม ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าเบา ๆ พร้อมกลิ่นดอกมะลิจากกระถางใกล้ตัวเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ข้อความใหม่เพิ่งถูกส่งเข้ามาไม่กี่นาที“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานของน้อง...แต่เจี่ยเจียสัญญาว่า จะกลับไปมองรอยยิ้มที่สดใสของเธอในเร็วๆนี้นะ”ข้าวหอมอ่านจบก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาเริ่มรื้นน้ำใส ๆ โดยไม่รู้ตัว เธอยิ้มบาง ๆ เหมือนต้องการซ่อนความรู้สึกไว้เพียงคนเดียว‘เจี่ยเจีย’ — สวีอิงหราน พี่สาวต่างแม่ของเธอ ผู้หญิงที่เคยทำให้เธอร้องไห้มากที่สุด…แต่ก็เป็นคนเดียวที่พร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอที่สุดเช่นกันเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่วงแขนอบอุ่นจะโอบเอวเธอไว้แน่น กลิ่นโคโลญจ์อ่อน ๆ แบบเฉพาะของเขาแตะจมูกในทันที“พี่สาว...ส่งข้อความมาเหรอ?”เสียงทุ้มนุ่มของไดออนกระซิบถามเบา ๆ ใ
[เช้าวันต่อมา]แสงแดดยามเช้าเกลี่ยตัวบนผ้าห่มสีอุ่น อากาศในห้องไม่ได้หนาว แต่หัวใจสองดวงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น…ร้อนกว่าอะไรทั้งหมดข้าวหอมค่อย ๆ ลืมตา เปลือกตาเธอกะพริบช้า ๆ รับกับแสงธรรมชาติที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาอย่างนุ่มนวล เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากคนที่อยู่ข้างหลัง วงแขนแข็งแรงที่กอดเธอไว้แน่นไม่ปล่อย ผิวของเขาแนบชิดหลังเธออย่างไม่มีช่องว่าง เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หัวใจเธอสงบราวกับบทเพลงกล่อมนอนเธอยิ้มบาง ๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันขยับได้เต็มที่ เสียงทุ้มแหบจากด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา"อย่าขยับสิคะ..."เสียงนั้นทำให้เธอชะงัก หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเขินอาย “ข้าวจะปลุกเฮีย…”"เมื่อคืนเฮียยังไม่พอเลย..."คำพูดที่ดังเบาข้างหูทำให้ใบหน้าข้าวหอมแดงก่ำ เธอพยายามขยับหนีด้วยความเขิน แต่ยิ่งเธอขยับ วงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น"เฮีย…" เธอเรียกเสียงเบา"ข้าวเจ็บนะคะ..."เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ดังจากลำคอของเขา กึ่งเอ็นดูกึ่งขี้เล่น เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างหูเธออย่างนุ่มนวลแต่ลึกซึ้ง"แล้วเมื่อคืนร้องทำไมคะ..."คำถามที่ไม่มีเจตนาเย้าแหย่ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
[หน้าห้องพักโรงแรม ที่จัดเป็นเรือนหอชั่วคราว– มิลาน เวลา 20:45 น.]ไดออนเปิดประตูห้องพักหรูบนชั้นดาดฟ้า ข้าวหอมในชุดเดรสยาวหลังเปลี่ยนออกจากชุดเจ้าสาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง“คืนนี้…” เธอพูดเสียงเบา“ไม่ต้องมีอะไรหวานมากก็ได้นะคะ แค่เราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”ไดออนยิ้มบาง“ถ้าเฮียบอกว่าเตรียมเทียน หอม กลีบกุหลาบ และไวน์ไว้หมดแล้วล่ะ…”“เฮีย—!” ข้าวหอมเขินจนหูแดง แต่ยังไม่ทันได้ดุจริง ๆ —ตึง! ตึง! ตึง!เสียงเคาะประตูดังลั่น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วโหวกเหวกคุ้นหู“เปิดเร็ว! เพื่อนเจ้าสาวขอเข้าตรวจห้อง!”“แค่มาเช็คว่าไม่มีพิธีแปลก ๆ แบบคล้องประตูอะไรเท่านั้นเอง!”“เฮียไดออนซ่อนกุหลาบใต้เตียงรึเปล่า เราขอดู!”ข้าวหอมเบิกตากว้าง ไดออนถอนหายใจแล้วหันไปกระซิบ“…ดวงใจกับมินยงมาแน่”ประตูเปิดออก —ดวงใจ, มินยง, และ คิมโฮ ยืนถือกล่องของขวัญ กับไวน์คนละขวด เดินเข้ามาแบบไม่รอเชิญ“อ๊ะ! บรรยากาศดีอยู่นะ” ดวงใจ หันไปรอบ ๆ“เฮียจัดได้มินิมอล ไม่เว่อร์นะ…ไม่เหมือนตอนขอแต่งงาน!”คิมโฮ ยกไวน์ขึ้นมา“เราเอาแชมเปญมาฉลองให้คืนแรกครับ!”“เฮียไดออน คนป๊อปปูลาร์อันดับหนึ่ง…ผู้ไม่เคยเป็นสามีใครมาก่อน!”ข้าวหอมเอามื
[โบสถ์หินเก่ากลางมิลาน – เวลา 11:11 น.]ไม่มีพรมแดง ไม่มีสื่อ ไม่มีเวทีระดับโลก มีแค่ห้องโถงแคบ ๆ ที่ประดับด้วยดอกลาเวนเดอร์แห้งบนแท่นไม้เรียงราย ผ้าม่านสีขาวบางปลิวเบา ๆ ตามแรงลมจากช่องหน้าต่าง เสียงเปียโนบรรเลงคลอด้วยท่วงทำนองเรียบง่าย แต่ทุกโน้ตชัดเจนราวกับสะท้อนอารมณ์ของวันพิเศษนี้หน้าประตูโบสถ์ —“ข้าวหอม…อย่าพึ่งเดินเข้าพิธีนะยะ!!”เสียงแหลมตื่นของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาก่อนตัวจะปรากฏ ดวงใจในชุดเดรสโทนชมพูนู้ดวิ่งจ้ำพรวดมาด้วยรองเท้าส้นสูง กระแทกพื้นหินตึก ๆ จนแขกบางคนหันมามองเธอพุ่งเข้าประตูโดยไม่ทันชะลอ—โครม!“ว้าย!”ร่างของเธอกระแทกเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงในสูทดำสนิทเต็มแรง จนถุงของฝากในมือกระเด็นหล่นพื้น ขนมกล่องเล็ก ๆ กลิ้งออกมาอย่างอนาถ“ขอโทษค่ะ! ขอโทษจริง ๆ!” ดวงใจรีบย่อตัวลงเก็บของก่อนจะเงยหน้าขึ้น…แล้วก็ชะงักใบหน้าที่เธอเห็นคือ คริส — หนุ่มมาดนิ่งแห่ง BBOOM Entertainment ผู้มีออร่าระยะห่างแบบคนที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงง่ายเขาแค่ก้มเก็บของให้เธออย่างนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงต่ำ เรียบ ไม่เร่งเร้า“...รีบเหรอ”“ค่ะ รีบ…แต่ตอนนี้รีบเขินมากกว่า…” ดวงใจหลบสายตาทันที เสียงเธอเบา
[หน้าห้องพักผู้ป่วย – เวลา 10:10 น. วันถัดมา]เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วที่แค่ได้ยินก็น่าปวดหัว“เปิดเร็วๆ แม่หญิงฟ่านเฉียน! นี่ข้าหอบของกินมาจากร้านดังนะยะ!”ไดออนสะดุ้งเฮือกจากที่กำลังหั่นแอปเปิล ข้าวหอมที่นั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงถึงกับยิ้มกลั้นหัวเราะ“เสียงแบบนี้…ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร”ประตูเปิดออก—ปรากฏร่าง เพื่อนสาวตัวแสบประจำแก๊ง Rice Design Group ใส่แว่นกันแดดตัวใหญ่ กระเป๋าสะพายสองใบ มือหิ้วถุงอาหารเกือบสิบถุงเหมือนจะมาปิกนิก“แก๊สสส! ยัยข้าว! ทำไมโทรหาแกไม่ได้เลยยะ!”เพื่อนเดินเข้ามาจุ๊บหน้าผากข้าวหอมแรงจนเธอเซไปข้าง“แม่! แกผอมไปนะ ห้ามอดข้าวอดน้ำเข้าใจมั้ย ช่วงนี้แฟนดารากำลังแรง อย่าเพิ่งอกหัก!”ไดออนสำลักน้ำอยู่ข้างเตียง ข้าวหอมหัวเราะกลั้นเสียง“ไม่มีอกหักค่ะ…แค่หัวใจบวมนิดหน่อย”“ว้ายยยยยยย!!!” เสียงเพื่อนแสบลากยาว “นี่ยังกล้าเล่นมุกอีกเหรอ!?”เธอวางถุงอาหารลงจนเต็มโต๊ะ “พวกเราเป็นห่วงจะตายห่า คิดว่าแกไปติดเกาะหรือโดนลักพาตัวไป!”ข้าวหอมกับไดออนสบตากันเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร…แค่ยิ้มจาง ๆ ที่มีความหมายเกินคำอธิบาย[อีกมุม – โทรศัพท์ของข้าวหอมสั่นเบา ๆ]เธอหย
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นสองครั้ง ไดออนที่ยังยืนอยู่ใกล้เตียงข้าวหอม หันไปมอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างเงียบ ๆชายหนุ่มหน้าตาอ่อนโยนในเสื้อคลุมสีเทาเรียบ เดินเข้ามาหน้าตามีแววกังวล — แต่เมื่อก้าวพ้นประตูมาเพียงไม่ก้าวเดียว เขาก็ชะงักดวงตาของเขามองตรงไปที่เตียง เห็นร่างของข้าวหอมนอนพิงหมอนอยู่ เส้นผมยุ่งนิดหน่อยจากการนอนนาน แต่ใบหน้าอ่อนแรงนั้นกำลังยิ้มให้เขา“เก๊อ…เกอ…” เสียงเธอเบาเหมือนสายลม กระซิบแผ่วราวกับกลัวมันจะหายไปสวีเฉียนเกอไม่พูดอะไรในทันที แววตาเขาไหววูบ เหมือนภาพในอดีตไหลย้อนกลับมาพร้อมกัน — เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยจับชายเสื้อเขาไว้แน่นในคืนที่ฝนตกแต่ที่ทำให้เขาชะงักจริง ๆ…ไม่ใช่แค่ข้าวหอมเขาหันไปมองผู้หญิงอีกคนที่นั่งหันหลังให้ข้างเตียง — ผมยาวรวบหลวมๆและไหล่ผอมบางนั้น ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างประหลาด แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างกลับเต้นแรงขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้สาเหตุ“…คุณคือ…” เขาถามออกมาเบา ๆ ด้วยความลังเลหญิงสาวคนนั้นค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆทันทีที่สายตาทั้งสองสบกัน — แม้จะไม่เหมือนในความทรงจำแม้จะไม่มีรอยยิ้มแบบที่เขาเคยจำได้แต่ดวงตาคู่นั้น…แวว