/จุ๊บ...จ๊วบ/
ริมฝีปากอิ่มแนบประคบกับความร้อนที่ยังตกค้างบนใบหน้าของเขา น้ำแข็งก้อนเล็กที่คาบไว้ละลายลงช้า ๆ ในระหว่างจูบแบบไม่ทันตั้งใจนั้น แต่ไม่มีอะไรเย็นลง—นอกจากตัวน้ำแข็ง
ส่วนหัวใจ...กลับลุกวาบร้อนกว่าเดิม
ข้าวหอมตั้งใจเพียงจะช่วยเขาให้พ้นจากความเผ็ด แต่สิ่งที่เธอไม่ทันนึกถึง...คือสัมผัสของเธอเอง
มันกำลังจุดไฟบางอย่างให้ทั้งเขาและเธอในเวลาเดียวกันริมฝีปากที่เปียกชื้นถอนออกเบา ๆ เธอเบิกตาขึ้นเล็กน้อย รับรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป ...แต่แล้วกลับหลุดยิ้มเขินออกมาแทบในทันที
“บ้าเอ๊ย...” เธอตำหนิตัวเองในใจ มือเล็กเผลอแตะริมฝีปากร้อนจัดของตัวเองเบา ๆ
“ขะ—”
เสียงเธอยังไม่ทันจะพูดจบ ริมฝีปากหนาก็โน้มเข้ามาครอบครองอีกครั้ง ครั้งนี้...ไม่ใช่เพราะบะหมี่ ไม่ใช่เพราะบังเอิญ แต่เป็นเขา...และจูบที่มาจากใจของเขาจริง ๆ
เขาค่อย ๆ ละเลียดริมฝีปากของเธอด้วยความระมัดระวังและอ่อนโยน เสมือนต้องการทดแทนทุกความรู้สึกที่ยังไม่ได้พูดออกไปและเมื่อเขาแน่ใจว่าเธอไม่ถอยหนี—ไม่แม้แต่จะลืมตาเขาจึงขยับเข้าไปลึกขึ้นอย่างช้า ๆ
จูบที่เคยเบาเริ่มแปรเปลี่ยน จากสัมผัสอ่อนหวานกลายเป็นการดูดกลืนอย่างล้ำลึก มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเธออย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ สอดเข้าใต้ร่มผ้า สัมผัสเย็นเฉียบของฝ่ามือขัดกับผิวกายที่ร้อนระอุของเธอ
ทุกอย่างเหมือนจะพร่าเลือน...เหมือนจะปลิวหายไปจนกระทั่ง...
วูบ!
ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวเธอราวสายฟ้าฟาด ไม่ชัดเจน ไม่เป็นรูปร่าง ไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือเกิดขึ้นเมื่อไร แต่...มันมากพอที่จะทำให้เธอสั่นไปทั้งร่าง
เธอสะดุ้งสุดตัว พร้อมผลักร่างเขาออกอย่างแรง
“อ๊ะ...!”
เขาชะงัก ถอยหลังอัตโนมัติด้วยความตกใจ แววตาเขาสั่นไหว เหมือนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
และสิ่งที่เห็นตรงหน้า...ก็ยิ่งทำให้เขาสะเทือนเธอยืนหอบ ร่างสั่นเทา ใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ แววตาไม่ได้ตื่นตระหนกจากเขา แต่เต็มไปด้วย “ความกลัว” ...กลัวบางสิ่งที่เขามองไม่เห็น
เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น มันคืออะไร? ทำไมถึงเจ็บแน่นในอกขนาดนี้? และทำไมแค่ “ภาพวูบเดียว” ถึงทำให้เธอหายใจไม่ทัน?
“คะ...คุณ…” เสียงของเขาสั่น เงียบไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยอีกครั้งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ผะ...ผม...ขอโทษครับ”
เสียงนั้นอ่อนลง เขาถอยออกมาอีกก้าว มองเธออย่างสับสน เขาไม่คิดว่า...สิ่งที่เขาทำจะทำให้เธอกลัวได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อครู่เธอไม่แม้แต่จะผลักไส เธอ...ยังหลับตาตอบรับเขาด้วยซ้ำ
เขาไม่รู้เลยว่า สิ่งที่เธอต้องต่อสู้อยู่ตอนนี้ ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ตัวเอง
...แต่เป็นอดีตบางอย่างที่แฝงตัวอยู่ในความทรงจำ
แม้เธอจะจำมันไม่ได้ แต่มันยังคง “มีอิทธิพล” ต่อเธอมากเกินไป
“ฉะ...ฉันไม่เป็นอะไร” เสียงข้าวหอมเบาแผ่ว แต่สั่นเล็กน้อย เธอยังยืนหันหลังให้เขา ใบหน้าเธอซีดหายใจถี่เหมือนคนเพิ่งผ่านอะไรร้ายแรงมา เธอพยายามควบคุมจังหวะหายใจ ข่มเสียงในหัวที่ยังสะท้อนภาพบางอย่างแวบเข้ามา
“ผม...ขอโทษ” ไดออนพูดเบา ๆ ราวกลัวว่าจะไปรบกวนรอยร้าวที่เพิ่งปรากฏขึ้นในดวงตาเธอ
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเลยเถิด...คุณ...คุณดูตกใจมาก”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ”
เธอตอบเสียงเบา ไม่กล้าหันกลับ
“มันแค่...มีภาพบางอย่างแวบขึ้นมา...ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มัน...ทำให้ฉันกลัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล”
เงียบ
เขากำมือแน่น แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
“แล้ว...ตอนนี้คุณโอเคหรือยังครับ?”
“ยังไม่ค่อยโอเค...” เธอสูดหายใจลึก “แต่กำลังจะดีขึ้นค่ะ”
ไดออนนิ่งไป เขามองแผ่นหลังของเธออย่างลังเล ก่อนพูดในสิ่งที่กลั่นจากใจ
“ผม...ผมชอบคุณนะครับ”
เธอขยับนิ้วเล็กน้อย แต่ยังไม่หันกลับ
“ผมชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอ ถึงจะยังบอกไม่ได้ว่าทำไม...แต่เวลาคุณหัวเราะ เวลาคุณเขิน เวลาคุณตั้งใจทำงาน...ผมชอบมันทุกอย่างเลย”
“…”
“เราเป็นแฟนกันได้ไหมครับ?”
เขากลั้นหายใจหลังพูดจบเหมือนคนเสี่ยงทายทุกอย่างในชีวิต
เธอเงียบไปอีก ก่อนพูดแผ่วเบา
“ขอบคุณนะคะ...”
ไดออนเริ่มยิ้มออก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็เอ่ยต่อทันที
“แต่...”
เขาชะงัก รอยยิ้มจางลง
“คุณไม่ชอบผมเหรอ?” เสียงของเขาเบาลงนิดหน่อย “หรือ...สิ่งที่เพื่อนคุณบอกผม มันไม่จริง?”
“อะไร?”
“เพื่อนคุณบอกว่าคุณชอบผมมาก ว่าคุณเคยเรียกผมว่า...สามีทิพย์”
ข้าวหอมอึ้ง “เธอเล่าขนาดนั้นเลยเหรอ...”
“ครับ...แล้วผมก็อยากรู้ว่า...สามีทิพย์คนนี้ พอจะเป็นแฟนคุณจริง ๆ ได้ไหม?”
เงียบ
เขาพูดเร็วขึ้น ราวกับกลัวว่าเธอจะเงียบไปตลอด
“ผมรู้ว่าคุณอาจจะยังไม่แน่ใจ หรืออาจจะมีเรื่องในใจ...แต่ผมอยากลอง อยากเป็นคนที่คุณไว้ใจได้ อยากอยู่ข้างคุณ ไม่ใช่แค่ในฐานะนักร้องที่คุณชอบ”
เขาก้มหน้าลงเบา ๆ
“แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง...ที่จริงใจกับคุณทุกอย่าง”
รถของเธอหมุนดริฟต์เข้าโค้งสุดท้าย ปิดโชว์ด้วยการหมุนตัวหนึ่งรอบ ก่อนเบรกลงช้า ๆจังหวะพอดีที่เขาวิ่งมาถึง—ทันเห็นเธอก้าวลงจากรถ ทันเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือน แต่ก็ทัน... เห็นใครอีกคนที่เดินเข้าหาเธอก่อน“เกอ...” เขาพึมพำบางอย่างออกมาชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลอง เดินตรงเข้ามายืนบังเธอไว้ จากนั้นก็โอบบ่าของเธอไว้แน่น แน่น... ราวกับต้องการประกาศอะไรบางอย่างต่อหน้าทั้งสนามเขาหัวเราะเบา ๆ—แต่แววตาที่มองตรงมาหาไดออน... ไม่ขำแม้แต่นิดเดียว“เพิ่งรู้ว่า คนที่เคยทิ้งเธอไว้ได้... กล้ากลับมามองเธออีกครั้ง”น้ำเสียงของชายคนนั้น คนที่เขาคุ้นเคย ไม่ได้ดัง ไม่ได้ขู่ ไม่ได้ขึ้นเสียง แต่ทุกคำของเขา หนักพอจะฝังหมัดลงกลางอกไดออน... โดยไม่ต้องแตะตัวไดออนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เขาไม่โต้กลับด้วยความบ้าระห่ำ...แต่เขาเลือก “เงียบ” และ มองแค่เธอคนเดียวข้าวหอม...ไม่หลบตา แต่ก็ไม่ได้สบตากลับ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้าง ๆ เขา เหมือนกำลัง... “รอคำตอบ” หรือไม่ก็ “ทดสอบ” อะไรบางอย่าง“ผมไม่ได้กลับมา เพื่อขอร้องให้เธอย้อนกลับมา” ไดออนพูดเสียงเรียบ แต่ชัดทุกคำ“ผมกลับมา... เพื่อยืนอยู
ปัจจุบันไดออนนั่งพิงเบาะในเครื่องบินส่วนตัว ดวงตาคมทอดมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลุ่มเมฆสีขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ สวยงามในสายตาใครหลายคน... ยกเว้นเขาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงวันแรกที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนกัน—วันที่หัวใจเขาเต้นแรงที่สุดในชีวิต... แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับกัดกินหัวใจเขาแทน‘ฉันมันโง่... ที่เอาความเจ็บปวดในอดีต ไปตัดสินคนที่รักผมมากที่สุด’แววตาอ่อนล้าภายใต้แว่นดำสั่นระริก ความรู้สึกผิดในใจยังไม่เคยจางลงแม้เพียงวันเดียว‘หากได้เจอเธออีกครั้ง... ไม่ว่าเธอจะยังรักผมหรือเปล่า ผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อชดเชยทุกอย่างที่ทำพังไปกับมือ’ณ ห้องพัก โรงแรมใจกลางเมืองบุรีรัมย์ข้าวหอมทรุดตัวนั่งริมเตียง สองมือกุมโทรศัพท์แน่น จ้องหน้าจอที่หยุดนิ่งอยู่ตรงช่วงท้ายของคลิปสัมภาษณ์ศิลปินคนหนึ่ง—อดีตคนรักของเธอ“เราเลิกกันเถอะ…”เสียงคำพูดของเขาในวันนั้นยังคงดังชัดอยู่ในหัวใจ ราวกับลมหายใจของเขายังอบอวลอยู่ตรงหน้า ทั้งที่จริง… มันกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นในอดีตดวงตาเธอเต็มไปด้วยแววเจ็บปวด... ความเจ็บปวดจากการถูกตัดสิน ทั้งที่ไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะอธิบาย‘
ประตูใหญ่เปิดออกในจังหวะที่ไม่ควรที่สุด...ชายหญิงคู่หนึ่งเดินโอบกันเข้ามา ก่อนจะแลกจูบกันอย่างเร่าร้อนราวกับลืมโลก ทั้งที่อีกมุมยังมีคนสองคนจ้องมองอยู่อย่างตะลึงมือหนึ่งกอดเอว มือหนึ่งลูบต้นขา ไม่มีแม้สำนึกถึงสาธารณะ จากนั้นทั้งคู่พากันหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงประตูจะ...ปัง!“ไม่ต้องเบามือนะหนุ่มน้อย เต็มที่เลย เจ้ชอบบบ~!”เสียงแสบหูดังแว่วมาทันก่อนประตูจะปิด เงียบงันอีกครั้ง...บรรยากาศเงียบ...จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเองข้าวหอมหน้าแดงปลั่ง เธอหันไปมองหน้าไดออน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ของตัวเองกับเขา‘ถ้าเพื่อนไม่โผล่มา...เราจะเลยเถิดไปไกลแค่ไหนนะ…’เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น...ติ๊ง!เสียงข้อความจากมือถือของไดออนดังขึ้นกะทันหันเขาหยิบขึ้นมาดู“ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุขนะคะ ^^ ถ้าจะใช้มุมไหนในบ้านก็ตามสบายเลยค่ะ รับรองว่าคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ออกจากห้องนี้แน่นอน😏 – มินยง”ไดออนชะงัก มือที่ถือโทรศัพท์สั่นนิด ๆ ด้วยความพยายามกลั้นหัวเราะ“มินยง...” เขายื่นมือถือให้ข้าวหอมดูข้าวหอมเห็นข้อความแล้วแทบจะเอาหน้าซุกหมอน ร้องเส
“เราเป็นแฟนกันนะ”เธอพูดเสียงเบา ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มสองแก้ม ‘ให้ตายสิ…เขาคงไม่รู้หรอกว่า ต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดออกมาได้’แต่เขากลับ... เงียบ!?เธอเริ่มเม้มปากแน่นขึ้น เหลือบมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา ทำท่าทางสบายเกินหน้าเกินตา“ผมว่า... ขอเวลาคิดก่อนจะได้ไหม?” เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีสีหน้าอะไรทั้งนั้น“ห๊ะ?” เธอเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ‘นี่เขากำลังแกล้งเรารึเปล่าเนี่ย?’“ผมอยากแน่ใจว่าผมกำลังจะรักผู้หญิงธรรมดา... ไม่ใช่ดีไซเนอร์เพิ่งได้รางวัลระดับโลกมา”เขาเริ่มวางมาดขรึม ‘จะเอาคืนบ้าง ใครบอกให้เขารอมาได้ตั้ง 6 เดือน’“โอเคค่ะ... ฉันให้เวลาคุณคิด...” เธอลุกขึ้น ยกคางนิด ๆ อย่างวางฟอร์ม “แต่ให้ได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น!”“หืมม?” เขาเลิกคิ้ว“ถ้าครบสามนาทีแล้วคุณยังไม่ตอบ ฉันจะถือว่าไม่ตกลง... แล้วฉันจะขอคืนกำไลด้วย”ว่าแล้วเธอก็แกล้งยื่นมือไปจับข้อมือเขา ทำท่าจะถอดกำไลออก“เฮ้ย! ไม่เอาน่า!” เขารีบดึงข้อมือหลบ“ห้ามเอาคืนนะ ให้แล้วก็ต้องให้เลยสิครับ”“เวลาเดินนะคะ เหลือสองนาทีห้าสิบแปดวินาทีแล้ว”เธอทำหน้าเฉยเหมือนไม่แคร์ ทั้งที่ใจเต้นต
ในห้องนั่งเล่นข้าวหอมเปิดประตูบ้าน ค่อย ๆ หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วผลักบานประตูให้เปิดออกช้า ๆ“เข้ามาก่อนสิคะ”เธอพูดเบา ๆ โดยไม่ต้องเอ่ยคำเชื้อเชิญยืดยาว เขาเดินตามเข้าไปโดยไม่ลังเล ก่อนประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งความวุ่นวายไว้ด้านนอกแสงไฟอุ่นในห้องนั่งเล่นค่อย ๆ ไล่ความเย็นชาในใจของทั้งสอง และ...ค่ำคืนนี้ ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเขานั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง หันไปมองเธอเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว 2 แก้ว“เห็นคุณดื่มไปเยอะในงาน เลยทำอันนี้มาให้ค่ะ”เธอยื่นให้ เขารับไว้เงียบ ๆ ก่อนดื่มช้า ๆ สายตายังไม่ละไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว“คุณเห็นด้วยใช่ไหม?”เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้… ใกล้จนเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง“หะ…เห็นอะไรคะ?”“ว่า…คืนนี้ผมอยากอยู่กับคุณ...แค่สองคน”เขากระซิบเบา ๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนจากลมหายใจที่ทำให้เธอเคลิ้ม“ตะ...ตัวคุณหอมจัง” ‘โอ้ยยยย ยัยข้าว พูดอะไรออกไปเนี่ย!’เขาหัวเราะเบา ๆ สบตาเธอ“ชอบเหรอ หึ...”‘ชอบค่ะ ชอบมากเลย!’ แต่เธอกลับแค่ยิ้ม...แล้วหลบตาเขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น เหม
หลังจากที่ข้าวหอมก้าวขึ้นเบาะข้างคนขับ เธอก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นเยียบที่ปกคลุมอยู่ภายในรถ ไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นเพราะความเงียบของคนขับที่นั่งอยู่ข้าง ๆ‘เขามาได้ยังไง ทั้งที่อ่านข้อความแล้วไม่ตอบ...อยู่ ๆ ก็โผล่มา?’คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัวข้าวหอมไม่หยุด เธอหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่เสียงเพลง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขารถแล่นด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง — เร็วและแรงเหมือนกับความรู้สึกที่เดือดปุด ๆ อยู่ในใจของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน...นิ่งเงียบเกินไป ราวกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง‘เขา...กำลังโกรธใช่ไหม?’‘หรือ...เขาแค่เมา?’ข้าวหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นระรัว ทั้งหวั่น ทั้งสับสน ทั้งกลัวเขาไม่แม้แต่จะมองเธอ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่อธิบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาคือคนที่ขี้เล่น อารมณ์ดี ความเงียบในรถหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามอะไรสักอย่าง ทว่าในจังหวะนั้นเอง เสียงเบรกรถจากรถตู้คันสีดำที่ขับตามมาอย่างกระชั้นชิดทางด้านหลังดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกดวงตาคู่สวยเบิกกว้า