.
.
ใบหลิวเดินลงจากชั้นบนมาได้ยินแม่บ่นอุบอิบเรื่องของเธอให้พี่ชายฟัง ทุกคนมองไปทางต้นเสียงก็เห็นหญิงสาวสวยร่างอรชรเดินลงมา เธอใส่เพียงกางเกงยีนขาสั้นและเสื้อยืดคอวีสีขาวบาง เพื่อนๆ ของพี่บิลลี่ถึงกับมองค้าง อกเป็นอกเอวเป็นเอวตัวเล็กบางหุ่นนาฬิกาทรายที่ผู้หญิงทุกคนอยากจะมี ไม่ต้องแต่งตัวมากก็รู้สึกถึงเสน่ห์น่าเข้าหา
จากเด็กอวบท้วมหน้าแป้นแล้นเปลี่ยนเป็นสาวสวยขนาดนี้เชียวหรือ ใบหลิวเดินหน้ายุ่งเข้ามาหาแม่ก่อนจะไปหยิบเอี๊ยมตัวประจำมาใส่ พร้อมกับรวบผมขึ้น ทำเอาหนุ่มๆ ถึงกับกลืนน้ำลายกันเป็นแถบจนบิลลี่ต้องตบไหล่เพื่อนๆ เพื่อเรียกสติ มีเพียงปาร์คที่มองใบหลิวด้วยสีหน้าเรียบเฉย บิลลี่เดินเข้าหาน้องสาวตนเองก่อนจะคว้าคอเธอมาล็อคพร้อมกับเขกหัวเธอเบาๆ
"ว่าไงยัยตัวดี...ได้ข่าวว่าดื้อมากหรอ"
"โอ้ย! พี่บิลเจ็บนะ"
"เจ็บสิจะได้จำ"
"พี่ใบสวยขึ้นเยอะมาก ไม่เจอกันตั้งนาน"
อะอายเดินเข้ามาด้วยท่าทางดีใจสุดขีด เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยเธอก็ไม่ค่อยได้เจอพี่สาวของตัวเองเลย บวกกับที่เธอเองก็ไปเรียนต่อนอกด้วยเลยรู้สึกคิดถึงและทึ่งในความเปลี่ยนแปลงของพี่สาวไม่น้อย
บิลลี่ปล่อยใบหลิวก่อนที่อะอายจะกระโดดกอดเธออย่างดีใจ ส่วนลูกแก้วนั้นเอาแต่มองปาร์คที่ยังคงจ้องใบหลิวไม่วางตา ทำเอาเธอไม่พอใจมากนักแต่ก็ต้องทักทาย
"พี่ใบสวยจริงๆ นะคะ เหมือนกับคนละคนเลย....ใช่ไหมคะ พี่ปาร์ค พี่กาย พี่ออดี้" -ลูกแก้ว
"เอ่อ...นั่นสิ" -กาย
"อื้ม...สวยขึ้นเป็นกองเลย" -ออดี้
"โตเป็นสาวแล้วนะเรา" -ปาร์ค
"สวัสดีพี่ๆ ด้วยค่ะ ถ้าไม่มีไรแล้วใบขอไปช่วยแม่ทำกับข้าวก่อน" -ใบหลิว
"ไปด้วยสิๆ" -อะอาย
ใบหลิวไหว้ทักทายก่อนจะเดินเข้าหลังครัวโดยไม่สนใจ แม้ว่าเธอจะลงมาตอนแรกจะอึ้งกับความหล่อออร่าของพวกพี่ๆ แต่ละคนเหมือนกับพากันมาถ่ายหนังอย่างไงอย่างนั้น แต่เธอเลือกที่จะเมินดีกว่า เพราะวีรกรรมของเธอที่แม่รวีได้บ่นให้พี่ๆ เขาฟังทำหให้เธอไม่มีอารมณ์มาว้าวอะไรทั้งนั้น
ใบหลิวเดินไปทำกับข้าวแทนแม่ เพราะแม่จะต้องออกไปคุยกับพวกพี่ๆ โดยมีอะอายคอยช่วย ส่วนลูกแก้วนั้นช่วยเอาน้ำท่าไปเสิร์ฟ และเตรียมจาน
"ว่าแต่พี่ใบ..แกไปทำไรมาถึงสวยขึ้นขนาดนี้"
"กินเหล้าไง ฮ่าๆ"
"มันใช่ที่ไหนเล่า สวยขนาดนี้มีแฟนรึยังเนี่ย?"
"ไม่เคยมีอ่ะ...แล้วแกล่ะ..มีแฟนรึยังอาย"
"โอ้ย...ฉันยังไม่สนใจหรอก ตอนนี้หาเงินได้เยอะมีความสุขแล้ว"
"ได้ข่าวว่าแกเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าไม่ใช่หรอ"
"ใช่ ว่าแต่พี่เถอะ หายไปนานเลย"
ทั้งสองคุยกันไปกันไปสัพเพเหระถามไถ่กันด้วยความคิดถึงจนทำกับข้าวเสร็จ ทั้งสองเอากับข้าวไปเสิร์ฟที่โต๊ะที่ทุกคนนั่งอยู่ พร้อมกับนั่งทานอาหารกัน บรรยากาศทุกอย่างเหมือนเคย มีแต่ใบหลิวที่อิ่มก่อนเพื่อนเพราะเธอรู้สึกพะอืดพะอมเลยทานอะไรไม่ค่อยลงเท่าไหร่นัก
"อิ่มแล้ว..."
"เป็นอะไร...กินไปนิดเดียวเอง"
"ก็อิ่ม"
"แฮงค์หรือไง?"
"ก็...อืม"
บิลลี่ถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวเตรียมเอาจานข้าวของตนเองไปเก็บ พร้อมแซวถามเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขาทำหน้าพะอืดพะอมกับอาหารตรงหน้าเสียเต็มประดา
"ถ้างั้น อิ่มแล้วก็ไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมตัวเลยนะเจ้าหลิว"
"เตรียมตัว? ไปไหนหรอแม่?"
"ไปอยู่กับพี่บิล แม่ฝากพี่เขาให้คุมความประพฤติเราแล้วหางานทำด้วย"
"แม่ไม่รักใบแล้วหรอ?"
"เพราะรักนี่แหละ แม่ล่ะห่วงอนาคตแกมากกว่าใครๆเลย"
"ไม่เอาอ่ะแม่ หนูจะอยู่กับแม่"
"เจ้าหลิว...อย่าดื้อกับแม่สิ ร้านนี้ไม่ต้องห่วงแม่ดูอยู่กับน้าๆ"
"ทำไมแม่ไม่ถามหนูก่อน แล้วทำไมต้องไปอยู่กับพี่บิล ไปอยู่กับอะอายก็ได้"
"อะอายคุมหนูไม่อยู่หรอก อีกอย่างอะอายไปต่างประเทศบ่อย..."
"ไม่ไป! ยังไงหนูก็ไม่ไป!"
ใบหลิวพูดจบก็ลุกขึ้นเอาจานของตัวเองไปล้างพร้อมด้วยเดินขึ้นห้องไป ปิดประตูล็อกกลอน เธอแค่ไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียวทำไมแม่ถึงไม่เข้าใจเธอบ้าง ไม่ว่าใครแวะเวียนมาเรียกเธอให้ออกจากห้องเธอก็ไม่ยอมออก จนในที่สุดแม่รวีก็เอ่ยปากขึ้น..
"เสื้อผ้ากระเป๋าของใช้ลูกอยู่ในรถหมดแล้ว ออกมาแล้วไปได้แล้ว..อย่าให้พวกพี่เขาเสียเวลา"
"ได้ไงอ่ะแม่!!"
ใบหลิวเปิดประตูออกมาประจันหน้ากับผู้เป็นแม่ที่มีท่าทีเหนื่อยใจ ระหว่างที่เธอทำกับข้าวผู้เป็นแม่รู้ดีอยู่แล้วว่าลูกสาวของตนไม่ยอมง่ายๆ แน่ หลังจากคุยกับบิลลี่เสร็จแม่ก็ขึ้นบ้านมาเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ของลูกสาวแพ็คใส่กระเป๋า พร้อมทั้งมีบิลลี่ยกกระเป๋าขึ้นรถตั้งแต่บ่าย โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย มารู้ก็ตอนแม่พูดขึ้นหน้าประตู..
หลังจากที่ใบหลิวเปิดประตูออกมาก็ถูกบิลลี่คว้าตัวแล้วอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิงแล้วพาลงไปชั้นล่าง เขาเองก็ไม่ได้อยากบังคับน้องสาวของเขาแบบนี้ แต่เพราะความดื้อและเอาแต่ใจของเธอจึงจำเป็นต้องใช้กำลัง แล้วมีหรือที่เธอจะไม่ขัดขืน ใบหลิวดิ้นไม่หยุด พอถึงชั้นล่างเธอก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของพี่ชายเธอทันที แล้วตั้งท่าวิ่งออกไปหน้าบ้าน ไม่ทันที่จะวิ่งหนีไปได้ก็ถูกใครคนหนึ่งคว้าแขนเธอไว้ได้ทันท่วงที
"พี่ปาร์ค! ปล่อยใบเถอะค่ะ"
"......."
ปาร์คที่ยืนรออยู่ที่รถเห็นหญิงสาววิ่งมาก็รู้ได้ว่าเธอกำลังหนีแน่ๆ จึงคว้าแขนเธอไว้แน่น แม้ว่าหญิงสาวจะขอร้องให้เขาปล่อยก็ตาม แต่ปาร์คกลับไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้ปล่อยมือเธอด้วย
ใบหลิวคิ้มขมวดทันทีก่อนจะสะบัดมืออย่างแรงจนหลุดจากการจับมือของเขาและเตรียมจะวิ่งอีกครั้ง แต่เหมือนปาร์คจะรู้ความคิด เขาจึงคว้าเอวของเธอไว้พร้อมกับอุ้มขึ้นไปพาดบนบ่า ใบหลิวตกใจอึ้งกับการกระทำของปาร์คพร้อมกับร้องเสียงหลงก่อนจะเริ่มดิ้นและทุบหลังเขาเพื่อให้ปล่อยลง
"กรี๊ดดดดดดด...พี่ปาร์คปล่อยใบลงนะ!"
"ก็อย่าดื้อสิ ไม่งั้นพี่จะตีให้ก้นลายเลย"
ทุกคนวิ่งออกมาอย่างเหนื่อยหอบก็เห็นว่าปาร์คจับตัวของใบหลิวได้แล้ว แถมใบหลิวยังนิ่งอีกด้วย ลูกแก้วเห็นแบบนั้นก็อดหงุดหงิดในไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าปาร์คแค่อยากจะช่วยแม่รวีเท่านั้น จนในที่สุดพวกเขาก็พาเธอขึ้นด้วยดีโดยที่เธอนั่งข้างๆ คนขับ
ปาร์คเป็นคนขับ และบิลลี่นั่งข้างหลัง กายและออดี้กลับด้วยกันโดยรถอีกคัน ส่วนสองสาวขอค้างที่บ้านก่อนค่อยกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น แม่และน้าๆ บอกลาใบหลิวด้วยความเป็นห่วง แต่ผู้เป็นแม่เริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างว่ามีคนคุมเธออยู่
"อย่าดื้อกับพี่นะเจ้าหลิว"
"ไม่รับปาก....แต่หนูจะกลับมาหาแม่เร็วๆนี้"
"เอ้...เจ้าลูกคนนี้นี่"
แม่รวีส่ายหน้าก่อนจะพยักหน้าให้ปาร์คและบิลลี่เป็นเชิงบอกว่าฝากดูน้องด้วย รถคันเก๋งสีดำคันหรูแล่นออกไปจนลับสายตาของผู้เป็นแม่ ภายในใจก็อดห่วงลูกสาวจอมดื้อของเธอไม่ได้
แม้ว่าจะแอบมีความหวัง แต่ถ้าเมื่อใดที่ลูกสาวคนนี้ไม่มีเป็นที่ต้องการแล้วแม่ก็พร้อมจะอ้าแขนรับอยู่ดี แต่เพียงแค่ขอให้เธอได้ใช้ชีวิตอีกหน่อยเพราะเธอยังเด็ก ไม่ใช่มัวแต่มาดูแลคนแก่แบบเธอ สักวันเธอต้องหาคนมาอยู่เคียงคู่ดูแลในวันที่แม่ไม่อยู่แล้ว แม่รวีรู้ความคิดลูกสาวดีว่ารักเธอแค่ไหน
ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ ใบหลิวนั่งหน้างอหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพราะเธอเองก็นั่งน้ำตาไหลลงอาบแก้มพอจากผู้เป็นแม่มา และเธอไม่ต้องการให้ใครเห็นทั้งนั้น แต่หญิงสาวกลับไม่รู้หรืออาจจะไม่สนใจว่ากระจกมันสะท้อนกลับเข้ามาทำให้ปาร์คที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นทั้งหมด
ปาร์คก็พอรู้ว่าเธอรักแม่มากแค่ไหนตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตขึ้นทั้งรูปร่างหน้าตานิสัยท่าทางการพูดการจาและการแต่งตัวเหมือนเป็นคนละคน เด็กสาวคนนั้นกับหญิงสาวคนนี้ต่างกันลิบลับจนกลายเป็นว่าเขาเหมือนไม่รู้จักเธออีกต่อไป เขาต้องยอมรับเลยว่าตอนเห็นเธอครั้งแรกหลังจากที่ไม่เจอกันเลยมา11ปี เขาเองก็อึ้งและมองเธอเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่พอตั้งสติได้ก็ต้องเห็นเธอเป็นน้องสาวดังเดิม...
"เจ้าใบ.."
"อะไร?"
บิลลี่เรียกน้องสาวตัวเองขึ้นแต่ก็ได้คำตอบและน้ำเสียงตอบกลับมาแบบห้วนๆ ทำเอาใจพี่ชายที่เป็นห่วงเธอถึงกับแป้ว เพราะดูเหมือนน้องสาวของเขาจะโกรธเขามากพอสมควร
"อย่าโกรธพี่เลยน่า...เห็นแก่แม่เถอะ"
"แล้วทำไมไม่ให้ใบอยู่ดูแลแม่"
"แต่แม่ไม่ต้องการแบบนั้น แม่บอกว่าอยากเห็นอนาคตของเธอนะ"
"........"
"พี่จะไม่ห้ามที่เราเที่ยวหรอกนะ แต่เราต้องทำงานและต้องทำให้ได้นานๆ ขออย่างเดียวเที่ยวยังไงก็ได้และต้องไปทำงานได้"
"งั้นหรอ...."
"มันต้องอยู่ในขอบเขต ตัวเองต้องไม่เสียหาย"
บิลลี่รีบพูดดักเมื่อเห็นรอยยิ้มของใบหลิวที่ยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เจ้าร้าย ปาร์คมองดูหญิงสาวที่นั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เพราะพอจะเดาความคิดเธอออกว่าเธอต้องสร้างเรื่องให้พวกเขาส่งเธอกลับแน่ๆ ให้พูดตรงๆ คือ ร้ายใช่เล่น...
"พี่พูดเองนะพี่บิล"
"........."
.
.."ทำไมพี่ปาร์คต้องให้หลิวเอาลูกไปฝากแม่ละคะ"ใบหลิวเอ่ยถามขึ้นหลังจากฝากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้กับผู้เป็นแม่ตามที่ปาร์คขอร้องให้เอาไปฝากไว้สักวัน ทั้งที่ลูกชายของเธอพึ่งจะสี่ขวบ เธอก็ยิ่งคิดหนักและคิดถึงเป็นธรรมดาจนใบหน้าสวยสลดอย่างเห็นได้ชัด ปาร์คปรายตามองใบหลิวครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น"แค่สองสามวันเอง...พี่อยากมีเวลาอยู่กับหลิวบ้าง""ปกติก็อยู่ด้วยกันทุกวันนี้คะ ไม่เห็นต้องแยกลูกไปเลย""พี่อยากอยู่กับหลิวสองต่อสองบ้าง...เรามัวแต่ทำงานเลี้ยงลูกไม่มีเวลาให้กันเลยนะหลิว"ปาร์คเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง ใบหลิวหันมองยังเขาที่กำลังขับรถกลับในเมืองอย่างไม่เข้าใจนัก เพราะเธอคิดว่าก็อยู่ด้วยกันตลอดจะไม่มีเวลาได้ยังไง"เราไม่มีเวลา...หวานกันบ้างเลยแล้วนี่ก็ใกล้จะวันวาเลนไทน์แล้วด้วยพี่เลยอยากจะ...""วาเลนไทน์แล้วไง ไม่ใช่วันครบรอบสักหน่อย"ใบหลิวเอ่ยขัดขึ้นมาใบหน้าดูท่าทางหงุดหงิด ปาร์คหันไปมองยังภรรยาของตนครู่หนึ่งก่อนจะขับรถต่อไปเงียบๆ ภายในหัวคิ
ห้องใบหลิวปาร์คมองร่างหญิงสาวที่นอนหลับอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและห่วงหา มือหนาของเขายังจับมือเธอไว้แน่นโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวเหมือนกลัวจะหายไปใบหลิวขยับตัวเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้งก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาทันที ปาร์ครีบเข้าไปพยุงพร้อมมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ตอนคุยโทรศัพท์เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องแพ้ท้องให้เขาฟังเลยสักครั้ง“พี่ปาร์ค? แม่อนุญาตแล้วหรอคะ?”ปาร์คพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ ตาเรียวมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวอันเป็นที่รักอย่างสลด ที่เขาไม่สามารถดูแลหรืออยู่ใกล้ๆ ได้เลยเกือบจะหนึ่งเดือนเต็ม แต่ใบหน้าซีดเซียวนั้นกลับยิ้มให้เขาอย่างดีใจที่ได้เจอกันจนลืมอาการอยากอาเจียนไปเสียหมด เมื่อเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นชายหนุ่มจึงคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะคลายกอดอย่างอ้อยอิ่ง“ลุกไหวไหม? พ่อพี่ใกล้จะมาถึงแล้ว”“คะ? คุณปรเมตต์มาด้วยหรอคะ?”ชายหนุ่มพยักหน้าแทนการตอบคำถามของเธอ ใบหลิวทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะนี่
..วันแล้ววันเล่าที่ปาร์คยังคงทำงานช่วยที่บ้านแม่รวีเกือบเดือนที่เขายังคงไม่ได้เห็นหน้าใบหลิวเลย ได้เพียงแค่พูดคุยผ่านโทรศัพท์ทุกคืนเพียงเท่านั้น แต่ปาร์คก็ยังไม่หนีไปและเฝ้ารอวันที่แม่รวีใจอ่อน ไหนจะปรเมตต์ผู้เป็นพ่อที่คอยโทรมาย้ำเขาตลอดว่าให้อดทนปาร์คทำงานอยู่ด้านล่างของตัวบ้านก็ได้ยินเสียงดังจากด้านบนที่ใบหลิวอยู่ เขาได้ยินกลายๆ ว่าใบหลิวแพ้ท้องหนัก แม่รวีจึงเดินขึ้นไปดูแลบ่อยๆ ชายหนุ่มทำงานไปด้วยก็แอบยิ้มไปด้วย ในใจก็คิดว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ แม้เขาจะอยากขึ้นไปดูแลเธอด้วยตัวเอง แต่เขาก็ทำได้แค่อดทนเพียงเท่านั้น“ไอ้ปาร์ค!” –บิลลี่“นี่มึงเปลี่ยนจากประธานโรงงานน้ำมันมาเป็นพ่อค้าข้าวแกงแล้วหรอวะ” -กาย“กูละยอมใจมึงจริงๆ” –ออดี้บิลลี่และคนอื่นๆ เดินเข้าบ้านมาพร้อมของฝากของบำรุงมากมาย เพื่อนทั้งสี่คนกอดทักทายกันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ใต้ถุนบ้าน“แล้วแม่กูไปไหนละ”“อยู่ข้างบนดูแลหลิวอยู่”“เจ้าใบป่วยหรอ?”“เปล่า หลิวแพ้ท้องหน
..06.00 น.“มาทำไม?”“มาช่วยแม่น่ะครับ”“ไม่จำเป็น ฉันทำของฉันเองได้”ปาร์คเดินเข้ามายืนยิ้มให้กับแม่รวี แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี การที่เขามีหน้าที่การงานที่ดีมีฐานะดีไม่ได้ช่วยให้แม่รวียอมยกลูกสาวให้เลยแม้แต่น้อย ปาร์คจึงคิดว่าคงต้องเข้าหาว่าที่แม่ยายด้วยการพิสูจน์ว่าเพื่อใบหลิวแล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม“ซื้อแกงหน่อยจ้า”“ครับ เอาแกงอะไรดีครับ?”“ตายแล้ว!!! หล่ออะไรขนาดนี้พ่อคุ๊ณ อย่างกับพระเอกแน่ะ ป้ารวีนี่ลูกเขยหรอ? หล่อจนจะเป็นลม เสียดายป้าเกิดก่อนนานไปหน่อย”“ป้าก็ยังสวยอยู่นะครับ”“แหม พูดแบบนี้เอามันทุกแกงเลยล่ะกัน”ปาร์คพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอาแกงใส่ถุงแล้วยื่นให้ เขาไม่คิดว่าจะได้ยืนขายแกง แต่มันพอดีที่เขายืนอยู่หน้าบ้าน แต่แม่รวียืนอยู่ไกล เลยเป็นเหตุให้เขาได้ช่วยไปโดยปริยาย หลังจากที่ป้าคนนั้นซื้อไปแล้ว กลับมีคนแห่มาซื้อแกงจนแทบขายไม่ทัน เพราะความหล่อที่ไม่อาจมีใครต้านทานจนไม่เหลียวมองได้ ไม่ว่
..ภายในร้านอาหารบ้านๆ เต็มไปด้วยลูกค้าแน่นไปหมด กิจการกำลังดำเนินไปได้ดีจนทุกคนวิ่งวุ่น ใบหน้าเปื้อนต้อนรับลูกค้าตลอดเวลาอย่างมีความสุข ทำให้หญิงสาวแทบจะน้ำตาคลอ เธอไม่อยากทำลายรอยยิ้มนั้นเลยแม้แต่น้อย ใบหลิวยืนมองผู้เป็นแม่อยู่ไกลๆ แต่ไม่ยอมเข้าไปที่บ้านเสียที ปาร์คเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แค่ยืนรอข้างๆ รอให้เธอพร้อมที่จะก้าวเข้าไปกับเขาปาร์คจับมือใบหลิวไว้แน่นเป็นเชิงให้กำลังใจ แต่ถึงอย่างนั้นใบหลิวก็ยังคงทำหน้าเศร้ามาคลาย จากที่ไม่ได้เจอแม่มาหลายเดือน และไม่เคยได้แวะเวียนมาเยี่ยมหา แต่เธอก็ส่งเงินมาให้ตลอดไม่ขาด แต่พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าแม่ของตนจะดีใจหรือเสียใจ“เข้าไปกันเถอะ”“ค่ะ..”ใบหลิวตอบปาร์คก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปยังร้านอาหารที่เธอกับแม่ช่วยกันสร้างขึ้น ใบหลิวเดินเข้าไปทั้งที่ผู้เป็นแม่ยังไม่เงยหน้าด้วยซ้ำแต่ก็ยังร้องเรียกทักทายเพราะคิดว่าเธอเป็นลูกค้า“เชิญก่อนจ้า...ด้านในว่าง...ไอ้หลิว!!”“แม่”ผู้เป็นแม่ละทิ้งทุกอย่างด้วยความดีใจที่เห็นลูกสาวท
“คนไข้อ่อนเพลีย อาจจะเสี่ยงเป็นภาวะเลือดจาง”“ปกติก็แข็งแรงดีนี่ครับ”“ค่ะ แต่เพราะตั้งครรภ์เลยทำให้เสี่ยง เด็กทารกในท้องต้องใช้เลือดคุณแม่เพื่อสร้างอวัยวะ”“!!!”“กี่เดือนแล้วครับ?”ปรเมตต์ที่นั่งอยู่พร้อมพยุงลากสายน้ำเกลือมาด้วยถามขึ้น ในขณะที่ปาร์คยังคงช็อกค้างอยู่ พยาบาลยิ้มให้ปรเมตก่อนจะส่งใบผลตรวจพร้อมอัลตราซาวท์ให้เขา ปรเมตต์และปาร์คก้มมองดูภาพก้อนกลมๆ ที่มีตัวอ่อนคล้ายลูกอ๊อดอยู่ด้วยความตื่นเต้น“สามสัปดาห์แล้วนะคะ ดูเหมือนคุณแม่จะยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์”“ลูกแกไม่ผิดแน่ไอ้ลูกชาย ฮ่าๆๆ”ปรเมตต์เผลอหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าจะมีหลาน ปาร์คมองผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มที่เขาดีใจขนาดนี้ แต่พอปรเมตต์รู้ตัวก็กระแอมเบาๆ แล้วทำหน้าเรียบเฉย“พ่อยอมรับหลิวแล้วใช่ไหม?”“ก็เรื่องมันถึงขนาดนี้ ไม่อยากยอมก็ต้องยอม”“พ่อไม่กลัวหลานโง่แล้วหรอ?”“โง่ก็ส่งไปเรียนโรงเรียนดีๆ สิฟ่ะ ยากอะไร”ปาร์คหัวเราะกับความดื้อดึงของพ่อ แต่ตอนนี้เขาก็ยอม