นั้นไงอดีตที่ฉันจำไม่เคยลืม...
''น่ารัก น่ารัก! ยัยน่ารัก!!''
ฉันสะดุ้งตัวนิดหน่อยเเล้วหันไปหายัยเอวาที่นั้งต่อด้านหลังของฉัน
''นี่เเกเป็นอะไรอ่ะเห็นยัยเอวามันเรียกเเกตั้งนานเเล้วเหม่ออะไรห้ะ''
เเล้วยัยเทพายก็ชะเง้อมาถามฉันมันนั้งต่อด้านหลังของยัยเอวา
''ป่าวนิ ฉันคิดอะไรเรื่อยๆไปหน่อยอ่ะ''
''เเน่ใจนะ''
ยัยเอวาถามขึ้นเเบบสงสัย
''กะก็เเน่ใจไง ไม่มีไรหรอก''
เเหม๋ยัยสองตัวนี่ทำหน้าอย่างกับไม่เชื่อคำพูดของฉันเเหนะ
''น้องสามคนนั้นอ่ะ คุยอะไร?ลุกขึ้น เเล้วเดินออกมาด้านหน้าด้วยครับ''
ฉิบหายเเล้ว!!! ฉันหันไปก็เห็นพี่วายุชี้มาทางด้านที่พวกเรานั้งต่ออยู่กันสามคนพวกนักศึกษาทั้งหลายก็มองมาที่พวกฉันจนกลายเป็นจุดสนใจ
''นับหนึ่งถึงสาม ถ้าน้องไม่ลุกขึ้นมาเจอดีเเน่!!''
"หนึ่ง!"
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากฉันไม่กล้าเดินออกไปอ่ะฉันอายคน
"สอง!"
"อยากลองดี? สะ.."
พี่วายุพูดไม่ทันขาดคำพวกฉันก็พร้อมใจลุกขึ้นอย่างไม่ได้นัดหมาย ใครอยากขัดคำสั่งพวกเขากันละพวกเราสามคนเดินตรงไปด้านหน้า พวกนักศึกษาก็มองกันเป็นเเถวๆโดยมีเสียงเเว๋วๆขายมาในหูเป็นบางคำ...บางคนพูดว่า คนนั้นน่ารักว่ะ คนนั้นก็สวย อยากได้เป็นเมีย ไม่เห็นสวยเลย หน้าก็งั้นๆ เเล้วก็มีเสียงซุบซิบทั้งชายหญิงให้ฉันได้ยิน กดดันเว้ยย ฉันเดินก้มหน้าไปอย่างจำนน โดยไม่ได้ดูทางมัวเเต่ก้มหน้าไงจนชนกับอกเเกร่งของผู้ชายคนหนึ่ง
ปึก!!!!
''โอ๊ย!!ขะขอโทษคะ พะพี่เเวมไพร์''
ฉันอยากจะวิ่งออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันเงยหน้าพร้อมเบิกตากว้างเป็นเขาจริงๆด้วยคนที่พรากความบริสุทธิ์ของฉัน
''เธอ..หึ!! ไงไม่เจอกันนานเลยนะ เมีย...''
ตอนเเรกเขาก็ทำหน้าอึ้งๆอยู่ ไม่นานเขาก็ปรับสีหน้าเรียบๆเเล้วก็ก้มหน้าลงมากระซิบที่หูของฉันเบาๆโดยให้ได้ยินเเค่ฉันกับเขาเท่านั้น เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น
'เฮ้ยสองคนนี้เขาเป็น...!!!'
'อย่าบอกน่ะว่าเขาคบกันอ่ะเสียดายพี่เเวมไพร์ของฉัน!!!'
''มะเมีย อะไรของพี่อ่ะ''
ฉันพูดเเล้วพลักหน้าอกของพี่เเวมไพร์ให้ออกห่างจากใบหน้าของฉัน เเต่เขาก็ไม่ยอมออกห่างจากหน้าฉันสักนิดเดียว
''ไม่เจอกันนานจำผัวไม่ได้?''
เขาพูดอะไรของเขาเนี่ย ทุกคนที่นั่งมองอยู่...มองอย่างสงสัยเเละอยากรู้อยากเห็น
''หนูไม่รู้จักพี่...เเล้วหนูก็ไม่มีผัวด้วย''
ฉันพูดเเล้วก็หันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบตากับคนตรงหน้าฮื่อ..ใครก็ได้ช่วยพาฉันไปจากตรงนี้ทีของร้องล่ะ
''เฮ้ยไอ้เเวมรู้จักน้องเขาด้วยเหรอว่ะ''
''เออ!!!กูรู้จักถึงเนื้อถึงตัวเลยวะ กูพายัยนี่ไปคุยธุระนิดหน่อยเดียวกูเอามาคืน คิดถึงจะเเย่''
ฉันยืนอยู่ไม่ทันตั้งตัวพี่เเวมไพร์ก็จับมือเเล้วลากฉันให้เดินไปกับเขา เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นหลังจากพี่เเวมไพย์จับมือฉันเดินออกมาจากกิจกรรมรับน้องใหม่
ณ ลานจอดรถไร้ผู้คน
ปึก!!!
เอาอีกเเล้ว นึกจะหยุดก็หยุด เจ็บเหมือนกันนะ จมูกของฉันจะหักไหมเนี่ย....
''ซุ่มซ่ามจังวะ!!!''
เเล้วเขาก็หันมาตะโกนใส่หน้าฉัน ต้องเป็นฉันมากกว่าไหมที่พูดคำนั้น
''พี่นั้นเเหละเดินยังไง ซุ่มซ่าม''
ฉิ่ง////
เขาส่งสายตาเเบบนี้มาหาฉันอีกเเล้ว เวลาฉันพูดกับเขา ต้องเงยหน้ามองพี่เเวมไพร์จนคอจะเคล็ดอยู่เเล้ว ก็ฉันเตี้ยกว่าเขาตั้งเยอะฉันอยู่ระดับอกของเขาเอง
''พูดใหม่อีกทีสิ น่ารัก..''
ใบหน้าของเขาเริ่มเข้ามาใกล้จนปากจะเตะกันอยู่รอมรอ นี่เขา ยังจำชื่อฉันได้ด้วยหรอ
''อะเอ่อ...พี่นั้นเเหละที่ซุ่มซะ..อุ๊บส์!!!อื้อ!!''
ฉันพูดยังไม่จบ พี่เเวมไพร์ก็ประกบปากทันที เขาบดขยี้ริมฝีปากเบาๆเเละเริ่มสอดลิ้นเข้ามาเเต่ฉันไม่ยอมเปิดปาก เขาเลยยกมือขวาขึ้นมาเเล้วบีบปากฉันให้เปิดปากออกพร้อมสอดเรียวลิ้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งดูดทั้งกัดนี้เขาอดอยากมาจากไหนกัน
ตุบๆๆๆ
มือฉันก็รั่วใส่หน้าอกของพี่เเวมไพร์อย่างเเรงเเต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด คนหรือหุ่นยนต์ทำไมถึงไม่รู้สึกอะไรเลย
จ๊วบ จ๊วบ จ๊าบ
อื้อไม่ไหวเเล้วมือฉันตอนนี้กลับอ่อนเเรงไปหมดส่วนเขาก็จูบอย่างดูดดื่มไม่ยอมปล่อย จูบเเบบนี้มันเหมือนกระชากวิญญาณของฉันให้ออกจากร่างไป...
ในที่สุดฉันก็หลุดจากการจูบของพี่เเวมไพร์ เขาค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างนุ่มนวล
''รสชาติยังเหมือนเดิม เเต่ตรงนั้นยังเหมือนเดิมรึป่าว?''
''พูดบ้าอะไรของพี่''
''ยังฟิต หรือ หลวมหมดเเล้วละ''
ห้ะ! หยาบคายที่สุด ฉันหันหลังให้เขากำลังจะเดินออกไปเเต่เขาก็คว้ามือเอาฉันไว้
''ไม่ตอบ ก็เเปลว่าหลวมสิน่ะ!''
ฉันหันไปมองหน้าเขา ไม่คิดว่าพี่เเวมไพร์จะพูดเเบบนี้
''เเล้วไงค่ะ หลวมเเล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยอีกอย่างหนูเอาหลายคนเเล้วด้วย!''
''น่า..รัก''
เขาบีมมือฉันเเนนขึ้นเรื่อยๆ เสียงต่ำเย็นชาต่างจากเมื่อสักครู่นี้ หน้าดูเรียบนิ่ง
''ปล่อยหนูนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้! มันเจ็บนะ!''
ฉันทั้งดึง ทั้งเกะเเต่มันไม่ออก เเรงเยอะชะมัดเลยคนบ้าอะไร
''เดี๋ยวนี้ ขึ้นเสียง ดื้อ ไม่ฟังว่างั้นต้องสั่งสอน จัดหนักๆ!!เอาเเรงๆ!! กระเเทกให้เอวพัง!! ใช่ไหมน่ารัก''
ฮื่อ ดูเขาโมโหมากๆเเล้วด้วยก็ เขาด่าฉันก่อนนิฉันเเค่พูดประชดไปอย่างนั้นเเหละ ฉันไม่เคยมีอะไรกับใครนอกจากพี่เเวมไพร์เเค่คนเดียว
''มะ...ไม่เอาค่ะ''
''เเต่ฉันจะเอา!!! ร่านดีนักเจอฉันไปพรุนกว่าเดิมเเน่!!น้องชายฉันใหญ่กว่าเมื่อตอนนั้นอีกนะรับรองเธอจะติดใจ''
พูดจบเขาก็เดินกระเเทกไหลฉันเเรงๆเเล้วเดินออกไป ดูท่าทางเขาไม่สบอารมณ์เอามากๆ
จากนั้นฉันก็เดินกลับไปที่เดิมตอนนี้กิจกรรมจบลงพอดีทุกคนเเยกย้ายไปหมดเเล้ว เหลือเเต่ยัยเอวากับเทพายที่ยืนรอฉันอยู่
''ยัยน่ารักเเกไปไหนมารู้ไหมฉันกับยัยเอวาเป็นห่วงเเกเเทบเเย่!''
ยัยเทพายบ่นพร้อมจับตัวฉันหมุนไปมาอย่างเป็นห่วง
''ฉันไม่เป็นไรขอบใจนะที่เป็นห่วง''
''งั้นเราไปร้านเค้กกันดีกว่าเนอะ''
ยัยเอวาพูด
''เออๆไปๆ ไม่ได้กินเค้กมานานเเล้วด้วยพูดเเล้วหิวอ่ะ''
เเล้วพวกเราสามคนจับมือกันเดินออกจากมอ.เเล้วตรงไปร้านเค้กที่อยู่ข้างๆมอ.นี่เอง
"ยินดีตอนรับนะคะ"
เสียงพนักงานพูดอย่างเสียงใส
''พวกเเกจะกินอะไร? อะนี้เมนู''
ยัยเทพายยื่นเมนูมาให้ฉันเเละยัยเอวา
''ฉันเอาเค้กช็อกโกเเลตกับลาเต้หนึ่งเเก้ว''
ยัยเอวาบอกยัยเทพายที่จดรายการในกระดาษ
''ฉันเอาเค้กสายรุ่งกับชานมไข่มุก''
ฉันบอกยัยเทพายที่จดรายการอยู่ ส่วนยัยเทพายสั่งอะไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
''พี่ค่ะๆ นี่ค่ะ''
ยัยเทพายเรียกพนักงานเเล้วยื่นกระดาษที่พวกเราสั่งให้พี่เขา
''นี่เเกรู้รึยังพี่เเวมไพร์คนที่ขอคุยธุระกับเเกอะเป็นลูกเจ้าของมหาลัยเเต่พ่อเขาให้พี่เเวมไพร์บริหารมหาลัยเเห่งนี้!!เเละยังเป็นเจ้าของอื่นๆตั้งหลายเเห่งด้วยเเกอย่างเช่นคอนโด โรงเเรม ผับ เเละยังเป็นเจ้าของเกาะอีกตั้งหลายเเห่งที่ฉันรู้ว่าคร่าวๆอะนะเเม่งโครตรวยวะ''
อึ้งในอึ้ง เจ้าของมหลัยชื่อดังเนี้ยนะ ก็เเปลว่าเขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้นะสิ ไม่ว่าจะไล่ให้ใครออกจากมหาลัย จะสั่งอะไรก็ได้
''หระ..เหรอ''
''ก็เออนะสิถามยัยเอวาดูดิที่ฉันรู้ก็เพราะมีคนบอกนีกศึกษาเม้าท์กันให้เเซ่บ''
''เเกกับพี่เเวมไพร์เป็นอะไรกันอ่ะ บอกฉันมานะ''
ยัยเอวาถามเเล้วก็จ้องมองฉันอย่างจับผิด
''ปะป่าว ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยเเค่รู้จักในงานเลี้ยงรุ่นเฉยๆ นานเเล้วด้วย''
ฉันกลืนน้ำลาย กลัวว่าพวกมันไม่เชื่อ
''เเล้วทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวกันด้วย''
ส่วนยัยเทพายพูดขึ้นจับจ้องอย่างไม่วางตา
อ๊ากกกก!!ยัยพวกนี้นี้จะสงสัยอะไรนักหนา นี้ขนาดพึ่งเจอกันตอนเข้ามหาลัยวันเเรกนะดีพวกเราทั้งสามคนก็มีนิสัยคล้ายๆกันจึงเข้ากันได้ดีสุดๆ
''โน่นๆ เค้กมาเเล้วๆกินกันเถอะ''
ฉันหันไปเห็นพี่พนักงานถือเค้กมาเสริฟที่โต๊ะพอดี
''ขอบคุณนะคะ''
ฉันขอบคุณพนักงานของร้านเเละยิ้มให้
''ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าสั่งอะไรเพิ่มเติมบอกได้นะคะ^^''
"โอเคค่ะ"
พูดจบพี่พนักงานก็เดินออกไป
''ตอบบมา!!!''
ยังไม่ลืมอีกเหรอ นี้ต้องตอบจริงๆใช่ไหมได้
''เอ่อฉัน คือฉัน...มะมีอะไรกับเขาเเล้วตอนฉันอายุ18ปีอ่ะงื้อ..''
ไม่บอกก็ต้องบอกอยู่ดีอ่ะ ยิ่งสองตัวนี้ยิ่งกว่านักสืบโคนันซะอีก
''ห้ะ!!!!!''
จะเเหกปากดังทำมายยยยยย...โต๊ะข้างๆก็หันมามองอย่าสงสัยเเล้วโว๊ย...
''พวกเเกอย่าเสียงดังสิ เขาหันมามองกันใหญ่เเล้ว''
''ก็ตกใจหนะสิเล่าให้ฉันกับยัยเอวาฟังมาเลยนะ''
สักพักพวกเราก็ทานเสร็จฉันก็เล่าเรื่องให้สองคนนี้จนหมดเปลือกจริงๆพร้อมจ่ายเงินเเล้วเดินออกจากร้านเค้กนี่ก็ใกล้จะมืดเเล้วด้วยก็ยัยสองคนถามนู้ถามนี้เรื่องฉันกับพี่เเวมไพร์จนมืดค่ำเลย
ณ คอนโดK
พวกเราเดินเข้าไปในลิฟต์ยัยเทพายเอื้อมมือไปกดชั้นที่10ลิฟต์กำลังจะปิดก็มีมือใครก็ไม่รู้มากั้นไว้
''ขอพวกเราขึ้นไปด้วยครับ''
''พะพี่วายุ!!''
เราสามคนตะโกนพร้อมกันถ้ามีพี่วายุก็ต้องมีพี่นิโครเเละพี่เเวมไพร์เเน่ๆ
''ตกใจอะไรครับ เอาพวกมึงสองคนไม่ขึ้นเหรอวะ''
นั้นไง พี่นิโครเข้ามาเเล้วคนตามหลังมาก็พี่เเวมไพร์
ทำไมเขาถึงมายืนข้างฉันด้วยมันอึดอัดรู้บ้างไหม
''เอ่อพี่วายุอยู่ชั้นไหนค่ะ หนูจะได้กดให้''
ยัยเอวาถามพี่วายุที่อยู่ข้างมัน พี่วายุหันไปมองยัยเอวาเเล้วพูดขึ้นเสียงเรียบๆ
''ฉันสามคนอยู่ชั้น10''
''ห้ะ!!!!!!!''
พวกเราทั้งสามเปล่งเสียงออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
หนึ่งเดือนผ่านไป….ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงสักที เป็นงานแต่งงานของฉันกับพี่แวมไพร์ที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูซึ่งเป็นโรงแรมของพี่แวมไพร์นั้นเอง แขกที่ได้รับเชิญก็มาร่วมแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาวกันเยอะมาก แต่ส่วนมากจะเป็นแขกทางฝั่งพี่แวมไพร์เสียมากกว่า ฉันไม่มีใครนอกจากยัยเพทายกับยัยเอวาที่มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับฉัน แค่นี้ฉันก็สุขใจมากๆแล้ว ขณะนี้ฉันสวมชุดเจ้าเป็นชุดราตรีสีขาวงามสะอาดตา ออกแบบจากดีไซเนอร์ชื่อดังราคาแพงจนแทบจะไม่กล้าใส่เลยอะ พี่แวมไพร์เป็นคนจ้างให้เขามาตัดชุดแต่งงานให้ฉันเลยนะ เป็นชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าซาตินประดับด้วยไข่มุกพันกว่าเม็ด เพรชห้ากะรัต และเพรชสีเขียวอีกห้ากะรัต เป็นชุดที่สวยงามมากเลยจริงๆ พี่แวมไพร์บอกว่างานแต่งงานครั้งนี้เป็นงานที่ฉันและเขาจัดขึ้นมาและอยากให้มีความสุขมากที่สุดไม่ว่าอะไรจะแพงมากมายขนาดไหนเขายินดีจะพร้อมจ่ายทุกอย่าง พี่แวมไพร์บอกฉันว่า ‘แค่นี้ขนหน้าแค่งพี่ไม่ร่วงหรอกนะ เพื่อคนที่พี่รักพี่ยอมหมดทุกอย่างครับ ขอแค่ให้น่ารักมีความสุขมากๆก็พอแล้ว’ ประโยคของพี่แวมไพร์มันทำให้ฉันยิ้มออกมาทุกครั้งที่ฉันนึกถึง “แขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ถึ
สองปีผ่านไปไวเหมือนโกหก…กรี๊ด!!!!อร๊าย!!!!เสียงเหล่านักศึกษาส่งเสียงกรี๊ดร้องกันดังลั่นตอนนี้ฉันได้เรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดีใจมากเลย!!!ขณะนี้ฉันที่ใส่ชุดครุย กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนๆเก็บไว้เป็นที่ละลึกอยู่นั้น ก็มีนักศึกษาผู้หญิงร้องเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมมองไปยังด้านหลังของฉันที่ยืนอยู่ฉันก็เลยเอะใจว่าพวกเธอกรี๊ดอะไรกัน เลยตัดสินใจหันกลับไปมองตามนักศึกษาเหล่านั้น เมื่อฉันหันไปมองก็เห็นพี่แวมไพร์เดินเข้ามาหาฉันโดยไม่รู้เลยว่าพี่แวมไพร์เดินเข้ามาหาฉันตั้งแต่เมื่อไร"เเต่งงานกับพี่นะครับน่ารัก"ก็พบว่าพี่แวมไพร์นั่งคุกเข่าในมือถือกล่องกำมะหยี่สีขาวมีเเหวนเพรชประมาณสี่กะรัตยื่นส่งมาให้ฉันม่านตาฉันเบิกกว้างอย่างตกใจค่อยๆเม้มปากแน่นเเต่งเลยๆๆๆๆ!!!!เสียงเชียร์จากเหล่านักศึกษาก็ดังขึ้นฉันที่ยืนตัวเเข็งทื่อ ไม่คิดว่าเขาจะขอแต่งงานกับฉันจริงๆ น้ำตาของฉันเอ่อล้นออกมาด้วยความดีใจสุดชีวิต จากนั้นฉันค่อยๆยื่นมือด้านซ้ายเข้าไปตรงหน้าพี่แวมไพร์"หนูเเต่งค่ะอึก !"เปะๆๆๆๆอร๊ายยยยย หู้ยยยย วู้ๆๆๆๆเสียงตบมือแสดงความยินดีให้แก่เราทั้งสองคน อย่างปลื้มปริ่มฉันยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากไว้เพ
ณ มหาลัยKกว่าฉันจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้มาได้พี่แวมไพร์ต้องพาฉันไปทำบุญเข้าวัดถวายสังฆทาน เพราะดวงฉันมีเเต่คนคิดจะจ้องรุมทำร้ายฉันไงหรืออาจเป็นเพราะดวงอาเพศกันนะเห้อ!ชั่งมันเถอะ ขอเเค่อย่าให้เกิดกับชีวิตของฉันอีกเลยนี่ก็ผ่านมาหลายวันด้วยฉันไม่คิดว่าพี่เคที่กับพี่ฟ้าจะคิดทำเรื่องแบบนั้นกับฉันจริงๆดูคนแค่ภายนอกไม่ได้หรอกนะสมัยนี้ ถ้าฉันไม่ได้พวกพี่แวมไพร์มาช่วยฉันไว้ ไม่อยากจะคิดว่าชีวิตนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป… "น่ารัก~""ยัยน่ารัก!!!""โอ๊ย~ยัยเอวาตะโกนใส่หูฉันอีกแล้วนะ หึ้ย!!"ฉันต้องหัวใจวายเข้าสักวันถ้ายัยเอวายังตะโกนใส่ฉันอยู่แบบนี้ "แล้วทำไมแกไม่ตอบฉันห้ะ!""มีอะไรว่ามา"ฉันถามมันอย่างหน้าบึ่งนี่ยังไม่หายตกใจเลยนะคิดดูสิ"พี่วายุบอกฉันว่าพี่นิโครจะถอนหมั้นกับยัยเพทายอ่ะ""ห้ะ!!!ถอนหมั้นเหรอ!!!"เพี๊ยะ!"ยัยบ้าจะเเหกปากทำไม เงียบหน่อยสิ!!!"ยัยเอวายกมือฟาดตรงต้นเเขนฉันเบาๆแต่มันก็เจ็บจี๊ดๆเหมือนกันนะยัยเอวาเห็นว่ายัยเพทายเดินไปเข้าห้องน้ำ จึงรีบกระซิบบอกฉันแต่ฉันตกใจไงก็เห็นตอนที่ยัยเพทายเกิดเรื่องพี่นิโครยังไปเฝ้าอาการที่โรงพยาบาลเลยนะถ้าคนมันไม่รักกันจริงๆจะยอมดูแลให้เห
ผมเดินไปแกะมัดน่ารักและน้องเพทายออกจากการมัดกุม ด้วยเชือกเส้นหนาใหญ่ โดยที่พวกมันยืนชิดติดกับกำแพงอย่างไม่กล้ากระดิกแม้แต่เสี้ยวเดียว เพราะมีไอ้วายุและไอ้นิโครเล็งปืนใส่พวกมันอยู่ด้านหลังของผม“ถ้าพวกมึงขยับแม้แต่นิดเดียวกูยิงสวนแน่”น้ำเสียงนิ่งเรียบของไอ้นิโครพูดออกมาอย่างสะกัดอารมณ์ ทำให้พวกมันแทบหายใจติดขัด“ไอ้วายุมึงพาน่ารักและก็น้องเพทายไปรอที่รถก่อน แล้วก็โทรหาลูกน้องมึงให้มาสมทบด้วย”ผมพูดแล้วช่วยพยุงร่างทั้งสองคนส่งให้ไอ้วายุที่ยืนอยู่ มันรีบพยักหน้ารับแล้วก็พาเธอสองคนออกไปในทันที เพราะผมไม่อยากให้น่ารักเห็นมุมของผมในด้านนี้“พวกมึงกล้ามากที่ทำร้ายเมียกู”ผมพูดเสียงเยือกเย็น พลางจ้องมองไปที่พวกมันอย่างไม่วางตา“เรื่องนี้เป็นแผนของยัยฟ้าทั้งหมด! ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่เกี่ยว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะแวมไพร์”“นี่พี่เคที่พูดแบบนี้ไม่ได้นะ!!! พี่ก็ร่วมกันวางแผนกับฉันเหมือนกันนิ!!!”ผมที่ฟังอีพวกสองคนนี้เถียงกันไปมาอย่างรำคาญลูกกะตา ผมบอกแล้วไงผู้หญิงกูก็ไม่เว้น!“พวกมึงอยากรอดกลับไปไหม?”ผมพูดปลายตามองไปยังพวกผู้ชายทั้งสี่คนที่พวกเธอจ้างมา หน้าตามีรอยแผลเป็นเต็มใบหน้าเนื้อตัวสกปร
ฉันดีใจมากที่มีคนมาช่วยพวกเรา ทั้งที่ฝนตกลงมาอย่างโหมกระหน่ำใจฉันอยากโทรหาพี่แวมไพร์แทบขาดใจพลึบ!!!เสียงประตูเปิดออกจากด้านนอกออกอย่างสำเร็จ“ขอบคุณนะคะที่ช่วยพวกหนู”ฉันพูดน้ำเสียงอิดโรยอย่างน้อยก็มีคนที่ช่วยเราไว้ ทันทีที่เจอหน้าคนที่มาช่วยนั้นเป็นผู้ชายใส่ชุดดำสามคน ที่ช่วยฉันและยัยเพทายให้ออกมาจากตัวรถอย่างแรง ทำไมต้องดึงตัวฉันออกจากรถแรงๆด้วยนะคนยิ่งเจ็บอยู่ ตาก็พล่ามั่วไปหมดอาการปวดศีรษะเริ่มเกิดขึ้น อ่า…โคตรเจ็บชะมัด ฉันพยามมองไปยังพี่คนขับเหมือนเขาจะรู้สึกตัวแล้วนะ “รีบลากตัวพวกมันเขารถเร็วๆสิวะ!!! รอพ่อมึงมารึไง!!!” เสียงคนที่ขับรถตู้คันสีดำจอดอยู่เปิดกระจกรถลงพร้อมสาดคำรุนแรงใส่คนที่ช่วยฉันและยัยเพทายออกจากรถ จับตัวอะไรกัน?หูฉันฟาดไปหรือเปล่านะ“เห้ย!รีบเอาอีสองตัวนี่ขึ้นเร็วๆสิวะ!!!”ผู้ชายคนนั้นเรียกผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างฉันและยัยเพทายให้รีบจับตัวฉันขึ้นรถตู้คันนั้น นี่ฉันไม่หูฟาดไปจริงๆใช่ไหม“นี่พวกนายจะทำไร ปล่อยพวกฉันนะ!!!!”ฉันแหกปากร้องลั่นทันที ที่มีมือหยาบคายผู้ชายมาจับตัวฉันยัดใส่รถตู้เป็นคนแรก“ปล่อยพวกฉันนะกรี๊ด!!!!”“อีนี่ฤทธิ์เยอะนักนะมึง!!”ตั๊บ!!!“อึก!
ณ คอนโด“น่ารักมาทานข้าวกัน พี่ทำอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว”ฉันที่เดินออกจากห้องนอน อาบน้ำใส่ชุดนอนตั้งแต่ฟ้าไม่ทันมืด ก็ได้กลิ่นหอมโชยติดจมูกจากในห้องครัวมาเเต่ไกล ทำให้ฉันเดินออกไปพร้อมสวมกอดร่างสูงจากด้านหลังที่ยืนทำอาหารอยู่ ฉันก็ทำอาหารเป็นนะแต่พี่แวมไพร์ทำอาหารอร่อยกว่าฉันเยอะเลยอ่ะ พี่แวมไพร์ที่เห็นฉันชอบก็เลยเป็นเชฟส่วนตัวให้กับฉันตลอดจนกว่าจะเบื่อ ไม่มีทางเบื่อฝีมือในการทำอาหารพี่แวมไพร์หรอกนะจะบอกให้ ไม่ใช่ว่าฉันขี้เกียจทำอาหารนะแต่ฝีมือการทำอาหารพี่แวมไพร์อร่อยมากจริงๆไม่ได้โม้“ไปนั่งที่โต๊ะเถอะพี่ตักอาหารให้”และแล้วฉันก็เดินไปตักข้าวสองจานเพื่อเขาด้วย ส่วนพี่แวมไพร์ก็ตักอาหารที่เขาปรุงเสร็จเมื่อครู่นี้ฉันและเขาก็ลงมือทานข้าว พลางพูดถามในสิ่งที่อยากถามกัน ชีวิตคู่ในตอนนี้มันเรียบง่ายมาก เราทั้งสองคนแทบจะไม่ทะเลาะอะไรกันเลย เราต่างคนต่างปรับเข้าหากันจนมีรักในครั้งนี้ ตลอดที่ผ่านมาพี่แวมไพร์เป็นคนจ่ายค่าเลี้ยงดูฉันทุกอย่างในบัญชีของฉันมีเงินเป็นล้านอ่ะ ฉันขอหนึ่งพันให้สองหมื่นอะคิดดู แล้วก็จะโอนให้ฉันเรื่อยๆ แต่ฉันไม่ค่อยจะใช่จ่ายอะไรพี่แวมไพร์ก็โอนให้ฉันทุกเดือนทั้งๆ ที่ฉันไม