[ณ โรงแรมสุดหรู...เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาด้า]
ปึก! เสียงธนบัตรจำนวนหนึ่งถูกโยนลงบนเตียงใหญ่
สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า รีบคลานเข้าไปคว้าเงินก้อนนั้นทันที หลังจากที่บทรักอันเร่าร้อนของเธอกับมาเฟียหนุ่มนั้นล่มไม่เป็นท่าไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น นั่นก็เป็นเพราะเธอ โซน่าไม่คิดว่ามาเฟียหนุ่มจะรู้ทันเธอเลยจริงๆ
“เอ่อ...คุณเบนคะ คือโซน่าขอโทษนะคะ ไม่ได้ตั้งที่จะ...”
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ! ฉันไม่ได้โง่นะ ที่จะให้เธอหลอกฉันแบบนี้นะ...รีบออกไป!”
‘เบน’ หรือ ‘เบนจามิน เฮมสวอร์ธ’ กระชากอารมณ์ออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้กล้าที่จะหลอกลวงเขา แกล้งหลอกเขาว่าเธอนั้นบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านใคร
“เดม่อน!!” เบนจามินร้องเรียกบอร์ดี้การ์ดคนสนิททันที
แกร๊ก! เสียงประตูใหญ่ถูกเปิดในทันใด ราวกับคาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก่อนแล้ว ร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่ปรากฏกายต่อหน้าผู้เป็นนายทันที
“ครับนาย”
“เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป!”
“ทำไมครับนาย”
เดม่อนถามกลับด้วยความสงสัย เพราะความสนิทสนมระหว่างเขากับเจ้านายนั้นมีมากพอ ที่จะกล้าถามกลับเช่นนี้
“ใครเป็นคนจัดเธอมาให้ฉัน”
ความชอบของเบนจามินก็คือความบริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งเธอคนนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ กล้าคิดจะหลอกคนอย่างเบนจามิน อย่างนั้นหรือ
“เอ่อ ผมให้ไอ้โรเจอร์มันหาให้ครับนาย อย่าบอกนะว่าเธอไม่ซิง...”
เดม่อนหันไปมองผู้หญิงต้นเรื่องทันที งั้นก็แสดงว่าเธอเล่นละครตบตาเขางั้นสิ กล้าทำขนาดนี้เชียวเหรอ
“เอ่อ โซน่าไม่ได้ตั้งใจนะคะ คือ โซน่าเคยมีอะไรกับผู้ชายตอนอายุสิบหก ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ไม่คิดว่าคุณเบนจามินจะ...”
“ไม่คิดว่าผมจะรู้งั้นเหรอ! ออกไป! เดม่อนนายเอาเธอออกไปให้พ้นๆ หน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
“ครับๆ นาย”
“ขอโทษค่ะคุณเบน”
สาวสวยหุ่นเซ็กซี่รีบลุกขึ้นแต่งตัว และไม่ลืมที่จะคว้าเงินก้อนโตนั้นติดมือไปด้วย ‘ทำงานยังไม่ถึงชั่วโมงเลย ได้เงินเยอะขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มนะ อะไรกัน! ไม่เคยหลอกผู้ชายคนนี้สำเร็จเลย เธออุตส่าห์ลงทุนบริหารช่วงล่างมาซะดิบดี’
“แล้วนายต้องการคนใหม่มั้ยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ครับนาย รับรองว่าคนนี้เธอซิงแน่นอนครับนาย”
เดม่อนนึกแค้นไอ่เพื่อนทรยศเขานัก อุตส่าห์ไว้ใจให้จัดการเรื่องนี้ ไม่คิดว่าจะทำให้เดม่อนเสียหน้าได้ขนาดนี้
“ไม่! ฉันหมดอารมณ์แล้ว...”
ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงเรียกเข้าสมาร์ทโฟนของบอร์ดี้การ์ดหนุ่ม
“ว่าไง...อืม...อยู่...อะไรนะ! โอเค เดี๋ยวฉันโทรกลับ”
เดม่อนวางสายร้อนที่สั่งตรงมาที่เขาถึงนายของตัวเอง
“นายครับ...โรมันโทรมาบอกผมครับ คือนายลูคัสอยากให้นายไปเพนท์เฮ้าส์ครับ ตอนนี้ครับนาย”
“ไปทำไม” เบนจามินชะงัก เมื่อเอ่ยชื่อของพี่ชายเขา
“นายลูคัสจะให้นายไปดู ลูกหนี้ที่นายจับมาได้น่ะครับ คือพูดตรงๆ ก็เหมือนเดิมแหละครับนาย...นายลูคัสอยากให้นายไปดูการทำงานของนายลูคัสครับ”
นายลูคัสพยายามจะให้นายเบนจามินเป็นเหมือนกับตัวเอง เลยต้องสอนเรื่องต่างๆ ให้กับนายเบนจามิน เพราะนายลูคัสรู้ว่า น้องชายตัวเองยังอ่อนหัดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
“บอกพี่ลูคัสว่าฉันไม่ว่าง”
“เอ่อ นายจะไม่ว่างยังไงครับ ตอนนี้นายก็ว่างนี่ครับ ไปหน่อยดีมั้ยครับ นายลูคัสจะสอนงานนายนะครับ เรื่องแบบนี้ต้องไปเห็นด้วยตาครับนาย”
เดม่อนพยายามโน้มน้าวนายหนุ่มของตัวเอง อีกหน่อยนายของเขาก็จะขึ้นเป็นใหญ่แทนนายลูคัสแล้ว
“ไม่เห็นจะต้องสอนอะไรเลย เรื่องความโหดของพี่ลูคัสเนี่ยเหรอจะต้องให้ฉันไปดูทำไม”
“แต่ว่า...”
“บอกไปว่าฉันไม่ว่าง!”
“ครับนาย”
ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้กลับเป็นสายเข้าของเจ้านายหนุ่ม สายตาคมจับจ้องไปที่สายเรียกเข้านั้น พลัน! แววตาของมาเฟียเจ้าอารมณ์ก็อ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่เบนคะ”
“อืม ว่าไงน้องสาวสุดที่รักของพี่ มีเรื่องอะไรถึงโทรหาพี่ ปกติเธอไม่โทรหาพี่ก่อนเลยนี่”
น้ำเสียงของมาเฟียหนุ่มปรับโทนทันที ‘ไรลีย์’ น้องสาวสุดรักสุดหวงแค่ได้ยินเสียง ก็ทำให้อารมณ์ของมาเฟียหนุ่มเปลี่ยนไปทันที
“ก็จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะคะ ก็เรื่องที่ไรลีย์จะเปิดร้านน่ะสิ พี่ลูคัสไม่ยอมค่ะพี่เบน ไรลีย์อยากให้พี่เบนช่วยพูดกับพี่ลูคัสหน่อยได้มั้ยคะ”
“แล้วเราทำไมจะต้องอยากเปิดร้านนั่นด้วย พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เราอยู่เฉยๆ ก็สบายอยู่แล้วนี่”
“ไรลีย์ชอบนี่คะ อยากทำอะไรที่ตัวเองรัก และไม่อยากใช้เงินของพวกพี่ๆ นี่คะ”
“เงินพวกพี่มีมากมายมหาศาล ใช้กี่สิบชาติก็ไม่หมด ไรลีย์ไม่ทำงาน นั่งกินนอนกินชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่หมด ทำไมจะต้องไปทำตัวเองให้เหนื่อย”
“ไรลีย์เบื่อนี่คะ อยู่ว่างๆ ไรลีย์อยากทำในสิ่งที่ตัวเองรักและเรียนมาค่ะพี่เบน นะคะ พี่เบนช่วยคุยกับพี่ลูคัสหน่อยได้มั้ยคะ”
เหตุผลที่ไรลีย์คิดจะเปิดร้านกาแฟและขนมนั้น เธอไม่สามารถบอกแบบตรงๆ กับพี่ชายทั้งสองของเธอได้ ไรลีย์ไม่อยากใช้เงินจากธุรกิจสีเทานั่น แม้กระทั่งทุนในการเปิดร้านเอง เธอก็หามาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เธอไม่ชอบที่พี่ชายของเธอทำธุรกิจนี้เลยสักนิด
“แน่ใจนะ ว่าเราเบื่อจริงๆ”
“แน่ใจสิคะพี่เบน ไรลีย์อยากทำตามความฝันของตัวเองค่ะ ไม่อย่างนั้นไรลีย์จะเรียนด้านอาหารและโภชนาการทำไมคะพี่เบน นะคะ ช่วยไรลีย์ด้วยนะคะ”
ไรลีย์รู้ว่า ถ้าเป็นพี่ชายคนรองนี้ขอร้องล่ะก็ พี่ชายคนโตจะต้องยอมตกลงอย่างแน่นอน
“โอเค ไว้พี่จะลองคุยกับพี่ลูคัสให้ก็แล้วกัน แล้วถ้าได้ เรามีร้านแล้วหรือไงที่จะเปิดน่ะ”
“มีแล้วค่ะ ร้านนี้ไรลีย์แอบซื้อไว้นานแล้วค่ะพี่เบน”
ไรลีย์บอกพี่ชายคนรองไปแบบตรงๆ พี่เบนจามินจะมีความดุน้อยกว่าพี่ลูคัสมาก เพราะฉะนั้นไรลีย์เลยเข้าทางพี่ชายคนนี้ดีกว่า อย่างน้อยพี่เบนจามินก็เข้าใจเธอมากกว่าแน่นอน
“นี่ พี่ลูคัสยังไม่รู้เรื่องนี้ของเราเลยใช่มั้ย”
พี่ชายคนโตมักมีความหวังดีให้กับน้องๆ เสมอ แต่ความหวังดีของพี่ชายนั้น ไม่เคยถามความสมัครใจของน้องแต่ละคนเลย รวมทั้งเขาด้วยอีกคน ความเป็นจริงเบนจามินไม่ชอบที่จะทำธุรกิจสีเทา และเจริญรอยตามพี่ชายเขาเลย แต่ทว่าก็ไม่อาจขัดใจผู้เป็นพี่ได้ สักวันหนึ่งเบนจามินจะโน้มน้าวให้พี่ชายเลิกทำธุรกิจนี้ให้ได้
“ไม่รู้ค่ะพี่เบน แต่ไรลีย์เชื่อว่าพี่เบนก็คงไม่บอกพี่ลูคัสแน่นอนค่ะ ไหนๆ พี่เบนจะช่วยไรลีย์แล้ว ก็ช่วยต่อสิคะ นะคะ พี่ชายที่แสนดีของน้องสาวคนนี้”
“โอเคๆ พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะพี่เบน”
“เราเองก็เข้าบ้านได้แล้ว เห็นว่าพี่ลูคัสให้คนตามหาเราอยู่ ถ้าไม่อยากให้พี่เขาโกรธก็กลับบ้านซะ”
เพราะความที่มีน้องสาวเพียงคนเดียวของบ้าน พี่ชายทั้งสองจึงต้องห่วงน้องคนนี้เป็นพิเศษ วัยของไรลีย์ ห่างจากเบนจามินถึง 8 ปี และห่างจากพี่ชายคนโตถึง 15 ปี ด้วยเหตุนี้ น้องสาวของเขาจึงมีความกลัวพี่ลูคัสมากกว่าเขา
[ณ ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งบนถนนเดอะสตริป (The Strip) เมืองลาสเวกัส...]
“นี่มันที่ของฉันนะ! ออกไป! มาใหม่ล่ะสิ”
เสียงของชายวัยกลางคนเกรี้ยวกราดออกมาทันที เมื่อมีบุคคลนิรนามเข้ามายึดพื้นที่ของเขา
“ขอโทษครับ”
‘ศรากร’ ตอบกลับด้วยภาษาสากล เขาพึ่งจะนั่งลงเพียงไม่กี่นาที ก็มีเจ้าของพื้นที่(ชายไร้บ้าน) แสดงตัวเข้าครอบครองทันที
ศรากรไม่คิดว่า การออกตามหาผู้เป็นพ่อนั้น จะทำให้เขาเจอกับความโชคร้ายขนาดนี้ และในเวลานี้เขาคือผู้ประสบภัยคนหนึ่ง ที่ดันไปเสียท่าให้กับพวกมิจฉาชีพ ‘กระเป๋าของเขาถูกขโมย’ ข้าวของสิ่งมีค่าเอกสารทุกอย่างของเขานั้นมลายหายไปทันที แม้กระทั่งเครื่องมือสื่อสารที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเขา ก็ถูกโจรกรรมไป
“นายมาจากไหน”
ชายไร้บ้านคนเดิมถามกลับ เขามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูแล้วชายคนนี้ไม่น่าที่จะเป็นคนเมืองนี้แน่นอน
“ผมมาจากประเทศไทยครับ”
“คงจะโดนพวกโจรมันปล้นมาสิ...อ่ะ...ฉันมีขนมปังสองก้อน แบ่งให้นายก้อนหนึ่งแล้วกัน ดูแล้วนายน่าจะยังไม่ได้กินอะไรมาล่ะสิ...ลาสเวกัสเป็นเมืองที่พวกเศรษฐีเข้ามาขุดทองกันเยอะ โจรเองก็เยอะเหมือนกัน นายจะต้องระวัง แต่ก็คงไม่ทันแล้วแหละ”
“ครับ ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรเลย พวกมันเอาไปหมด ผมแค่นั่งพักและวางกระเป๋าสัมภาระไว้ข้างๆ หันกลับมาอีกทีไปหมดทุกอย่างแล้ว เลยไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยครับ”
ป่านนี้แม่และน้องของศรากร คงเป็นห่วงเขาเป็นแน่ ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาประสบเหตุอยู่ตรงนี้ เขาจะไปตามพ่อได้จากตรงไหนกัน เมืองลาสเวกัสออกกว้างขวางขนาดนี้ ตอนนี้สมองเขามันมืดแปดด้าน ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย ยากมากที่จะเจอคนใจดีมีน้ำใจ ศรากรคงต้องหาทางแก้ปัญหาต่อไป ยังมีคนที่เป็นห่วงรอเขาอยู่
.....................
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ
ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น
และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ