Masukคุยกันสักนิด
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 3
“ใครใช้ให้แกมาเกาะประตูของฉันฮะ” จางเจี้ยนกั๋วตะหวาดใส่หญิงสาวตรงหน้า หลังจากที่เขาเปิดประตูออกมาแล้ว “ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าหากไม่ใช่เวลาอาหาร แกจะต้องอยู่ภายในห้องของตัวเองเท่านั้น แกคิดที่จะขัดคำสั่งของฉันหรือยังไงกัน”
เพียะ!
จางลี่จิ่นยกมือขึ้นมากุมทั่ใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เธอจะยื่นซองเอกสารซองหนึ่งไปให้กับอีกฝ่าย แน่นอนว่าจางลี่จิ่นไม่ได้ร้องไห้ออกมาเมื่อเช่นทุกครั้งที่ถูกจางเจี้ยนกั๋วทำร้ายร่างกาย
“ถ้าคุณอยากให้ภาพพวกนี้หลุดออกไปข้างนอก คุณก็ทำร้ายฉันอีกครั้งสิ” จางลี่จิ่นยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก้อนที่เธอจะผลักร่างของจางเจี้ยนกั๋วให้หลบทางไป แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นเธอได้กดซื้อความสามารถด้านการต่อสู้มาจากระบบก่อนแล้ว ดังนั้นจางลี่จิ่นจึงมั่นใจว่าเธอจะสามารถสู้กับจางเจี้ยนกั๋วได้อย่างแน่นอน
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าหากแกไม่เชื่อฟังฉันละก็ ฉันจะขังแกไว้ไม่ให้เห็นผู้คนเลยคอยดู” จางเจี้ยนกั๋วเดินเข้าไปฟาหลานสาวของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรกับอีกฝ่าย ซองเอกสารในมือของเขาก็ตกลง พร้อมกับแผ่นภาพที่หลุดออกมาให้เขาเห็น
ซึ่งแน่นอนว่าทันทีที่จางเจี้ยนกั๋วได้เห็นภาพนั้น เขาถึงกับรีบไปหยิบภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูให้แน่ชัดอีกครั้ง “แกมีภาพพวกนี้ได้ยังไงฮะ”
“ฉันจะพูดอีกครั้ง ว่าพวกเราควรจะนั่งคุยกันดีๆ ถ้าหากคุณยังไม่อยากให้ภาพเหล่านี้มันหลุดออกไปข้างนอก หรือคุณอยากให้ภรรยาของคุณได้เห็นภาพนี้กัน” จางลี่จิ่นโบกภาพถ่ายในมือไปมา “ฉันเคยยอมพวกคุณมาโดยตลอด เพราะคิดว่าพวกคุณสามคนคือครอบครัวของฉัน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้ฉันรับรู้แล้วว่า ฉันไม่เคยเข้าไปอยู่ในครอบครัวของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเป็นเพียงแค่คนรับใช้สำหรับพวกคุณเท่านั้น”
จางลี่จิ่นวางภาพใบนั้นลงบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย “นั่งก่อนสิคะคุณพ่อ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวเลยนะคะ”
“แก…”
จางเจี้ยนกั๋วกำหมัดของตัวเองให้แน่นชึ้น เพื่อระงับอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ “ฉันเป็นพ่อของแกนะ แกต้องทำกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
จางลี่จิ่นไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่าย หลังจากที่วางภาพถ่ายไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอก็นั่งลงบนเก้าอี้ในทันที “นั่งก่อนสิคะคุณพ่อ พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะเลย”
“นังสารเลว คอยดูว่าวันนี้ฉันจะตีแกจนตายหรือเปล่า” จางเจี้ยนกั่วเอื้อมมือไปหยิงหนังสือเล่มหนึ่งมาถือไว้ในมือ ก่อนที่จะฟาดเข้าไปที่ร่างบางของหญิงสาวตรงหน้าอย่างที่ไม่คิดที่จะออมแรงแต่อย่างใด
จางลี่จิ่นเตะเข้าไปที่ข้อเท้าของอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ในเมื่อคุณไม่อยากคุยกับฉัน เห็นทีฉันคงต้องไปคุยกับคนอื่นแล้วละ” จางลี่จิ่นหยุดยืนที่บริเวณประตูเล็กน้อย “หรือว่าฉันจะไปคุยกับภรรยาของคุณดี หรือว่าจะเป็นหญิงสาวที่ชื่อซูเม่ยคนนั้นดี”
“หยุดนะ” เมื่อเห็นจางลี่จิ่นกำลังเดินออกจากห้องไป จางเจี้ยนกั๋วก็รีบห้ามปรามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ถ้าหากภรรยาของเขารับรู้เรื่องนี้ขึ้นมา มีหวังพ่อตาแม่ยายของเขาคงจะไม่ยอมช่วยเหบือเขาอีกต่อไปแน่ “แกต้องการอะไรก็รีบพูดมา”
“พูดกันง่ายๆ แบบนี้ ค่อยดีขึ้นมาหน่อย” จางลี่จิ่นเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง “ฉันรู้มาว่าพวกคุณส่งชื่อของฉันไปเป็นยุวชนในชนบทแทนที่จางเซียวลี่”
“แกเป็นน้อง แกก็ต้องเสียสละให้พี่สาวสิ แกจะอกตัญญูต่อครอบครัวหรือยังไง” จางเจี้ยนกั๋วรู้สึกโมโหกับหบานสาวคนนี้เป็นอย่างมาก ถ้าไม่เพราะอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่งดงามแล้วละก็ เขาคงทอดทิ้งอีกฝ่ายไปนานแล้ว หลังจากที่เลี้ยงดูมานานหลายปี เขาจะต้องให้อีกฝ่ายกตัญญูต่อเขาให้มากๆ โดยเฉพาะการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของเขา
“ฉันจะไปชนบทแทนจางเซียวลี่ก็ได้ แต่คุณจะต้องให้ฉันตัดขาดกับตระกูลจางของคุณ” จางลี่จิ่นยื่นข้อเสนอไปให้กับคนตรงหน้า ถึงอย่างไรเธอต้องไปเจอกับถังเจียวมิ่งผู้นั้น ดังนั้นการไปเป็นยุวชนในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว
“ไม่ได้!” จางลงเจี้ยนกั๋วไม่มีทางตกลงอย่างเด็ดขาด ในเมื่อหลานสาวของเขาคนนี้ จะเป็นคนนำเงินทองและอำนาจมาให้กับครอบครัวของเขา ถ้าหากเขาให้เธอแต่งงานกับเศรษฐีผู้มีอำนาจบางคนในอนาคต “แกชั่งเป็นหมาป่าตาขาวจริงๆ ฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งหลายปี ให้แกเสียสละไปเป็นยุวชนแทนพี่สาวของแกแค่นี้ แกกับกล้าอกตัญญูต่อฉันแล้วเหรอ”
“ถ้าคุณไม่ยอมรับ ฉันก็แค่หาใครบางคนที่จะรับข้อเสนอของฉันก็พอ” จางลี่จิ่นไม่ได้สนใจท่าทางโกรธเคืองของอีกฝ่าย ถึงอย่างไรนับตั้งแต่ที่เธอได้มีโอกาสมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็ไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นครอบครัวของเธออีกต่อไป “คุณจะยอมรับข้อตกลงนี้ แล้วพวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทาง หรือว่าคุณจะไม่ยอมรับ แล้วฉันนำเรื่องนี้ไปบอกกับครอบครัวของภรรยาคุณดี ฉันให้เวลาคุณตัดสินใจภายในหนึ่งนาทีเท่านั้น”
จางเจี้ยนกั๋วอยากจะเข้าไปตบตีอีกฝ่ายเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ก็ทำมันไม่ได้ เนื่องจากตอนนี้ข้อเท้าของเขาที่ถูกอีกฝ่ายเตะเต็มแรงนั้น ยังคงเจ็บปวดอไม่หาย “ก็ได้ ฉันยอมแกก็ได้ ออกไปได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นแกอยู่ที่นี่อีกต่อไป แล้วอย่าได้หยิบของในบ้านที่ไม่ใช่ของแกไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจับแกซะ”
“คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” จางลี่จิ่นยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นความแนบเนียนของอีกฝ่าย ที่คิดจะไล่เธอไปจากจากบ้านหลังนี้ “ในเมื่อคิดที่จะตัดขาดกันแล้ว คุณก็อย่าลืมเขียนเอกสารตัดขาดมาให้ฉันด้วยล่ะ”
“นังสารเลว!” จางเจี้ยนกั๋วได้แต่ตะโกนด่าอีกฝ่ายด้วยความขัดใจ “ฉันจะให้แกตัดสินใจดูอีกครั้ง ถ้าหากแกยังเป็นคนของตระกูลจางการไปชนบทแห่งนั้นก็จะง่ายขึ้น อีกอย่างฉันจะส่งเงิน ข้าวของเครื่องใช้และของกินไปให้แกทุกๆ เดือน แกไม่คิดว่าแบบนี้มันจะดีกว่าเหรอ”
“ขนาดฉันอยู่ที่บ้านหลังนี้มาหลายปียังไม่ค่อยได้รับการดูแลอะไรจากคุณเลย แล้วคราวนี้ฉันต้องไปอยู่ไกลถึงชนบท คุณจะส่งของเหล่านั้นมาให้ฉันจริงๆ เหรอ อย่าพยายามเหนี่ยวรั้งฉันไว้เลย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณแล้วละค่ะ” จางลี่จิ่นเดินหันหลังเพื่อออกจากห้องทไงานในทันที แต่ก่อนที่เธอจะจากไป เสียงของจางเจี้ยนกั๋วก็ดังขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับที่เขารีบเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เพื่อเขียนเอกสารตัดขาดให้กับจางลี่จิ่น
“รับไปซะ แล้วรีบเก็บข้าวของของแกออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว ฉันไม่มีลูกสาวที่เป็นหมาป่าตาขาวที่แสนจะอกตัญญูแบบแกอีกต่อไป” จางเจี้ยนกั๋วปาเอกสารตัดขาไปข้างหน้าของจางลี่จิ่น ไม่คิดเบยว่าวันนี้เขาจะต้องมาพลาดท่าให้กับหลานสาวผู้นี้ของเขา แต่ก็ยังดีที่อีกฝ่ายยังคิดว่าเขาเป็นพ่ออยู่ และไม่รับรู้ว่าแท้จริงเขาและภรรยาไม่ใช่พ่อกับแม่ของตัวเอง แต่ถึงอีกฝ่ายจะรับรู้ในตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเขามีหลักฐานทุกอย่างว่าน้องชายและน้องสะใภ้ได้มอบทรัพย์สินทุกอย่างมาให้กับเขาเพียงคนเดียว
จางลี่จิ่นหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน ก่อนที่เธอจะยื่นมันกลับคืนไปให้คนตรงหน้าอีกครั้ง “ตัดขาดก็คือตัดขาด ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป คุณควรจะระบุมันเอาไว้ด้วยว่าคุณและครอบครัวจะไม่สามารถยื่นมือมายุ่งเกี่ยวกับฉันได้อีก และฉันไม่ต้องกตัญญูต่อคุณเช่นกัน”
“มันจะมากไปแล้วนะ ถึงยังไงฉันก็เป็นพ่อของเธอนะ” จางเจี้ยนกั๋วตบมือลงบนโต๊ะทำงานด้วยความกรุ่นโกรธ “รีบเซ็นมันซะ ยังไงแกก็ต้องกตัญญูลต่อฉันกับแม่ของแกต่อไป”
“แน่ใจเหรอว่าคุณเป็นพ่อของฉัน” จางลี่จิ่นจ้องมองไปที่ดวงตาของจางเจี้ยนกั๋ว “ไม่ใช่ว่าคุณเป็นเพียงลุงของฉันหรอกเหรอ หรือว่าแค่ข่าวมีชู้ของคุณข่าวเดี๋ยวจะไม่พอ ต้องให้ฉันเพิ่มไปอีกสักข่าวสองข่าวไหมคะ”
จางเจี้ยนกั๋วไม่คิดเลยว่าความลับที่เขาและครอบครัวเก็บง่ำมาอย่างยาวนานจะถูกคนตรงหน้ารับรู้ในที่สุด
“คุณอยากให้ภาพลักษณ์ของคุณพักทลายลงไปไหม ในเมื่อตอนนี้ฉันก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว แค่ไปเป็นข่าวปรากฏอยู่บนหนังสือพิมพ์ก็ไม่มีปัญหา” จางลี่จิ่นยื่นมองใบหน้าที่ตื่นตระหนกของอีกฝ่ายอย่างชอบใจ
ในเมื่อทำอะไรหลานสาวของตัวเองไม่ได้ อีกทั้งอีกฝ่ายยังมีฝีมือการต่ออยู่ด้วย จางเจี้ยนกั๋วจึงไม่กล้าเสี่ยงอีกต่อไป เขาทำได้เพียงเขียนเอกสารตัดขาดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง “เอาไป แล้วก็รีบไสหัวไปให้พ้นจากหน้าของฉันได้แล้ว”
จางลี่จิ่นโบกเอกสารตรงหน้าไปมาอย่างชอบใจ หลังจากที่เธออ่านเอกสารตัดขาดจนจบเรียบร้อยแล้ว “หลังจากนี้คุณก็บอกกับภรรยาและลูกสาวของคุณเองล่ะ ว่าเพราะอะไรคุณถึงเขียนเอกสารตัดขาดใบนี้ขึ้นมา แล้วก็อย่าลืมให้เงินฉันก่อนไปด้วย เพียงแค่เศษเงินไม่กี่หมื่นหยวน คงไม่ทำให้ตระกูลจางของคุณล้มละลายหรอกจริงไม่”
“แก…” จางเจี้ยนกั๋วได้แต่ยืนมองร่างบางของจางลี่จิ่นออกไปจากห้องทำงานของเขา ก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองเอกสารตัดขาดที่ถูกลงชื่อและประทับลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้วบนโต๊ะทำงานของตัวเอง มือหนาหยาบกระด้างของจางเจี้ยนกั๋วกวาดเอกสารต่างๆ บนโต๊ะทำงานด้วยความโมโห ยิ่งได้เห็นท่าทางที่ถือตัว เขาก็อยากจะลงมือสับร่างกายของอีกฝ่ายมห้เป็นชิ้นเล็ก
“จางลี่จิ่น คอยดูเถอะฉันจะต้องทำให้แกตายอย่างทรมาน แกจะต้องรับรู้ความรู้สึกที่อดสูเหมือนกับฉันในตอนนี้ แล้วสุดท้ายแกก็จะได้ไปเจอพ่อกับแม่ของแก” จางเจี้ยนกั๋วปาแก้วน้ำและสิ่งของต่างๆ ลงบนพื้นอีกครั้ง เพื่อดับความโกรธที่เกิดขึ้น เขาจะต้องรับหาทางจัดการอีกฝ่าย หลังจากที่หญิงคนนั้นไปเป็นยุวชนแทนลูกสาวของเขาแล้ว เขาจะไม่ยอมให้การตายนั้น มาทำให้ลูกสาวของเขาต้องโดนเรียกตัวไปเป็นยุวชนอีกครั้งแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถจ่ายเงินเพื่อตัดปัญหาได้ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากเสียเงินจำนวนนั้นออกไป
จางลี่จิ่นไม่ได้สนใจเสียงที่ดังขึ้นภายในห้องทำงาน ในตอนนี้สิ่งที่เธอสนใจก็คือรางวัลที่ได้รับจากการทำภารกิจตัดขาดกับตระกูลจางนั้นเอง
[ภารกิจ ตัดขาดกับตระกูลจาง]
ทำภารกิจสำเร็จ
[คุณลี่จิ่นทำภารกิจเรียบร้อยแล้ว ต้องการเปิดกล่องสุ่มเงินหยวนเลยไหมครับ]
"สุ่มได้เลย" หลังจากที่เข้ามาภายในห้องนอนของตัวเองแล้วนั้น จางลี่จิ่นก็เดินมานั่งบนเตียงในทันที เพื่อรอลุ้นกล่องสุ่มเงินหยวนที่กำลังจะถูกเปิด
[เปิดกล่องสุ่มเงินหยวน]
[ยินดีด้วย คุณลี่จิ่นได้รับเงินจำนวนหนึ่งหมื่นหยวน ขอให้คุณลี่จิ่นจัดสรรเงินที่ได้รับให้ดีๆ นะครับ]
“สุดยอดมาก ขอบคุณมากเลยนะระบบ” ถึงแม้ว่าสำหรับตระกูลจางแล้วเงินเพียงหนึ่งหมื่นหยวนจะไม่ได้มากมายสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเธอที่จะต้องไปอยู่ที่ชนบท เงินจำนวนนี้มาพอที่จะให้เธออยู่อย่างสุขสบายไปหลายเดือนเลยทีเดียว “พวกเรามาเก็บของกันเถอะ ได้เวลาออกไปรับโชคคืนแล้ว”
[ยินดีกับคุณลี่จิ่นด้วยครับ]
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พบกันใหม่ในตอนต่อไปนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 16[คุณทำลายกำไลวงนั่นไม่ได้ จนกว่าคุณจะดึงโชคของคุณกลับคืนมาหมด หลังจากนั่นกำไลวงนั้นจะแตกสลายไปเองครับ]‘ถ้าอย่างนั้นซูเฟยอวี่และหวังจินเยว่ก็ต้องถูกกำไลวงนั้นครอบงำ จนกว่าที่ฉันจะดึงโชคของฉันกลับคืนมาหมดใช่ไหม’ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงสองคนนั้น แต่เธอก็ไม่อยากให้ถังเจียวมิ่งใช้อีกฝ่ายเป็นสะพานข้ามไปข้างหน้าเช่นกัน[ใช่แล้วครับ ดังนั้นระบบหวังว่าคุณจะทำภารกิจที่ระบบแม่มอบให้สำเร็จในทุกภารกิจนะครับ เพื่อที่คุณจะได้ปลดปล่อยทุกคนให้พวกเขาเดินไปตามทางของพวกเขาเอง โดยที่ไม่ถูกครอบงำจากกำไลวงนั้น]‘ฉันจะทำให้เต็มที่’หลังจากที่จางลี่จิ่นเดินกลับมายังจุดนัดพบของเธอและเพื
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 15ถังเจียวมิ่งมองหญิงชราคนดังกล่าวด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมาเหมือนกับเพื่อนสนิททั้งสองคนของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าหญิงชราคนนี้เป็นใครกันแน่ เพราะในวันที่เธอมาถึงที่หมู่บ้านเทียนเหอแห่งนี้และตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายวัน เธอก็ไม่เคยพบเจอหญิงชราคนนี้เลยสักครั้งเดียว“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ ฉันก็แค่...” เมื่อหาเหตุผลอะไรมาอธิบายให้หญิงชราคนดังกล่าวไม่ได้ จินจื่อเถียนจึงได้แต่ยืนเงียบเคียงข้างเพื่อนของตัวเองหลี่ซินอวี่กวาดสายตามองไปยังหญิงสาวชาวบ้านคนดังกล่าว ก่อนที่เธอจะหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น “ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ควรที่จะคิดให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนเขาจะคิดว่าเธอไม่มีคนส
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 14“อาหารพวกนี้น่าทานมากเลยลี่จิ่น” อู๋เจิ้งเซียวมองอาหารตรงหน้าด้วยความละลานตา เธอไม่ผิดหวังกับอาหารที่จางลี่จิ่นเป็นคนทำเลยสักครั้ง หลังจากที่สูดดมอาหารตรงหน้าสักพัก ในที่สุดอู๋เจิ้งเซียวก็ยื่นมือออกไปเพื่อตักอาหารมาไว้ในกล่องอาหารของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเคยทานอาหารของจางลี่จิ่นมาหลายครั้งแล้ว แต่ยิ่งได้ทานเธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เธออยากจะทานมันอีกเรื่อยๆ“นั่นสิ ฉันก็คิดเหมือนกับเจิ้งเซียว อาหารที่เธอทำแต่ละอย่างน่าทานตลอดเลย” เผิงอวี๋หลานค่อยๆ เคี้ยวอาหารที่เธอตักเข้าปากอย่างช้าๆ เพื่อลิ้มรสอาหารตรงหน้า “เธออย่ามัวแต่มองพวกเราสองคนซิ” เผิงอวี๋หลานเขยิบอาหารที่อยู่ใกล้เธอไปทางจางลี่จิ่น เมื่อเห็นอ
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 13“ทำไมทำหน้าแบบนั่นละอวี๋หลาน” อู๋เจิ้งเซียวเอียงคอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่นี้อีกฝ่ายยังอารมณ์อยู่เลย “หรือว่าคนที่มาเคาะประตูทำอะไรให้เธอไม่พอใจกัน”เผิงอวี๋หลานถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ใครว่าละ คนที่ฉันไม่พอใจเป็นผู้หญิงสามคนนั้นมากกว่า ฉันยืนอยู่หน้าบ้านพักโดยที่ไม่ได้ขวางประตูทางเข้าออกพวกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พวกเธอทำเหมือนว่าฉันไปติดหนี้พวกเธอยังไงยังงั้น แถมยังชักสีหน้าใส่ฉันอีกด้วย” เผิงอวี๋หลานรู้สึกไม่พอใจยุวชนหญิงสามคนนั้น โดยเฉพาะถังเจียวมิ่งที่ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ค่อยมีปากเสียง แต่เธอกลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายเสียงอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ในตอนแรกที่พบเจอกัน เธอรู้สึกว
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 12จางลี่จิ่นก้าวลงจากรถบรรทุกตามลำดับ หลังจากที่ยุวชนต่างก็เริ่มทยอยกันลงจากรถบรรทุกกันไปทีละคน หลังจากที่จางลี่จิ่นเดินลงมาจากรถบรรทุกเรียบร้อยแล้ว เธอก็กวาดสายตามองไปยังชาวบ้านเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองเห็นอดีตคนรักของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายกำลังมองไปที่ถังเจียวมิ่งด้วยแววตาที่เหมือนกับในอดีตนั้นเอง ทำให้เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นชื่นชอบถังเจียวมิ่งก่อนที่จะมาคบกับเธอนั่นเอง“เอาล่ะทุกคน ตอนนี้ก็ถึงหมู่บ้านเทียนเหอเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นเราจะมาแนะนำตัวให้ชาวบ้านทุกคนได้รู้จักกันก่อนนะครับ” ฟู่หยวนติงขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ที่ถูกทำเอาไว้ เพื่อเขาจะได้มองเห็นชาวบ้านในหมู่บ้านได้อย่างชัดเจน “เอาละ เริ่มจากยุวชนชายคนนั้นก่อนเลยครับ”จางลี่จิ่นยืนมองยุวชนทั้งชา
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์ ขอให้นักอ่านทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 11จางลี่จิ่นยืนขึ้นเพื่อไปรวมตัวกับยุวชนคนอื่นๆ เพื่อเดินลงจากรถไฟ หลังจากที่เธอเดินทางมาเกือบสามวัน ในที่สุดเธอก็เดินทางมาถึงอำเภอยวี๋เป่ยเสียที จางลี่จิ่นเหลือบมองไปทางถังเจียวมิ่งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินลงตามยุวชนคนอื่นลงจากรถไฟ เนื่องจากพวกเธอเดินทางมาถึงที่อำเภอยวี๋เป่ยในช่วงสายของวัน แต่ที่สถานีแห่งนี้ก็ไม่ได้มีผู้คนพลุ่งพล่าน อีกทั้งบริเวณรอบๆ ยังไม่มีร้านค้าเปิดเหมือนกับในเมืองที่เธอจากมา“ยุวชนทุกคน กรุณาแยกย้ายไปตามตำบลของตัวเอง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่บริเวณทางขึ้นลงของขบวนรถไฟ เพื่อคอยแจ้งข้อมูลให้กับเหล่ายุวชนที่กำลังลงจากขบวนรถไฟนั่นเอง “กรุณาเดินกันอย่างมีระเบียบด้วย ถ้าหากใครก่อกวนหรือสร้างความวุ่นวาย พวกค







