Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-04 20:00:54

คุยกันสักนิด

ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ 4

“ทำไมคุณมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ” จางฟางซินนั่งลงบนโซฟาข้างกายผู้เป็นสามี โดยมีลูกสาวของเธอตามมานั่งอีกข้างหนึ่ง “แล้วนี่ลี่จิ่นหายไปไหนอีก ฉันกับลูกกับมาถึงบ้าน แทนที่จะหาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่ม คอยดูเถอะฉันจะลงโทษมันให้หนักเลย” จางฟางซินไม่เคยชอบจางลี่จิ่นมากตั้งแต่เกิด ยิ่งโตขึ้นเด็กคนนั้นยิ่งมีใบหน้าคล้ายกับจางเหมยหลินผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เธอเกลียดชังมากที่สุด ดังนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านแห่งนี้ จางฟางซินจึงมักจะรังแกและลงโทษจางลี่จิ่นอยู่เสมอ

“นั้นสิคะคุณแม่ วันนี้ก็ปล่อยให้มันอดข้าวดีไหมคะ” จางเซียวลี่เห็นด้วยกับแม่ของตัวเอง ถ้าหากไม่เพราะพ่อของเธอเคยขอเอาไว้ เธอคงจะจัดการกรีดใบหน้านั้นซ้ำไปซ้ำมาแน่นอน

“หยุดพูดได้แล้ว ต่อไปไม่ต้องพูดชื่อของมันในบ้านหลังนี้อีก” จางเจี้ยนกั๋วไม่อยากจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเสียท่าให้กับอีกฝ่าย ยิ่งได้ยินชื่อของจางลี่จิ่น เขาก็ยิ่งไม่ชอบใจและรู้สึกโกรธแค้นอีกฝ่ายยิ่งนัก

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณพ่อ หรือว่ามันไม่ยอมทำตามคำสั่งของคุณพ่อเหรอคะ” เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นพ่อ จางเซียวลี่ก็อดที่จะอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะไม่ชอบใจจางลี่จิ่นพอๆ กับเธอและแม่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน ทำให้จางเซียวลี่อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าจางลี่จิ่นทำสิ่งใดให้พ่อของเธอโมโหแบบนี้

“ฉันว่าแล้ว นังสารเลวนั้นชอบทำตัวมีปัญหาอีกแล้ว ครั้งนี้คุณก็อย่าออมมือเด็ดขาดล่ะ ไม่อย่างนั้นมันก็จะได้ใจแบบนี้ไปเรื่อยๆ” จางฟางซินรีบเอ่ยสมทบในทันที ในเมื่อแม่มันตายไปแล้ว ก็ต้องเป็นลูกของมันที่จะมารับการระบายความแค้นในใจของเธอ

ปัง!

“คุณหยุดพูดได้แล้ว ถ้าหิวน้ำก็เดินไปหยิบเองซะสิ หรือจะต้องให้ผมเป็นคนไปเอามาให้ฮะ” จางเจี้ยนกั๋วรู้สึกปวดหัวกับภรรยาและลูกสาวของเขามาก “ต่อไปนี้จางลี่จิ่นไม่ใช้คนของตระกูลจางของเราอีกต่อไป ดังนั้นคุณก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับนังนั้นได้แล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น ไหนคุณบอกจะให้มันแต่งงานกับเศรษฐีเฒ่าไม่ใช่เหรอ” จางฟางซินมึนงงไปหมดแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของสามีของเธอ “อีกอย่างพวกเราเลี้ยงดูมันมาตั้งหลายปี คุณจะปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน มันควรที่จะกตัญญูต่อเราในตอนแก่เฒ่าด้วยสิ”

“ผมตัดสินใจแล้ว ในเมื่อมันจะไปเป็นยุวชนในชนบท เราควรจะรีบตัดขาดมันโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่ามันจะทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงอะไรในชนบทนั่นหรือเปล่า” จางเจี้ยนกั๋วไม่บอกความจริงกับผู้เป็นภรรยา แต่เขากับหาเหตุผลอื่นเพื่อให้ภรรยาของเขายอมรับการตัดขาดในครั้งนี้ “คุณก็รู้ว่าลูกสาวของเรากำลังคบหากับลูกชายของตระกูลโจว ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ว่าเราส่งคนในครอบครัวไปชนบท แทนที่จะจ่ายเงินเหมือนกับตระกูลโจว อีกฝ่ายจะคิดยังไงกับครอบครัวของเรา ไม่สู้เราตัดขาดเสียตั้งแต่วันนี้ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ”

“แล้วแบบนั้นใครจะมาคอยรับใช้หนูคะคุณพ่อ หนูไม่ยอมทำอาหาร ซักผ้า แล้วก็ทำความสะอาดบ้านแบบมันนะคะ” ตั้งแต่เล็กจนกระทั่งเติบโตมาถึงทุกวันนี้ จางเซียวลี่ไม่เคยที่จะต้องมาทำงานบ้านแบบจางลี่จิ่น ดังนั้นถ้าอีกฝ่ายออกจากบ้านนี้ไป เธอคงไม่ต้องมานั่งทำเองแทนจางลี่จิ่นใช่หรือไม่

“นั้นสิคะคุณ เซียวลี่ลูกของเราบอบบางซะขนาดนี้ จะให้มาทำงานบ้านแทนมัน ฉันก็ไม่ยอมเด็ดขาดนะคะ” ตลอดมาเป็นจางลี่จิ่นทำงานภายในบ้านหลังนี้ ทำให้พวกเขาประหยัดเงินที่จะว่าจ้างคนรับใช้มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะมีเงินมากพอจ้างวานคนรับใช้ก็ตามที แต่เพราะเธอคอยเป่าหูสามีมาโดยตลอด ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นจางลี่จิ่นคนเดียวที่ทำทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ และแน่นอนว่าเป็นความปรารถนาของเธอที่อยากจะเห็นความยากลำบากของลูกสาวศัตรู

“ผมก็ไม่ยอมให้ลูกสาวของเราทำงานหนักหรอก เราก็แค่จ้างคนมาทำงานแทนมันสักคนก็สิ้นเรื่อง” จางเจี้ยนกั๋วไม่มีทางยอมให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาต้องทำงานหนักอย่างแน่นอน อีกทั้งลูกสาวของเขายังเป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลโจว ถ้าหากมีคนรับรู้ว่าลูกสาวเขาเคยทำงานหนักมาก่อน เขาจะมีหน้าออกมาพบผู้คนได้ยังไง

“นี่เป็นเอกสารตัดขาด คุณเอาไปอ่านเถอะ ต่อไปถ้าหากเจอกันจะได้ทำตัวถูก” จางเจี้ยนกั๋วยื่นเอกสารตัดขาดที่เขาทำกับจางลี่จิ่นให้กับผู้เป็นภรรยาได้อ่าน “ต่อไปนี้ครอบครัวของเราจะมีแค่พวกเราสามคน ต่อไปถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดชื่อของมันออกมา จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าตระกูลจางของเราส่งคนในครอบครัวไปเป็นยุวชน ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะและถูกพูดถึงไปอีกนานแน่”

จางฟางซินโยนเอกสารตัดขาดทิ้งด้วยความขุ่นเคือง “ทำไมคุณไม่ให้มันแสดงความกตัญญูกับเราละคะ ถึงยังไงเราก็เลี้ยงดูมันมาหลายปีนะ”

“นั้นสิคะคุณพ่อ จะปล่อยให้มันออกไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง แถมคุณพ่อยังจะให้เงินมันหนึ่งหมื่นหยวนอีก แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน” เพราะอะไรครอบครัวของเธอจะต้องมอบเงินหนึ่งหมื่นหยวนไปให้กับจางลี่จิ่นด้วย ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่คนรับใช้เท่านั้น เงินหนึ่งหมื่นหยวนไม่คู่ควรกับอีกฝ่ายหรอก

“ถ้าหากคุณให้มันมากตัญญูกับเรา แบบนี้ก็ไม่เรียกว่าตัดขาดนะสิ ถ้าหากคนอื่นมาเห็นตอนที่มันมากตัญญูกับเรา แล้วสืบรู้ว่ามันเคยอยู่ชนบทมาก่อนและเคยถูกเราส่งไปเป็นยุวชนแทนเซียวลี่ ถึงตอนนั้นคนจะมองตระกูลจางของเราแบบนั้น และจะมองเซียวลี่ลูกสาวของเราแบบไหน คุณลองคิดดูสิ” หลังจากที่เขามานั่งคิดดูอีกที จางเจี้ยนกั๋วคิดว่าการตัดขาดแบบนี้ก็มีประโยชน์เช่นกัน ถึงแม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแล้ว และหลักฐานเรื่องทรัพย์สินของตระกูลก็ถูกเขาเปลี่ยนแปลงหมดทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าหากอีกฝ่ายไปจากเมืองหลวงแห่งนี้ก็ดีเช่นกัน

“แต่ถ้าเรารอให้มันแต่งงานแล้วค่อยตัดขาดกับมันไม่ดีกว่าเหรอคะ ถึงยังไงตาเฒ่าคนนั้นก็จะให้สินสอดกับเราเยอะเลยไม่ใช่เหรอ หรือเราจะบอกให้ตาเฒ่าคนนั้นมาแต่งงานกับมันก่อนที่จะถูกส่งไปเป็นยุวชนดี” ถึงยังไงจางฟางซินก็ไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปง่ายดายแบบนี้ อย่างน้อยให้นางได้สินสอดของอีกฝ่ายก็ยังดี

“คุณคิดอะไรง่ายๆ อีกแล้ว เราส่งมันไปเป็นยุวชนแทนเซียวลี่ ถ้าหากมันแต่งงานแล้ว คุณคิดว่าตาเฒ่านั้นมันจะให้เมียของมันไปเป็นยุวชนหรือยังไง อีกอย่างการไปอยู่ชนบทนั่นก็ดูลำบากมากกว่าการไปเป็นเมียของตาเฒ่านั่นอีก หรือคุณอยากให้มันมีโอกาสลืมตาอ้าปากมาทำลายเรา” ถ้าหากจางลี่จิ่นได้แต่งกับเศรษฐีเฒ่าคนนั้น เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องหาวิธีกลับมาแก้แค้นคืนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะมีตระกูลของภรรยาและตระกูลโจวคอยหนุนหลัง แต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้อีกฝ่ายมีโอกาสกลับมาแก้แค้นคืนเช่นกัน ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่างการส่งจางลี่จิ่นไปชนบทดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ ถึงยังไงหนูก็ไม่อยากเห็นมันในงานสังคม” จางเซียวลี่เห็นด้วยกับพ่อของเธอ ถึงยังไงถ้าหากจางลี่จิ่นไปอยู่ชนบท ก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้เท่ากับการแต่งเข้าตระกูลชิง

“ในเมื่อคุณคิดว่าดี ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่ทำตัวมีปัญหา” ในเมื่อทั้งสามีและลูกสาวของเธอต่างก็เห็นด้วยกับการตัดขาดในครั้งนี้ เธอก็คงทำได้เพียงยอมรับและทำตามความเห็นของอีกฝ่าย “แล้วคุณจะให้มันไปจากบ้านของเราวันไหนเหรอคะ หรือจะรอจนกว่าจะถึงวันรายงานตัวไปเป็นยุวชน”

“ในเมื่อตัดขาดกันแล้ว ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในบ้านของเราอีกต่อไป” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีประโยชน์สำหรับเขาอีกต่อไป เขาก็ไม่คิดที่จะให้อีกฝ่ายอยู่จนกว่าจะถึงวันไปเป็นยุวชน “อีกเดี๋ยวก็คงลงมา ก่อนออกจากบ้าน คุณก็ตรวจข้าวของของมันด้วยล่ะ ว่าได้หยิบข้าวของของเราไปด้วยหรือเปล่า”

“หนูจะช่วยอีกคนค่ะ หนูจะไม่ยอมให้มันนำของของเราไปด้วยเด็ดขาด” ในเมื่อเธอไม่สามารถขัดขวางเรื่องเงินหนึ่งหมื่นหยวนได้ เธอก็จะขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายนำของที่ได้จากครอบครัวของเธอไปแทน ไม่ว่าจะเป็นของใช้ ของกินหรือเสื้อผ้า เธอจะไม่ยอมให้จางลี่จิ่นเอาไปเด็ดขาด

“ลูกสาวของแม่ดีที่สุดเลย” จางฟางซินเอื้อมมือไปกอบกุมมือบางของลูกสาวเธอเอาไว้ “ไม่เหมือนกับใครบางคนที่เป็นหมาป่าตาขาว ไม่ยอมกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ อีกไม่นานมันต้องพบเจอกับความฉิบหายในชีวิตแน่นอน”

“เลิกพูดกันได้แล้ว” จางเจี้ยนกั๋วมองไปที่บันไดอีกครั้ง

จางลี่จิ่นเดินไปเปิดลิ้นชักออกมา ก่อนที่เธอจะหยิบเอกสารสำคัญของตัวเองออกมาให้หมด นอกจากนี้เธอยังหยิบเสื้อผ้าไปเพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น ถึงยังไงเสื้อผ้าที่เธอมีอยู่นี้มันก็เก่าไปเสียหมด ดังนั้นต่อให้ต่อให้เธอนำมันไปด้วย ท้ายที่สุดเธอก็ต้องทิ้งมันอยู่ดี

[คุณลี่จิ่นจะไม่ได้บ้านหลังนี้กลับคืนมาจริงๆ เหรอครับ]

“ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านของพ่อแม่ แต่ตลอดเวลาที่ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ก็มีแต่ความเจ็บปวด ดังนั้นฉันก็เลยไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว” และคงอีกนานกว่าที่เธอจะได้กลับมาที่เมืองหลวงแห่งนี้ ดังนั้นปล่อยให้คนเหล่านั้นได้ฝันหวานต่อไปดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะมีโอกาสได้อยู่บ้านหลังนี้อีกนานแค่ไหน เพราะยังไงเธอคงไม่ยอมให้คนเหล่านั้นได้อยู่อย่างสงบในบ้านของพ่อกับแม่ของเธอ และใช้เงินและทรัพย์ที่พ่อกับแม่ของเธอหามาอย่างสบายใจเช่นนี้อีกต่อไป

“ระบบคิดว่าหลังจากที่ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว จะปล่อยให้คนพวกนี้ได้อยู่อย่างสบายเหรอ ถึงยังไงคนพวกนั้นก็ใช้เงินของพ่อแม่ฉันไปจนเกือบจะหมดแล้ว รวมไปถึงธุรกิจที่อีกฝ่ายมีด้วย ก็ใกล้จะขาดทุนเต็มที แล้วทำไมฉันจะต้องนำมันกลับคืนมาให้ปวดหัวด้วย ปล่อยให้คนพวกนั้นหมดเนื้อหมดตัวไปดีกว่า อีกอย่างแทนที่เราจะเสียเงินมาก ไม่สู้เสียเงินเพียงไม่กี่หยวนแล้วยืมมือคนอื่นมาเล่นงานตระกูลจางแทนเราไม่ดีกว่าเหรอ” ในเมื่อการที่เธอจะนำทุกอย่างกลับคืนมามันเสียเงินหลายหยวนเกินไป ดังนั้นแค่เพียงเธอเสียเงินไม่กี่พันหยวนแล้วได้ภาพถ่ายของลุงเธอกับชู้คนนั้น จากนั้นก็ปล่อยให้ตระกูลโจวจัดการทุกอย่างแทนไม่ดีกว่าเหรอ ทั้งไม่ต้องเหนื่อยและไม่ต้องไปเสียเงินจ้างคนอีกด้วย

[ระบบเข้าใจแล้ว]

เสียงราบเรียบที่ดังขึ้นภายในหัว ทำให้จางลี่จิ่นอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าระบบจะเป็นห่วงเธอแบบนี้ด้วย นึกว่าระบบจะไม่สนใจอะไร นอกจากมอบภารกิจให้เธออย่างเดียว

“ไปกันเถอะ ป่านนี้พวกเขาคงนั่งรอเรานานแล้วละมั้ง” ถึงแม้ว่าระบบจะไม่มีชีวิต แต่เธอก็อดที่จะบอกกล่าวกับอีกฝ่านไม่ได้ เพราะถ้าทำเช่นนี้จะเหมือนว่าเธอยังมีใครบางคนที่อยู่เคียงข้างเธออยู่

[ครับคุณลี่จิ่น]

จางลี่จิ่นมองภายในห้องนอนที่เธออาศัยอยู่มาเป็นเวลาสิบกว่าปี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงห้องเล็กๆ ที่มีของเพียงไม่กี่อย่างก็ตาม

‘ลาก่อนห้องพักของฉัน ลาก่อนค่ะพ่อแม่ หนูจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเราอีกต่อไปค่ะ’

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พบกันใหม่ในตอนต่อไปนะคะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้...ฉันขอเขี่ยนางเอกทิ้ง   บทที่ 16

    คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 16[คุณทำลายกำไลวงนั่นไม่ได้ จนกว่าคุณจะดึงโชคของคุณกลับคืนมาหมด หลังจากนั่นกำไลวงนั้นจะแตกสลายไปเองครับ]‘ถ้าอย่างนั้นซูเฟยอวี่และหวังจินเยว่ก็ต้องถูกกำไลวงนั้นครอบงำ จนกว่าที่ฉันจะดึงโชคของฉันกลับคืนมาหมดใช่ไหม’ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงสองคนนั้น แต่เธอก็ไม่อยากให้ถังเจียวมิ่งใช้อีกฝ่ายเป็นสะพานข้ามไปข้างหน้าเช่นกัน[ใช่แล้วครับ ดังนั้นระบบหวังว่าคุณจะทำภารกิจที่ระบบแม่มอบให้สำเร็จในทุกภารกิจนะครับ เพื่อที่คุณจะได้ปลดปล่อยทุกคนให้พวกเขาเดินไปตามทางของพวกเขาเอง โดยที่ไม่ถูกครอบงำจากกำไลวงนั้น]‘ฉันจะทำให้เต็มที่’หลังจากที่จางลี่จิ่นเดินกลับมายังจุดนัดพบของเธอและเพื

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้...ฉันขอเขี่ยนางเอกทิ้ง   บทที่ 15

    คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 15ถังเจียวมิ่งมองหญิงชราคนดังกล่าวด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมาเหมือนกับเพื่อนสนิททั้งสองคนของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าหญิงชราคนนี้เป็นใครกันแน่ เพราะในวันที่เธอมาถึงที่หมู่บ้านเทียนเหอแห่งนี้และตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายวัน เธอก็ไม่เคยพบเจอหญิงชราคนนี้เลยสักครั้งเดียว“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ ฉันก็แค่...” เมื่อหาเหตุผลอะไรมาอธิบายให้หญิงชราคนดังกล่าวไม่ได้ จินจื่อเถียนจึงได้แต่ยืนเงียบเคียงข้างเพื่อนของตัวเองหลี่ซินอวี่กวาดสายตามองไปยังหญิงสาวชาวบ้านคนดังกล่าว ก่อนที่เธอจะหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น “ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ควรที่จะคิดให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนเขาจะคิดว่าเธอไม่มีคนส

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้...ฉันขอเขี่ยนางเอกทิ้ง   บทที่ 14

    คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 14“อาหารพวกนี้น่าทานมากเลยลี่จิ่น” อู๋เจิ้งเซียวมองอาหารตรงหน้าด้วยความละลานตา เธอไม่ผิดหวังกับอาหารที่จางลี่จิ่นเป็นคนทำเลยสักครั้ง หลังจากที่สูดดมอาหารตรงหน้าสักพัก ในที่สุดอู๋เจิ้งเซียวก็ยื่นมือออกไปเพื่อตักอาหารมาไว้ในกล่องอาหารของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเคยทานอาหารของจางลี่จิ่นมาหลายครั้งแล้ว แต่ยิ่งได้ทานเธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เธออยากจะทานมันอีกเรื่อยๆ“นั่นสิ ฉันก็คิดเหมือนกับเจิ้งเซียว อาหารที่เธอทำแต่ละอย่างน่าทานตลอดเลย” เผิงอวี๋หลานค่อยๆ เคี้ยวอาหารที่เธอตักเข้าปากอย่างช้าๆ เพื่อลิ้มรสอาหารตรงหน้า “เธออย่ามัวแต่มองพวกเราสองคนซิ” เผิงอวี๋หลานเขยิบอาหารที่อยู่ใกล้เธอไปทางจางลี่จิ่น เมื่อเห็นอ

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้...ฉันขอเขี่ยนางเอกทิ้ง   บทที่ 13

    คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 13“ทำไมทำหน้าแบบนั่นละอวี๋หลาน” อู๋เจิ้งเซียวเอียงคอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่นี้อีกฝ่ายยังอารมณ์อยู่เลย “หรือว่าคนที่มาเคาะประตูทำอะไรให้เธอไม่พอใจกัน”เผิงอวี๋หลานถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ใครว่าละ คนที่ฉันไม่พอใจเป็นผู้หญิงสามคนนั้นมากกว่า ฉันยืนอยู่หน้าบ้านพักโดยที่ไม่ได้ขวางประตูทางเข้าออกพวกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พวกเธอทำเหมือนว่าฉันไปติดหนี้พวกเธอยังไงยังงั้น แถมยังชักสีหน้าใส่ฉันอีกด้วย” เผิงอวี๋หลานรู้สึกไม่พอใจยุวชนหญิงสามคนนั้น โดยเฉพาะถังเจียวมิ่งที่ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ค่อยมีปากเสียง แต่เธอกลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายเสียงอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ในตอนแรกที่พบเจอกัน เธอรู้สึกว

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้...ฉันขอเขี่ยนางเอกทิ้ง   บทที่ 12

    คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 12จางลี่จิ่นก้าวลงจากรถบรรทุกตามลำดับ หลังจากที่ยุวชนต่างก็เริ่มทยอยกันลงจากรถบรรทุกกันไปทีละคน หลังจากที่จางลี่จิ่นเดินลงมาจากรถบรรทุกเรียบร้อยแล้ว เธอก็กวาดสายตามองไปยังชาวบ้านเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองเห็นอดีตคนรักของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายกำลังมองไปที่ถังเจียวมิ่งด้วยแววตาที่เหมือนกับในอดีตนั้นเอง ทำให้เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นชื่นชอบถังเจียวมิ่งก่อนที่จะมาคบกับเธอนั่นเอง“เอาล่ะทุกคน ตอนนี้ก็ถึงหมู่บ้านเทียนเหอเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นเราจะมาแนะนำตัวให้ชาวบ้านทุกคนได้รู้จักกันก่อนนะครับ” ฟู่หยวนติงขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ที่ถูกทำเอาไว้ เพื่อเขาจะได้มองเห็นชาวบ้านในหมู่บ้านได้อย่างชัดเจน “เอาละ เริ่มจากยุวชนชายคนนั้นก่อนเลยครับ”จางลี่จิ่นยืนมองยุวชนทั้งชา

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้...ฉันขอเขี่ยนางเอกทิ้ง   บทที่ 11

    คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์ ขอให้นักอ่านทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 11จางลี่จิ่นยืนขึ้นเพื่อไปรวมตัวกับยุวชนคนอื่นๆ เพื่อเดินลงจากรถไฟ หลังจากที่เธอเดินทางมาเกือบสามวัน ในที่สุดเธอก็เดินทางมาถึงอำเภอยวี๋เป่ยเสียที จางลี่จิ่นเหลือบมองไปทางถังเจียวมิ่งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินลงตามยุวชนคนอื่นลงจากรถไฟ เนื่องจากพวกเธอเดินทางมาถึงที่อำเภอยวี๋เป่ยในช่วงสายของวัน แต่ที่สถานีแห่งนี้ก็ไม่ได้มีผู้คนพลุ่งพล่าน อีกทั้งบริเวณรอบๆ ยังไม่มีร้านค้าเปิดเหมือนกับในเมืองที่เธอจากมา“ยุวชนทุกคน กรุณาแยกย้ายไปตามตำบลของตัวเอง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่บริเวณทางขึ้นลงของขบวนรถไฟ เพื่อคอยแจ้งข้อมูลให้กับเหล่ายุวชนที่กำลังลงจากขบวนรถไฟนั่นเอง “กรุณาเดินกันอย่างมีระเบียบด้วย ถ้าหากใครก่อกวนหรือสร้างความวุ่นวาย พวกค

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status