หน้าหลัก / รักโบราณ / ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น / ตอนที่ 8 เสียงกระซิบใต้ม่านหยก

แชร์

ตอนที่ 8 เสียงกระซิบใต้ม่านหยก

ผู้เขียน: นิ่งเฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-24 02:08:46

วังหลวงแห่งแคว้นต้าหลิงยามย่ำค่ำยิ่งดูเงียบสงบงดงาม โคมแก้วหินลอยเหนือคูน้ำทอดยาวรอบตำหนัก เงาสะท้อนของดวงจันทร์สาดลงบนพื้นศิลาหยกขาวนวล แต่ภายใต้เงาสว่างนั้น มีบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืดอย่างเงียบงัน

ภายในตำหนักซ่างอิงขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย บ่าวรับใช้ก้มหน้าอย่างเคารพเมื่อหญิงสาวในชุดเรียบหรูเดินตามขันทีเข้ามา

เซียวลี่อิน ถูกเชิญให้มาเข้าเฝ้าองค์หญิงอย่างเป็นทางการครั้งแรก

นางน้อมคำนับอย่างงดงาม “หม่อมฉัน เซียวลี่อิน ถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”

บนบัลลังก์หยกขาวกลางตำหนัก องค์หญิงจ้าวฮุ่ยทอดพระเนตรหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาที่คมดุจหอก

“เจ้าคือบุตรสาวคนโตของเซียวเฟิงเฉินหรือ?” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่ง ทว่าหนักแน่น

“เพคะ” ลี่อินตอบโดยไม่ลังเล “หม่อมฉันเป็นบุตรภรรยาเอก แต่ถูกถอนชื่อจากทะเบียนเรือนตอนอายุสิบสาม”

ดวงตาขององค์หญิงหรี่ลง “เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น?”

ลี่อินเงยหน้าขึ้น สบตากับองค์หญิงอย่างสงบนิ่ง

“เพราะหม่อมฉันเป็นลูกของภรรยาที่ไม่ชื่นชอบ และไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อในสายตาผู้เป็นบิดา”

คำตอบนั้นทำให้องค์หญิงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนแย้มพระโอษฐ์

“เจ้าพูดอย่างสงบนิ่งทั้งที่ความจริงนั้นราวกับน้ำกรด”

“เพราะหม่อมฉันไม่จำเป็นต้องราดน้ำกรดใส่ใคร หม่อมฉันเพียงแต่เฝ้ามองให้มันกัดกร่อนคนที่สมควรถูกน้ำกรดนั้น”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น “น่าสนใจนัก”

องค์หญิงจ้าวฮุ่ยโบกมือ “นั่งลงเถิด ข้าไม่ต้องการเห็นคนที่มีสายตาแบบเจ้า คุกเข่าให้ข้า”

ในคืนนั้น สนทนาใต้แสงจันทร์ระหว่างหญิงสูงศักดิ์กับบุตรสาวผู้ถูกทอดทิ้งกินเวลายาวนาน และสิ่งที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้คือ คำสัญญาลับที่แลกเปลี่ยนกันเบื้องหลังม่านหยก

“องค์หญิงต้องการอำนาจ ส่วนหม่อมฉันต้องการคนที่กล้าพอที่จะลากปีศาจร้ายในคราบขุนนางออกมาประจาน หม่อมฉันไม่เคยกลัวอสูรร้ายที่ซ่อนตัวในวัง และไม่เคยกลัวเลือดของคนที่หม่อมฉันเคยรักจะแปดเปื้อนมือ”

องค์หญิงจ้าวฮุ่ยทรงมองลี่อินอย่างนิ่งงัน ก่อนตรัสเพียงหนึ่งคำ

“ดี…”

รุ่งเช้าในอีกสองวันถัดมา

ข่าวลือใหม่เริ่มแพร่ในหมู่ขุนนางชั้นสูง ว่าองค์หญิงจ้าวฮุ่ยทรงรับรอง “หญิงนิรนามหนึ่งคน” ให้เข้าออกตำหนักซ่างอิงได้อย่างอิสระ

และในช่วงเวลาเดียวกัน พยานคนสำคัญในคดีเงินหลวงถูกยักยอก ผู้ตรวจบัญชีฝ่ายคลังย่อยนามว่าหวังซูจิน

ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ

ในจวนสกุลเซียว เซียวเฟิงเฉินขว้างถ้วยชาใส่ผนังจนแตกละเอียด

“เขาหายไปได้อย่างไร?! หวังซูจินอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราไม่ใช่หรือ?!”

เจินซูเม่ยหน้าซีดเผือด “ข้าให้คนจับตาดูเขาตลอดเวลานะ เขาจะหนีออกไปได้อย่างไรกัน?”

เสียงของเซียวเฟิงเฉินสั่นด้วยโทสะ

“ถ้ามันเปิดปากแม้เพียงคำเดียว นอกจากข้าจะไม่มีที่ยืนในราชสำนักอีก จวนสกุลเซียวก็จะล่มสลายแน่!”

ในเงามืดของสวนเมฆหยก

เฉินอี้ สายลับของจิ้งอ๋อง ยื่นจดหมายลับให้ลี่อิน นางอ่านพลางยิ้ม เนื้อความในจดหมายเขียนว่า

หวังซูจิน

ปลอดภัยดี ตอนนี้อยู่ที่ตำหนักซ่างอิง

เขากำลังจดคำให้การฉบับเต็ม

ต่อหน้าองค์หญิงจ้าวฮุ่ยด้วยตนเอง

ลี่อินเงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี

“เกมนี้ เริ่มส่งเสียงแล้ว และเสียงกระซิบใต้ม่านหยก จะกลายเป็นคำตัดสินในท้องพระโรงในไม่ช้านี้”

สายลมยามราตรีพัดผ่านแนวกำแพงหินของวังหลวง เสียงใบไม้เสียดสีกันแผ่วเบาราวเสียงกระซิบจากเทพเจ้า

และในค่ำคืนนี้ ณ ศาลากลางสวนหลวงในเขตหวงห้าม แสงตะเกียงสว่างจาง ๆ ลอยอยู่ใต้ร่มเงาไผ่

ชายผู้หนึ่งในชุดขาวนั่งอยู่หน้ากระดานหมาก

เขาคือ จิ้งอ๋อง หวังจิ้งเหยียน

บุรุษผู้ไม่เคยเล่นหมากเพื่อฆ่าเวลา แต่ทุกครั้งที่เดินหมาก คือการเดินยุทธศาสตร์ชีวิต

ตรงข้ามเขา คือหญิงสาวผู้กลับมาจากความตาย พร้อมหัวใจที่แน่วแน่ดั่งเหล็กกล้า เซียวลี่อิน

“ท่านอ๋องทรงวางหมากกลางกระดานเร็วกว่าครั้งก่อน”

ลี่อินกล่าวเบา ๆ ขณะหยิบหมากดำในมือลงวาง

“เพราะคู่แข่งข้าฉลาดขึ้น” เขาตอบเสียงเรียบ

บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองไม่ได้มีคำหวาน ไม่มีแววตาชื่นชม มีเพียงความเข้าใจลึกซึ้งในเป้าหมาย และช่องว่างบางอย่างที่ยังไม่มีผู้ใดข้าม จิ้งอ๋องจ้องหมากบนกระดานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเบา

“เจ้ารู้หรือไม่ หวังซูจินเคยมีโอกาสออกจากต้าหลิง แต่เขาเลือกอยู่เพราะมีคนในครอบครัวที่ยังถูกข่มขู่อยู่ในเมืองหลวงนี้”

ลี่อินเงียบไปนาน ก่อนจะกล่าว “หากเขากล้าพูดความจริง ทั้งที่รู้ว่าครอบครัวอาจตกเป็นเป้า หม่อมฉันจะไม่ยอมให้ความกล้าของเขาต้องถูกทำให้ไร้ค่าแน่”

จิ้งอ๋องเหลือบตามองนางครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ข้าได้ส่งคนไปดูแลครอบครัวเขาแล้ว จะไม่มีใครทำอะไรคนพวกนั้นได้”

นั่นคือประโยคที่ไม่มีใครเคยได้ยินจากจิ้งอ๋องมาก่อน และลี่อินก็รับรู้เช่นกัน

“เจ้าจะไม่ถามเลยหรือ ว่าข้าคิดสิ่งใดกับการช่วยเจ้าจนถึงเพียงนี้?” เขากล่าวเบา ๆ

ลี่อินเงยหน้าขึ้น สบตาเขาตรง ๆ เสียงของนางเรียบสงบ แต่แฝงความแน่วแน่

“หม่อมฉันรู้ว่าเราต่างใช้กันและกัน แต่ท่านอ๋องไม่ได้ใช้หม่อมฉันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ท่านอ๋องใช้หม่อมฉันเพื่อผลลัพธ์ที่สูงกว่านั้น”

จิ้งอ๋องนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ โดยไม่มองนาง

“เจ้าเปลี่ยนไปมาก นับจากวันที่ทำถาดน้ำชาในมือเจ้าหล่น”

บรรยากาศในศาลานั้นเงียบไปชั่วขณะ แม้เพียงการเอ่ยถึงอดีตเพียงประโยคเดียว กลับเผยให้เห็นการจดจำในรายละเอียดของเขา

นั่นไม่ใช่เพียงความสนใจชั่ววูบอีกต่อไป...

“วันพรุ่งนี้…” เขาเว้นช่วงก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าจะจัดให้เจ้าได้พบกับหนึ่งในทหารราชสำนักที่เคยอยู่ใต้ฝ่ามือบิดาของเจ้าในอดีต เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเห็นสิ่งที่ไม่ควรถูกเห็น แต่เลือกที่จะเงียบ”

“หากเจ้าเอาชนะใจเขาได้ ข้อมูลที่เจ้าเคยคิดว่าจะไม่มีวันหาเจอ อาจปรากฏในมือเจ้าเร็วเกินคาด”

ลี่อินประสานมือคำนับอย่างลึกซึ้ง

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง ที่ทำให้หม่อมฉัน ได้รับมากกว่าโอกาส”

จิ้งอ๋องมองหมากที่นางเพิ่งวางลง ตำแหน่งนั้น แนบแน่นพอดีกับช่องว่างที่เขาทิ้งไว้ก่อนหน้า

“เจ้าวางหมากได้แม่นยำขึ้น จนข้าต้องระวังว่าวันหนึ่งจะพ่ายให้เจ้าในกระดานของตัวเอง...”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 10 ดอกเหมยที่รอวันผลิบาน

    เสียงกระจกหน้าต่างฝั่งตรงข้ามแตกดังแกรก นักฆ่าคนที่สองพุ่งตัวเข้ามาพร้อมควันไฟที่ถูกจุดล่อเบี่ยงความสนใจ แต่นางยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม นั่นเพราะเงาร่างสีขาวเคลื่อนผ่านแสงตะเกียงด้วยความเร็วราววิหคเหิน เขายกตะเกียงในมือโบกขึ้น เป่าดับไฟ แล้วแทงคมมีดกลับไปยังต้นเสียงโดยไม่ต้องมอง เสียงร่างกระแทกพื้นดังตึง ร่างที่สามลอบเข้ามาจากประตูหลัง หยุดกึกกลางทางเงาของไป๋อวิ๋นยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้อง และเสียงของลี่อินก็เอ่ยขึ้นเบื้องหลังเขา“ถ้าเจ้าไม่ถอยออกไป จะไม่มีโอกาสได้ตายดี”นักฆ่าคนสุดท้ายลังเลชั่วครู่ ก่อนจะโยนอะไรบางอย่างลงพื้น มันคือกระบอกไม้ไผ่ที่มีตราสัญลักษณ์ลบลายบนปลอก“จงส่งสาส์นนี้คืนไปยังผู้ส่งมันมา…” ลี่อินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “…และบอกมันว่า นับแต่นี้ ข้าจะไม่ยอมทนอยู่เงียบ ๆ อีก!”รุ่งเช้าในวันถัดมา เสี่ยวจูเปิดประตูเรือนก็พบว่าหน้าประตูถูกกวาดเรียบจนไม่มีแม้ร่องรอยของการต่อสู้ ไป๋อวิ๋นจากไปแล้วเช่นทุกครั้ง ไม่เอ่ยคำร่ำลา ไม่ปล่อยแรอยเท้าไว้เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่คือลายมือสั้น ๆ บนกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งที่วางใต้หม้อน้ำชา“ครั้งหนึ่งข้าเคยพลาด ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมพลาด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 9 บุรุษชุดขาวในสายลมราตรี

    ค่ำคืนเงียบงันยิ่งกว่าที่เคย ลมเย็นพัดเบา ๆ ผ่านแนวต้นหลิวที่ปลิดใบอย่างเชื่องช้า ในจวนสกุลเซียว แม้ภายนอกจะดูเงียบสงบ หากแต่ในความมืดของราตรีนั้น จิตใจของใครหลายคนต่างเต็มไปด้วยแรงเคลื่อนไหวที่ยากจะหยุดยั้งเรือนหลังที่เงียบเชียบของเซียวลี่อินกลับไม่มืดสนิทเหมือนเช่นทุกคืน ตะเกียงน้ำมันถูกจุดไว้ตรงกลางห้อง ราวกับนางตั้งใจ ‘เปิดทาง’ ให้ใครบางคนที่กำลังจะมาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นหน้าประตูหลัง ลี่อินไม่แสดงท่าทีแปลกใจ นางลุกขึ้นอย่างสงบ แล้วเปิดประตูออกด้วยมือนิ่งมั่นบุรุษในชุดผ้าฝ้ายสีขาวยืนอยู่ตรงหน้า รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมครึ่งหน้านั้นมีเพียงดวงตาคมลึกที่จ้องมองนางนิ่ง ๆ“เจ้าคือผู้ที่จิ้งอ๋องส่งมาหรือ?” ลี่อินเอ่ยเสียงเบาบุรุษชุดขาวพยักหน้า “ข้า ไป๋อวิ๋น เคยเป็นองครักษ์ลับประจำกรมคลัง เมื่อหกปีก่อนข้าเห็นสิ่งหนึ่ง แต่ไม่อาจกล่าวออกมาได้”เสียงของเขานุ่มทุ้ม แต่ทว่าเย็นยะเยือกคล้ายลมภูผา“และข้าจะไม่พูดกับใคร หากไม่มีเหตุผลพอ”ลี่อินไม่ตอบในทันที นางเชื้อเชิญเขาเข้าไปนั่งในเรือนอย่างสงบ ตะเกียงสว่างเพียงพอให้เห็นเงาบนฝาผนังสั่นไหว แต่ไม่มากพอให้เห็นสีหน้าของทั้งสองช

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 8 เสียงกระซิบใต้ม่านหยก

    วังหลวงแห่งแคว้นต้าหลิงยามย่ำค่ำยิ่งดูเงียบสงบงดงาม โคมแก้วหินลอยเหนือคูน้ำทอดยาวรอบตำหนัก เงาสะท้อนของดวงจันทร์สาดลงบนพื้นศิลาหยกขาวนวล แต่ภายใต้เงาสว่างนั้น มีบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืดอย่างเงียบงันภายในตำหนักซ่างอิงขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย บ่าวรับใช้ก้มหน้าอย่างเคารพเมื่อหญิงสาวในชุดเรียบหรูเดินตามขันทีเข้ามาเซียวลี่อิน ถูกเชิญให้มาเข้าเฝ้าองค์หญิงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนางน้อมคำนับอย่างงดงาม “หม่อมฉัน เซียวลี่อิน ถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”บนบัลลังก์หยกขาวกลางตำหนัก องค์หญิงจ้าวฮุ่ยทอดพระเนตรหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาที่คมดุจหอก“เจ้าคือบุตรสาวคนโตของเซียวเฟิงเฉินหรือ?” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่ง ทว่าหนักแน่น“เพคะ” ลี่อินตอบโดยไม่ลังเล “หม่อมฉันเป็นบุตรภรรยาเอก แต่ถูกถอนชื่อจากทะเบียนเรือนตอนอายุสิบสาม”ดวงตาขององค์หญิงหรี่ลง “เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น?”ลี่อินเงยหน้าขึ้น สบตากับองค์หญิงอย่างสงบนิ่ง“เพราะหม่อมฉันเป็นลูกของภรรยาที่ไม่ชื่นชอบ และไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อในสายตาผู้เป็นบิดา”คำตอบนั้นทำให้องค์หญิงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนแย้มพระโอษฐ์“เจ้าพูดอย่างสงบนิ่งทั้งที่ความจริงนั้นราวกับน้ำก

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 7 องค์หญิงจ้าวฮุ่ย

    สามวันถัดมา ภายในตำหนักซ่างอิงของวังหลวง ที่ประทับขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย พระธิดาองค์โตของฮ่องเต้ ผู้มีอำนาจทั้งในวังหน้าและวังใน เป็นสตรีมากบารมีแห่งแคว้นต้าหลิงภายนอกตำหนักนั้นเงียบสงบด้วยมารยาทแห่งราชสำนัก แต่ภายใน สายตาขององค์หญิงกลับเต็มไปด้วยความคมกล้า เจินซูเม่ยนั่งชูคอขณะที่เข้าเฝ้าองค์หญิงร่วมกับฮูหยินขุนนางอีกหลายคน“เซียวเฟิงเฉิน เป็นผู้ดูแลกรมการคลังมานานปี ข้าได้ยินมาว่า เขามีบุตรสาวคนโตชื่อเซียวลี่อิน แต่กลับไม่ปรากฏนามในบรรดารายชื่อหญิงงามในงานราชพิธีใด ๆ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”ขันทีข้างกายรายงานด้วยเสียงเบา “ทูลองค์หญิง กระหม่อมได้ยินมาว่านางเป็นบุตรีที่ไม่ได้รับความสนใจจากเสนาบดีเซียว เนื่องจากเป็นคนแข็งกร้าวไม่เชื่อฟังพะยะค่ะ”“งั้นหรือ บางครั้งข่าวลือที่ได้ยินมาก็มิอาจเชื่อถือได้ เจ้าว่าเช่นไรเล่า เจินซูเม่ย”“ทูลองค์หญิง สกุลเซียวให้ความใส่ใจกับบุตรทุกคน ข่าวลือนั้นไม่จริงเลยเพคะ”“เช่นนั้นหรือ ซูกงกง เจ้ายังได้ยินเรื่องใดมาอีก ว่าต่อสิ”“ทูลองค์หญิง กระหม่อมยังได้ยินมาอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้คุณหนูเซียวผู้นี้ถูกฮูหยินรองเซียวกักขังในห้องตำรา แต่แล้วก็หายตัวออกมาได้เอ

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 6 หนามแหลมในมือแม่เลี้ยง

    ในยามสายวันรุ่งขึ้น ลี่อินได้รับคำสั่งจากฮูหยินรองเจินซูเม่ย ให้นางเข้าไปช่วยจัดของในห้องเก็บตำราสำคัญของจวน“ห้องเก็บตำรา?”“ในอดีต ข้าจำได้ว่าเคยถูกล่อเข้าไปที่นั่น แล้วถูกกล่าวหาว่าขโมยหยกของฮูหยินรอง”“คุณหนู อย่าไปนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยอย่างร้อนรน“ห้องนั้น ข้าได้ยินว่าวันก่อนซูหรูเพิ่งให้คนเข้าไปทำความสะอาด ข้าเกรงว่ามันจะเป็นกับดัก”ลี่อินวางมือบนไหล่เสี่ยวจู บีบเบา ๆ“เจ้าเคยบอกข้าว่ากลัว หากต้องอยู่ในเงามืดเพียงลำพังใช่หรือไม่?”“ข้าเองก็กลัว แต่ข้าจะไม่หนีอีก ยิ่งพวกมันกล้าลงมือเร็ว ข้ายิ่งแน่ใจว่ามันเริ่มหวาดหวั่นแล้ว”ยามเฉินลี่อินก้าวเข้าสู่เรือนใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ภายในเรือนตกแต่งหรูหรา ทุกกระเบื้องและมุมเสาล้วนประณีตงดงาม แต่สำหรับนางแล้ว มันไม่ต่างจากคุกสีทองที่เคยกักขังนางนางเดินตามบ่าวรับใช้จนถึงหน้าห้องเก็บตำรา ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องปีกตะวันออก“เข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ ฮูหยินรออยู่ข้างในแล้ว”เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ปรากฏกลับไม่ใช่เจินซูเม่ย หากแต่เป็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า เงียบสงัด และมีกล่องเก็บผ้าโบราณซ้อนกันสูงจนบดบังแสง ทันใดนั้น ประตูไม้ก็ปิดดั

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 5 เสียงหัวเราะในเงามืด

    เสียงหัวเราะของเด็กชายดังขึ้นภายในสวนหลังเรือนใหญ่ เป็นเสียงที่สดใสเกินไปสำหรับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบแห่งความชิงชังและการหลอกลวงเซียวเทียนหยู บุตรชายของเจินซูเม่ย เด็กชายในวัยสิบสามปีผู้เป็นที่รักของบิดายิ่งนักแม้ในชาติก่อนเขายังเยาว์วัยนัก แต่กลับเป็นผู้ที่กล่าวหานางว่าลอบขโมยของหลวง และเป็นผู้ที่ผลักดันให้บิดาสั่งลงโทษนางและแม่ในช่วงท้ายของชีวิตอย่างไร้เมตตา“ในชาติก่อน แม้จะยังเด็ก แต่ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เป็นอสรพิษในคราบเด็กน้อย”“ในชาตินี้ ข้าจะขุดรากเจ้า ก่อนที่เขี้ยวจะงอก!”บ่ายวันนั้น ลี่อินปรากฏตัวในสวน นางแต่งกายเรียบง่าย เอาผ้าบางคลุมศีรษะ ถือกระเช้าผลไม้เดินตรงเข้าไป“เทียนหยู ข้านำผลไม้มาให้เจ้า”เด็กชายชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยืดอกพูดด้วยท่าทีจองหอง“พี่หญิงใหญ่!”“ใช่ ข้าเอง”“วันนั้น ท่านคือคนที่ทำถาดหล่นใส่ท่านอ๋องใช่หรือไม่”เสียงหัวเราะเหี้ยม ๆ จากปากเด็กชายทำเอาคนรับใช้รอบตัวสะอึก แต่ลี่อินกลับยิ้มบาง ย่อตัวลงนอบน้อม“ข้าสะเพร่าไปหน่อย เพียงแค่อยากไปช่วยงาน”เซียวเทียนหยูเลิกคิ้วอย่างงุนงง ก่อนจะโบกมือ “วางไว้ตรงนั้น แล้วไปเถอะ”ทว่าก่อนนางจะผละไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status