แชร์

พิมพ์ครั้งที่ ๒

ผู้เขียน: 1037
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-22 02:29:34

“ชะ ช่วยด้วยเจ้าคะ ช่วยด้วย!!”

เสียงโหวกเหวกบนเรือนใหญ่พาให้ทุกคนต้องแตกตื่นในรุ่งสางของวันใหม่ ทั้งเหล่านาย และข้าทาสต่างให้ความสนใจยังเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังเอิกเกริกไม่ขาดสาย เห็นทีจะมาจากเรือนฝั่งทางขวากงนู้น

“หอนอนแม่แก้วไม่ใช่รึ นางเป็นอันใดหรือไม่ถึงได้ส่งเสียงคร่ำครวญเช่นนั้น มา ๆ พวกเอ็ง พยุงข้าไปดูนางที!?”

คุณหญิงแสที่ตื่นมาไม่นานเรียกบ่าวคนสนิทให้ช่วยพยุงตนลุกขึ้น คงจะมีเรื่องใหญ่โข ไม่เช่นนั้นคงไม่ร้องลั่นปานมีคนกำลังถูกฆ่าแกง หลังจากที่ย่างเท้าผ่านธรณีประตูมาได้ ก็เจอเข้ากับบุตรชายเพียงคนเดียวของตนทันที

“คุณแม่เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ?”

เพราะหอนอนฝั่งทางนี้ล้วนเป็นหญิงที่อยู่บนเรือน ส่วนขุนเอกได้แยกออกไปอยู่อีกฝั่ง ถามว่าเป็นผัวเมียกันหาต้องแยกห้อง ใครบอกว่าแม่แก้วเป็นเมียเอกของเขาล่ะ ชายหนุ่มมองเมียทุกคนเป็นเพียงหญิงผู้ผลิตลูกเท่านั้นเอง

“แม่หาได้เป็น เห็นทีจะเป็นแม่แก้วนะพ่อเอก”

“งั้นคุณแม่ตามไปนะขอรับ ลูกขอไปดูน้องก่อน”

คนเป็นแม่พยักหน้ารับลูกชาย ก่อนที่เขาจะเดินแยกออกไปก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับบ่าวชายคนสนิท แต่ทุกอย่างกลับเลวร้ายกว่าที่คิด เมื่อเรื่องที่เขา และคนในเรือนต่างดีใจที่สุดในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้มันกำลังเป็นเพียงฝัน

อีกฝั่งของเรือนหลังใหญ่ เช้านี้บัวก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองไม่ตกขาด เธอยังคงหมกตัวอยู่ในครัวไฟ เพื่อต้มยาบำรุงครรภ์ให้คุณแก้วเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา ไม่นานก่อนที่เสียงดังลั่นจากหลายบุคคลจะดังขึ้นเรียกความสนใจของบัวเป็นอย่างมาก แต่ก็หาได้รู้ถึงความจริงของที่มาเสียงนั้น กระทั่ง

“บัว! แย่แล้ว เอ็งเร่งหนีไปเสีย แฮ่ก ๆ!”

“แม่ใจเย็นก่อนจ้ะ เดี๋ยวจะลมจับเอานะจ๊ะ”

บัวยังมีแม่ และคนที่วิ่งหน้าตั้งจวนลมแทบจับมาบอก ก็เป็นแม่ของเธอ หญิงสาวที่เห็นว่าแม่ดูท่าจะหน้ามืด เลยรีบจับท่านมานั่งให้อาการดีขึ้นมากกว่านี้ก่อน หากแต่เรื่องที่ต้องการวิ่งมาบอกลูกสาว กลับสำคัญมากกว่าอาการที่เธอกำลังเป็น

“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ แล้วเมื่อครู่เสียงอะไรจ๊ะแม่”

“คุณแก้ว แฮ่ก ๆ คุณแก้วตกลูก!”

“!!!”

บัวหน้าซีดเผือด รู้สึกตกใจกับเรื่องร้ายที่ได้รับในเช้านี้ เกิดอะไรขึ้นกับหล่อน เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ได้!? ขนาดบัวยังรู้สึกตกใจปานนี้ แล้วคนที่ตั้งหวังอยากจะมีลูกอย่างท่านขุน คงจะเสียใจอยู่มากโข

“แม่นั่งอยู่นี่ก่อนนะจ๊ะ ฉันขอไปดูคุณแก้วก่อนจ้ะ!”

“เอ็งหาต้องไป ไม่ช้าคงมีคนมารับเอ็งไปให้ท่านขุนซักเป็นแน่ เอ็งไม่รอดแน่บัว! หนีไปเถอะลูก”

แม่เริ่มมีอาการที่ดีขึ้น แต่ความกังวลว่าลูกจะถูกลงโทษกลับกำลังเข้ามาแทนที่ บัวมีสีหน้าที่ยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งผู้เป็นแม่ต้องยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลูกสาวรับฟัง

“คุณแก้วให้โทษว่าที่ตกลูกก็เพราะยาที่เอ็งปรุงให้ ตอนนี้ท่านขุนเลยโทสะจัด หามีใครหยุดท่านได้แล้ว เอ็งเร่งหนีไปเสียเถอะนะ แม่จะรับโทษแทนเอ็งเอง ฮึก เอ็งหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าให้ใครจับได้ เข้าใจหรือไม่บัว!”

จะเป็นเพราะยาที่เธอปรุงให้ได้อย่างไร ในเมื่อยาทุกตัวเป็นยาที่หมอจัดเตรียมให้เองทั้งหมด บัวได้หาเอาสิ่งอื่นไปให้คุณแก้วดื่ม อีกอย่างจะให้แม่รับโทษแทนไม่ได้เด็ดขาดเลย

“แต่ฉันไม่ได้ทำนะจ๊ะแม่!”

“แม่เชื่อว่าลูกของแม่ไม่ได้ทำเยื่องนั้นเป็นแน่ หากแต่ใครเล่าจะเชื่อเอ็ง ฮึก เอ็งเชื่อแม่สักคราเถอะนะ”

“ไม่จ้ะ ฉันไม่อาจหนีไปแล้วให้แม่ต้องถูกโบยแทนหรอกนะจ๊ะ!”

พ.ศ.๒๕๖๗

ท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหลวงของกรุงเทพฯ ไม่เว้นแม้แต่ เช้า กลางวัน หรือเย็น ทุกช่วงเวลาของที่นี่ก็ล้วนมีแต่ความวุ่นวายอยู่เต็มไปหมด เช้านี้ก็เช่นเดียวกัน

“สวัสดีค่ะคุณวาด พวกเราเตรียมร้านให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ วาดไม่คิดว่ารถจะติดมากขนาดนี้”

วาดจันทร์ เจ้าของร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ แม้ว่าร้านของเธอจะเพิ่งเปิดใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หากแต่ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากคนในเมือง ด้วยฝีมือการทำอาหารของเธอนั้นถือว่าครบเครื่อง รสชาติ กลิ่น และหน้าตา

อีกทั้งพอรู้ว่าหนึ่งในเชฟเป็นเจ้าของร้านที่ลงครัวทำเอง ก็ทำให้ใครต่อใคร อยากแวะเข้ามาลิ้มชิมรสอยู่เสมอ พอได้รับอาหารของวาดจันทร์เข้าท้อง พวกเขาก็จะกลับบ้านกันอย่างอิ่มเอมใจ และกลับมาที่ร้านอีกทุกครั้งที่มีโอกาส นี่แหละซิกเนเจอน์ของร้านเธอ

“ยินดีด้วยนะคะคุณวาด”

“คะ? อ๋อ ฮ่า ๆ ขอบคุณค่ะ”

ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจว่าลูกจ้างทุกคนในร้านต่างหมายถึงอะไรกัน แต่พอหนึ่งในนั้นชี้ที่นิ้วนางข้างซ้ายถึงรู้เรื่อง ว่าทั้งหมดกำลังร่วมแสดงความยินดีกับเธอเรื่องการแต่งงาน

สองวันก่อน ทั้งวาดจันทร์ และแฟนหนุ่ม ได้บินลัดฟ้าไปเที่ยวไกลถึงเกาหลี ตั้งใจจะไปพักผ่อนเพียงเท่านั้น หากแต่ชายหนุ่มที่คบหากันมาร่วมสี่ปี กลับคุกเข่าขอเธอแต่งงานเสียได้

‘ต่อไปนี้เจตขอเป็นทั้งหุ้นส่วนร้าน และหุ้นส่วนชีวิตกับวาดได้ไหม? แต่งงานกับเจตนะวาด’

วาดจันทร์ยังคงจำคำขอนั้นได้เป็นอย่างดี ร้านที่เธอทำอยู่เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะแฟนหนุ่มชักชวนให้ทำ ทั้งคู่ได้ร่วมลงทุนสร้างร้านนี้ด้วยกันกล่าวว่าก็เพื่อสร้างอนาคตของทั้งคู่ พอมาวันนี้ความสัมพันธ์กำลังจะถูกเติมเต็มครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

“อ้าว มาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้สีหน้าไม่ค่อยสดใสเลยล่ะ ทั้งที่กำลังมีข่าวดีแท้ ๆ” เป็นเพื่อนสาวของวาดจันทร์เอง ทั้งคู่เรียนมาด้วยกัน และสนิทกันมากถึงขั้นว่าเธอที่เป็นเจ้าของร้านร่วมกับแฟนหนุ่ม ได้เอ่ยชักชวนให้มะลิมาทำงานด้วยกันที่นี่

ทั้งคู่เป็นคนดูแลเรื่องอาหารคาวเป็นหลัก เพราะเรียนสายนี้มาโดยตรง หากให้ไปทำของหวานก็คงจะทำได้ไม่ดีเท่า

“อย่าบอกนะว่าฝันร้ายเรื่องเดิมอีกแล้ว”

สนิทกันถึงขั้นรู้ว่าวาดจันทร์มีความฝันที่แปลก เพื่อนสาวมักฝันเรื่องเดิมอยู่ซ้ำ ๆ ตั้งแต่ขึ้นมหาวิทยาลัยปีแรก จนตอนนี้ที่ก็ไม่รู้ว่าเรียนจบมากี่ปีแล้ว วาดจันทร์พยักหน้ารับ หลังจากแยกตัวเข้ามาในห้องครัวของร้านแล้ว

“เมื่อคืนไม่ได้ฝันเรื่องเดิมแล้ว แต่ก็ยังฝันเกี่ยวกับคน ๆ เดิมอยู่”

มันน่าแปลกที่ทุกทีวาดจันทร์จะฝันเพียงว่ามีหญิงสาวแต่งตัวคล้ายทาสถูกโบยจนเจ็บจะขาดใจ แต่ครั้งนี้ไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อคืนเธอฝันว่าหญิงสาวคนเดียวกันกำลังมีความสุขอยู่กับชายผู้หนึ่ง ทั้งเธอและเขาต่างรักใคร่จนวาดจันทร์รู้สึกถึงความรักนั้นไปด้วย แต่เธอก็ไม่เคยได้เห็นหน้าชายคนนั้นเสียที มีเพียงแค่น้ำเสียงที่คุ้นหูอยู่ร่ำไร ครั้นนึกก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน

“ออร์เดอร์แรกมาพอดี เธอไปพักก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวลูกค้ารายนี้ฉันจัดการเอง”

“ไม่เป็นไรฉันช่วยเธอดีกว่า จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านด้วย”

“นี่ ยังไงก็ยินดีกับเรื่องแต่งงานด้วยนะ ฉันเห็นพวกเธอคบกันมาหลายปี จะเห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาก็รู้สึกดีใจไปด้วย”

“ฉันก็ต้องขอบคุณเธอเหมือนกันนะ เพราะเธอเลยที่เป็นแม่ชักแม่สื่อให้ฉันกับเจต” การที่เจตกล้าจีบเธอ ก็เพราะได้รับคำแนะนำของมะลิ ถ้าไม่มีมะลิในวันนั้น วาดก็คงจะไม่ได้คบกับเจตเหมือนกัน

RRRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งคู่ในห้องครัวได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ของวาดจันทร์ งั้นก็เป็นของมะลิแน่ไม่ผิด ช่วงนี้เพื่อนสาวดูจะมีคนโทรเข้ามาบ่อย สงสัยได้ว่าคงกำลังจะมีแฟนอยู่เป็นแน่ แต่วาดก็ไม่ได้ถามไถ่อะไร เนื่องด้วยเป็นเรื่องส่วนตัว

“เธอรับสายเถอะ ฉันจัดการเอง”

“งั้นแป๊บหนึ่งนะ”

วาดจันทร์พยักหน้ารับ ก่อนเดินไปหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมทับ ระหว่างที่มะลิก็กำลังกดรับสายที่โทรเข้ามา อีกคนไม่ได้เดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่อื่นเหมือนทุกครั้ง เห็นทีสายนี้คงจะไม่ใช่แฟนของเพื่อนสาว

“สวัสดีค่ะ...ใช่ค่ะ กำลังพูดสายค่ะ”

เพราะขนาดห้องครัวไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กจนอึดอัด ทำให้ทุกถ้อยคำที่เพื่อนสาวพูดวาดจันทร์ที่อยู่ร่วมห้องก็ได้ยินด้วย แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนใจเอาแต่ทำงานของตัวเองอย่างตั้งหน้า สุดท้ายก็ได้ยินอยู่ดี

“....”

เสียงสนทนาเงียบหายไป หากแต่สีหน้าของคนที่เพิ่งรับสายเมื่อครู่กลับกำลังซีดเผือด วาดจันทร์ยังไม่ทันได้สังเกต เพราะคิดว่าอาจจะยุ่งเรื่องของเพื่อนมากเกินไป

“วะ วาด ฉันออกไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ”

“ได้สิ”

พอหันมาอีกทีเพื่อนที่พูดด้วยก็เดินหันหลังออกจากห้องครัวไปแล้ว ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหนักใจหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพื่อนอย่างเธอก็คงจะอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

หลังจากเรื่องเมื่อเช้าที่มะลิแยกออกไปคุยโทรศัพท์ พอเดินกลับมาเพื่อนสาวก็มีสีหน้าที่ไม่ได้ดูดีขึ้น วาดจันทร์เลยเลือกที่จะถามออกไปตรง ๆ ว่ามีเรื่องใดให้ช่วยหรือเปล่า หากแต่มะลิก็ตอบกลับมาทันทีว่าไม่เป็นไร ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอทั้งนั้น

ตั้งแต่ตอนนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ถูกพูดถึงอีกเลย ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันทำงานตามปกติ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนค่ำของวันเดียวกัน พนักงานทุกคนช่วยกันปิดร้านพร้อมสรรพ ก่อนพากันแยกย้ายกับบ้านใครบ้านมัน ระหว่างที่วาดจันทร์กำลังอาบน้ำแต่งตัวใหม่ อยู่ในห้องพักที่สร้างเพิ่มขึ้นมาอีกห้องในร้านอาหารของเธอเอง

เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เวลาที่ทำงานเสร็จแล้วจะกลับบ้านทั้งเนื้อตัวมีแต่กลิ่นอาหารก็ใช่ที เธอเลยลงทุนสร้างห้องพักขนาดกลางไว้ เพื่อเวลาทำงานเสร็จจะได้ชำระล้างร่างกายก่อนกลับบ้าน

“ค่ะเจต ถึงไหนแล้วคะ?”

(เจตถึงร้านแล้วนะ วาดแต่งตัวเสร็จหรือยัง?)

“งั้นรอวาดสักแป๊บนะคะ หรือเจตจะเข้ามาหาวาดที่ห้องก็ได้นะ”

เธอไม่ได้เปิดทางให้เข้ามาทำเรื่องอย่างว่า ถึงจะเป็นแฟนคบกันมาหลายปีจวนจะแต่งงานกันแล้ว แต่ก่อนหน้าวาดจันทร์ได้เอ่ยขอกับชายหนุ่มคนรัก ว่าขอให้พวกเขาได้เข้าห้องหอกันก่อน วันนั้นมาถึงทั้งใจและกายของเธอ จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

(เจตรอวาดในร้านดีกว่า กลัวว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองจะพาให้อดใจไม่ไหว)

“เจตล่ะก็ โอเคค่ะ งั้นวาดจะรีบให้มากที่สุดนะคะ”

เพราะวันนี้มีนัดทานข้าวด้วยกันอีกครั้งหลังจากถูกขอแต่งงาน ทำให้วาดจันทร์อยากมั่นใจว่าเธอตอนนี้ดูดีสำหรับเขาแล้วจริง ๆ การแต่งตัวเลยค่อนข้างนานมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

เวลาผ่านไปไม่เกินครึ่งชั่วโมง ต่อให้จะอยากดูดีแค่ไหนในสายตาว่าที่สามี แต่วาดจันทร์ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องรอนาน หากแต่พอเดินเข้าร้านมาแล้วก็ยังไม่เห็นเงาของแฟนหนุ่มด้วยซ้ำ

“ไหนบอกว่ารอในร้านล่ะ ไปอยู่ที่ไหนนะ”

วาดจันทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเจต หลังจากที่ต่อสายไปไม่นาน เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น

“ห้องครัว เจตเข้าไปทำอะไรในห้องครัว?” วาดจันทร์ไม่รู้ว่าเขามีเซอร์ไพรส์อะไรอีกหรือเปล่า ได้แต่เดินตามเสียงเรียกเข้านั้นไปอย่างเงียบ ๆ กลัวว่าตัวเองจะทำแผนของแฟนหนุ่มแตกจนเสียบรรยากาศ ทว่าสิ่งที่เจตเตรียมไว้ให้เธอ มันก็เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากจริง ๆ

“อย่าไปนะ ขอร้องล่ะอย่าไป ฮึก”

“วาดโทรมาแล้ว อีกไม่นานก็คงจะมาที่นี่ เรื่องนี้เอาไว้คุยกันวันอื่น”

วาดจันทร์ขมวดเรียวคิ้วขึ้นอยู่หลังประตูที่แง้มเอาไว้ ทั้งก้อนเนื้อกลางอกยังเต้นตุบตับ เธอไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มกำลังสนทนาอยู่กับใคร เพราะวาดไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย ทั้งเสียงก็ไม่คุ้นหูเนื่องด้วยคนคนนั้นเอาแต่ร้องไห้จนฟังไม่ชัด หากแต่อีกคนเป็นเสียงของเจตแน่ไม่ผิด

พร้อมทั้งร่างหนาของแฟนหนุ่มที่เธอเคยเป็นคนเดียวที่สามารถโอบกอดได้ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เธออีกแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน!

“จะคุยวันอื่นได้ยังไง นี่มันเรื่องสำคัญมากเลยนะเจต ฮือ เราขอร้องล่ะ”

“นี่! บอกให้ปล่อยไง อย่างี่เง่าได้หรือเปล่า” วาดจันทร์ปล่อยให้สายที่โทรหาเจตหลุดไปในที่สุด มือเล็กยกขึ้นปิดปากตัวเองไว้แน่น เธอเองก็ไม่เคยเห็นว่าแฟนหนุ่มจะมีอารมณ์ด้านนี้ด้วย กระทั่งตอนนี้

“จะว่าเรางี่เง่าก็ได้ ฮือ แต่เราท้อง เราท้องกับเจต เจตต้องรับผิดชอบ!”

!!!

ท้องงั้นเหรอ วาดจันทร์ได้ยินไม่ผิด อีกฝ่ายบอกว่าเธอกำลังตั้งท้อง และต้องการให้เจตรับผิดชอบ หมายความว่าว่าที่สามีของวาด กำลังทำผู้หญิงอีกคนท้องอย่างนั้นเหรอ!?

“มะลิ! หุบปากซะ ถ้าวาดมาได้ยินเราได้จบเห่กันทั้งคู่แน่!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามาเป็นเมียทาส   พิมพ์ครั้งที่ ๑๕

    ตกค่ำของวันเดียวกัน แม่แก้วถูกคุณพระเกี่ยวพากลับเมืองนนฯ ภายในวันนั้นเลยทันที แม้แต่ผ้าผ่อนของเธอก็ยังไม่มีเวลาเก็บกลับไปด้วย คุณหญิงแสยังไม่อยากจะเชื่อว่าแม่แก้วหล่อนจะมีจิตใจต่ำเพียงนี้ แต่อีกใจก็นึกสงสาร เพราะคุณหญิงรู้อยู่แก่ใจว่าการหลงผัวจนหน้ามืดมันเป็นเยื่องใด“ลูกรู้เรื่องนี้นานแล้ว เหตุใดจึงไม่เล่าสู่แม่ฟัง?”“ขออภัยขอรับคุณแม่ ลูกเพียงกลัวว่าคุณแม่จะเป็นกังวลขอรับ”“แล้วที่ทำถึงเพียงนี้ก็เพราะนังบัวงั้นหรือ?”“.....” พอถูกตั้งคำถามนี้ขุนเอกกลับไม่แม้แต่จะพูดตอบผู้เป็นแม่ เพราะจะมีหน้าอันใดไปพูดยืนยัน ในเมื่อคนที่ออกปากสั่งโบยบัวก็คือตัวเขาเอง ความเจ็บปวดที่แม่บัวได้รับไปก่อนหน้านี้คงยากคลายหาย“พ่อเอกรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเพียงเมียทาส เก็บไว้ได้เพียงในเรือน หากแต่หาได้เอาไปอวดผู้ใดได้หนาลูก”“.....” คล้ายว่าขุนเอกจะเป็นใบ้เบี้ยเสียลิ้นไปเสียแล้ว คุณหญิงรู้ใจลูกชายเป็นไหน ๆ ลูกรักผู้ใดทำไมคนเป็นแม่จะไม่รู้ได้ แต่ก็อย่างที่เธอบอก นายเรือนไหนเล่าจะยกเมียทาสขึ้นบนเรือน ไม่มีผู้ใดทำหรอกหนาอีกฝั่งของเรือนเมียทาส เรื่องของคุณแก้วถูกพูดต่อกันเป็นวงกว้างในบ่าวทาส ไม่คิดว่าหล่อนจะคิด

  • ย้อนเวลามาเป็นเมียทาส   พิมพ์ครั้งที่ ๑๔

    ผ่านเวลาล่วงมาถึงวันนัดระหว่างคุณแก้ว และหมอตำแยผู้นั้น ก่อนรุ่งสางของวันเดียวกัน คุณแก้วส่งคนที่เธอใช้เงินปิดปากไปบอกข่าวต่อหมอตำแย ว่าวันนี้ให้เดินทางมาที่เรือนขุนเอกตามที่ได้บอกไว้ พร้อมกับพูดความเท็จเพื่อใส่ร้ายเมียทาสที่เป็นหนามเสี้ยนตำใจหล่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา“แม่แก้วกำลังรอผู้ใดอยู่งั้นรือ?”“หาไม่เจ้าค่ะคุณแม่” ถูกคุณหญิงแสทักขึ้น เมื่อเอาแต่เดินวนอยู่หน้าหัวกระไดตลอดหลายนาทีติด นี่ก็ใกล้ได้เวลาที่นัดไว้แล้ว ดูทีเธอจะตื่นเต้นไป หากไม่ระงับใจเสียหน่อยคงถูกจับได้เป็นแน่แม่หญิงเดินกลับเข้าไปหาคุณหญิงแสที่นั่งอยู่กลางเรือน วันนี้ท่านขุนไม่ได้เดินทางไปทำงานที่อื่น นี่เลยเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะใช้เขี่ยอีบัวให้พ้นทางเสียที ท่านขุนก็กระไรแม้จะรู้ว่ามันทำให้ลูกของท่านตาย แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากับเข้าหามันอยู่ตลอด ส่วนคนที่พร้อมเสนอตัวให้กลับไม่เคยสนใจ‘ทาสเยื่องมันมีดีกระไรนัก!?’“แม่แก้วเหตุใดจึงออกแรงหนักเพียงนั้นเล่า เห็นหรือไม่ว่าดอกไม้เฉาหมดแล้ว”!!!“ขออภัยเจ้าค่ะ”เป็นอีกครั้งที่โดนคุณหญิงแสเอ็ด ถึงจะพยายามทำตัวให้ดีมากเพียงใด แต่ก็คงจะไม่เป็นที่พึงใจเท่าอีเมียทาสผู้นั้นกระมั

  • ย้อนเวลามาเป็นเมียทาส   พิมพ์ครั้งที่ ๑๓

    เวลาล่วงเลยผ่านไปเกินกว่าสองวัน คุณแก้วยังคงวุ่นใจไม่หายกับท่าทีของผัวที่นับวันก็ยิ่งหมางเมินเธอขึ้นเรื่อย ๆ อดคิดไม่ได้ว่าพอไม่มีเรื่องลูกแล้ว เขาคงจะปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างจากเมียทาสคนอื่น ๆ เฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาวันนี้เห็นว่าดอกไม้หอมเริ่มผลิบานส่งกลิ่น เธอจึงหวังมาเก็บมันไปเพาะผ้าตามที่เคยได้ลั่นวาจาไว้เสียหน่อย แม้ว่าคราวนั้นเจ้าของผ้าแพรที่หมายเพาะให้จะไม่สนใจในถ้อยคำของหล่อนเลยก็ตามที“วันนี้เก็บดอกประยงค์ก่อนแล้วกัน คุณพี่ท่านชื่นชอบเป็นพิเศษ”“เจ้าค่ะคุณแก้ว”บ่าวสาวที่ติดตามหล่อนมาสักระยะพูดตอบรับคำสั่งผู้เป็นนายใหม่ ก่อนเร่งลงแรงเก็บดอกไม้หอมด้วยกันด้วยความบรรจง คล้ายเกรงว่าหากจับแรงมากเกินไปจะทำเอาดอกไม้ในมือนั้นเฉาได้“เก็บให้ดีล่ะ ข้าจะเอาไปเพาะผ้าแพรให้คุณพี่ หากดอกไม้ช้ำเพียงนิดเอ็งจะต้องโดนหวายทวนหลังจนกว่าข้าจะพึงใจ”“จะ เจ้าค่ะ”ความรัก ความซื่อสัตย์ของหล่อนที่มีต่อขุนเอกนั้นท่วมล้น ในวันที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากบอกว่าคุณหญิงแสมาสู่ขอแม่แก้วให้ขุนเอกผู้เป็นลูกชาย วันนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่หัวใจของเธอแรกแย้มเต้นระส่ำแตกเนื้อสาวแม้จะรู้ว่ายังเป็นได้เพียงเมียเล็ก ๆ แต่วันใด

  • ย้อนเวลามาเป็นเมียทาส   พิมพ์ครั้งที่ ๑๒

    เป็นไปตามที่คิดไม่ผิด คนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างก็คือคุณแก้ว หลังจากที่ลงทุนเอาเงินซื้อความลับไปเกือบหมดหมอยาคนนั้นก็ยอมเปิดปากพูดความจริง คงจะคิดเพียงว่าอย่างไรเสียบัวก็เป็นเพียงบ่าวทาสจะทำกระไรต่อได้ แน่นอนว่าอีบัวผู้นี้แหละจะเปิดโปรงความจริงทั้งหมดเอง!“โชคดีที่วันนี้คุณหญิงเลือกรับกับข้าวที่ทำง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นนะเอ็ง!”“ฉันขอโทษจ้ะ ครั้งหน้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”เพราะเอาเวลาไปหาความจริงเสียเยอะ กลับบ้านมาอีกทีแม่จำปาที่รอท่าของจากตลาดก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับไปแล้ว ระหว่างช่วยกันลงครัวให้นายอยู่ก็ยังไม่วายโดนบ่นต่อจวนหูชาไปข้าง“ข้าปวดกระบาลกับเอ็งเสียจริง ไป...ไปให้พ้นหน้าข้า”“ใช้แรงงานเสร็จแล้วก็ไล่กันเลยรึจ๊ะ”“เอ๊ะ! นังนี่” บัวรีบวิ่งหนีออกมาก่อนที่จะโดนสากปาใส่หัวเข้าจริง ๆ กว่าจะเสร็จจากครัว ยามนี้ดวงตะวันก็เริ่มเลือนลับเต็มที จะว่าไปวาดจันทร์ก็แอบติดใจกับความเชื่องช้าของยุคสมัยแล้วเหมือนกัน ไม่รีบร้อนที่จะออกไปทำงานแต่เช้า ค่ำมาก็ต้องร้อนรนกลับบ้านเพื่อพักผ่อน ชีวิตในยุคนั้นต่างอะไรจากคำว่าวนลูปกันเรียวขาสวยก้าวเดินพาตัวเองไปอย่างไร้จุดหมาย กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ยา

  • ย้อนเวลามาเป็นเมียทาส   พิมพ์ครั้งที่ ๑๑

    หลังจากคืนนั้นบัวก็พยายามเลี่ยงหน้าขุนเอกอยู่ตลอด แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน บ้านก็ยังอาศัยเขาอยู่ ข้าวปลาอาหารก็ไม่มีอะไรเป็นของตนเลยสักอย่าง เห็นทีอีกไม่นานก็คงปะหน้ากันจัง ๆ บ้างแหละ“นี่พี่สาว ลดให้ฉันหน่อยไม่ได้หรือจ๊ะ”“ลดกระไรของเอ็งอี๊กนังบัว! เอ็งต่อราคาข้าคล้ายจะเอาของข้าฟรีอยู่แล้วนะโว๊ย!”วาดจันทร์นับว่าเป็นคนที่ปรับตัวได้เร็ว และเพราะมาจ่ายตลาดบ่อย ทำให้เธอได้วิชาการต่อรองราคาจากแม่จำปามาเต็ม ๆ นอกจากเราจะเป็นทาสของนายแล้ว เรายังต้องช่วยนายประหยัดเงินทองให้ได้มากที่สุดอีกด้วย“โธ่พี่สาวคนสวย ฉันมาซื้อของพี่บ่อยขนาดนี้ไม่เห็นใจกันเลยรึ?”“วะ!!! พี่สาวคนสวยกระนั้นหรือ”เอาแล้วอีบัว! สงสัยจะกวนใจแม่ค้ามากเกินไป คงจะไม่โดนผักฟาดหน้ากลับมาหรอกใช่ไหม คิดแล้วก็แอบหวั่นเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ ทว่าสิ่งที่บัวคิดมักไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป“งั้นก็จ่ายข้ามาเท่าที่เอ็งอยากจ่ายก็แล้วกัน ผักสองกำจะไปพอกระไร เอาไปสักสามกำสิแม่บัว” บัวยิ้มจางออกมากราย ๆ คนไทยนี่ชอบบ้ายอกันมาตั้งแต่สมัยนี้เลยเหรอเนี่ย เหลือจะเชื่อเสียจริง...หลังจากที่ได้ต่อรองการค้ากันแล้ว ผักจำนวนสามกำ

  • ย้อนเวลามาเป็นเมียทาส   พิมพ์ครั้งที่ ๑๐

    “เอ็งขัดคำท่านได้กระไรนังบัว เหตุใดท่านขุนเรียกหาจึงไม่ไป!?”“วันพรุ่งต้องตื่นเช้า บัวกลัวจะตื่นสายน่ะจ้ะแม่”“นั่นหาใช่เรื่องที่เอ็งควรเกรง หากท่านขุนโกรธขึ้นมาสั่งโบยเอ็งอีกเล่า นี่ไม่ใช่คืนแรกที่ท่านเรียกหานะ กี่ค่ำกี่คืนเอ็งก็ไม่ยอมไปปะหน้าท่าน”บัวโดนบ่นเสียยาวเหยียด ทั้งยังถูกตั้งคำถามในตัวลูกสาวเพียงคนเดียวที่มี เป็นที่รู้กันดีว่าหากอันใดเป็นคำสั่งของนาย คนเป็นบ่าวเป็นทาสจะต้องเร่งทำตามด้วยความจงรักภักดี และยิ่งบัวที่ยังอยู่ในฐานะเมียทาสของท่านอยู่ ก็ยิ่งไม่ควรขัดคำ“แม่ไม่เป็นห่วงบัวหรือจ๊ะ ใครเขาจะเรียกผู้อื่นไปหายามนี้กัน”“เอ็งเป็นเมียของท่านขุน คนเป็นเมียก็ต้องดูแลปรนนิบัติผัวสิวะ”แม่จำปารู้ถึงเจตนาของท่านขุนที่เรียกหาลูกสาวของเธอ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเสียหน่อย หนำซ้ำไม่มีเมียทาสคนไหนกระทำเหมือนลูกตัวดีด้วย หากเป็นผู้อื่นคงจะเร่งไปเสนอตัวให้ถึงหอนอน“แม่จ๊ะ ฉันไม่อยากเป็นเมียของท่านขุนแล้ว ฉันจะต้องทำยังไงบ้างจ๊ะ”“เอ็งยังไม่หายบ้าอีกหรือ?! ไม่มีผู้ใดฝืนได้หรอกนะ คนที่จะตัดสินใจคือท่านขุนโน้น หาใช่เอ็งเสียหน่อย เฮ้อ...แปลกคนเสียจริง ไม่มีผู้ใดไม่อยากเป็นเมียของท่านหรอก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status