Masuk
“คุณไปกู้อะไรนักหนา แค่นี้ฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้วนะ!”
“โอ๊ยยย จะบ่นทำห่าไรนักหนาวะ รำคาญ! กูก็กู้มาให้มึงใช้ไม่ใช่หรือไง”
“ใช้อะไร? ใช้หนี้แทนสิไม่ว่า! แล้วนี่ไม่ต้องมาขึ้นมึงขึ้นกูกับฉันเลยนะ!”
เสียงทะเลาะโหวกเหวกของสองสามีภรรยาดังเข้ามาจนถึงห้องนอนเล็กของเด็กสาวที่นั่งทำรายงานด้านใน
“เฮ้อออ...”
แม้ว่า ‘ขวัญตา’ จะพยายามทำหูทวนลมยังไง แต่ก็ไม่สามารถมีสมาธิกับการเรียนเลยสักนิด ขนาดเธอใส่หูฟังแล้วเปิดเสียงจนเกือบสุด ก็ยังได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันอยู่เหมือนเดิม
“ต้องไปข้างนอกอีกแล้วสินะ...”
สุดท้ายแล้วขวัญตาก็ตัดสินใจเก็บงานใส่กระเป๋าผ้า แล้วเดินผ่านทั้งคู่ที่มัวแต่เถียงกันจนไม่เห็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเดินออกมาจากบ้าน แม้เธอจะเอ่ยปากบอกว่าจะออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครสนใจจะฟังอะไรทั้งนั้น
“ใกล้จะถึงเวลางานแล้วแฮะ...เร็วจัง...”
เสียงหวานเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เธอหอบรายงานมาทำตรงสวนสาธารณะใกล้บ้าน แต่นั่งได้ครู่เดียวนาฬิกาก็แจ้งเตือน ถึงเวลาที่เธอต้องไปทำพาร์ตไทม์ที่ร้านอาหารเสียแล้ว
ตึ๊ง~
มีน : ทำงานเป็นไงมั่งแก
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็น ‘มีนา’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอส่งมา ขวัญตาก็ยกยิ้มน้อยๆ แล้วพิมพ์ตอบกลับไป
ขวัญตา : ก็ดี แกล่ะ เป็นไงมั่ง
มีน : เรื่อยๆ อะ แต่ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ มีนาแนะนำงานพาร์ตไทม์ร้านอาหารให้ไปทำด้วยกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็แยกไปทำแคชเชียร์ที่ร้านสะดวกซื้อใต้หอพักที่เธออยู่ ได้ยินว่าเจ้าของหอเอ็นดู และให้เงินดีพอสมควร จึงไม่ได้มาทำงานด้วยกันแล้ว
ขวัญตา : ดีแล้วๆ
มีน : อุ้ย ลืมเลย ใกล้เวลางานแล้วนี่ สู้ๆ นะแก
ขวัญตา : อื้อ แต๊งกิ้วนะ ไว้คุยกันใหม่
: บายยย~
คุยเสร็จ ร่างอวบอิ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีดก็ลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วรีบเรียกวินมอเตอร์ไซด์ไปทำงานทันที มาถึงที่ร้านเธอก็เดินเข้าห้องแต่งตัวแล้วสวมชุดยูนิฟอร์มร้าน ซึ่งเป็นเสื้อยืดสีขาวและกระโปรงสีดำเรียบๆ สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนลายสกอตสีน้ำเงิน
ของขวัญตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้น เมื่อใกล้จะถึงเวลาเลิกงานเธอก็รีบเก็บร้านแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขามา
“สรุปยังไงขวัญ สนใจงานนั้นไหม พี่จะได้คุยกับเจ้าของร้านเขาให้” เสียงพี่แก้วตา ผู้จัดการร้านคนแซ่บเอ่ยถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเพราะว่าวันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ
“คือ...”
ใบหน้าหวานฉายแววกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้เธอเคยขอให้รุ่นพี่ในร้านช่วยแนะนำงานพาร์ตไทม์ที่ได้เงินดีๆ และพี่แก้วตาก็แนะนำงานที่ร้าน ‘อาบ อบ นวด’ มาให้
จนตอนนี้ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้ว เธอก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทำดีไหม เพราะรู้กันอยู่ว่างานนั้นไม่ใช่งานพาร์ตไทม์ทั่วไปที่ใช้เพียงแรงกาย แต่ยังต้องใช้ ‘ร่างกาย’ เพื่อแลกเงินมา
“พี่เห็นว่าขวัญกำลังร้อนเงินเลยแนะนำให้นะเนี่ย หน้าตาก็สะสวย อายุก็ยี่สิบแล้ว กำลังอยู่ในช่วงกอบโกย นี่ถ้าไม่ใช่ขวัญพี่ไม่แนะนำให้หรอกนะ” แก้วตายังคงพูดเกลี้ยกล่อมต่อไป เพราะหากเด็กสาวตัดสินใจไปทำงานนั้น เธอก็จะได้เปอร์เซ็นต์ค่านายหน้าไปด้วย
สวยๆ อึ๋มๆ แบบนี้ ไม่ชวนไปทำงานก็เสียของแย่...
“นะ หนูขอคิดอีกคืนนะคะพี่แก้ว ถ้าตัดสินใจยังไงเดี๋ยวหนูบอกอีกทีนะคะ” เสียงหวานของขวัญตาตอบกลับไป
ที่เธอไม่ได้ปฏิเสธเพราะช่วงนี้ที่บ้านของเธอปัญหารุมเร้าหนักมากจริงๆ ทั้งหนี้สินมากมายที่พ่อก่อเอาไว้ และหนี้ใหม่ที่เพิ่งไปกู้มาเพิ่มซึ่งรวมๆ ก็เกือบล้าน
ถ้ายังไม่รีบหาเงินตอนนี้ ไม่ช้าก็เร็ว คงได้ขายบ้านใช้หนี้แน่ๆ ...
“เคๆ ถ้าจะทำก็รีบบอกพี่แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะพี่แก้ว งั้นหนูกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“อืมๆ กลับดีๆ”
สิ้นเสียง ร่างอวบอิ่มของขวัญตาก็เดินออกมาจากร้านอาหาร ก่อนจะเรียกวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยนั่งกลับไปที่บ้าน ขณะที่ในหัวยังคงคิดไม่ตกว่าจะรับงานนี้ดีไหม
“ถึงแล้วน้อง”
“อ้อ...โอเคค่ะ”
รู้ตัวอีกที รถก็ขี่มาถึงหน้าบ้านของเธอแล้ว ขวัญตาจึงรีบจ่ายเงินแล้วก้าวฉับๆ เข้าไปในบ้าน อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอนเสร็จ ยังไม่ทันที่หัวจะล้มลงถึงหมอน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังปึงปังกลางดึกไม่หยุด
“ขวัญ! เปิดประตูให้กูหน่อยยย” เสียงตะโกนของพ่อ ทำให้ขวัญตาพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาทีหนึ่งอย่างเหนื่อยใจ เพราะรู้ดีว่าเสียงเมาแอ๋แบบนี้คงหนีไม่พ้นไปดื่มเหล้าอีกตามเคย
“พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอแง้มประตูออกมาน้อยๆ จับลูกกลอนเอาไว้แน่นเผื่อพ่อของเธอเมาแล้วไล่ตีเธออีก จะได้ปิดประตูหนีทัน
“เอาเงินมาให้กูยืมหน่อย”
“นะ หนูไม่มี”
“เอามา! มึงไปทำงานจะไม่มีเงินได้ไงวะ!”
“นี่คุณ! เลิกไปไถเงินกับลูกสักทีจะได้ไหม”
ยังไม่ทันจะได้ตอบประโยคนั้น เสียงตะโกนของผู้เป็นแม่ก็ดังมาแต่ไกล พร้อมกับร่างท้วมที่ก้าวฉับๆ มาทางนี้
“ดึกแล้ว นอนเถอะขวัญ ไม่ต้องไปสนใจคนเมา” แม่ของเธอส่งยิ้มให้บางๆ ที่ผ่านมาลูกคนนี้ก็ช่วยใช้หนี้ให้ตั้งมากมายแล้ว เธอเองก็ลำบากใจ ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่กันไม่ให้สามีทำร้ายหรือก่อกวนลูกก็เท่านั้น
“มึงว่าใครเมา!”
“ว่าคุณนั่นแหละ กลับมานอนได้แล้ว!” กานดาตวาดสามีอย่างนึกโมโห ก่อนจะรีบดึงแขนของเขากลับไปที่ห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน
“เฮ้อ...” ขวัญตาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะล็อกประตูแล้วกลับไปนอนก่ายหน้าผากบนเตียงอย่างคิดหนัก
ถ้าเธอไปทำงานนั้นจริงๆ จะใช้หนี้ได้หมดไหมนะ...
เธอนอนคิดอยู่นาน พลิกตัวซ้ายขวา พยายามหลับตาหรือนับแกะก็แล้ว แต่เรื่องหนี้ก็ยังไม่ออกไปจากหัวของเธอเสียที
“เช้าแล้วเหรอเนี่ย...”
รู้ตัวอีกทีแสงอาทิตย์ก็ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา ขวัญตานอนนิ่งบนเตียงอีกสักพักก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความหาใครบางคนด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
‘หนูตกลงรับงานนี้ค่ะพี่แก้ว’
“เอาวะ...สู้เขาสิยัยขวัญ ยังไงแกก็ต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้!”
เรียกกำลังใจให้ตัวเองเสร็จ ขวัญตาก็นอนพักเอาแรงอีกไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาแล้วนั่งรถเมล์ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเช่นทุกวัน
วันต่อมา“อื้ออ...เจ็บจัง...” เสียงหวานของขวัญตาครางงึมงำตามประสาคนเพิ่งตื่น พลางเลื่อนมือลงไปกุมตรงช่วงท้องน้อยของตัวเองอย่างทรมาน เพราะศึกหนักเมื่อคืนมันทำให้เธอทั้งเจ็บทั้งแสบจนลุกไม่ได้“อืมม...จะไปไหน” ธนภพรั้งร่างอวบอิ่มเปลือยเปล่าของเด็กสาวเอาไว้เมื่อเห็นเธอทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง“ปล่อยค่ะ หนูจะไปเรียน”“ลุกไหวหรือไง”“นะ หนูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย แค่นี้ทำอะไรหนูไม่ได้หรอกค่ะ” เธอเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มอย่างคนเขินอาย ดึงแขนล่ำของเขาออกจากเอว แล้วค่อยๆ ลุกจากเตียงนุ่มสีขาวด้วยความทุลักทุเล“อ๊ะ!”“หึ...อวดเก่งดีจริงๆ” เขาส่ายหัวน้อยๆ กับความดื้อรั้นของเด็กสาว รีบลุกขึ้นไปช่วยพยุงเธอที่ล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อครู่ด้วยความทะนุถนอม“ไม่ไหวก็ไม่ต้องไปเรียน นอนพักเอาแรงก่อน เดี๋ยวอาไปซื้อยาคุมมาให้” เมื่อพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียงเสร็จเรียบร้อย เขาก็ยกมือขึ้นยีผมนุ่มของเธอเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู“ไม่เอาค่ะ หนูจะไปเรียน...จ่ายเงินหนูมาด้วย”มือเรียวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมบนร่างขาวนวลเนียนของตัวเองอย่างเขินอาย พร้อมยื่นมือแบออกไปตรงหน้าเขา“เมื่อคืนบอกแล้วนะคะว่าจ่ายไม่อั้น ใช้งานหนูหนักขนาดนี้ ต้
“อ๊าส์ ระ แรงเกินไป อึก...อาภพ ซี้ดดด อะ อ๊ะ อ๊าส์~” ขวัญตาครางเสียงดังลั่นอย่างห้ามไม่ได้ ลำใหญ่ของเขาจ้วงแทงเข้ามาไม่ยั้งจนเธอสั่นสะท้านไปทั้งกาย ยิ่งเธอครางเสียงดังมากเท่าไหร่ เขาก็เหมือนยิ่งได้ใจ อัดกระแทกเข้ามาถี่ยิบจนกลีบเนื้ออวบอูมบวมเป่งไปหมดอูยยย...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรุนแรงกับเธอขนาดนี้นี่มันครั้งแรกของเธอนะ!“เป็นไงขวัญ...ซี้ดดด เร็วพอหรือยัง”“อึก...อ๊ะ อ๊ะ มะ มันเร็วไป อึก...นะ หนูเจ็บ!”“เจ็บหรือเสียว หึหึ”“อ๊าส์...ทะ ทั้งคู่นั่นแหละ! เบาๆ กว่านี้หน่อยได้ไหมคะ นะ หนูไม่ไหว”ขวัญตาตอบกลับไปตามจริง ตอนนี้เธอเสียวจนไม่มีอารมณ์จะมาเถียงกับเขาแล้ว“หึ...น่ามันเขี้ยวจริงๆ” เขากระตุกยิ้มอย่างชอบใจ ยอมลดแรงลงเล็กน้อย แล้วเลื่อนมือลงไปขย้ำเต้าใหญ่นุ่มนิ่มด้านล่างอย่างมันมือ พร้อมตอกอัดลำเขื่องเกือบเท่าแขนเข้าไปในร่องเล็กคับแน่นของเธอเน้นๆ อีกหลายทีตับ! ตับ! ตับ! ตับ!“อ๊าส์...นะ หนูบอกให้เบาๆ ไงคะ”“นี่ก็เบาแล้ว...”“บะ แบบนี้ อะ อ๊ะ..เขาไม่เรียกว่าเบาแล้วค่ะ” เธออยากจะบ้าตายจริงๆ กับคำว่าเบาของเขาที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าเบาในความคิดของเธอเลยสักนิดเดียว“งั้นก็ต้องทำใจ
“อาภพ...อ๊ะ จะ จะทำอะไรคะ”เสียงหวั่นสั่นพร่าเอ่ยถามด้วยความเขินอาย เมื่อเห็นว่าเขาอุ้มเธอลุกขึ้นจากตักแกร่ง“หันหลังเกาะขอบอ่างไว้”“อึก...แต่หนู”“อยากได้เงินไม่ใช่หรือไง? ถ้าอยากได้ก็ทำงานต่อสิขวัญ” เขากระตุกยิ้มร้าย เมื่อเห็นเธอทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่ายพร้อมเหลียวหลังมามองด้วยแววตาดื้อรั้นก็ยิ่งชอบใจจะฟัดให้ครางลั่นเลยคอยดู!“หนูรู้แล้วค่ะ ไม่ต้องย้ำหรอก” เธอพูดเสียงเบาอย่างคนน้อยใจ เกาะอ่างแอ่นก้นขาวอวบไปทางเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ถึงยังไงก็ตัดสินใจมาทำงานนี้แล้วเพราะงั้นเธอไม่ยอมถอยง่ายๆ หรอก!“ก็ดี...งั้นอาไม่ออมมือแล้วนะ”สิ้นเสียง ร่างหนาก็กระตุกปมผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวตรงเอวสอบของตนเองออก ก่อนจะขยับเข้าไปซ้อนด้านหลังเด็กสาว“หนีบขาเอาไว้...อ่าส์ นั่นแหละอีหนู”ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างเย้ายวนเปลือยเปล่าที่โก้งโค้งมาทางเขาอย่างคนมีอารมณ์ ยิ่งเห็นเธอเม้มปาก สีหน้าเหมือนกำลังอ้อนวอนให้เขาทำเบาๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าลำเขื่องด้านล่างมันขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิมเด็กอะไรน่าเอาชะมัดเลย!“ซี้ดดด อาภพ...อูยยย อาภพขา~” ขวัญตาครางเสียงหวานอย่างเสียวซ่านเกินจะห้ามใจ เมื่อเขาจับลำใหญ่เกือบเท่าแขนเสียดสี
“อึก...ปล่อยนะคะ อ๊ะ! อื้อออ” ขวัญตาร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ เขาก็โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบเธออย่างหนักหน่วง ทั้งยังดึงท้ายทอยเธอเข้าหา ล็อกเอวบางเอาไว้แน่นจนเธอแทบดิ้นไปไหนไม่ได้และเธอเองก็ไม่กล้าดิ้นสักเท่าไหร่ เพราะยิ่งดิ้นไป อะไรๆ ด้านล่างที่กำลังทิ่มก้นอยู่ก็เริ่มแข็งขึงขึ้นเรื่อยๆ จนเธอหน้าแดงก่ำไปหมดจ๊วบบบ“อืมม อย่าดื้อ” เขาเอ่ยเสียงพร่า ขบริมฝีปากล่างเด็กสาวเบาๆ ให้เปิดปากออก ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปสำรวจด้านในอย่างหิวกระหายราวกับสัตว์ป่า“อื้อออ”ใบหน้าหวานเหยเกอย่างหนักเมื่อมือหนาที่ก่อนหน้านี้วางอยู่ตรงเอวบางของเธอ เลื่อนขึ้นมากระตุกปมผ้าขนหนูแล้วขย้ำเต้าใหญ่นุ่มนิ่มของเธออย่างมันมือ“อ่าส์…อย่าดิ้นสิขวัญ” ธนภพครางเสียงต่ำในลำคออย่างอดไม่อยู่เมื่อเด็กสาวขยับสะโพกดิ้นไปมาจนลำเขื่องที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กปิดเอาไว้ขยายใหญ่จนแทบปริแตกสองปีก่อนหน้านี้เขายังมองเธอเป็นเพียงสาวน้อยข้างบ้านที่น่ารักน่าเอ็นดู แม้จะเคยหวั่นไหวกับใบหน้าน่ารักๆ นั่น แต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงเธออยู่เสมอเพราะว่าเธอยังเด็กนักแต่หลังจากได้ลิ้มรสความหวานของริมฝีปากอวบอิ่ม และเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเธอ เขาก็ชักจะเริ่มเ
วันต่อมา“ดูแลแขกดีๆ ล่ะ อย่าให้เสียเรื่อง”“ค่ะ...” ขวัญตาตอบรับเจ๊พรเสียงเบา ก่อนจะพาร่างอวบอิ่มของตัวเองในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เพื่อเข้าไปบริการแขกด้านในซึ่งเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง เพราะตอนที่นั่งอยู่ในห้องกระจกให้ลูกค้าเลือกเธอมัวแต่นั่งก้มหน้าไม่ยิ้มแย้มหรือสนใจอะไรทั้งนั้นรู้ตัวอีกทีก็ถูกเรียกให้เข้าไปดูแลแขกในอ่างแล้ว...“นานๆ ทีได้ของดีแบบนี้มาก็ค่อยยังชั่วหน่อย...”เสียงเจ๊พรซึ่งมีหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากแม่เล้าเอ่ยกับตัวเองอย่างพอใจ เพราะเด็กคนใหม่ที่เข้ามาทำงานหุ่นอวบอั๋นและหน้าตาน่ารักไม่เบา ของสดๆ ใหม่ๆ แบบนี้ถูกใจพวกลูกค้าเงินหนานักล่ะ“เอ่อ...ขะ ขออนุญาตนะคะ” ขวัญตาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปซึ่งมีอ่างจากุชชี่วงกลมขนาดใหญ่อยู่ด้านใน ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนจะหันมามองแผ่นหลังกำยำสีคล้ำเข้มของ ‘ลูกค้า’ คนแรกของเธอซึ่งนั่งแช่น้ำรออยู่ก่อนแล้ว พลางกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ อย่างนึกกังวลนี่แกคิดดีแล้วใช่ไหมยัยขวัญ...“มานั่งด้านในสิ”เสียงทุ้มของเขาคนนั้นเอ่ยขึ้น ขวัญตาจึงกระชับผ้าขนหนูสีขาวผืนน้อยของตัว
“คุณไปกู้อะไรนักหนา แค่นี้ฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้วนะ!”“โอ๊ยยย จะบ่นทำห่าไรนักหนาวะ รำคาญ! กูก็กู้มาให้มึงใช้ไม่ใช่หรือไง”“ใช้อะไร? ใช้หนี้แทนสิไม่ว่า! แล้วนี่ไม่ต้องมาขึ้นมึงขึ้นกูกับฉันเลยนะ!”เสียงทะเลาะโหวกเหวกของสองสามีภรรยาดังเข้ามาจนถึงห้องนอนเล็กของเด็กสาวที่นั่งทำรายงานด้านใน“เฮ้อออ...”แม้ว่า ‘ขวัญตา’ จะพยายามทำหูทวนลมยังไง แต่ก็ไม่สามารถมีสมาธิกับการเรียนเลยสักนิด ขนาดเธอใส่หูฟังแล้วเปิดเสียงจนเกือบสุด ก็ยังได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันอยู่เหมือนเดิม“ต้องไปข้างนอกอีกแล้วสินะ...”สุดท้ายแล้วขวัญตาก็ตัดสินใจเก็บงานใส่กระเป๋าผ้า แล้วเดินผ่านทั้งคู่ที่มัวแต่เถียงกันจนไม่เห็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเดินออกมาจากบ้าน แม้เธอจะเอ่ยปากบอกว่าจะออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครสนใจจะฟังอะไรทั้งนั้น“ใกล้จะถึงเวลางานแล้วแฮะ...เร็วจัง...”เสียงหวานเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เธอหอบรายงานมาทำตรงสวนสาธารณะใกล้บ้าน แต่นั่งได้ครู่เดียวนาฬิกาก็แจ้งเตือน ถึงเวลาที่เธอต้องไปทำพาร์ตไทม์ที่ร้านอาหารเสียแล้วตึ๊ง~มีน : ทำงานเป็นไงมั่งแกเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็น ‘มีนา’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอส่







