รถคันสีดำของแขกที่พักห้องสวีตแล่นมาจอดหน้าโรงแรมก่อนสี่โมงเย็น เขาเร่งทำเวลา และคิดว่าโชคดีที่รถของตนแล่นในทิศทางเข้าเมือง ซึ่งสวนทางกับรถส่วนใหญ่ที่แล่นอยู่ในช่องทางออกนอกเมือง เขาจึงไม่ต้องผจญกับรถติด
หากเมื่อเข้ามาในล็อบบี้ หางตาก็แลเห็นเด็กชายในชุดอนุบาลวิ่งมาหา เจ้าตัวหยุดตรงหน้าเขาแล้วยกมือไหว้ ก่อนจะแหงนมองหน้าตั้งอชิระมองเขานิ่งๆ ไม่พูดไม่จา ช่างไม่รู้เลยว่าท่าทีนั้นทำเอาผู้ใหญ่ทำตัวไม่ถูกอาณัติกวาดสายตามองหาแม่ของเจ้าตัวน้อย เห็นหล่อนจ้ำเท้ามาหาอย่างไว เขาจึงถามหล่อนขึ้น“มารอนานแล้วหรือ” “สักครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ” สีหน้าของไปรยาจืดเจื่อน หล่อนเกรงใจอาณัติ เพราะคิดว่าเมื่อคืนตนลืมปลาหางนกยูงไว้ในรถของเขาเอง ไม่ใช่เขาเอาปลาของลูกไปสักหน่อย “อชิมารับพี่ปลาครับ” เด็กชายบอกหลังจากจบคำพูดของแม่ ถึงตอนนี้คนตัวโตเข้าใจแล้วว่าทำไมไปรยาถึงร้อนรนที่จะตามหาปลาหางนกยูงไปคืนลูกชายให้ได้...ก็ดูท่าทีมุ่งมั่นของเจ้าตัวน้อยสิ ใครจะกล้าขวางกันเล่า“ลุงเก็บปลาไว้ในห้องพัก อชิจะขึ้นไป“นั่งรอตรงนี้ ไม่ต้องตามเข้าไป เดี๋ยวลุงจะเอาปลาออกมาให้”ไปรยาหรี่ตามองตามหลังคนที่ผลุบหายเข้าไปในโถงกว้างอย่างสงสัย รู้ว่าอาณัติกำลังปิดบังบางอย่าง แต่หล่อนเลือกที่จะไม่ทักถามเมื่อเห็นว่ามีเก้าอี้วางอยู่ข้างประตู หญิงสาวจึงรั้งร่างของลูกชาย ตั้งใจจะพาไปนั่งด้วยกัน แต่เจ้าตัวเล็กก็ดึงดัน เบี่ยงตัวออกจากแม่ ตั้งท่าแต่จะพุ่งไปหาพี่ปลาท่าเดียว...จนเสียงจากด้านในดังขึ้น“โอ๊ะ! อะไรวะ ยังไม่ตายเหรอ”อชิระวิ่งเข้าไปหาอย่างไวโดยที่ไปรยาห้ามไว้ไม่ทัน พลันเสียงร้องกรี๊ดของลูกชายก็ดังขึ้น หญิงสาวตกใจ แต่เมื่อตามไปถึงแล้วจึงเห็นลูกชายกระโดดอยู่ข้างโต๊ะ พลางชะโงกหน้ามองโถแก้วใสที่มีปลาหางนกยูงแหวกว่ายอยู่ข้างในอย่างดีใจ…หากท่าทางของคนตัวโตกลับต่างจากเด็กชายโดยสิ้นเชิง“พี่คิดว่าปลาตายแล้ว เมื่อเช้ามันหงายท้องตั้งสามตัว แต่มาดูอีกที มันกลับไม่ตาย ดีนะที่พี่ไม่ทำลายหลักฐาน”อาณัติสารภาพเสียงเบา สีหน้าดูไม่จืดเอาเสียเลย ไปรยาไม่รู้จะขำหรือโกรธเขาดี หลายอารมณ์กำลังตีกันวุ่น เมื่อได้ยินเสียงใสๆ ของเด็กชาย ชายหนุ่มก็ยิ่ง
“จริงๆ นะครับ”“ใช่ อชิอยากได้อะไรอีก บอกมาเลย”คนตัวโตที่กำลังเรียกความสนใจจากคนตัวจ้อยบอกอย่างใจป้ำ ไม่วายที่คนเป็นแม่จะส่งสายตาเขียวปัดไปให้ โทษฐานที่ตามใจลูกของหล่อนโดยไม่ปรึกษากันก่อน“แค่ปลาหางนกยูง” อาณัติบอกลอยๆ แค่เห็นสายตาของไปรยา เขาก็รู้ตัวว่าทำอะไรขัดใจหล่อน“มันคือปลาหางนกยูงสิบตัว และคุณซื้อมาอีกตั้งเท่าไร”“ยี่สิบตัว” อาณัติบอกหน้าตาเฉย ก่อนจะเขยิบไปใกล้ไปรยาแล้วพูดเสียงเบาลง เพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับปลาได้ยินด้วย “พี่ซื้อมาเผื่อมันตายน่ะ แต่ดูสิ ดันรอดทุกตัว สงสัยเป็นปลาพันธุ์ดี คนขายบอกว่าเขาส่งพันธุ์นี้ไปขายต่างประเทศด้วย พี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าปลาหางนกยูงเป็นสินค้าส่งออกด้วย”คำพูดและท่าทางของอาณัติแลดูธรรมดา แต่ความใกล้ชิดที่มีมากเกินไปนั้นทำให้ไปรยาผงะ เพราะหล่อนไม่ทันตั้งตัวหญิงสาวขยับตัวออกห่างแล้วเข้าไปใกล้ลูกชายมากขึ้น แต่หล่อนต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่อยากให้อาณัติสังเกตเห็นว่าหล่อนไม่อยากอยู่ใกล้เขา เพราะนอกจากหัวใจจะเต้นแรง มือไม้ของหล่อน
หลายวันก่อนอชิระยังเกทับว่าตนมีคุณตาที่ตัวโตกว่าเขา หากวันนี้เจ้าตัวยกให้เขาตัวโตเทียบเท่าคุณตา...อภินิหารปลาหางนกยูงสินะอาณัติยิ้มอ่อนโยนขณะทอดมองเด็กชายด้วยท่าทีนิ่งๆ ผิดกับข้างในที่กำลังสับสนและพลุ่งพล่านอย่างหนัก หัวใจของเขากำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ หากต้องบังคับตัวเองไว้ ไม่ดึงเด็กชายมากอดตามความปรารถนาที่กำลังพุ่งสูงขึ้นหากจะนับเดือนนับปี เขาจากไปรยาไปสามปีกับสิบเดือน เมื่อกลับมา เขากลับพบว่าหล่อนมีลูกชายอายุสามขวบ...‘คุณตามาหาอชิที่บ้านไหม’‘มาครับ คุณตามีของมาให้แม่กุ๊บกิ๊บกับอชิเยอะแยะเลยครับ อชิช้อบชอบ’‘แล้วมีใครมาหาอชิกับแม่กุ๊บกิ๊บอีกบ้าง’‘คุณป้าติ๋วมาด้วยครับ คุณป้าติ๋วมากับคุณตา แต่คุณป้ามาไม่บ่อย’อาณัติไม่รู้จักชื่อนี้ แต่มันทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง คนสำคัญของอชิระ นอกจากแม่และคุณตาแล้ว ยังมีใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก แต่ไม่มีพ่อ ไม่มีลุงที่ชื่อปกป้อง ราวกับว่าสองคนนี้ไม่มีตัวตนในชีวิตของเจ้าตัวเล็ก...หรือถ้ามีก็คงรั้งท้ายเต็มที เด็กชายจึงไม่ได้พูดถึง‘คุณลุงเป็นอะไรครับ คุณลุ
รถคันสีขาวค่อนข้างเก่าแล่นเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้า อชิระปีนลงมาจากรถ แล้วตามแม่ไปเปิดท้ายรถเพื่อจะขนอ่างบัวลงมา“หนักน่าดูเลย สงสัยต้องให้คุณตามาช่วยยก เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนว่าคุณตากลับบ้านหรือยัง”ไปรยาเปรยถึงลุงชัชที่อยู่บ้านหลังติดกัน หลังจากหล่อนลองขยับอ่างบัวแล้วพบว่าตนคนเดียวคงยกมันลงจากท้ายรถไม่ไหว ทว่าเสียงใสๆ ของคนที่อยู่ข้างหลังทำให้ลมหายใจของหญิงสาวต้องสะดุด“ถ้าคุณลุงมาด้วย คุณลุงจะยกอ่างบัวให้แม่กุ๊บกิ๊บ”ออกจากโรงแรมมาได้ไม่ถึงชั่วโมง แต่อชิระพูดถึงอาณัติหลายครั้งแล้ว จนไปรยารู้สึกสะดุด“คุณลุงเป็นคนอื่น เรารบกวนเขาไม่ได้ค่ะ”“ทำไมล่ะครับ”คำถามยามถูกขัดใจตามมาทันที เมื่อแม่ไม่ตอบ อชิระก็ทำปากยู่ เดินไปนั่งกอดอกบนเก้าอี้ไม้ใกล้ประตูหน้าบ้าน ท่าทางนี้บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังงอนไม่ต่างกับคนเป็นแม่นัก หล่อนต้องเสมองไปทางอื่นพลางกะพริบตาถี่ๆ เพื่อกลบน้ำใสที่รื้นดวงตาให้แห้งเหือดไปรยารับรู้ได้ไม่ยากว่าการได้อยู่ใกล้เขาจะทำให้อชิระมีความสุข และการต้องขัดความสุขของลูกที่เป
“งั้นมึงไปถามจากคนข้างบ้านเขา เชื่อกู คนข้างบ้านรู้ดีที่สุดว่ากุ๊บกิ๊บมีแฟนอยู่หรือเปล่า และหลังจากที่มึงไม่อยู่ เขาคบคนอื่นอีกไหม”ข้อเสนอของเกริกวิทย์คงน่าสนใจ เพราะอาณัติถึงกับนิ่งคิดตาม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกจนอีกฝ่ายต้องชะงักกึก“มึงไปถามให้กูหน่อย”“กูเหรอ”เกริกวิทย์ชี้เข้าหาตัวเองอย่างไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยิน จนอาณัติต้องย้ำบอก“มึงนั่นแหละ เพราะนอกจากมึง กูก็ไม่มีใครอีก แล้วกูก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ด้วย”“ตกลงๆ”ไหนๆ ก็ไหนแล้ว เกริกวิทย์ยอมรับในโชคชะตาที่พาเขาให้มารับบทนักสืบ...ยายแม้นเพื่อนยายเมาท์ คนข้างบ้านของไปรยาต้องมาแล้วในจุดนี้“กูไม่เจอกุ๊บกิ๊บตั้งสี่ปี ตั้งแต่เลิกคบกับมึง ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง หน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า มึงมีรูปให้ดูหรือเปล่า”“มึงจะดูรูปเขาทำไม”“อ้าว! มึงจะให้กูไปสืบเรื่องของเขา แต่ไม่ให้เห็นรูปร่างหน้าตาปัจจุบันของเป้าหมาย จะให้ระลึกชาติเองหรือไง”นักสืบจำเป็นให้เหตุผล คน
เช้าวันนี้อากาศสดชื่น คุณนายอรอรตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อออกกำลังกายแบบโยคะบริเวณหน้าบ้าน ผ่านไปนับชั่วโมงเธอจึงมานั่งพักจิบกาแฟ โดยมีสตรอว์เบอร์รีหวานฉ่ำจากไร่ของลูกชายคนโตจัดใส่จานวางบนโต๊ะไว้ด้วยเด็กรับใช้เดินมาหา แล้วส่งโทรศัพท์มือถือไปให้ พร้อมทั้งบอกเธอ“คุณนายคะ คุณอู๋โทร.มาค่ะ”เมื่อรับมาดู เธอจึงเห็นว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว แต่เจ้าตัวส่งข้อความทักเข้ามาแทนอาณัติ : แม่ครับคุณนายอรอร : มีอะไรถามไปแล้ว แต่ลูกชายคนเล็กไม่ตอบกลับมา คุณนายอรอรทำท่าจะโทร.ไปหา แต่หางตาแลเห็นลูกชายคนรองเดินมาหย่อนกายนั่งตรงกันข้ามเธอเสียก่อน“น้องแกติดต่อมา ทักแล้วเงียบ พวกแกนิสัยเสียจริงๆ มีอะไรแทนที่จะพูดทีเดียวให้มันจบ กลับเว้นช่วงยาวๆ ให้ฉันคอยห่วง”“นิสัยอย่างนี้มีแต่นายอู๋แหละแม่ ผมกับอั๋นไม่เคยทำ ว่าแต่แม่อย่าไปสนใจมันเลย ถ้ามันไม่พูด แม่ก็ไม่ต้องถาม”“ฉันก็ห่วงอีกนะสิว่าน้องแกมีปัญหาอยู่หรือเปล่า”“มันไม่มีอะไรหรอก”…เพราะถ้ามีปัญหาเร่งด่วน อาณัติคง
“เธอชื่อไปรยา เป็นน้องของคนที่เอาเงินผมไปทำร้านเหล้า”คุณนายอรอรพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว ล่าสุดลูกชายบอกเธอว่าจะไปทวงหนี้จากเพื่อนที่ยืมเงินไปทำร้านเหล้า แต่วันถัดมา เจ้าตัวกลับส่งรูปเด็กชายวัยอนุบาลมาให้เธอดู แล้วบอกว่าเป็นลูกของตัวเองกับน้องสาวของลูกหนี้“พวกแกเล่นอะไรกัน”“ผมไม่ได้เล่นนะแม่ ผมเอาจริงตลอด...คราวนี้ผมก็จะเอาให้ได้เหมือนกัน”“บอกให้ฉันเข้าใจหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก แล้วที่แกไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยไหม”“ใช่ครับ...ผมขอโทษนะครับแม่”“ขอโทษตอนนี้แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา เด็กที่หน้าเหมือนแกก็โตขนาดนี้แล้ว แกนะแก เพิ่งจะปากดีกับฉันว่าไม่มีวันปุ๊บปั๊บรับโชคเหมือนพี่ชายแก แต่ที่ไหนได้...” คุณนายบ่นค้างไว้เท่านั้น แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว่าแต่ลูกแกกี่ขวบแล้ว”“สามขวบครับ อยู่อนุบาลหนึ่ง อชิน่ารักมากเลยนะแม่ แกเป็นเด็กฉลาด ช่างพูด ถ้าแม่ได้เจอ แม่ต้องรักแน่ๆ”คุณนายอรอรปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าที่
ไปรยาจ้ำฝีเท้าไปตามทางเดินซึ่งต้องผ่านล็อบบี้ของโรงแรม คนที่นั่งจิบกาแฟในเลานจ์มาเกือบชั่วโมงเห็นหล่อนเข้าก็ขยับตัว สายตาคมมองตามร่างสมส่วนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำ...เสื้อผ้าเรียบๆ รูปแบบซ้ำๆ แต่น่ามองเมื่ออยู่บนเรือนกายของหล่อน“...ตัวเท่าเดิม ไม่อ้วนไม่ผอมไปกว่าเดิม แต่เซ็กซี่ขึ้นนะ ส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนขึ้น...”คำพูดของเกริกวิทย์ย้อนเข้ามาในหัว มันเป็นสิ่งที่เขาคิดตั้งแต่แรกที่เห็นหล่อน แต่พอออกจากปากผู้ชายคนอื่น...แม้แต่เพื่อนสนิทก็เถอะ หัวใจหนุ่มก็ร้อนรุ่มด้วยความหวงพนักงานโรงแรมนำกาแฟมาเปลี่ยนให้เขา เมื่อเห็นว่าถ้วยเดิมเย็นชืดไปแล้ว“สวัสดีค่ะคุณอาณัติ วันนี้สบายดีไหมคะ”“สบายดีครับ ขอบคุณ”อาณัติตอบรับคำทักทาย แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดต่อ เขาฟังแล้วก็เลิกคิ้วประหลาดใจ“เมื่อวานทางโรงแรมเตรียมยาแก้ไข้ไว้ให้คุณอาณัติ แต่ไม่ได้เอาไปให้ เพราะทราบว่าคุณแจ้งไม่รับยา วันนี้ดีใจค่ะที่เห็นว่าคุณหายดี”“ทำไมถึงจะเอายามาให้ผมครับ หรือเป็นบริการพิเศษของโรงแรม”&nb
“ลูกเขยของลุงเป็นยังไงบ้างคะ ให้คะแนนผ่านหรือเปล่า”ติ๋วที่เดินตามนายอุดมเข้าไปในสวนถามขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายกำลังใช้มีดพร้าตัดหญ้าสาบเสือที่งอกเป็นกออยู่ใต้ต้นมะพร้าวน้ำหอม“คนไม่เคยเจอหน้า ยังไม่ได้คุยกัน จะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบไหน”“ติ๋วเห็นลุงยืนดูเขาตั้งแต่จอดรถแล้ว ลุงมองเขาตาไม่กะพริบเชียว”“ช่างสังเกตนะเรา”“ติ๋วเห็นลุงทุกที่นั่นแหละ ไม่ว่าลุงจะอยู่ตรงไหน”“พูดซะน่ากลัว” นายอุดมหัวเราะขัน ก่อนเขาจะนิ่งคิดไปถึงผู้ชายคนนั้น แล้วบอกตามความรู้สึกจริง “เขาคงไม่เลว ไม่งั้นอชิคงไม่ร้องหาพ่อตั้งแต่มาถึงบ้านตา”“ท่าทางเขาใช้ได้ทีเดียวค่ะ หล่อด้วยนะลุง ติ๋วไม่สงสัยเลยว่าเจ้าอชิได้ความหล่อมาจากใคร”“เธอก็ชอบแต่คนหล่อ”“เพราะชอบคนหล่อ ติ๋วถึงได้ชอบลุงดมไง”พยาบาลสาวใหญ่ที่ครองตัวเป็นโสดมาตั้งแต่วัยสาวหยอดชายวัยกลางคน ถ้าไม่บอกว่าตอนนี้เขากลายเป็นคุณตาและคุณปู่ไปแล้วก็คงยากที่ใครจะเชื่อถึงแ
ภรรยาของปกป้องพาลูกสาววัยหกเดือนกลับไปที่โรงแรมซึ่งจองไว้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้แล้ว ส่วนตัวเขายังพูดคุยอยู่กับพ่อ“พ่อไม่เคยสอนให้ลูกหนีปัญหา ปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องแก้ไข ไม่มีปัญหาอะไรที่เราแก้ไม่ได้ แต่ขั้นแรกเราต้องยอมรับมันก่อน แล้วค่อยหาทางแก้กันไป”นายอุดมเพิ่งได้พูดถึงเรื่องหนี้สินที่ลูกชายก่อขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งที่เขาอยากคุยมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้เปิดใจคุย เพราะปกป้องเองก็พยายามหลบเลี่ยงเขา ซึ่งคราวนี้ชายวัยกลางคนก็รอจนลูกสะใภ้พาหลานสาวกลับไปก่อนถึงได้หยิบมาพูด ด้วยรู้ถึงสถานการณ์ของลูกชายดี เขาไม่ต้องการตำหนิลูกชายให้ลูกสะใภ้ได้ยิน อีกทั้งเห็นว่าปัญหานี้มีมาก่อนที่ปกป้องจะได้พบกับลูกสะใภ้ ดังนั้นลูกชายจึงควรแก้ปัญหาด้วยตัวเอง“ผมพยายามทำงานหลายอย่าง แต่มันก็พลาดทุกที”คนเป็นพ่อรู้ว่าหากไม่จนทาง ลูกชายคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้...แต่หากรั้นไป ทั้งที่มองไม่เห็นทางออก มันก็พบแต่ความผิดพลาดอย่างที่เป็นมา“ถ้าเราทำเต็มที่ทุกงาน แต่ผลยังออกมาไม่ดี เราก็ต้องคิดใหม่นะว่าเราอาจทำผิดทาง ถึงจะเชื่อมั่นความคิดตัวเอ
ไปรยานั่งบนเปลยวนใต้ถุนบ้านหลังเก่า ทุกครั้งเมื่อมาที่บ้านสวน หล่อนชอบมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะความทรงจำในวัยเด็กของหล่อนอยู่ที่นี่...บ้านหลังนี้เคยมีพ่อ แม่ พี่ชาย และหล่อนอาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อแม่จากไป พ่อทำใจไม่ได้ พ่อจึงสร้างบ้านอีกหลังในบริเวณพื้นที่เดียวกัน แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน และไม่นานจากนั้นหล่อนกับพี่ชายก็ย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯ พ่อจึงซื้อบ้านแถบชานเมืองให้อยู่ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่หล่อนกับอชิระใช้พักอาศัยในปัจจุบัน โดยพ่อที่ยังปักหลักอยู่ที่บ้านสวนจะแวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอ เพิ่งเว้นช่วงไปเมื่อสองเดือนนี้แหละไปรยาปล่อยความคิดไปเพลินๆ กระทั่งได้ยินเสียงใสๆ ของลูกดังขึ้น“แม่กุ๊บกิ๊บคร้าบ อชิอยากไปบ้านป้าติ๋วแล้ว แม่กุ๊บกิ๊บพาอชิไปส่งหน่อยครับ”ลูกชายที่ขออยู่กับคุณตาตั้งแต่เดินทางมาถึงกำลังเรียกหาหล่อน หญิงสาวรีบลุกจากเปลยวน แล้วออกไปหาแก้วตาดวงใจที่ยืนรออยู่ตรงลานด้านหน้า“อชิไม่อยู่กับคุณตาแล้วหรือคะ”“ไม่อยู่ครับ อชิไปอยู่บ้านป้าติ๋วดีกว่า”พอเห็นสีหน้าของลูกชาย หญิงสาวก็ดึงร่างเล็กมา
“เขารู้ค่ะ”“นี่ขนาดมันรู้นะว่าอชิเป็นลูกของมัน แต่มันยังทวงเงินกับพี่ได้หน้าตาเฉย”“ไม่เกี่ยวกันเลยนะพี่ป้อง อชิก็อยู่ส่วนอชิ พี่อย่าดึงลูกของกุ๊บกิ๊บไปยุ่งเรื่องนี้ แล้วพี่เอาเงินเขาไป พี่ก็ต้องคืนเขา ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่จบสักที”ไปรยายอมพี่ชายมาโดยตลอด แต่เมื่อเขาดึงลูกชายของหล่อนเข้าไปในปัญหาที่ยังคาราคาซัง ปัญหาที่ผู้ใหญ่ร่วมกันก่อขึ้นเอง หล่อนก็ต้องปกป้องลูกชายเอาไว้ปกป้องถอนหายใจ แล้วพูดเสียงอ่อนลง ชะรอยเขาจะรู้ตัวว่ากำลังคิดไม่เข้าท่า“พี่มีเงินที่ไหนกันล่ะ ถ้าพี่มี พี่คืนมันไปนานแล้ว”“พ่อก็มีเงินไม่มากค่ะ รายได้จากการทำสวนของพ่อปีละไม่กี่แสน แต่พ่อก็มีวิธีของพ่อ ถึงตอนนี้พ่อใช้หนี้ให้พี่ไปเกินล้านแล้ว เหลือแค่หนี้ของพี่อู๋ กุ๊บกิ๊บคิดว่าหนี้ก้อนนี้พี่ควรรับไปจัดการเอง กุ๊บกิ๊บสงสารพ่อ อยากให้พ่อได้พักผ่อน”เป็นครั้งแรกกระมังที่ไปรยาขัดความต้องการของพี่ชาย ปกติหล่อนเป็นน้องสาวที่ไม่มีปากเสียง เป็นน้องที่ว่านอนสอนง่าย...ซึ่งคงเป็นสาเหตุให้หล่อนต้องเข้าไปพัวพันกับ
“โทร.ตอนนี้เลยได้ไหม”“สองทุ่มแล้ว พ่อใกล้จะนอนแล้วค่ะ”“งั้นพี่รอพรุ่งนี้ก็ได้...อย่าให้พี่รอนานกว่านี้นะ พ่อของกุ๊บกิ๊บรู้เรื่องของเราแล้ว พี่ไม่อยากถูกพ่อตาหมายหัว”อาณัติพูดติดอารมณ์ขัน แต่หญิงสาวไม่รู้สึกขันไปกับเขาด้วย หล่อนมองเขา แล้วถามจริงจัง“คุณไม่มีใครจริงๆ หรือคะ”“ถ้าถามถึงช่วงที่พี่อยู่ที่อเมริกา พี่มีเดตกับผู้หญิงบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นคบกัน ตอนนั้นพี่คิดว่าตัวเองโสด ก็เลยใช้ชีวิตแบบผู้ชายโสดไปตามปกติ ไม่ได้สานต่อกับใครจริงจัง พอคิดจะกลับเมืองไทย พี่ก็กลับได้อย่างอิสระ”“คุณจะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกหรือเปล่า”“ไม่แล้วละ พี่ไม่รู้จะกลับไปทำไม นอกเสียจากพาลูกเมียไปเที่ยวเป็นครั้งคราว เพราะชีวิตของพี่มีเป้าหมายอยู่ที่นี่แล้ว เราอาจข้ามขั้นตอนไปบ้าง อาจทำบางช่วงเวลาหล่นหายไป แต่ถ้ากุ๊บกิ๊บให้โอกาสพี่ มันก็ไม่สายที่เราจะกลับมาเป็นครอบครัวกันใหม่ พี่รู้ว่ากุ๊บกิ๊บยังมีพ่อให้นึกถึง พี่เองก็คิดเรื่องนี้มาตลอด พี่จะไม่ให้พ่อของกุ๊บกิ๊บและตัวกุ๊บกิ๊บเองผิดหวังในตัวของพี่ พี
อาณัติขับรถมาจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้าในเวลาเกือบสองทุ่ม เขามองไปทางข้างหลัง ลูกชายกำลังหลับสนิท ซึ่งเจ้าตัวเล็กออกอาการง่วงนอนตั้งแต่ออกจากบ้านหลังใหม่แล้ว“กุ๊บกิ๊บไปเปิดประตูรั้วสิ พี่อุ้มลูกเข้าไปให้”ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นแม่ของลูกเตรียมจะอุ้มเจ้าตัวกลมเข้าบ้านเอง หญิงสาวพยักหน้าอย่างไม่เกี่ยงงอน ลูกชายของหล่อนตัวโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แถมยังมีพัฒนาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนเป็นแม่ที่อยู่กับลูกทุกวันสังเกตเห็นได้ร่างเล็กกลมถูกอุ้มขึ้นมาจากคาร์ซีต เด็กชายขยับตัว หากเมื่อได้ซบบนไหล่หนาที่อบอุ่นของพ่อก็พร้อมจะหลับต่อไปรยาเดินนำชายหนุ่มตรงไปยังตัวบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วหันมาทางเขา ดวงตาสองคู่ที่สบกันทำให้ไปรยาทำตัวไม่ถูก“พี่จะพาลูกเข้านอน ขอให้พี่ทำหน้าที่นี้สักครั้งเถอะนะ”จากเดิมที่ตั้งท่าจะค้าน แต่พอเห็นสายตาวอนขอ หล่อนก็ไม่อาจปฏิเสธหญิงสาวเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่ตนกับลูกครอบครองอยู่ อาณัติวางร่างของลูกชายลงบนเตียงนอนเคียงข้างตุ๊กตาไดโนเสาร์สีฟ้า เขาถอยออกมา หากสายตายังทอดมองลูกชายนิ่งๆ
“หน้าตาโหงวเฮ้งดีเชียว หน้าเรียวผุดผ่อง หน้าผากนูนเกลี้ยง ไม่มีรอย แก้มก็อิ่ม ผิวพรรณดี”บรรยากาศภายในห้องพักผ่อนของบ้านจัดสรรสองชั้นในโครงการหรูเป็นไปอย่างสงบ หากท่าทีของคุณนายอรอรก็สร้างความแปลกใจให้กับลูกชายและแม่ของหลานนัก“ไหน เอามือมาให้แม่ดูสิ” แค่จบคำพูด คุณนายอรอรก็ดึงมือบางของคนที่นั่งข้างๆ มากุมไว้เอง หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่ทันตั้งตัว “มือไม่นุ่มเท่าไร หนูคงต้องทำงานอยู่ตลอดสินะ แต่ไม่เป็นไร ทาโลชันบ่อยๆ ไม่นานก็หาย แต่นิ้วมือเรียวอวบดี ลักษณะส่งเสริมคู่ครอง”“แม่ทำอะไรเนี่ย แล้วแม่เป็นหมอดูโหวงเฮ้งตั้งแต่เมื่อไร”อาณัติอดที่จะถามเพราะสงสัยไม่ได้ อีกทั้งยังเกรงว่าไปรยาจะอึดอัดและกลัวว่าที่แม่สามีไปเสียก่อน“ฉันหัดดูตั้งแต่มีพี่สะใภ้แก”ถ้านับนิ้วก็คงเป็นเวลาไม่กี่เดือนสินะ...ลูกชายตีสีหน้าประหลาดเมื่อมองแม่หมอมือใหม่กำลังลองวิชากับว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ หากคนใกล้ชิดคุณนายอรอรที่ติดตามมาด้วยนั้นก็บอกให้เขาเข้าใจ“สบายใจเถอะค่ะ คุณนายรักลูกสะใภ้จนเป็นที่เลื่องลือทั้
แล้วอาณัติก็ส่งเบอร์โทร.ของพ่อตาไปให้แม่ เขาได้เบอร์นี้มาพร้อมกับเบอร์ของปกป้อง...หรือจะพูดให้ถูกนั่นก็คือเขาแอบเก็บเบอร์ของพ่อตามาในคราวนั้นด้วยพอเห็นว่าหมดธุระกับเขาแล้ว คุณนายอรอรก็เอนกายนอนบนเก้าอี้นอนเล่นในห้องพักผ่อนแล้วหลับตาลง เป็นการปิดการสนทนากลายๆ จากนั้นอาณัติถึงได้ขับรถออกมารับลูกชายนี่แหละ“พ่อครับ คุณย่าจะใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บไหมครับ”คำถามของลูกทำให้เขาต้องนิ่งงัน รับรู้ถึงสายใยระหว่างแม่และลูกชายที่ไม่อาจแยกจากกัน“คุณย่าเป็นคนใจดี พ่อคิดว่าคุณย่าจะใจดีกับแม่ด้วย แต่ถ้าอชิอยากรู้จริงๆ อชิต้องถามคุณย่าเอาเองนะ”เด็กชายตีสีหน้าครุ่นคิด เรียวคิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างน่าเอ็นดู จู่ๆ เขาก็อยากรู้ความคิดของลูกขึ้นมา“คุณย่าต้องใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บแน่นอนครับ เพราะแม่กุ๊บกิ๊บสวย แม่กุ๊บกิ๊บรักอชิมากด้วย”“เหตุผลเข้าท่า...แต่ถ้าแม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ด้วยก็จะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้”“แม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ครับ ถ้าแม่ไม่รัก แม่ไม่ให้พ่อกอดหรอก ไม่ให้พ่อหอมแก้มด้วย”“เดี๋ยว
ช่วงบ่ายของวันศุกร์ ผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา รูปลักษณ์เด่นสะดุดตากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนอนุบาล เขาจะอยู่ตรงนี้ตรงตามเวลาทุกวัน เป็นอันรู้กันว่าเขาเป็นคุณพ่อของเด็กชายอชิระหากก่อนหน้านี้ไม่ว่าคุณครูหรือเพื่อนนักเรียนตัวน้อยต่างคุ้นเคยว่าคุณแม่ของอชิระจะเป็นคนมารับเด็กชาย และคุณแม่ก็มักมารับช้ากว่าพ่อแม่ของนักเรียนคนอื่นด้วยเหตุผลจากภาระหน้าที่การงาน ทำให้อชิระต้องกลับบ้านเป็นกลุ่มสุดท้ายเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้เพียงแค่เลิกเรียน เด็กชายก็วิ่งออกมาเป็นคนแรกๆ เพราะรู้ว่าพ่อของตนจะต้องมารออยู่ก่อนแล้ว…และวันนี้ก็เช่นกัน“พ่ออู๋มารับอชิแล้วครับ”เด็กชายร้องบอกคุณครู แล้วกระโดดเหยงๆ พลางโบกไม้โบกมือให้พ่อเห็นว่าตนมาแล้ว“อชิลาคุณครูแล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ อย่าลืมสวัสดีคุณพ่อด้วยนะคะ”“ครับคุณครู” เด็กชายทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย เมื่อวิ่งไปหาพ่อก็ยกสองมือป้อมๆ ขึ้นมาไหว้หัวใจของอาณัติเบ่งบาน เขาบอกไม่ได้เลยว่าความสุขในทุกวันนี้นอกจากการเห็นรอยยิ้มของลูกแล้ว ยังมีสิ่งใดที่มีค