Se connecter“มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ” มะลิฉัตรถามพลางมองดูรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ยังคงดูสง่างามและภูมิฐาน แม้ว่าอายุน่าจะล่วงเลยเข้าวัยห้าหรือหกสิบไปแล้ว ‘นี่คงเป็นรูปเจ้าของโรงแรมสินะ!’
“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ จากคุณสิรัน และก็เปิดดูกล้องมาแล้ว ผมไม่อยากให้พนักงานมีปัญหากันในที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้งานพังและเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานที่ออกเวรไปแล้ว ต้องกลับเข้ามาทำงานต่อแทนพวกคุณ ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ผมจะให้คุณทั้งสองคนมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ที่หน้าห้องแทน พวกคุณโอเคไหม?”
ผู้จัดการหนุ่มยื่นข้อเสนอ ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังลุ้นผลว่าการที่จันจิราออกโรงปกป้องหลานสาว และฉีกหน้าสิรันที่ห้องทำงาน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวขอยื่นใบลาออกนั้น เขาจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง
“เอ่อ... แต่คุณจิราไล่พวกเราออกแล้วนะคะ” พิมาลาท้วงด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ผมเป็นผู้จัดการ คำสั่งของผมถือเป็นที่สุด โอเค้!” ธีรติยกยิ้มนิดเมื่อจ้องมองสาวแกร่ง ที่คอยปกป้องเพื่อนในเทปบันทึกภาพที่สิรันส่งมาให้อย่างขำๆ ‘ท่าทางตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบเลยนะพิมาลา!’
“อะ... โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังให้เราสองคนทำงานต่อ” พิมาลายิ้มกว้างอย่างดีใจ
“เอ่อ... มะลิขอไปทำหน้าที่เมดได้ไหมคะ พอดีคุยกับคุณธาริณีมาเมื่อครู่ เห็นว่ากำลังขาดคนอยู่ค่ะ” มะลิฉัตรเอ่ยขอ
“มะลิ!” พิมาลาหันมามองเพื่อนสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะขอไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดแทนการเป็นผู้ช่วยเลขาฯ
“เราอยากทำน่ะพิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณแน่ใจนะ” ธีรติถามย้ำพร้อมกับจ้องสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู ‘อะไรกัน ให้ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม กลับอยากจะเป็นเมดของโรงแรม’
“ค่ะ” มะลิฉัตรพยักหน้ารับยิ้มๆ
“งั้นก็... ตามนั้นครับ!” ธีรติยิ้มกับท่าทางจริงจังของพนักงานสาว
“เอ่อ... แล้วเราต้องย้ายออกจากหอพักไหมคะ” พิมาลารีบถาม
“ไม่ต้องครับ คุณทั้งสองพักต่อเหมือนเดิม” ธีรติหันมายิ้ม ให้หญิงสาวที่ดูสวยหวาน แต่นิสัยกลับห้าวเกินกุลสตรี
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกันอย่างดีใจ
“ผมว่าคุณควรจะขอบคุณคุณสิรันมากกว่านะ เพราะเขาทนดู คุณสองคนโดนไล่ออกไม่ได้ เลยยื่นใบลาออกมาให้ผม ยังไงก็ช่วยเอากลับไปคืน แล้วบอกว่าพวกคุณได้ทำงานต่อด้วยนะครับ”
“ค่ะ” สองสาวน้ำตาคลออย่างซาบซึ้ง เมื่อนึกไปถึงสีหน้าของสิรันตอนที่พวกเธอเดินออกจากห้อง
“คุณทั้งสองคนเริ่มงานได้พรุ่งนี้ใช่ไหมครับ” ผู้จัดการหนุ่มถาม
“ค่ะ/ค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกับยกมือไหว้ผู้จัดการหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะพากันเอาใบลาออกไปส่งคืนให้กับหัวหน้าแผนกที่เอ็นดูพวกเธอตั้งแต่ตอนที่มาฝึกงาน กระทั่งได้เข้าทำงานต่อหลังจากที่เรียนจบ จนถึงวันนี้ความรู้สึกที่ศรัทธาในตัวของสิรันยังคงอยู่เสมอ
แผนกต้อนรับ... สิรันที่กำลังเก็บของใช้และเอกสารบางอย่าง ลงกล่องเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องที่เป็นกระจกใส ก็เห็นสองสาวยืนน้ำตาคลอหน่วยอยู่ พลันก็ทำให้รู้สึกจุกที่หน้าอกขึ้นมาอีกครั้ง
“ลืมอะไรเหรอ?” สิรันถามพลางฝืนส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“หัวหน้า... ฮือๆๆ” มะลิฉัตรกับพิมาลาโผเข้ากอดหัวหน้าของ พวกเธอ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
“อะไรกัน พวกเธอร้องไห้ทำไมกันเนี่ย” สิรันถามขณะที่น้ำตาของตัวเองก็ไหลอาบแก้มไม่แพ้สองสาว
“ผะ... ผู้จัดการฝากใบนี้มาคืนค่ะ” มะลิฉัตรบอกพลางส่งกระดาษแผ่นสีขาวให้
‘บ้าจริง! เด็กสองคนนี้รู้เรื่องลาออกงั้นเหรอ’ สิรันถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“หนูได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ค่ะหัวหน้า” พิมาลารีบบอก
“จริงเหรอ!” สิรันยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วหันมายิ้มให้อย่างดีใจแทน
“จริงค่ะ” พิมาลาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“แล้วมะลิล่ะ? ได้ทำเหมือนกันใช่ไหม?”
“ค่ะ แต่หนูขอย้ายไปเป็นเมดทำความสะอาดห้องพักค่ะ” มะลิฉัตรบอกก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้นมะลิ?” สิรันถามต่ออย่างสงสัย
“พอดีได้คุยกับคุณธาริณีตอนที่นั่งอยู่ฝ่ายบุคคล เลยสนใจอยากจะลองทำดูค่ะ” มะลิฉัตรบอกให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“คุณณีใจดีจ้ะ ฉันขอให้เธอสองคนตั้งใจทำงานให้เต็มที่นะ”
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า ขอบคุณทุกๆ อย่าง ขอบคุณที่ช่วยพวกหนูค่ะ ฮึก!” มะลิฉัตรบอกพลางน้ำตาไหลทะลักขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ช่วยหรือเข้าข้างใคร แต่ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันควรทำเท่านั้น เอาละ! ไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปเตรียมตัวสำหรับงานใหม่พรุ่งนี้เถอะ” สิรันบอกพลางหันไปหยิบกระดาษทิชชูส่งให้สองสาว
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรกับพิมาลาเอ่ยก่อนจะรับมาซับน้ำตา ที่ยังคงไหลอยู่
“อ้อ! แล้วเดือนนี้จะกลับบ้านที่ชลบุรีไหม?” สิรันรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กลับค่ะ” สองสาวพยักหน้ายิ้มๆ
“ก่อนกลับแวะมาเอาของฝากหน่อยนะ พอดีญาติๆ ของฉันเขาจะฝากขนมกับของใช้ไปให้เด็กๆ น่ะจ้ะ”
“ค่ะหัวหน้า” พิมาลาบอกเสียงสั่น
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือขึ้นไหว้หัวหน้า ที่แม้บางครั้งในเรื่องงานสิรันจะเนี้ยบทุกๆ อย่างตามขั้นตอน แต่อีกฝ่ายไม่เคยพูดจาค่อนขอด หรือบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเลยสักครั้ง
“พวกเธอสองคนเป็นเด็กดี ฉันภาวนาให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับพวกเธอ” สิรันบอกพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำที่ไหลรินจากหางตาทิ้ง
“ขอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับหัวหน้าและครอบครัวเช่นกันค่ะ” พิมาลาบอกก่อนจะเข้าไปกอด
“หนูรักหัวหน้านะคะ” มะลิฉัตรโผเข้ากอดตามเพื่อน
สิรันยิ้มให้เด็กสาวทั้งสองและพูดคุยต่ออีกครู่ ก็ขอตัวออกไปดูแลความเรียบร้อยของงานที่ล็อบบี
สองเดือนต่อมา... หอพักของพนักงานหญิง
ติ๊ดๆๆ
เสียงมือถือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างบางอ้อนแอ้นในชุดเมดของโรงแรมโรคาซานเดอร์ แกรนด์ ที่กำลังเดินลงบันใดของหอพักหญิงต้องหยุดชะงัก! แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู
ทันทีที่เห็นสายเรียกเข้าของหัวหน้าแผนก เธอจึงรีบกดรับพลางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมืออย่างสงสัย เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
“มะลิ! อยู่ไหน?” ธาริณีเอ่ยถามด้วยเสียงลนๆ
“กำลังออกจากหอพักค่ะ” มะลิฉัตรตอบ
“เธอรีบขึ้นไปทำความสะอาดที่ห้องบนสุดของโรงแรมด่วนเลยนะ!” ปลายสายบอก
“ห้องบนสุดเหรอคะ?” หญิงสาวถามย้ำอย่างไม่มั่นใจ เพราะชั้นบนสุดคือชั้นต้องห้ามสำหรับพนักงานทุกคน เว้นแต่ธาริณีกับธีรติเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปได้
“ใช่! ทำความสะอาดห้องนอนทางปีกขวาก่อนเลยนะ ฉันกำลังจะไปถึงที่ทำงานในสามสิบนาที!”
“เอ่อ... แต่ว่า...”
“รีบไปทำตามที่บอก! อ้อ! แล้วรหัสที่หน้าห้องคือ XXXX นะ!” ธาริณีบอกก่อนจะกดวางสาย
มะลิฉัตรยืนนิ่งอยู่สามวินาที! ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า แล้วก้าวเท้าออกวิ่งไปยังโรงแรมที่อยู่ถัดไปอีกหนึ่งช่วงตึก ด้วยสีหน้าตื่นๆ
‘ใครจะมากันนะ?’ คนที่ไม่เคยเจอเจ้าของโรงแรมมาก่อน แอบนึกไปถึงชายวัยหกสิบกับหญิงวัยห้าสิบกว่าที่อยู่ในรูปบนผนังห้องของผู้จัดการขึ้นมาทันใด
โรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งโรงแรมหรูในหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงสายการบินโรคาซานเดอร์แอร์ไลน์ และอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย ที่ดูแลบริหารงานโดยหัวเรือใหญ่อย่าง เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ ชายหนุ่มที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตหล่อรวยแห่งปี
ไม่เขาว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่ทว่าเขากลับไม่เคยให้สาวคนไหนได้อยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง!
ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย หันออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ เพื่อมองดูแสงแรกของวันใหม่ตรงเส้นตัดของขอบฟ้าแสงสีส้มอ่อนและเข้มสลับกัน ท่ามกลางหมู่เมฆบนท้องฟ้ากว้าง
จากความมืดมิดที่เยือกเย็นแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น และค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็อ่อนแสงลงแล้วกลับกลายเป็นความอ่อนโยน ก่อนจะเข้าสู่ความมืดมิดของค่ำคืนที่เยือกเย็นและเงียบสงบ ทุกอย่างวนเวียนซ้ำๆ ไปมาเหมือนเช่นเคย
“บอสครับ! เครื่องกำลังจะลงจอดในอีกยี่สิบนาทีครับ!” เจซีมือขวาคนสนิทที่เพิ่งเดินออกจากห้องนักบิน รีบตรงมารายงานผู้เป็นนาย
เลโอนาดท์พยักหน้ารับก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา จากนั้นก็หันไปดึงเข็มขัดที่ด้านข้างขึ้นมารัด ในขณะที่นักบินกำลังลดระดับการบินลงสู่รันเวย์
แปดเดือนต่อมา...เลโอนาดท์จ้องมองดูลูกชายตัวน้อย ‘แพททริกสัน’ ที่เป็นส่วนผสมระหว่างตนกับภรรยา ด้วยความรู้สึกอิจฉา“ขอผมชิมมั่งได้ไหมมะลิ?” เขาเอ่ยขออย่างคนมีมารยาท พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนไปให้ภรรยาสาว ที่หุ่นกลับเข้ารูปเข้าร่างเซ็กซี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าอกขนาดใหญ่“ไม่ค่ะ!” มะลิฉัตรปฏิเสธ พร้อมกับส่งค้อนให้คนตัวโต ที่ชอบมาออดอ้อนขอกินนมแทบจะทุกครั้งที่เธอให้นมลูก“ได้โปรด...”“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอลีโอ?”“ผมไม่ได้บ้า! แต่ถ้าบ้าแล้วได้กินนมเหมือนแพททริก ผมก็พร้อม!” คนหื่นบอกด้วยสายตาแพรวพราว“บ้า!”“เร็วสิ! เปิดหน้าอกอีกข้างให้ผม” เลโอนาดท์บอกพลางจะเปิดเสื้อของภรรยาขึ้น แต่กลับถูกสาวเจ้าตีมือเข้าให้“ไม่มีทาง!”“คุณลำเอียงนะมะลิ! คุณรักแพททริกมากกว่าสามีของตัวเองใช่ไหม” คนที่อยากลิ้มลองรสชาติใจจะขาดบอกด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ“พระเจ้า! แพททริกคือลูกชายของคุณนะลีโอ” เธอเอ่ยเตือนอย่างเริ่มจะเอือมระอากับท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจของสามี“ใช่! แล้วคุณก็คือภรรยาของผม” เขาบอกพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ทางหางตา
“แต่ตอนที่แม่ท้องลูก! แม่แพ้ท้องตั้งสามเดือนแน่ะซาเก้” ไอรดา บอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้บุตรชายฟัง“โอ้พระเจ้า! ทำไมถึงได้กลั่นแกล้งผมแบบนี้” คนที่ดีใจจะได้เป็นพ่อคน แต่กลับต้องมาสวมหน้ากากบดบังใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ เพราะภรรยาดันเห็นแล้วรู้สึกอยากจะอ้วกถึงกับคร่ำครวญออกมา“ฉะ... ฉันขอโทษ” พราวดาราน้ำตาคลออย่างรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย“ไม่ใช่ความผิดคุณพราว” โดมินิกดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบอย่างรู้สึกสงสาร พร้อมกับด่าตัวเองในใจ ที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอแสร้งทำทุกอย่างขึ้น เพราะอยากแก้แค้นตนคืนเรื่องนางแบบดังครั้งก่อน“แบบนี้มันดีกว่าที่หนูพราวต้องอ้วกนะว่าไหม?” ไอรดาบอกพลางจ้องมองใบหน้าของบุตรชายหน้ากาก ทอม ครูซ อย่างขำๆ“ครับ” โดมินิกยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะเสียเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องภรรยาตามที่หมอบอก“พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ วันนี้ผมขอตัวกลับก่อน” นายแพทย์ใหญ่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง“ขอบคุณมากๆ ครับอาหมอ” โดมินิกหันไปบอก“ขอบคุณค่ะ” พราวดารายกมือไหว้อีกฝ่ายทันใด“ย
สิบนาทีต่อมา...“พราว! เป็นไงบ้างลูก” ไอรดาถามลูกสะใภ้ที่หน้าซีดอย่างเป็นห่วง“หนูเวียนหัวค่ะ” พราวดาราบอก“ซาเก้บอกว่าหนูอาเจียนด้วยใช่ไหม”“ใช่ค่ะ! พอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าของเขา หนูก็รู้สึกอยากอ้วกขึ้นมาทันทีทันใด” พราวดาราบอกเสียงอ่อนอย่างคนที่หมดแรง“พระเจ้า!” คนที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย“ซาเก้!” ไอรดากลอกตากับท่าทางของบุตรชาย ก่อนจะหันไปถามสาวเจ้าต่อ “แล้วถ้าไม่เห็นหรือไม่มองหน้าของพี่เขา หนูก็ไม่...”“หนูก็โอเคนะคะ แต่พอเห็นแล้วทุกอย่างในท้องมันก็ตีขึ้นมาที่ต้นคอทันทีเลยค่ะ” พราวดารากระซิบบอกเสียงเบา“คิกๆๆๆ” ไอรดาหัวเราะขึ้นอย่างชอบอกชอบใจ“นะ... หนูเป็นอะไรเหรอคะคุณแม่” พราวดาราถามอย่างรู้สึกงงงวยในท่าทีของแม่สามี“อีกเดี๋ยวเราจะได้รู้พร้อมๆ กันจ้ะ เพราะหมอกำลังเดินทางมา” ไอรดายิ้มให้หญิงสาวอย่างเอ็นดูคนที่รออยู่ด้านนอก เห็นสาวใช้ยกถาดน้ำส้มเดินมา จึงตรงเข้าไปแย่งแก้วน้ำส้ม จากนั้นก็ตีเนียนถือเข้าไปในห้องนอน พร้อมกับเอ่ยถามคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ “ดีขึ้นหรือยัง”พราว
“ผมทรมานนะที่ได้แต่มองคุณ แต่ทำอะไรไม่ได้” เขาบอก พร้อมกับช้อนอุ้มภรรยาสาวเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่ ด้วยสายตาสื่อความหมายพราวดาราใบหน้าร้อนผ่าว รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า“คืนนี้ผมจะรักคุณให้ถึงเช้าเลยคอยดู” โดมินิกบอกก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นอย่างโหยหาและเร่าร้อนหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช้าวันต่อมา...อ๊อก! อ๊อก! เสียงอาเจียนในห้องน้ำปลุกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นทันใด“ลีโอ!”“ผมโอเค!”“คุณเป็นอะไร?” มะลิฉัตรถามอย่างเป็นห่วง“ผมเวียนหัว คุณช่วยโทร. ไปบอกแม่ครัวให้หาอะไรเปรี้ยวๆ ขึ้นมาให้ผมทานหน่อย ได้โปรด...”“ดะ... ได้ค่ะ” มะลิฉัตรตอบรับก่อนจะเดินแกมวิ่งไปยังโทรศัพท์ ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านนอก แล้วโทร. บอกแม่บ้านด้วยน้ำเสียงตื่นๆ จากนั้นก็กลับเข้าไปหาสามีที่ยังคงอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ“คุณไหวไหม!”“ไหว!” เลโอนาดท์บอกก่อนจะดันตัวลุกขึ้น แล้วเดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทางอ่อนเพลีย มะลิฉัตรรีบเข้าไปประคองสามีเดินไปยังเตียงนอน“ขึ้นมานอนข้างๆ ผมสิ” เข
“ผมว่าแด๊ดกับมัมต้องอยู่นานกว่านั้นแน่ๆ เพราะผมกะจะมีลูก สักสามคนครับ” เลโอนาดท์บอกยิ้มๆ“ฮ่าๆๆ จัดไปไอ้เสือ” เอเดนหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจกับสีหน้ามุ่งมั่นของว่าที่คุณพ่อมือใหม่‘บ้า! ตั้งสามคนแน่ะ ใครจะขยันเกิดได้ขนาดนั้นกัน’ มะลิฉัตรกลอกตามองบนอย่างเพลียๆ กับจำนวนลูกๆ ที่สามีตั้งใจจะมีให้ได้หลังจากที่วางสายวิดีโอคอลเสร็จ เอเดนกับเมลิซ่าก็ออกไปนั่งจิบไวน์เบาๆ ที่ระเบียงริมสระว่ายน้ำ พูดคุยกันต่อเรื่องของขวัญที่จะเตรียมเอาไว้รับขวัญหลานคนแรกกันอย่างตื่นเต้นเลโอนาดท์รีบพาภรรยากลับขึ้นห้อง เพราะต้องการกระชับความสัมพันธ์ หลังจากที่เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี“คืนนี้ผมจะได้นอนกอดคุณใช่ไหม?” เลโอนาดท์กระซิบถาม“จริงๆ เราแยกกันนอนมันสบายดีนะคะ” มะลิฉัตรบอกยิ้มๆ“โธ่! อย่าแกล้งผมสิ ผมนอนมองคุณมาอาทิตย์กว่าๆ แล้วนะ” เลโอนาดท์โอดครวญ“หลบไปค่ะ! ฉันจะไปอาบน้ำ” มะลิฉัตรรีบผลักร่างหนาออกให้ห่างตัว“เดี๋ยวผมถูหลังให้” เขาบอกพร้อมกับช้อนอุ้มเธอทันใด“อ๊ะ!” มะลิฉัตรตกใจ อายหน้าแดงก่
“น่าจะเป็นเพราะยาที่ไอวี่ใส่ในเหล้าที่นายดื่มไปก่อนหน้า ฉันเข้าไปก็เห็นนายนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ตอนนั้นไอวี่คงจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้แบล็กเมล์นายตามที่เห็นในข่าว” ลูเซียสเล่าต่อ“ลู! นายทำอะไรไอวี่” โดมินิกถามเข้าเรื่อง“ฉันลากเธอไปอีกห้องที่อยู่ถัดไป แล้วก็จัดการปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในตัว” ลูเซียสยอมรับตามตรง“แต่ฉันก็ยังมองไม่เห็นเหตุผลที่นายจะต้องแต่งงานกับไอวี่อยู่ดี” โดมินิกถามอย่างไม่เข้าใจ“นายหลงรักไอวี่ใช่ไหม!” เลโอนาดท์ถามเรื่องที่แอบสงสัยมานาน“ไม่มีทาง!” ลูเซียสปฏิเสธเสียงแข็ง“แล้วทำไมนายถึงจะ...”“ก็เพราะฉันคือผู้ชายคนแรกของเธอน่ะสิ” ลูเซียสบอกด้วยสีหน้าตึงเครียด“พระเจ้า!” เลโอนาดท์อุทานตาโต ‘เกือบซวยแล้วไหมเรา!’“ลีโอไม่ได้มีอะไรกับไอวี่ คุณสบายใจได้ครับมะลิ” ลูเซียสหันไปบอกภรรยาของเพื่อนรักให้คลายกังวล“เห็นไหม ผมบอกคุณแล้วก็ไม่เชื่อ” เลโอนาดท์รีบตัดพ้อภรรยาทันใด มะลิฉัตรอายหน้าแดงขึ้นมานิดๆ หลังจากได้ยินการเล่าแบบเปิดอกของลูเซียส“ไอวี่ออกจากห้องไปตอนเช้า พร้อมกับมือถือที่ถ่ายรูป จา







