“มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ” มะลิฉัตรถามพลางมองดูรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ยังคงดูสง่างามและภูมิฐาน แม้ว่าอายุน่าจะล่วงเลยเข้าวัยห้าหรือหกสิบไปแล้ว ‘นี่คงเป็นรูปเจ้าของโรงแรมสินะ!’
“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ จากคุณสิรัน และก็เปิดดูกล้องมาแล้ว ผมไม่อยากให้พนักงานมีปัญหากันในที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้งานพังและเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานที่ออกเวรไปแล้ว ต้องกลับเข้ามาทำงานต่อแทนพวกคุณ ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ผมจะให้คุณทั้งสองคนมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ที่หน้าห้องแทน พวกคุณโอเคไหม?”
ผู้จัดการหนุ่มยื่นข้อเสนอ ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังลุ้นผลว่าการที่จันจิราออกโรงปกป้องหลานสาว และฉีกหน้าสิรันที่ห้องทำงาน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวขอยื่นใบลาออกนั้น เขาจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง
“เอ่อ... แต่คุณจิราไล่พวกเราออกแล้วนะคะ” พิมาลาท้วงด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ผมเป็นผู้จัดการ คำสั่งของผมถือเป็นที่สุด โอเค้!” ธีรติยกยิ้มนิดเมื่อจ้องมองสาวแกร่ง ที่คอยปกป้องเพื่อนในเทปบันทึกภาพที่สิรันส่งมาให้อย่างขำๆ ‘ท่าทางตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบเลยนะพิมาลา!’
“อะ... โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังให้เราสองคนทำงานต่อ” พิมาลายิ้มกว้างอย่างดีใจ
“เอ่อ... มะลิขอไปทำหน้าที่เมดได้ไหมคะ พอดีคุยกับคุณธาริณีมาเมื่อครู่ เห็นว่ากำลังขาดคนอยู่ค่ะ” มะลิฉัตรเอ่ยขอ
“มะลิ!” พิมาลาหันมามองเพื่อนสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะขอไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดแทนการเป็นผู้ช่วยเลขาฯ
“เราอยากทำน่ะพิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณแน่ใจนะ” ธีรติถามย้ำพร้อมกับจ้องสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู ‘อะไรกัน ให้ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม กลับอยากจะเป็นเมดของโรงแรม’
“ค่ะ” มะลิฉัตรพยักหน้ารับยิ้มๆ
“งั้นก็... ตามนั้นครับ!” ธีรติยิ้มกับท่าทางจริงจังของพนักงานสาว
“เอ่อ... แล้วเราต้องย้ายออกจากหอพักไหมคะ” พิมาลารีบถาม
“ไม่ต้องครับ คุณทั้งสองพักต่อเหมือนเดิม” ธีรติหันมายิ้ม ให้หญิงสาวที่ดูสวยหวาน แต่นิสัยกลับห้าวเกินกุลสตรี
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกันอย่างดีใจ
“ผมว่าคุณควรจะขอบคุณคุณสิรันมากกว่านะ เพราะเขาทนดู คุณสองคนโดนไล่ออกไม่ได้ เลยยื่นใบลาออกมาให้ผม ยังไงก็ช่วยเอากลับไปคืน แล้วบอกว่าพวกคุณได้ทำงานต่อด้วยนะครับ”
“ค่ะ” สองสาวน้ำตาคลออย่างซาบซึ้ง เมื่อนึกไปถึงสีหน้าของสิรันตอนที่พวกเธอเดินออกจากห้อง
“คุณทั้งสองคนเริ่มงานได้พรุ่งนี้ใช่ไหมครับ” ผู้จัดการหนุ่มถาม
“ค่ะ/ค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกับยกมือไหว้ผู้จัดการหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะพากันเอาใบลาออกไปส่งคืนให้กับหัวหน้าแผนกที่เอ็นดูพวกเธอตั้งแต่ตอนที่มาฝึกงาน กระทั่งได้เข้าทำงานต่อหลังจากที่เรียนจบ จนถึงวันนี้ความรู้สึกที่ศรัทธาในตัวของสิรันยังคงอยู่เสมอ
แผนกต้อนรับ... สิรันที่กำลังเก็บของใช้และเอกสารบางอย่าง ลงกล่องเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องที่เป็นกระจกใส ก็เห็นสองสาวยืนน้ำตาคลอหน่วยอยู่ พลันก็ทำให้รู้สึกจุกที่หน้าอกขึ้นมาอีกครั้ง
“ลืมอะไรเหรอ?” สิรันถามพลางฝืนส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“หัวหน้า... ฮือๆๆ” มะลิฉัตรกับพิมาลาโผเข้ากอดหัวหน้าของ พวกเธอ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
“อะไรกัน พวกเธอร้องไห้ทำไมกันเนี่ย” สิรันถามขณะที่น้ำตาของตัวเองก็ไหลอาบแก้มไม่แพ้สองสาว
“ผะ... ผู้จัดการฝากใบนี้มาคืนค่ะ” มะลิฉัตรบอกพลางส่งกระดาษแผ่นสีขาวให้
‘บ้าจริง! เด็กสองคนนี้รู้เรื่องลาออกงั้นเหรอ’ สิรันถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“หนูได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ค่ะหัวหน้า” พิมาลารีบบอก
“จริงเหรอ!” สิรันยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วหันมายิ้มให้อย่างดีใจแทน
“จริงค่ะ” พิมาลาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“แล้วมะลิล่ะ? ได้ทำเหมือนกันใช่ไหม?”
“ค่ะ แต่หนูขอย้ายไปเป็นเมดทำความสะอาดห้องพักค่ะ” มะลิฉัตรบอกก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้นมะลิ?” สิรันถามต่ออย่างสงสัย
“พอดีได้คุยกับคุณธาริณีตอนที่นั่งอยู่ฝ่ายบุคคล เลยสนใจอยากจะลองทำดูค่ะ” มะลิฉัตรบอกให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“คุณณีใจดีจ้ะ ฉันขอให้เธอสองคนตั้งใจทำงานให้เต็มที่นะ”
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า ขอบคุณทุกๆ อย่าง ขอบคุณที่ช่วยพวกหนูค่ะ ฮึก!” มะลิฉัตรบอกพลางน้ำตาไหลทะลักขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ช่วยหรือเข้าข้างใคร แต่ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันควรทำเท่านั้น เอาละ! ไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปเตรียมตัวสำหรับงานใหม่พรุ่งนี้เถอะ” สิรันบอกพลางหันไปหยิบกระดาษทิชชูส่งให้สองสาว
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรกับพิมาลาเอ่ยก่อนจะรับมาซับน้ำตา ที่ยังคงไหลอยู่
“อ้อ! แล้วเดือนนี้จะกลับบ้านที่ชลบุรีไหม?” สิรันรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กลับค่ะ” สองสาวพยักหน้ายิ้มๆ
“ก่อนกลับแวะมาเอาของฝากหน่อยนะ พอดีญาติๆ ของฉันเขาจะฝากขนมกับของใช้ไปให้เด็กๆ น่ะจ้ะ”
“ค่ะหัวหน้า” พิมาลาบอกเสียงสั่น
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือขึ้นไหว้หัวหน้า ที่แม้บางครั้งในเรื่องงานสิรันจะเนี้ยบทุกๆ อย่างตามขั้นตอน แต่อีกฝ่ายไม่เคยพูดจาค่อนขอด หรือบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเลยสักครั้ง
“พวกเธอสองคนเป็นเด็กดี ฉันภาวนาให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับพวกเธอ” สิรันบอกพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำที่ไหลรินจากหางตาทิ้ง
“ขอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับหัวหน้าและครอบครัวเช่นกันค่ะ” พิมาลาบอกก่อนจะเข้าไปกอด
“หนูรักหัวหน้านะคะ” มะลิฉัตรโผเข้ากอดตามเพื่อน
สิรันยิ้มให้เด็กสาวทั้งสองและพูดคุยต่ออีกครู่ ก็ขอตัวออกไปดูแลความเรียบร้อยของงานที่ล็อบบี
สองเดือนต่อมา... หอพักของพนักงานหญิง
ติ๊ดๆๆ
เสียงมือถือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างบางอ้อนแอ้นในชุดเมดของโรงแรมโรคาซานเดอร์ แกรนด์ ที่กำลังเดินลงบันใดของหอพักหญิงต้องหยุดชะงัก! แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู
ทันทีที่เห็นสายเรียกเข้าของหัวหน้าแผนก เธอจึงรีบกดรับพลางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมืออย่างสงสัย เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
“มะลิ! อยู่ไหน?” ธาริณีเอ่ยถามด้วยเสียงลนๆ
“กำลังออกจากหอพักค่ะ” มะลิฉัตรตอบ
“เธอรีบขึ้นไปทำความสะอาดที่ห้องบนสุดของโรงแรมด่วนเลยนะ!” ปลายสายบอก
“ห้องบนสุดเหรอคะ?” หญิงสาวถามย้ำอย่างไม่มั่นใจ เพราะชั้นบนสุดคือชั้นต้องห้ามสำหรับพนักงานทุกคน เว้นแต่ธาริณีกับธีรติเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปได้
“ใช่! ทำความสะอาดห้องนอนทางปีกขวาก่อนเลยนะ ฉันกำลังจะไปถึงที่ทำงานในสามสิบนาที!”
“เอ่อ... แต่ว่า...”
“รีบไปทำตามที่บอก! อ้อ! แล้วรหัสที่หน้าห้องคือ XXXX นะ!” ธาริณีบอกก่อนจะกดวางสาย
มะลิฉัตรยืนนิ่งอยู่สามวินาที! ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า แล้วก้าวเท้าออกวิ่งไปยังโรงแรมที่อยู่ถัดไปอีกหนึ่งช่วงตึก ด้วยสีหน้าตื่นๆ
‘ใครจะมากันนะ?’ คนที่ไม่เคยเจอเจ้าของโรงแรมมาก่อน แอบนึกไปถึงชายวัยหกสิบกับหญิงวัยห้าสิบกว่าที่อยู่ในรูปบนผนังห้องของผู้จัดการขึ้นมาทันใด
โรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งโรงแรมหรูในหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงสายการบินโรคาซานเดอร์แอร์ไลน์ และอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย ที่ดูแลบริหารงานโดยหัวเรือใหญ่อย่าง เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ ชายหนุ่มที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตหล่อรวยแห่งปี
ไม่เขาว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่ทว่าเขากลับไม่เคยให้สาวคนไหนได้อยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง!
ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย หันออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ เพื่อมองดูแสงแรกของวันใหม่ตรงเส้นตัดของขอบฟ้าแสงสีส้มอ่อนและเข้มสลับกัน ท่ามกลางหมู่เมฆบนท้องฟ้ากว้าง
จากความมืดมิดที่เยือกเย็นแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น และค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็อ่อนแสงลงแล้วกลับกลายเป็นความอ่อนโยน ก่อนจะเข้าสู่ความมืดมิดของค่ำคืนที่เยือกเย็นและเงียบสงบ ทุกอย่างวนเวียนซ้ำๆ ไปมาเหมือนเช่นเคย
“บอสครับ! เครื่องกำลังจะลงจอดในอีกยี่สิบนาทีครับ!” เจซีมือขวาคนสนิทที่เพิ่งเดินออกจากห้องนักบิน รีบตรงมารายงานผู้เป็นนาย
เลโอนาดท์พยักหน้ารับก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา จากนั้นก็หันไปดึงเข็มขัดที่ด้านข้างขึ้นมารัด ในขณะที่นักบินกำลังลดระดับการบินลงสู่รันเวย์
“มะลิ! ลีโอ! มาถ่ายรูปกัน” โดมินิกเอ่ยชวนมะลิฉัตรกับเลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะรีบเข้าไปร่วมเก็บภาพความทรงจำ ที่มีโดมินิก พราวดารา อริน คเชนทร์ พิมาลา ธีรติ ธาริณี เอเดน เมลิซ่า อังเดร ไอรดา เพียงดาว หม่อมหลวงอภิชาต และจันทร์ฉายกับเด็กๆบ้านเดือนแรมบรรยากาศในงานดำเนินต่อไปท่ามกลางสีหน้ายิ้มแย้มของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และแขกที่มาร่วมงานต่างสังสรรค์กันต่ออย่างสนุกสนาน จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่ม ทุกคนก็ออกมาส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นรถที่ด้านหน้าของงาน เพื่อจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ใช้เป็นเรือนหอนักข่าวที่ดักรออยู่ด้านหน้า ต่างกระหน่ำกดชัตเตอร์ขณะที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวทั้งสองคู่เข้าไปในรถลีมูซีน“เราจะไปไหนกันเหรอคะ?” มะลิฉัตรถามเมื่อเข้ามานั่งในรถคันหน้ากับเจ้าบ่าว ขณะที่พราวดารานั่งลีมูซีนคันหลังกับโดมินิก“ยังไม่บอก ผมอยากให้คุณเซอร์ไพรส์!” เลโอนาดท์ดึงร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก แล้วมอบจูบที่เร่าร้อนให้กับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายอย่างไม่รอช้า“อื้อ...” มะลิฉัตรครางท้วงได้เพียงครู่ก็ต้องยอมโอนอ่อนตามเจ้าบ่าวอย่างเลี่ยงไม่ได
“เชิญคุณรินที่โต๊ะดีกว่าครับ”โดมินิกเอ่ยทำลายความเงียบ หลังจากที่มองตามหลังเพื่อนไปด้วยความรู้สึกผิด ที่พูดเล่นออกไป แต่ดันไปสะกิดบางอย่างเข้าอย่างจัง!“ค่ะ” อรินพยักหน้ารับเบาๆ“เธอมากับหนุ่มหล่อคนนั้นได้ยังไง” พราวดารากระซิบแซวเพื่อนสาวยิ้มๆ“เรื่องมันยาว” อรินกระซิบตอบ“ยาวแค่ไหนฉันก็พร้อมรับฟัง” พราวดาราบอกยิ้มๆ“แหม ว่าแต่ตัวเองเถอะ! ไหนบอกว่าจะเข้ามาหาที่โรงแรมแล้วทำไมอยู่ๆ วันนั้นก็หายไปเฉยเลย” อรินเท้าความเรื่องครั้งก่อน“เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังนะ!” คนที่ไม่ยอมเอ่ยชวนเพื่อนคนไหนมาร่วมงานแต่ง บอกด้วยน้ำเสียงตึงนิดๆ เพราะวันนั้นเธอหิ้วเค้กที่ทำเองกับมือไปเซอร์ไพรส์วันเกิดของอรินที่โรงแรมเอื้องลานนา แต่กลับ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น จนสุดท้าย... ต้องมาสวมชุดเจ้าสาวอยู่ในงานแต่งวันนี้!“ฉันจะรอฟังจ้ะ” อรินยิ้มก่อนจะเข้าไปนั่งที่โต๊ะตามเพื่อนสาวและเจ้าบ่าวของอีกฝ่าย“ขอแชมเปญสามแก้ว!” โดมินิกบอกพนักงาน ก่อนจะหันมาเอ่ยถามเรื่องสมัยเรียนของพราวดารากับอรินต่ออย่างสนอกสนใจ“ซาเก้! พาสาวๆ ไปนั่งที่โต๊ะใหญ
ห้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel (งานแต่ง)เวลา 09:09 น. งานแต่งของเลโอนาดท์กับมะลิฉัตร และโดมินิกกับพราวดาราถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการด้วยบรรยากาศแบบไทยๆ ท่ามกลางแขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนิทและเครือญาติ ที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเลโอนาดท์หันไปมองเจ้าสาวของตน ที่สวยราวกับนางในวรรณคดีด้วยสีหน้าชื่นชม ขณะที่แขกต่างเข้าแถวต่อคิวรดน้ำสังข์ โดยที่ธีรติกับพิมาลา คอยช่วยดูแลเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองคู่อยู่ใกล้ๆ“คุณสวยมากเลย” เลโอนาดท์กระซิบ“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรหันไปยิ้มบางๆ ให้เจ้าบ่าวอย่างขำๆ เพราะตั้งแต่ที่เข้าพิธี อีกฝ่ายก็หันมาบอกเธอแบบนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว“เดี๋ยวเสร็จพิธีช่วงเช้าแล้ว ผมขอเป็นคนถอดชุดนี้ออกนะ” เลโอนาดท์กระซิบบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ“บ้า!” มะลิฉัตรอายหน้าแดงกับคำพูดหื่นๆ ของเจ้าบ่าวด้านโดมินิกที่นั่งโต๊ะถัดไป ก็เอาแต่หันมองเจ้าสาวของตัวเองบ่อยๆ ราวกับคนไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อน จนทำให้แขกในงานถึงกับแอบอมยิ้มตามๆ กัน“หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?” พราวดาราถามขึ้นอย่างอดไม่ได้“ไ
“เรื่องอะไร?” อังเดรหันไปถามอย่างสงสัย ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพี หันมามองชายหนุ่มตามๆ กัน“เรื่องแต่งงานครับ” โดมินิกบอกพร้อมกับหันไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคู่หมั้นสาวแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมามองคนอื่นๆ‘ไอ้บ้านี่กำลังจะทำอะไรนะ’ พราวดารารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมานิดๆ“มีอะไรหรือเปล่า?” อังเดรถามต่ออย่างสงสัย“กำหนดแต่งงานเดิม มันช้าไปครับ เอ่อ... ผมกลัวว่า...”“นี่คุณจะพูดอะไรซาเก้” เธอเอ่ยตัดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ“พราว! คุณอยากใส่ชุดเจ้าสาวแต่งงานหรืออยากใส่ชุดคนท้องแต่งงาน?” เขายิงคำถามใส่เธอ แต่กลับทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างช็อกไปตามๆ กันพราวดาราหน้าชาวาบทันใด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบิดพลิ้วคำพูด โดยการลากเธอมาตบกลางสี่แยกไฟแดง ด้วยคำว่าชุดคนท้อง!“ละ... แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะซาเก้” หม่อมหลวงอภิชาตเอ่ยทำลายความเงียบ ขณะหัวใจยังสั่นไม่หายกับคำบอกเมื่อครู่“อีกสองอาทิตย์ครับคุณพ่อ” โดมินิกหันไปบอกว่าที่พ่อตายิ้มๆ“เร็วขนาดนี้ เอ่อ... พ่อว่าเราจัดงานไม่ทันแน่ๆ” หม่อมหลวงอภิชาตให้ความเห็น พลางหันไปมองบุตรสาวที่น้ำตาคลอ ป
แปะๆๆๆๆ พนักงานยี่สิบกว่าคนที่ออกมารอต้อนรับปรบมือและส่งเสียงเฮ! ดังไปทั่วอย่างดีใจเลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองว่าที่เจ้าสาว ก็เห็นสาวเจ้าอายจนหน้าแดงก่ำ จึงเอ่ยขอตัวกับทุกคนแล้วรีบพาเธอขึ้นห้องพักเชียงใหม่...เมื่อคืนหลังจากงานเลี้ยงการหมั้นหมายของโดมินิกกับพราวดารา ที่มีแต่กลุ่มเครือญาติทั้งสองฝ่ายที่โรงแรมเอื้องลานนา ไอรดาโกรธจนหน้าแดงก่ำ ที่อยู่ๆ บุตรชายของเธอก็แอบพาว่าที่ลูกสะใภ้หนีออกจากงานไปแบบไม่บอกไม่กล่าวใคร ทำเอาหม่อมหลวงอภิชาตกับคุณหญิงเพียงดาวเดินตามหาบุตรสาวไปทั่วงาน จนกระทั่งมาทราบจากดีนภายหลังว่าทั้งสองขับรถออกจากงานไปได้สักพัก ไอรดากับอังเดรถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าบุตรชายของตัวเองจะกล้าทำอะไรบ้าๆ แบบไม่เกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ไอรดาจึงโทร. ไปขู่ว่าถ้าไม่พาพราวดารากลับมาที่ไร่สิรันยากรณ์ก่อนห้าโมงเย็น ตนจะสั่งยกเลิกงานแต่งทั้งหมดโดมินิกจึงจำใจพาสาวเจ้ากลับ จากนั้นก็ตีเนียนไปพูดเรื่องชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ตนโทร. ให้เจ้าของห้องเสื้อดัง ขนมาประเคนให้เลือกถึงที่ ร่วมร้อยกว่าชุดเช้าวันต่อมา...เล
“ไอวี่จะยอมจบง่ายๆ เหรอ” โดมินิกถามต่ออย่างเป็นห่วง“ก็แล้วนายจะให้ทำยังไงล่ะ? ฉันไม่ได้รักเธอนี่” เลโอนาดท์ตอบพลางยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์“แล้วนายจะแต่งงานที่ไหน”“คงแต่งที่ไทยให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยพามะลิไปอังกฤษด้วย”“นายจะแต่งเมื่อไหร่” โดมินิกถามต่อ“อีกสองอาทิตย์” เลโอนาดท์บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น“อะไรนะ!” โดมินิกถึงกับอึ้งไปสามวินาทีที่ได้ยินคำตอบ“อีกสองอาทิตย์ แด๊ดกับมัมฉันเตรียมการเอาไว้แล้ว”“ทะ... ทำไมถึงเร็วกว่างานแต่งของฉันอีกวะ” คนที่ถูกตัดหน้างานแต่งถามอย่างไม่เข้าใจ“อ้าว! ก็แล้วทำไมนายไม่เร่งให้เร็วขึ้นล่ะ?” เลโอนาดท์ถามกลับด้วยสีหน้าขบขัน“จริงด้วย! งั้นฉันไปเร่งแด๊ดกับมัมบ้างดีกว่า” โดมินิกบอกราวกับคนค้นพบทางสว่างของชีวิต“ฮ่าๆๆ ขอให้สำเร็จนะ” เลโอนาดท์หัวเราะร่าอย่างชอบใจ“เออ!” โดมินิกเดินกลับเข้าไปในงานด้วยสีหน้าตึงเครียดหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนรักจะวิวาห์สายฟ้าแลบก่อนตนเลโอนาดท์หันไปจ้องมองร่างบางที่มารดาของตนพาไปแนะนำแขกผู้ใหญ่ในงานด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนจะเริ่มนึกถึ