“มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ” มะลิฉัตรถามพลางมองดูรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ยังคงดูสง่างามและภูมิฐาน แม้ว่าอายุน่าจะล่วงเลยเข้าวัยห้าหรือหกสิบไปแล้ว ‘นี่คงเป็นรูปเจ้าของโรงแรมสินะ!’
“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ จากคุณสิรัน และก็เปิดดูกล้องมาแล้ว ผมไม่อยากให้พนักงานมีปัญหากันในที่ทำงาน เพราะมันจะทำให้งานพังและเดือดร้อนเพื่อนร่วมงานที่ออกเวรไปแล้ว ต้องกลับเข้ามาทำงานต่อแทนพวกคุณ ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ผมจะให้คุณทั้งสองคนมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ที่หน้าห้องแทน พวกคุณโอเคไหม?”
ผู้จัดการหนุ่มยื่นข้อเสนอ ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังลุ้นผลว่าการที่จันจิราออกโรงปกป้องหลานสาว และฉีกหน้าสิรันที่ห้องทำงาน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวขอยื่นใบลาออกนั้น เขาจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง
“เอ่อ... แต่คุณจิราไล่พวกเราออกแล้วนะคะ” พิมาลาท้วงด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ผมเป็นผู้จัดการ คำสั่งของผมถือเป็นที่สุด โอเค้!” ธีรติยกยิ้มนิดเมื่อจ้องมองสาวแกร่ง ที่คอยปกป้องเพื่อนในเทปบันทึกภาพที่สิรันส่งมาให้อย่างขำๆ ‘ท่าทางตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันลิบเลยนะพิมาลา!’
“อะ... โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังให้เราสองคนทำงานต่อ” พิมาลายิ้มกว้างอย่างดีใจ
“เอ่อ... มะลิขอไปทำหน้าที่เมดได้ไหมคะ พอดีคุยกับคุณธาริณีมาเมื่อครู่ เห็นว่ากำลังขาดคนอยู่ค่ะ” มะลิฉัตรเอ่ยขอ
“มะลิ!” พิมาลาหันมามองเพื่อนสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะขอไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดแทนการเป็นผู้ช่วยเลขาฯ
“เราอยากทำน่ะพิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณแน่ใจนะ” ธีรติถามย้ำพร้อมกับจ้องสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู ‘อะไรกัน ให้ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม กลับอยากจะเป็นเมดของโรงแรม’
“ค่ะ” มะลิฉัตรพยักหน้ารับยิ้มๆ
“งั้นก็... ตามนั้นครับ!” ธีรติยิ้มกับท่าทางจริงจังของพนักงานสาว
“เอ่อ... แล้วเราต้องย้ายออกจากหอพักไหมคะ” พิมาลารีบถาม
“ไม่ต้องครับ คุณทั้งสองพักต่อเหมือนเดิม” ธีรติหันมายิ้ม ให้หญิงสาวที่ดูสวยหวาน แต่นิสัยกลับห้าวเกินกุลสตรี
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกันอย่างดีใจ
“ผมว่าคุณควรจะขอบคุณคุณสิรันมากกว่านะ เพราะเขาทนดู คุณสองคนโดนไล่ออกไม่ได้ เลยยื่นใบลาออกมาให้ผม ยังไงก็ช่วยเอากลับไปคืน แล้วบอกว่าพวกคุณได้ทำงานต่อด้วยนะครับ”
“ค่ะ” สองสาวน้ำตาคลออย่างซาบซึ้ง เมื่อนึกไปถึงสีหน้าของสิรันตอนที่พวกเธอเดินออกจากห้อง
“คุณทั้งสองคนเริ่มงานได้พรุ่งนี้ใช่ไหมครับ” ผู้จัดการหนุ่มถาม
“ค่ะ/ค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกับยกมือไหว้ผู้จัดการหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะพากันเอาใบลาออกไปส่งคืนให้กับหัวหน้าแผนกที่เอ็นดูพวกเธอตั้งแต่ตอนที่มาฝึกงาน กระทั่งได้เข้าทำงานต่อหลังจากที่เรียนจบ จนถึงวันนี้ความรู้สึกที่ศรัทธาในตัวของสิรันยังคงอยู่เสมอ
แผนกต้อนรับ... สิรันที่กำลังเก็บของใช้และเอกสารบางอย่าง ลงกล่องเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องที่เป็นกระจกใส ก็เห็นสองสาวยืนน้ำตาคลอหน่วยอยู่ พลันก็ทำให้รู้สึกจุกที่หน้าอกขึ้นมาอีกครั้ง
“ลืมอะไรเหรอ?” สิรันถามพลางฝืนส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“หัวหน้า... ฮือๆๆ” มะลิฉัตรกับพิมาลาโผเข้ากอดหัวหน้าของ พวกเธอ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
“อะไรกัน พวกเธอร้องไห้ทำไมกันเนี่ย” สิรันถามขณะที่น้ำตาของตัวเองก็ไหลอาบแก้มไม่แพ้สองสาว
“ผะ... ผู้จัดการฝากใบนี้มาคืนค่ะ” มะลิฉัตรบอกพลางส่งกระดาษแผ่นสีขาวให้
‘บ้าจริง! เด็กสองคนนี้รู้เรื่องลาออกงั้นเหรอ’ สิรันถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“หนูได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ค่ะหัวหน้า” พิมาลารีบบอก
“จริงเหรอ!” สิรันยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วหันมายิ้มให้อย่างดีใจแทน
“จริงค่ะ” พิมาลาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“แล้วมะลิล่ะ? ได้ทำเหมือนกันใช่ไหม?”
“ค่ะ แต่หนูขอย้ายไปเป็นเมดทำความสะอาดห้องพักค่ะ” มะลิฉัตรบอกก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้นมะลิ?” สิรันถามต่ออย่างสงสัย
“พอดีได้คุยกับคุณธาริณีตอนที่นั่งอยู่ฝ่ายบุคคล เลยสนใจอยากจะลองทำดูค่ะ” มะลิฉัตรบอกให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“คุณณีใจดีจ้ะ ฉันขอให้เธอสองคนตั้งใจทำงานให้เต็มที่นะ”
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า ขอบคุณทุกๆ อย่าง ขอบคุณที่ช่วยพวกหนูค่ะ ฮึก!” มะลิฉัตรบอกพลางน้ำตาไหลทะลักขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ช่วยหรือเข้าข้างใคร แต่ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันควรทำเท่านั้น เอาละ! ไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปเตรียมตัวสำหรับงานใหม่พรุ่งนี้เถอะ” สิรันบอกพลางหันไปหยิบกระดาษทิชชูส่งให้สองสาว
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรกับพิมาลาเอ่ยก่อนจะรับมาซับน้ำตา ที่ยังคงไหลอยู่
“อ้อ! แล้วเดือนนี้จะกลับบ้านที่ชลบุรีไหม?” สิรันรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กลับค่ะ” สองสาวพยักหน้ายิ้มๆ
“ก่อนกลับแวะมาเอาของฝากหน่อยนะ พอดีญาติๆ ของฉันเขาจะฝากขนมกับของใช้ไปให้เด็กๆ น่ะจ้ะ”
“ค่ะหัวหน้า” พิมาลาบอกเสียงสั่น
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือขึ้นไหว้หัวหน้า ที่แม้บางครั้งในเรื่องงานสิรันจะเนี้ยบทุกๆ อย่างตามขั้นตอน แต่อีกฝ่ายไม่เคยพูดจาค่อนขอด หรือบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเลยสักครั้ง
“พวกเธอสองคนเป็นเด็กดี ฉันภาวนาให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับพวกเธอ” สิรันบอกพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำที่ไหลรินจากหางตาทิ้ง
“ขอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับหัวหน้าและครอบครัวเช่นกันค่ะ” พิมาลาบอกก่อนจะเข้าไปกอด
“หนูรักหัวหน้านะคะ” มะลิฉัตรโผเข้ากอดตามเพื่อน
สิรันยิ้มให้เด็กสาวทั้งสองและพูดคุยต่ออีกครู่ ก็ขอตัวออกไปดูแลความเรียบร้อยของงานที่ล็อบบี
สองเดือนต่อมา... หอพักของพนักงานหญิง
ติ๊ดๆๆ
เสียงมือถือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างบางอ้อนแอ้นในชุดเมดของโรงแรมโรคาซานเดอร์ แกรนด์ ที่กำลังเดินลงบันใดของหอพักหญิงต้องหยุดชะงัก! แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู
ทันทีที่เห็นสายเรียกเข้าของหัวหน้าแผนก เธอจึงรีบกดรับพลางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมืออย่างสงสัย เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
“มะลิ! อยู่ไหน?” ธาริณีเอ่ยถามด้วยเสียงลนๆ
“กำลังออกจากหอพักค่ะ” มะลิฉัตรตอบ
“เธอรีบขึ้นไปทำความสะอาดที่ห้องบนสุดของโรงแรมด่วนเลยนะ!” ปลายสายบอก
“ห้องบนสุดเหรอคะ?” หญิงสาวถามย้ำอย่างไม่มั่นใจ เพราะชั้นบนสุดคือชั้นต้องห้ามสำหรับพนักงานทุกคน เว้นแต่ธาริณีกับธีรติเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปได้
“ใช่! ทำความสะอาดห้องนอนทางปีกขวาก่อนเลยนะ ฉันกำลังจะไปถึงที่ทำงานในสามสิบนาที!”
“เอ่อ... แต่ว่า...”
“รีบไปทำตามที่บอก! อ้อ! แล้วรหัสที่หน้าห้องคือ XXXX นะ!” ธาริณีบอกก่อนจะกดวางสาย
มะลิฉัตรยืนนิ่งอยู่สามวินาที! ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า แล้วก้าวเท้าออกวิ่งไปยังโรงแรมที่อยู่ถัดไปอีกหนึ่งช่วงตึก ด้วยสีหน้าตื่นๆ
‘ใครจะมากันนะ?’ คนที่ไม่เคยเจอเจ้าของโรงแรมมาก่อน แอบนึกไปถึงชายวัยหกสิบกับหญิงวัยห้าสิบกว่าที่อยู่ในรูปบนผนังห้องของผู้จัดการขึ้นมาทันใด
โรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งโรงแรมหรูในหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงสายการบินโรคาซานเดอร์แอร์ไลน์ และอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย ที่ดูแลบริหารงานโดยหัวเรือใหญ่อย่าง เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ ชายหนุ่มที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตหล่อรวยแห่งปี
ไม่เขาว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่ทว่าเขากลับไม่เคยให้สาวคนไหนได้อยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง!
ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย หันออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ เพื่อมองดูแสงแรกของวันใหม่ตรงเส้นตัดของขอบฟ้าแสงสีส้มอ่อนและเข้มสลับกัน ท่ามกลางหมู่เมฆบนท้องฟ้ากว้าง
จากความมืดมิดที่เยือกเย็นแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น และค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็อ่อนแสงลงแล้วกลับกลายเป็นความอ่อนโยน ก่อนจะเข้าสู่ความมืดมิดของค่ำคืนที่เยือกเย็นและเงียบสงบ ทุกอย่างวนเวียนซ้ำๆ ไปมาเหมือนเช่นเคย
“บอสครับ! เครื่องกำลังจะลงจอดในอีกยี่สิบนาทีครับ!” เจซีมือขวาคนสนิทที่เพิ่งเดินออกจากห้องนักบิน รีบตรงมารายงานผู้เป็นนาย
เลโอนาดท์พยักหน้ารับก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา จากนั้นก็หันไปดึงเข็มขัดที่ด้านข้างขึ้นมารัด ในขณะที่นักบินกำลังลดระดับการบินลงสู่รันเวย์
“โอเค! นายไปพักเถอะ” คนที่อดหลับอดนอนมาทั้งคืนบอกเสียงเรียบๆ“บอสก็พักบ้างนะครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะต้องเจอคุณมะลิ” เจซีบอกอย่างรู้สึกเป็นห่วง“อืม!” เลโอนาดท์ตอบก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเวลา 09:40 น. อรินขับรถกระบะพามะลิฉัตรออกเดินทางขึ้นดอยด้วยกันแต่เช้า ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงบ้านบนดอยที่มะลิฉัตรเคยมาพักเมื่อปีก่อนกับพิมาลา“ว้าว! ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” มะลิฉัตรมองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มกว้างที่เห็นมารดาของเพื่อนเดินออกมาต้อนรับ“ห้องเดิมที่เธอพักก็ยังว่างจ้า” อรินหันมาบอกยิ้มๆ“มากันแล้วเหรอสาวๆ” วลีเอ่ยทักทาย สีหน้าตื่นเต้นระคนดีใจ“สวัสดีค่ะคุณแม่ สบายดีไหมคะ” มะลิฉัตรลงจากรถพร้อมกับ ยกมือไหว้ผู้ใหญ่“สบายดีจ้ะมะลิ แล้วหนูพิไม่ด้วยเหรอ?” วลีถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่สวยขึ้นกว่าครั้งก่อนที่เจอ“พิติดงานค่ะเลยอดมาเที่ยว แล้วคุณพ่อล่ะคะ อยู่ไหม?” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง“พ่อเขาไปประชุมที่กรุงเทพฯ อีกสองวันถึงจะกลับจ้ะ” วลีบอก“ว้า! อดเจอคุณพ่อเลย” มะลิฉัตรบอกอย่างเสียดาย“แม่ทำอะไรกินเหรอ?” อรินถามเพราะรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ“เข้าไปดูเองดีกว่า
“เห็นแต่ข้างหลังเนี่ยนะ?” เจซีว่าก่อนจะก้มลงมองมือถือต่ออย่างไม่สนใจ“สวยมากจริงๆ นะพี่ เสียดายที่บอสไม่มาด้วย แหม! อยากให้ได้เห็นจริงๆ”“มึงก็ถ่ายรูปพวกเธอส่งไปให้บอสสิวะ!” เจซีบอกอย่างเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดๆ“เป็นความคิดที่ดีมากๆ เลยพี่” จอห์นบอกก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าขึ้นมาเตรียมเก็บภาพของสองสาว“ฮ่าๆๆ เอาที่มึงสบายใจนะ กูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เจซีส่ายหน้าอย่างเพลียๆ กับท่าทางซื่อแกมโง่ของลูกน้อง ‘หึ! ลองส่งไปดูสิ!เดี๋ยวมึงจะรู้สึก’“เดินดีๆ นะพี่” จอห์นตะโกนตาม ก่อนจะหันมาสนใจสองสาวที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เพื่อดักรอถ่ายรูปส่งให้ผู้เป็นนายดูสิบนาทีต่อมา... ขณะที่เจซีเดินออกจากห้องน้ำมาได้เพียงสองก้าว มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็สั่นขึ้น เขาจึงล้วงมันออกมาดู ก็เห็นสายของผู้เป็นนายโทร. เข้า จึงรีบเดินแกมวิ่งออกไปที่ด้านนอกร้าน เพื่อกดรับสาย“แกอยู่ไหน?” เลโอนาดท์ถามด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ“อยู่ที่หน้าร้านครับ!” เจซีบอก“ผู้หญิงที่ไอ้จอห์นมันถ่ายรูปส่งมาคือมะลิ! แกเฝ้าเธอให้ดีๆ จนกว่าฉันจะไปถึง!” เลโอนาดท์บอ
Bangkok 14:30 น. Rocasander Grand Hotel...หลังจากที่ลงเครื่องเสร็จโดมินิกก็พาพราวดาราตรงไปยังโรงแรมของเพื่อนรัก เพื่อเอาของสำคัญที่เก็บไว้ในเซฟห้องนอนตนเลโอนาดท์ที่เพิ่งกลับจากชลบุรีมาถึงโรงแรมทันได้เห็นหลังของเพื่อนรักไวๆ จึงรีบวิ่งตาม“ซาเก้! ซาเก้!”โดมินิกที่กำลังรอลิฟต์หันไปมองตามเสียง “อ้าว! ลีโอ”“นายมาเมื่อไหร่?” เลโอนาดท์ถาม“เพิ่งมาถึง! จะพาพราวมาเปิดตัวคืนนี้ พรุ่งนี้จะพาไปลองชุดไทย ที่ห้องเสื้อ” โดมินิกบอกพร้อมกับดึงสาวเจ้าเข้ามาแนบกาย“สวัสดีครับคุณพราว” เลโอนาดท์เอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มๆ“สะ... สวัสดีค่ะ” พราวดารายกมือขึ้นไหว้อีกฝ่าย ทำหน้าไม่ถูกเมื่อนึกไปถึงวันแรกที่เจอกับเขาที่โรงแรมเอื้องลานนา“ยินดีด้วยนะครับ” เลโอนาดท์บอก“เอ่อ... ค่ะ” พราวดาราเอ่ยรับไม่เต็มเสียง“ฉันว่าจะไปตามหามะลิที่เชียงใหม่น่ะ” เลโอนาดท์หันไปบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่เริ่มตึงนิดๆ“ผู้หญิงคนนั้น?” โดมินิกถามพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด“ใช่! เธอหนีไปหลังจากที่เห็นข่าววันนั้น” เลโอนาดท์ตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
“เอ่อ... เรื่องนี้ดิฉันไม่ทราบค่ะ ยังรอมะลิติดต่อกลับมาบอกเช่นกัน” จันทร์ฉายบอกพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ“ทำไมถึงเกิดเรื่องบ้าๆ แบบขึ้นได้ฮะ” เมลิซ่าหันไปเล่นงานบุตรชาย“ผมทะเลาะกับมะลิก็เลยลงไปนั่งดื่มที่คลับชั้นล่างของโรงแรม แล้วอยู่ๆ นางแบบนั่นก็เข้ามานั่งด้วย” เลโอนาดท์ถอนหายใจอย่างเพลียๆ เมื่อถูกซักไซ้ถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอีกครั้ง“แล้ว...” เมลิซ่าเลิกคิ้วถามอย่างต้องการรายละเอียด“แล้วผมก็ลุกเดินหนีขึ้นไปที่ชั้นบนไงครับ” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ หลังจากถูกมารดาถามเหมือนกับคนที่ไม่ได้มาด้วยกัน“ตอนนั้นหนูมะลิอยู่ที่ไหน?” เอเดนถามอย่างสงสัย“ที่ห้องนอนของผมครับ”“แล้วเธอหายไปได้ยังไงโดยที่ลูกไม่รู้” เมลิซ่ายิงคำถามต่อ“โธ่! นี่มัมไม่เชื่อใจผมใช่ไหม ถึงถามเหมือนจับผิดผมแบบนี้น่ะ” เลโอนาดท์ตัดพ้อด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ“แม่ไม่ได้จับผิด แต่อยากจะรู้ทุกๆ อย่าง คุณจันทร์เองก็คงอยากจะรู้ใช่ไหมคะ?” เมลิซ่าบอกพลางหันไปขอความเห็นจากอีกฝ่าย“เอ่อ... ค่ะ” จันทร์ฉายตอบไม่เต็มเสียง“งั้นฟังนี่แล้วช่วยตัดสินผมใหม่ด้วยนะ
วันต่อมา เวลา 10:27 น. Rocasander Grand Hotelที่ห้องรับรองของโรงแรมหนาแน่นไปด้วยนักข่าวจากหลากหลายสำนัก ที่มารอทำข่าวของหัวเรือใหญ่ โรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น คนปัจจุบัน ที่เป็นข่าวฮ็อตหน้าหนึ่งเมื่อหลายวันก่อน“ได้ข่าวว่าครอบครัวของคุณเลโอนาดท์ กับครอบครัวของคุณโดมินิกเดินทางมาถึงไทยเมื่อวานใช่ไหมครับ” นักข่าวเปิดคำถามแรกอย่างไม่รอช้า“ครับ! พวกท่านเดินทางมาสู่ขอเจ้าสาวให้กับโดมินิก” เลโอนาดท์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“คุณโดมินิกกับคุณพราวดารามีกำหนดจะหมั้นหมายกัน ในอีกห้าวันข้างหน้าใช่ไหมครับ?”“ครับ! ที่เชียงใหม่ โรงแรมเอื้องลานนา”“แล้วคุณเลโอนาดท์ล่ะครับ ใกล้จะมีข่าวดีหรือยัง?”“ก็น่าจะไล่ๆ กันครับ” เลโอนาดท์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ“พอจะเปิดเผยได้ไหมครับว่าสาวผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร ใช่นางเอกดังหรือเปล่าครับ?”“ไม่ใช่ครับ!”“แต่จากรูปที่เห็นวันก่อนในไนต์คลับ ทำให้ใครๆ ต่างคิดว่าคุณเลโอนาดท์กับคุณเชอร์รี่กำลังคบกันอยู่นะครับ”“เธอเข้ามานั่งคุยกับผมครับ มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาทีก่อนที่ผมจะลุกออกไป”
ชั้นบนสุด... โรงแรมโรคาซานเดอร์ แกรนด์“บอสครับ! บอส!” เจซีเอ่ยเรียกคนที่นั่งเหม่อให้รู้สึกตัว“มีอะไร?” เลโอนาดท์หันมามองคนสนิทแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองทางเดิม“ผมสั่งอาหารเอาไว้! บอสลุกมาทานก่อนเถอะครับ”“ฉันยังไม่หิว!”“แต่บอสต้องทานอะไรบ้างนะครับ”“ฉันบอกว่าไม่...” เลโอนาดท์กำลังจะหันไปต่อว่า แต่ก็ตกใจที่เห็นบิดากับมารดาเดินเข้ามาด้านหลังของคนสนิท “แด๊ด! มัม”“เกิดอะไรขึ้น? เธอคนนี้ใช่ไหมที่ทำให้ลูกเปลี่ยนไป”เมลิซ่าถามพร้อมกับส่งหนังสือพิมพ์ให้บุตรชาย ที่มีสภาพเหมือนสิงโตที่ตายซากมานับเดือน“ไม่ใช่ครับ” เลโอนาดท์รับหนังสือพิมพ์มาดูก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิด“งั้นคนไหน?” เมลิซ่าถามอย่างสงสัย“เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ”“หมายความว่า...” เอเดนถามพลางจ้องมองบุตรชายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าอีกฝ่ายจะโทรมไปได้ถนัดตา ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน“เธอหนีไปหลังจากที่เห็นข่าวนั่นครับ” เลโอนาดท์บอก“ก็สมควรนะ” เมลิซ่าบอกลูกชายตัวดี ด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน“โธ่! มัมครับ!”