LOGINเธอก็แค่ผู้หญิงที่ต้อยต่ำ! มิอาจเทียบกับความสูงศักดิ์ ในชาติตระกูลและความร่ำรวยของเขาได้แม้แต่นิด แต่ไยถึงได้ปฏิเสธที่จะเป็นของเขา ยิ่งเธอดิ้นหนีและหวาดกลัว มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะขย้ำและกลืนกิน กลิ่นสาปของเด็กสาวที่บริสุทธิ์ มันช่างหอมหวานและเย้าใจ จนทำให้เขาแทบคลั่ง แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยเธอไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง!
View More(ลีโอ) เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์
หนุ่มหล่อเลือดผสมอิตาลี ตุรกี รัสเซีย และไทย เขาเป็นชายหนุ่มที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานใหญ่ ผู้กุมบังเหียนของโรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน ด้วยวัยเพียง 36 ปี สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นบิดา ‘เอเดน’ ที่วางมือแล้วไปใช้ชีวิตอยู่อิตาลีกับภรรยา ‘เมลิซ่า’ (มารดาของเลโอนาดท์)
เขาถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตที่หล่อรวยแห่งปี ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่เลโอนาดท์ก็ไม่เคยให้สาวคนไหนอยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง! เพราะสำหรับเขาแล้ว พวกเธอไม่มีค่าพอที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อมองแสงอาทิตย์ของวันใหม่ พร้อมกันกับเขา!
เธอก็แค่ผู้หญิงที่ต้อยต่ำ! มิอาจเทียบกับความสูงศักดิ์ ในชาติตระกูล และความร่ำรวยของเขาได้แม้แต่นิด แต่ไยถึงได้ปฏิเสธที่จะเป็นของเขา ยิ่งเธอดิ้นหนีและหวาดกลัว มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะขย้ำและกลืนกิน กลิ่นสาปของเด็กสาว...ที่บริสุทธิ์ มันช่างหอมหวานและเย้ายวนใจ จนทำให้เขาแทบคลั่ง แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยเธอไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง!!
(มะลิ) มะลิฉัตร เดือนแรม
สาวน้อยอายุ 21 ปี ที่มีดวงตากลมโตสีฟ้าอมเขียว รายล้อมไปด้วยขนตาที่ดกดำและยาวงอนเป็นแพ ริมฝีปากบางสีแดงอมส้มที่อวบอิ่ม รับกับจมูกโด่งสวยได้รูป ผมที่ดำเงายาวสยายรายล้อมดวงหน้าจิ้มลิ้ม ทำให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวน สวยสะดุดตาใครต่อใครที่พบเห็นไปทั่ว
มะลิฉัตรเป็นเด็กกำพร้า ที่เติบโตมาจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านเดือนแรม เธอไม่เคยรู้ว่าบิดาและมารดาเป็นใคร เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็มีเพียงคุณจันทร์ฉายหรือที่เธอเรียกว่า ‘แม่’ คอยดูแลเธอมาตลอด!
ทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมา เธอมีความสุขกับงานที่ทำ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เมดทำความสะอาดห้องพักในโรงแรม แต่มันก็เป็นงานที่ทำให้เธอมีเงินเดือนสูงถึงสามหมื่นบาทต่อเดือน ทุกๆ อย่างมันลงตัวดีกับชีวิตของคนคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำงานหลังจากที่เรียนจบ
แต่แล้วอยู่ๆ ความสุขของเธอก็หายไป! หลังจากที่ได้รับสายของหัวแผนก ที่โทร. มาในเช้าของวันนั้น! วันที่จะทำให้ชีวิตของเมดสาวอย่างเธอ ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล!
1
Rocasander Grand Hotel... (ประเทศไทย)
ร่างสูงภูมิฐานในชุดเครื่องแบบสีกากี เดินผ่านประตูทางเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับมะลิ” คเชนทร์ นายตำรวจหนุ่มหล่อเพิ่งเดินทางกลับจากไปเที่ยวอิตาลีกับครอบครัว ทันทีที่ลงจากเครื่องชั่วโมงก่อน เขาก็รีบ ขับรถตรงมาหาสาวเจ้าที่โรงแรมพร้อมกับของฝาก
“สะ... สวัสดีค่ะผู้กำกับฯ” มะลิฉัตรหันมามองอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ ที่เห็นนายตำรวจหนุ่มหิ้วถุงกระดาษใบใหญ่สองสามใบเดินตรงเข้ามาหา
“ผมเอาของฝากมาให้ครับ” คเชนทร์บอกพร้อมยกถุงกระดาษวางบนเคาน์เตอร์ให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับอย่างรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาหลายคู่ของพนักงานและลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม กำลังหันมามองเธออย่างสนใจ
“ไม่มีของกุ๊กไก่บ้างเหรอคะผู้กำกับฯ” คนที่เพิ่งมาถึงฉีกยิ้มหวานให้ผู้กำกับการหนุ่มหล่อที่มักจะมานั่งจิบกาแฟที่ล็อบบีเป็นประจำ
“เอ่อ! ครั้งหน้าแล้วกันนะครับ” คเชนทร์บอกหญิงสาวจบ ก็หันกลับไปจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของมะลิฉัตรต่ออย่างคิดถึง
“แหม... แบ่งที่มะลิให้ก็ได้นี่คะผู้กำกับฯ” สายไหมบอกพลางมองในถุงใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอิจฉา
“คือขนมพวกนี้ผมตั้งใจซื้อฝากมะลิไปให้เด็กๆ น่ะครับ” คเชนทร์หันไปยิ้มให้สองสาวที่มาใหม่
“แต่เมื่อกี้ไหมเห็นกล่องคล้ายๆ กับน้ำหอมยี่ห้อดังนะคะ” สายไหมบอกพลางจ้องถุงกระดาษใบเล็กอย่างสนใจ
“ใช่ครับ! น้ำหอมของ Dior ขวดนั้นคุณแม่ของผมท่านฝากมาให้มะลิน่ะครับ” คเชนทร์ตอบพร้อมกับส่งสายตาสื่อความหมายไปให้คนที่เอาแต่เงียบ
“ว้าว!” กุ๊กไก่ทำตาลุกวาว ก่อนจะแสร้งถามต่อ เมื่อเห็นอีกกล่อง ที่อยู่ด้านในถุงใบเดียวกัน “แล้วกล่องนั้นอะไรคะ?”
“ก็น้ำหอมอีกนั่นแหละครับ ของคุณพิ” ชายหนุ่มบอกพลางมองท่าทางของสองสาวอย่างสังเกตอาการที่แปลกไป
“โห... มะลิกับพินี่โชคดีจริงๆ นะคะ” กุ๊กไก่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนขอดอย่างอดไม่ได้ ‘เดี๋ยวเถอะมึง เจอดีแน่อีมะลิ!’
“มะลิ! ไปทานข้าวกัน” พิมาลาที่ไปเข้าห้องน้ำมา เอ่ยชวน
“สวัสดีครับคุณพิ” คเชนทร์หันไปเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อ้าว! ผู้กำกับฯ คเชนทร์ สวัสดีค่ะ” พิมาลามองผู้กำกับการหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะมองเลยไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์อย่างพอจะเดาสถานการณ์ออก ‘อีบ้าสองตัวนี่หาเรื่องมะลิหรือเปล่านะ!’
“มาได้จังหวะพอดีครับ ผมว่าจะชวนมะลิกับคุณพิไปทาน ข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะครับ” คเชนทร์บอกยิ้มๆ เพราะเริ่มจะรำคาญสองสาวที่ตั้งคำถามไม่หยุดขึ้นมานิดๆ
“โอ้โฮ! ผู้กำกับฯ ชวนทั้งทีไม่ปฏิเสธเด็ดขาดค่ะ ปะ มะลิ! ไปเร็วฉันหิวจนตาลายไปหมดแล้ว” พิมาลาเอ่ยพลางหันไปยักคิ้วให้กุ๊กไก่กับสายไหมอย่างผู้ชนะ
“พิ! ช่วยเราถือของหน่อยสิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับ” ผู้กำกับการหนุ่มรีบอาสา
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรส่งถุงใบใหญ่ให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินออกมาที่นอกเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ยินดีครับ” คเชนทร์รับถุงใบเดิมมาถือ แล้วชวนสาวเจ้าให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“ไปก่อนนะ” พิมาลาหันไปบอกสองสาว ก่อนจะออกเดินตามเพื่อนรักกับนายตำรวจหนุ่มออกไปด้วยสีหน้ากวนๆ
“ผู้กำกับฯ หลงอีมะลิน่าดูเลยนะว่าไหม?” สายไหมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองสาวเดินไปขึ้นรถ BMW รุ่นใหม่ของคเชนทร์ที่จอดอยู่ด้านหน้า!
“หึ! เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันรู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น”
กุ๊กไก่บอกอย่างเจ็บแค้นใจ เมื่อคนที่เธอแอบสนใจมานาน ไปสนใจเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่ไม่มีอะไรจะสู้เธอได้แม้แต่น้อย
“ต้องแบบนี้สิกุ๊ก! อย่าไปยอมแพ้มันเด็ดขาด ใครๆ ก็รู้ว่าเธอน่ะ เป็นว่าที่คุณนายผู้กำกับฯ มาแต่ไหนแต่ไร” สายไหมรีบเสริม
“ใช่! ฉันจะไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด!” กุ๊กไก่บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ฉันอยู่ข้างเธอจ้ะกุ๊ก!” สายไหมบอกอย่างเอาใจ เพราะป้าของ อีกฝ่ายเป็นคนเก่าคนแก่ของโรงแรมแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ๆ ทำให้เป็นที่เกรงอกเกรงใจของพนักงานในทุกๆ แผนก
“ขอบใจมากไหม” กุ๊กไก่ยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ ที่เพื่อนช่วยสนับสนุนและอยู่ข้างๆ
คเชนทร์ขับรถพาสองสาวไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านดังใกล้ๆ กับโรงแรมเสร็จ ก็ขับรถไปส่งมะลิฉัตรกับพิมาลาที่หอพัก
“ขอบคุณผู้กำกับฯ มากๆ นะคะ” มะลิฉัตรเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ลงจากรถ
“น้องๆ คงจะดีใจมากค่ะ ที่จะได้กินขนมของอิตาลี อ้อ! ขอบคุณสำหรับน้ำหอมด้วยนะคะ” พิมาลายกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม
“เล็กน้อยครับ!” คเชนทร์รับไหว้สองสาว ก่อนจะขับรถกลับคอนโดมิเนียมอย่างอารมณ์ดี พลางวาดฝันไปถึงอนาคตที่จะได้ครอบครองหญิงสาวที่ตนหลงรักตั้งแต่แรกเจอ
สองวันต่อมา... 8:54 น.
หลังจากที่สองสาวกลับจากชลบุรีก็ต้องเปลี่ยนกะการทำงาน เข้า 9:00 น. เลิกงาน 18:00 น. โดยพักเบรกตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายสอง เนื่องจากสองสาวไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ จึงได้รับสิทธิ์ในการเข้าพักฟรีในหอพักของพนักงานที่อยู่ใกล้กับโรงแรม
มะลิฉัตรเดินแกมวิ่งตรงไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงานอย่างเร่งรีบ เพื่อลงเวลาเข้างานเหมือนที่บางแห่งใช้การตอกบัตรเป็นเครื่องยืนยัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีแล้ว
“ไงมะลิ!” กุ๊กไก่ที่เพิ่งจะออกกะ ทักทายศัตรูหัวใจด้วยสีหน้าตึงๆ
“มีอะไรเหรอกุ๊ก!” คนที่กำลังวางนิ้วลงบนเครื่องสแกนหันมาถามกุ๊กไก่กับสายไหม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร
“เธอรู้ว่าฉันชอบผู้กำกับฯ คเชนทร์ใช่ไหม” กุ๊กไก่เข้าประเด็น
“แล้ว...” มะลิฉัตรเลิกคิ้วถามพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกครั้ง เพราะพิมาลาที่แวะซื้อกาแฟยังไม่โผล่มาสแกนนิ้ว
“แหม! รู้แล้วก็ไม่ควรยุ่งกับคนที่เพื่อนแอบรักน่ะสิยะ” สายไหม ต่อว่าอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ผู้กำกับฯ เอาขนมมาฝากให้น้องๆ ของฉันก็แค่นั้น” เธอบอกก่อนจะเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์
“แล้วน้ำหอมล่ะ?” กุ๊กไก่ถามพลางมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า
“พวกเธอก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ ตอนที่เขาบอก” มะลิฉัตรรู้สึก เบื่อหน่าย ที่ถูกอีกฝ่ายถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง ที่เธอจะต้องเจอตอนเข้างาน
กุ๊กไก่รีบกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกไป ให้หันมาคุยกับตน “เขาจะบอกยังไงก็ช่าง! ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้คือแกจะเลิกยุ่งกับ ผู้กำกับฯ หรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับเขาสักหน่อย พวกเธอก็เห็น” มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ
“ตกลงจะไม่เลิกยุ่งใช่ไหม” กุ๊กไก่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเอาเรื่อง
“ลากมันเข้ามาตบข้างในนี่เลยกุ๊ก ข้างนอกมีกล้องวงจรปิด!”
สายไหมบอกเพื่อนสาว พร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะตบอีกฝ่าย
“ก็ลองดูสิ!” พิมาลาที่ถือกาแฟเดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคเมื่อครู่เข้า จึงบอกกับสายไหมแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพร้อม จะมีเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวโผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี
“ถ้าเธอสองคนทำอะไรมะลิละก็ จบไม่สวยแน่” พิมาลาบอกพร้อมกับชี้หน้าของสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“พิ! อย่า” มะลิฉัตรสะบัดแขนที่ถูกกุ๊กไก่จับออก แล้วรีบเดินเข้าไปจับแขนเพื่อนสาวจอมบู๊เอาไว้มั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะเบรกอารมณ์ไม่อยู่
“กลัวอะไรมะลิ” พิมาลาหันมาต่อว่าเพื่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“ไม่ได้กลัว! แต่ถ้ามีเรื่องแล้วเราจะได้ออกจากงานทั้งคู่นะพิ!” มะลิฉัตรกระซิบบอกเสียงเบา
แปดเดือนต่อมา...เลโอนาดท์จ้องมองดูลูกชายตัวน้อย ‘แพททริกสัน’ ที่เป็นส่วนผสมระหว่างตนกับภรรยา ด้วยความรู้สึกอิจฉา“ขอผมชิมมั่งได้ไหมมะลิ?” เขาเอ่ยขออย่างคนมีมารยาท พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนไปให้ภรรยาสาว ที่หุ่นกลับเข้ารูปเข้าร่างเซ็กซี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าอกขนาดใหญ่“ไม่ค่ะ!” มะลิฉัตรปฏิเสธ พร้อมกับส่งค้อนให้คนตัวโต ที่ชอบมาออดอ้อนขอกินนมแทบจะทุกครั้งที่เธอให้นมลูก“ได้โปรด...”“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอลีโอ?”“ผมไม่ได้บ้า! แต่ถ้าบ้าแล้วได้กินนมเหมือนแพททริก ผมก็พร้อม!” คนหื่นบอกด้วยสายตาแพรวพราว“บ้า!”“เร็วสิ! เปิดหน้าอกอีกข้างให้ผม” เลโอนาดท์บอกพลางจะเปิดเสื้อของภรรยาขึ้น แต่กลับถูกสาวเจ้าตีมือเข้าให้“ไม่มีทาง!”“คุณลำเอียงนะมะลิ! คุณรักแพททริกมากกว่าสามีของตัวเองใช่ไหม” คนที่อยากลิ้มลองรสชาติใจจะขาดบอกด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ“พระเจ้า! แพททริกคือลูกชายของคุณนะลีโอ” เธอเอ่ยเตือนอย่างเริ่มจะเอือมระอากับท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจของสามี“ใช่! แล้วคุณก็คือภรรยาของผม” เขาบอกพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ทางหางตา
“แต่ตอนที่แม่ท้องลูก! แม่แพ้ท้องตั้งสามเดือนแน่ะซาเก้” ไอรดา บอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้บุตรชายฟัง“โอ้พระเจ้า! ทำไมถึงได้กลั่นแกล้งผมแบบนี้” คนที่ดีใจจะได้เป็นพ่อคน แต่กลับต้องมาสวมหน้ากากบดบังใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ เพราะภรรยาดันเห็นแล้วรู้สึกอยากจะอ้วกถึงกับคร่ำครวญออกมา“ฉะ... ฉันขอโทษ” พราวดาราน้ำตาคลออย่างรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย“ไม่ใช่ความผิดคุณพราว” โดมินิกดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบอย่างรู้สึกสงสาร พร้อมกับด่าตัวเองในใจ ที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอแสร้งทำทุกอย่างขึ้น เพราะอยากแก้แค้นตนคืนเรื่องนางแบบดังครั้งก่อน“แบบนี้มันดีกว่าที่หนูพราวต้องอ้วกนะว่าไหม?” ไอรดาบอกพลางจ้องมองใบหน้าของบุตรชายหน้ากาก ทอม ครูซ อย่างขำๆ“ครับ” โดมินิกยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะเสียเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องภรรยาตามที่หมอบอก“พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ วันนี้ผมขอตัวกลับก่อน” นายแพทย์ใหญ่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง“ขอบคุณมากๆ ครับอาหมอ” โดมินิกหันไปบอก“ขอบคุณค่ะ” พราวดารายกมือไหว้อีกฝ่ายทันใด“ย
สิบนาทีต่อมา...“พราว! เป็นไงบ้างลูก” ไอรดาถามลูกสะใภ้ที่หน้าซีดอย่างเป็นห่วง“หนูเวียนหัวค่ะ” พราวดาราบอก“ซาเก้บอกว่าหนูอาเจียนด้วยใช่ไหม”“ใช่ค่ะ! พอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าของเขา หนูก็รู้สึกอยากอ้วกขึ้นมาทันทีทันใด” พราวดาราบอกเสียงอ่อนอย่างคนที่หมดแรง“พระเจ้า!” คนที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย“ซาเก้!” ไอรดากลอกตากับท่าทางของบุตรชาย ก่อนจะหันไปถามสาวเจ้าต่อ “แล้วถ้าไม่เห็นหรือไม่มองหน้าของพี่เขา หนูก็ไม่...”“หนูก็โอเคนะคะ แต่พอเห็นแล้วทุกอย่างในท้องมันก็ตีขึ้นมาที่ต้นคอทันทีเลยค่ะ” พราวดารากระซิบบอกเสียงเบา“คิกๆๆๆ” ไอรดาหัวเราะขึ้นอย่างชอบอกชอบใจ“นะ... หนูเป็นอะไรเหรอคะคุณแม่” พราวดาราถามอย่างรู้สึกงงงวยในท่าทีของแม่สามี“อีกเดี๋ยวเราจะได้รู้พร้อมๆ กันจ้ะ เพราะหมอกำลังเดินทางมา” ไอรดายิ้มให้หญิงสาวอย่างเอ็นดูคนที่รออยู่ด้านนอก เห็นสาวใช้ยกถาดน้ำส้มเดินมา จึงตรงเข้าไปแย่งแก้วน้ำส้ม จากนั้นก็ตีเนียนถือเข้าไปในห้องนอน พร้อมกับเอ่ยถามคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ “ดีขึ้นหรือยัง”พราว
“ผมทรมานนะที่ได้แต่มองคุณ แต่ทำอะไรไม่ได้” เขาบอก พร้อมกับช้อนอุ้มภรรยาสาวเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่ ด้วยสายตาสื่อความหมายพราวดาราใบหน้าร้อนผ่าว รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า“คืนนี้ผมจะรักคุณให้ถึงเช้าเลยคอยดู” โดมินิกบอกก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นอย่างโหยหาและเร่าร้อนหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช้าวันต่อมา...อ๊อก! อ๊อก! เสียงอาเจียนในห้องน้ำปลุกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นทันใด“ลีโอ!”“ผมโอเค!”“คุณเป็นอะไร?” มะลิฉัตรถามอย่างเป็นห่วง“ผมเวียนหัว คุณช่วยโทร. ไปบอกแม่ครัวให้หาอะไรเปรี้ยวๆ ขึ้นมาให้ผมทานหน่อย ได้โปรด...”“ดะ... ได้ค่ะ” มะลิฉัตรตอบรับก่อนจะเดินแกมวิ่งไปยังโทรศัพท์ ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านนอก แล้วโทร. บอกแม่บ้านด้วยน้ำเสียงตื่นๆ จากนั้นก็กลับเข้าไปหาสามีที่ยังคงอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ“คุณไหวไหม!”“ไหว!” เลโอนาดท์บอกก่อนจะดันตัวลุกขึ้น แล้วเดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทางอ่อนเพลีย มะลิฉัตรรีบเข้าไปประคองสามีเดินไปยังเตียงนอน“ขึ้นมานอนข้างๆ ผมสิ” เข