กับข้าวหลายอย่างบรรจุอยู่ในหม้ออะลูมิเนียมที่เก่าและบุบเป็นบางส่วน แต่อาหารปรุงเสร็จใหม่ๆ และส่งกลิ่นหอมบอกได้ดีว่ารสชาติของอาหารคงจะอร่อยมาก ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาที่ร้านไม่ขาดสาย มือเหี่ยวย่นตามวัยหยิบจับ ตักแกงจืด แกงเผ็ด ปลาราดพริก ข้าวเปล่าอย่างว่องไว โดยมีหลานสาวตัวน้อยคอยรับถุงบรรจุอาหารเหล่านั้นมารัดปากถุงด้วยหนังยางอย่างคล่องแคล่วไม่แพ้กัน
อาหารในถุงที่มีอยู่สามในสี่ส่วน ทำให้พอมีพื้นที่สำหรับใช้มัดปากถุง เด็กหญิงขยายปากถุงให้อากาศเข้าเล็กน้อยก่อนจะพับทบปากถุงลงมาเป็นชั้นเล็กๆ กันอากาศออก จับจีบถุงแล้วใช้หนังยางรัดอย่างว่องไว ก่อนจะเช็ดถุงส่วนที่เปื้อนอาหารด้วยผ้าขี้ริ้วที่มองออกว่าคงเป็นเสื้อคอกระเช้าตัวเก่าของยายเล็กเจ้าของร้าน
“อุ๊ย! หลานสาวพี่เล็กเก่งจัง ตัวแค่เมี่ยงช่วยยายได้แล้ว โถ...มัดปากถุงเรียบร้อยด้วยลูก พี่เล็กงั้นฉันเอานี่ นี่ และก็นี่เพิ่มด้วยจ้ะ ชอบใจหลานก็ต้องช่วยอุดหนุนยายเยอะหน่อย จริงไหมลูก”
“จ้ะ” เด็กหญิงตัวน้อยรับคำพลางยิ้มแหยเพราะเกรงสายตาผู้เป็นยายที่มองมาอย่างปรามอยู่ในที แต่ก็ยังแอบลอบมองหญิงชราท่าทางใจดีที่รู้ได้โดยอัตโนมัติว่าน่าจะเป็นคนรวยเจ้าของที่และเจ้าของตลาดที่เธอกับยายอาศัยและตั้งแผงขายข้าวแกงอยู่ทุกเช้า
“อ้าว! นี่มันวันพุธนี่ ไม่ไปโรงเรียนหรือจ๊ะ”
เด็กน้อยชำเลืองมองผู้เป็นยายอย่างต้องการคำตอบ เธอก็ไม่รู้ว่าต้องไปโรงเรียนหรือเปล่าเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับยาย เธอก็ไม่เคยได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นเลยสักครั้ง
“คงไม่ให้มันไปหรอกแม่พิศ แค่นี้ก็ไม่พอจะซื้อข้าวสารกรอกหม้อกันแล้ว ถ้าให้มันไปโรงเรียนอีกคน คงต้องกินแกลบกันแน่ ไหนจะค่าชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ไหนจะค่าหนังสือเรียน ต้องห่อข้าวไปกินอีก โอย สารพัด แล้วฉันจะมีปัญญาอะไรให้มันไป”
“อ้าว! ก็ไหนใครเขาว่ากันว่าหนูฟ้าได้สามีฝรั่งไม่ใช่เรอะ ฉันก็พานคิดว่าพี่เล็กมีตังค์เสียอีก เห็นเจ้าเมฆกับเจ้าหมอกก็ไม่ได้ทำงานทำการอะไรกัน ยังสงสัยว่าพี่เล็กคงมีเงินเลี้ยง”
หากเป็นคนอื่นเอ่ยแบบนี้แกคงจะด่าเปิง ทว่าน้ำเสียงของเจ้าของตลาดและเจ้าของที่ดินที่แกอาศัยปลูกบ้านหลังเก่ามอซอซุกหัวนอนมาตั้งแต่ผัวยังไม่ตาย ไม่ได้แฝงด้วยความเยาะเย้ยหรือสมเพชแต่อย่างไร ทว่าเป็นการถามเพราะความสงสัยจริงๆ ทั้งยังเจือด้วยความเป็นห่วงจนแกถอนหายใจออกมาอย่างจนใจในชีวิตที่เป็นอยู่อย่างแท้จริง
“เฮ้อ! พูดถึงมันแล้วก็กลุ้ม โตจนมีลูกมีเมียกันได้แล้ว แต่ฉันก็ยังต้องเลี้ยงพวกมันอยู่ ก็เพราะอย่างนี้น่ะสิถึงให้นังหล้ามันไปโรงเรียนไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนไปส่งเสียมัน อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้มันเรียนด้วยละแม่พิศ เรียนมากสุดท้ายก็คงจะเป็นแบบแม่มัน เรียนไปหาผัวไปสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น” น้ำเสียงเอือมระอาของคนพูดเจือความเศร้าที่ปลายน้ำเสียงจนคนฟังรับรู้ได้ และลูกสี่คนที่พึ่งพาอะไรไม่ได้ก็เป็นต้นเหตุของความเศร้าในน้ำเสียงนั้น
ฟ้ารุ่งลูกสาวคนโตหนีตามผู้ชายไปตั้งแต่ยังเรียนอยู่แค่ ม.4 แต่ไม่นานก็หอบลูกกับผัวมากราบขอขมาแก ลมรำเพยลูกสาวคนที่ 2 จบแค่ ม.3 ทำงานโรงงานในละแวกบ้านก็ปากร้ายเสียจนหาสามีไม่ได้ ส่วนเมฆลูกชายคนที่ 3 และหมอก ลูกชายคนสุดท้องก็ไม่เอาคุ้งเอาอ่าว วันทั้งวันเอาแต่นอนเหมือนคนติดยาหรือไม่ก็ไปขลุกอยู่ในบ่อนที่ตรอกนายชัย แต่แกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะไปบอกให้ตำรวจมาจับมาตรวจแกก็สงสารลูก เผื่อตรวจพบสารเสพติดขึ้นมาจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ไหนจะภาระที่แกเพิ่งได้รับมรดกมาจากลูกสาวคนโตเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้อีก
ดวงตาฝ้าฟางทอดมองหลานสาวเพียงคนเดียวของแก หลานที่นำแต่ความชอกช้ำมาให้แกไม่รู้จักจบสิ้น เริ่มตั้งแต่ฟ้ารุ่งหนีตามนิธิ พ่อของเด็กหญิงหล้าไป แกตามหาทุกที่ทุกทางแต่ก็ไม่เจอ ครั้งนั้นแกเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะตั้งแต่ผัวตายจากไปแกก็ต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพังตลอดมา ฟ้ารุ่งที่หน้าตาสวยงามถึงขั้นทางจังหวัดส่งคนมาทาบทามขอให้แกพาลูกไปประกวดนางงามแกก็ไม่ยอม เพราะคาดหวังกับลูกสาวคนนี้ไว้สูงมาก
ฟ้ารุ่งเรียนเก่ง อ่อนหวาน เป็นลูกที่นำมาแต่ความภาคภูมิใจมาให้แก เด็กหญิงฟ้ารุ่งในวันนั้นมีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นคุณหมอเพื่อรักษาคนไข้และดูแลแม่ให้มีสุขภาพที่ดี ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกงแต่กลับมีความคิดแบบนั้นมีหรือที่คนเป็นแม่จะไม่ปลาบปลื้มใจ แต่แล้วเมื่อฟ้ารุ่งจากไป แกก็ไม่ต่างไปจากคนหัวใจสลาย
หนึ่งปีผ่านไป ฟ้ารุ่งกลับมาพร้อมลูกและสามี แม้ลูกสาวกับลูกเขยจะมากราบขอขมาลาโทษแต่แกก็ทำใจให้ญาติดีและอุ้มชูหลานสาวคนนี้ไม่ไหว เพราะหัวใจแกชอกช้ำจนไม่เหลือช่องทางใดให้ปล่อยวางอีกแล้ว
ฟ้ารุ่งอยู่กับสามีในอีกจังหวัดหนึ่งนานทีถึงจะมาเยี่ยมแกสักครั้ง ซึ่งแกก็คิดว่าดีเพราะจะได้ไม่ต้องลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะแกก็ไม่สนิทใจกับลูกเขยนักเลงหัวไม้คนนี้เลยสักนิด แต่มันเหมือนเป็นวิบากกรรมเพราะสามีของฟ้ารุ่งติดคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลตัดสินจำคุกกว่าสิบปี
เสียงไก่ชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ส่งสัญญาณว่าเวลารุ่งอรุณมาถึงแล้ว ขณะที่เปลือกตาสวยหวานเริ่มกะพริบถี่ก่อนใบหน้าและเรือนกายจะร้อนผ่าวขึ้นเพราะเนื้อกายเปล่าเปลือยที่กอดกระชับและซ้อนทับอยู่ด้านหลัง เธอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อความร้อนแรงมอดดับไปผิวเนื้อก็สัมผัสได้ถึงความชื้นเย็นของน้ำค้าง ดวงตาสวยหวานมองหาผ้าห่มเพื่อคลุมกายแต่ติดบางสิ่ง ทำให้เธอต้องขยับอย่างระวัง “อื้อ...จะไปไหนล่ะครับ นอนต่อเถอะ” ท่อนแขนที่กอดกระชับร่างบางแนบแน่นอย่างระมัดระวัง ทำให้มัตติกาเริ่มสั่นหวั่นไหวอีกครั้ง “ติ๊ก้าจะห่มผ้า” ฝ่ามือใหญ่สัมผัสไปมาบนเนื้อตัวรับรู้ได้ถึงความเย็นชื้นของผิวเนื้อ ก่อนเรือนกายแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามแห่งบุรุษจะลุกขึ้นแต่ก็ยังไม่วายจะรั้งร่างเปล่าเปลือยของเธอให้ลุกตาม มัตติกาผวากอดรัดร่างของเขาแน่น ทั่วทั้งใบหน้าและเนื้อกายร้อนผ่าวเพราะสิ่งที่เขากระทำ ศิรชัชโอบอุ้มร่างเปล่าเปลือยของเธอไม่ยอมให้แยกออกจากกันจนเธอต้องผวากอดรัดเขาเพราะกลัวตก ส่วนเขาได้แต่หัวเราะไปมาในลำคอ ผ้าห่มผืนบางที่ตกอยู่ปลายเตียงถูกเขี่ยขึ้นไปไว้บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปล่อยเธอ
ความอุ่นวาบทาบทับบดขยี้รุกเร้ารุนแรงตามอารมณ์ ทำให้ร่างบางที่พยายามจะต่อต้านนิ่งขึงดั่งถูกสตาฟฟ์ ความรุนแรงร้อนซ่านแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลเพราะเจ้าของร่างเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว เรียวลิ้นอุ่นจนเกือบร้อนชอนชิมความหวานจากภายในและพยายามดุนดึงลิ้นน้อยให้สัมผัสกันและกัน ในขณะที่ฝ่ามือของเขาไม่ได้ละไปจากความอวบอิ่มนั้นเลยสักนิด กลับกันมันกลับกำลังทำหน้าที่สอดประสานกับฝ่ามืออีกข้างที่ตรงเข้าโอบรัดเบื้องหลังและไต่ขึ้นไปจนสะกิดตระขอบราเซียร์ให้หลุดออก ปล่อยให้นิ้วมือแกร่งปนร้อนเข้าไปแตะต้องสัมผัสร่างที่สั่นสะท้านไปกับสิ่งรุกเร้าครั้งแรกในชีวิต “อืม...เป็นไง คุณคนขายข่าว ถึงกับเคลิ้มเลยใช่ไหม ถ้าคุณเอาข่าวผมลง ผมก็จะบอกคนอื่นว่าคุณมายั่วผมแต่ผมไม่เล่นด้วย คุณเลยเล่นงานผมด้วยวิธีนี้ ไหนดูซิมีภาพอะไรบ้าง” ภีมคว้ากล้องดิจิทัลที่คล้องคอพราวรุ้งขึ้นมากดดูภาพที่เธอถ่ายไว้ ซึ่งไม่มีภาพอะไรที่ผิดปกติ จะมีก็แค่ภาพที่เขามองมัตติกาด้วยความเสียดายเท่านั้น และภาพที่ถ่ายทอดความรู้สึกเยี่ยงนี้เขาจะกดทิ้งก็เสียดายจริงๆ ต้องนับว่าเธอถ่ายภาพได้ดีมากๆ “ก็ไม่เห็นมีอะไรน
“พี่แชมป์ขา...ติ๊ก้าไม่ไหว...” “เรียกใหม่ครับทูนหัว...เรียกพี่...เร็วครับ!..” “อื้อ...พี่นักรบขา...เร็วค่ะ!” เสียงกรีดร้องถูกกักเก็บไว้ด้วยริมฝีปากร้อนพร้อมกับลาวาอุ่นซ่านถูกปลดปล่อยเข้าสู่ใจกลางดงดอกไม้ บ่าวสาวกอดกันกลมในท่านั่งอยู่บนเตียง “ปล่อยติ๊ก้าก่อนนะคะ” “ไม่ปล่อยได้ไหมครับ พี่ยังไม่อิ่มเลย” “ปล่อยนะ แค่นี้ก็...” “แค่นี้อะไรกันครับ พี่แชมป์นะได้เป็นสิบนะครับ ลืมไปแล้วเหรอ ยิ่งตอนนี้เป็นพี่นักรบขาของน้องหล้าด้วย รับรองว่ากว่าจะถึงเช้าพี่ต้องทำลายสถิติแน่ๆ” “บ้า! พี่แชมป์ ปล่อยติ๊ก้านะ” มัตติกาพยายามดิ้นรนจะลงจากตักของศิรชัชแต่ดูเหมือนยิ่งดิ้น ภายในก็กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง “อย่าขยับ...ขยับได้แล้วครับ พี่ช่วย...” ฝ่ามือจับสะโพกผายขยับขึ้นลงจนมัตติกาเสียหลักผวากอดรัดรอบต้นคอของเขาแน่น “พี่แชมป์บ้า!..”.. เจ้าสาวมีอาการสะเทิ้นอายและหน้าแดงระเรื่อในยามที่ผู้ใหญ่ต่างพากันมาอวยพรส่งตัวบ่าวสาว ผิดกับเจ้าบ่าวที่อมยิ้มละมัยราวกับคนได้รับชัยชนะจากการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์
‘พี่ดวงขอแสดงความยินดีกับน้องติ๊ก้าและก็แชมป์ด้วยค่ะ ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป ขอบคุณสำหรับชีวิตใหม่และครอบครัวที่อบอุ่น ขอบคุณจริงๆ’ .. ดวงตาสวยหวานไล่สายตาไปมาบนจดหมายที่น้าชายเอามาส่งให้ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสุข เธอมีความสุขเพราะคนรอบข้างมีความสุข เพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับชีวิตหนึ่งที่เกิดมาบนโลกใบนี้ แล้วคนเราจะยังต้องการอะไรกันอีก ความต้องการที่แท้จริงก็เพียงการได้รับความรักและการยอมรับจากคนที่เรารักเท่านั้นไม่ใช่หรือ ซึ่งทั้งหมดนี้เธอมีพร้อมหมดแล้ว และเธอก็มั่นใจว่าในเวลานี้กลิกาก็คงมีความสุขเช่นเดียวกัน “อ่านอะไรอยู่ครับ น้องหล้า” อ้อมกอดกระชับแนบแน่นจากเบื้องหลังก่อนจะฝังจมูกลงกับซอกคอหอมกรุ่นเย้าแหย่ให้เจ้าสาวแสนสวยของเขาจั๊กจี้เล่น “อื้อ...พี่แชมป์นี่ ปล่อยก่อนสิคะ” “ไม่เอาเรียกใหม่” “เรียกใหม่” ดวงตาสวยหวานครุ่นคิดไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก “ต้องเรียกว่ายังไง ก็ตกลงกันแล้ว” “เอ่อ...ใครเขาอยากจะเรียกกัน ไหนว่าไม่เคยมีความลับ” ใบหน้างามเสมองไปทางอื่นเพราะใครกันจะอยากเรียกเขาแบบนั้น ศิรชัชต
ยายเล็กกระชับฝ่ามือของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาไว้เคียงกัน น้ำตาของผู้เป็นยายไหลอาบใบหน้าไม่ขาดสาย ทว่าเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม เมื่อสิ่งที่แกหวังอย่างที่สุดเป็นจริงได้ ‘ก้อนดินก้อนนี้มีคุณค่าที่จะเพาะปลูกสิ่งใดก็เจริญงอกงามรุ่งเรือง โดยเพราะความดีงามได้เจริญงอกงามเกินกว่าสิ่งใด’ อย่างแท้จริง “อ้าวแม่! อวยพรให้หลานมันสิ เอาแต่ร้องไห้” ลมรำเพยเอ่ยแซวทั้งที่ตนเองนั้นก็มีสภาพไม่แตกต่างไปจากยายเล็กสักเท่าไร ดวงตาของผู้เป็นน้าสาวเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา วันเวลาที่ถูกจำกัดอิสรภาพไม่เคยมีคำว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่เธอสูญเสียไปนั้นได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด ‘ความสุข ความรักในครอบครัวได้กลับมาแล้ว’ และเธอก็ได้ไถ่โทษจนหมดสิ้นแล้ว “ยายขอให้หล้ากับพ่อแชมป์มีความสุข ขอให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง มั่งมีศรีสุข ขอให้...” คำพูดตีบตันเพราะน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยังไหลอาบไม่ขาดสาย ดวงตาฝ้าฟางด้วยวาวน้ำตามองเห็นภาพความสุขตรงหน้า หลานสาวของแกกำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและได้คนที่ดีเหมาะสมกันทุกประการ ทำให้แกถึงกับพูดต่อไม่ออก “แม่...” ลมรำเพยกระชับฝ่ามือผู
“ติ๊ก้า...เสร็จหรือยังจ๊ะ คุณแชมป์เขามาแล้วนะ” แองจี้เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าสะสวยอิ่มเอมด้วยความสุข “ไปกันเถอะน้องสาวของเจ๊ คุณแม่ลมเขารอทำหน้าที่แล้วนะจ๊ะ” ลมรำเพยรับหน้าที่เป็นแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ เพราะยายเล็กนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะรับบทแม่งาน จะหยิบจะฉวยอะไรก็ยาก ส่วนคุณยายพิศและคุณอาปานใจก็ติดต้องไปธุระให้หลานชายในวันนี้พอดิบพอดี หากเธอจะเลื่อนไปก่อนก็ไม่ได้ เพราะกว่าคุณย่าของศิรชัชจะหาฤกษ์ที่ดีที่สุดนี้มาให้ก็ต้องรอนานถึงสองเดือนด้วยกัน และหากพลาดฤกษ์นี้ไปคงต้องรอไปจนถึงปีหน้า ถ้าให้รอถึงป่านนั้นศิรชัชคงไม่ยอมแน่ เขาคงจะประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของและถือวิสาสะย้ายมาอยู่กับเธอเบ็ดเสร็จ เพราะฉะนั้นคุณแม่ลมรำเพยจึงต้องแต่งองค์ให้สมฐานะแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ เจ้าบ่าวรูปหล่อมากปานเทพบุตรของเธออยู่ในชุดไทยพระราชทานขลิบทองสีงาช้างเช่นเดียวกัน ดวงตาคมเข้มของเขาแวววาวเรียกเลือดลมสูบฉีดไปทั่วทั้งใบหน้าได้ในทันทีที่สบสายตา เพราะแววตานั้นไม่ปกปิดความปรารถนาเลยสักนิด และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเลยสักเสี้ยวนา