Share

บทที่ 7

Penulis: ACHICHI
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-13 19:51:40

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 7

ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาทานข้าวมื้อค่ำ ดนตรีสดกำลังเล่นคลออยู่ที่เวทีทางด้านหน้า โต๊ะเราคงเป็นโต๊ะที่เสียงดังที่สุดเพราะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ละคนก็เลยยิงคำถามเข้าใส่กันไม่หยุด

ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ว่าเก้อกระดากเขินอายเวลาอยู่กับบรรดาเพื่อนผู้ชายเป็นฝูง เลยไม่ได้ต้องสงวนกิริยาท่าทีแบบกุลสตรีเท่าไรนัก ทุกคนกินเบียร์ฉันก็เอาด้วย เพื่อนเล่นกระดกขวดฉันก็เอาด้วย ต่างจากผู้หญิงอีกคนในกลุ่มไม่นับลันตาซึ่งไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้

ฟางเป็นผู้หญิงไม่ต่างกันกับฉัน แต่กลับเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ดวงหน้าหวานหัวเราะทีทำเอาผู้ชายใจละลายได้เป็นแถว ซ้ำยังแต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ ‘แรด’ เหมือนที่เพื่อนคนอื่นลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันเมื่อเห็นฉันโผล่เข้ามา

ถึงอย่างนั้นฉันก็ชินแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็มักจะโดนด่าแบบนี้เป็นประจำ และก็ไม่ได้มีใครมานั่งสนใจร่องนมฉันเหมือนที่สองเป็นกังวลด้วย เพราะฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

ไม่ได้เคยเคอะเขินกับสายตาเพื่อนอะไรแบบนั้น…

หากจะเคยมีเขิน ก็เว้นอยู่แค่คนเดียว…

“ว่าแต่ตอนนี้พวกมึงสองคนอยู่ด้วยกันจริง?”

“…”

วงสนทนาเงียบกริบลงตอนที่คาร์เตอร์หรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันว่า เตอร์ หันมามองฉันสลับกับอีกคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งเยื้อง ๆ กัน แต่แทนที่ฉันหรือสองจะเป็นคนตอบคำถาม เสียงของตัวต้นเรื่องอย่างโซ่กลับเป็นคนเอ่ยตอบแทน

“ก็ใช่ดิ คิดว่ากูโกหกหรือไง?”

ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะ ก็อยากจะลุกไปกระโดดถีบขาคู่ใส่คนที่ไม่ได้มีสีหน้าเป็นเดือดเป็นร้อนกับสิ่งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุเข้าสักทีอยู่เหมือนกัน

โซ่เป็นคนหล่อไม่แพ้สองเลย แต่ความหล่อของมันในสายตาฉันนับวันยิ่งจะลดลงเพราะไอ้นิสัยแบบนี้นี่แหละ

“แล้วยังไง?”

เตอร์หันไปมองหน้าสองที่กำลังม้วนเส้นสปาเกตตีกินอย่างสบายอารมณ์ คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองสายตาทุกคู่ที่กำลังจับจ้อง ปากก็เคี้ยวไปด้วย

“อะไร?”

“ไม่ตีกันแล้ว?”

“นั่นดิ ตอนนู้นเห็นตีกันทุกวัน”

“ตอนไหนวะ?”

“ก็หลังจากที่แยมมันบอกชอบไอ้สองไง”

“…”

ให้ตาย…

คนพวกนี้เหมาะจะเป็นเพื่อนกันไปจนตายจริง ๆ ตอนนั้นขี้เผือกยังไงตอนนี้ก็ไม่ได้ต่าง

อาจเป็นเพราะนิสัยเดิมของฉันที่ไม่เคยตีโพยตีพายเวลาใครพูดถึงเรื่องนี้ เพราะจริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้อายที่เพื่อนรู้เท่าไร หากจะอายใครคงจะเป็นอายสองเสียมากกว่า

และในสถานการณ์ตอนนี้ เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมานานหลายปี ทุกคนจะหยิบยกมาพูดก็ไม่แปลก

คงคิดกันไปว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับสองแล้วจริง ๆ

ที่บอกว่าฉันกับสองตีกันทุกวันหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นไม่ใช่การลงไม้ลงมือ แต่เป็นเพราะสองเอาแต่แกล้งแหย่ไม่เลิก และฉันเองก็อับอายขายขี้หน้าเจ้าตัวเกินกว่าที่จะอยู่เฉยได้

มองย้อนกลับไปก็เป็นอะไรที่ตลกดี

เหตุการณ์ในตอนนั้น สองไม่ใช่คนที่ตีตัวออกหาก เจ้าตัวก็ยังเหมือนเดิม เป็นฉันเองต่างหากที่ทนอยู่ใกล้คนที่ว่าไม่ได้อีกต่อไป จนเราห่างกันในที่สุด

แต่ตอนนี้…

ก็คงจะต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม…

คนอื่นยังคงเร้าหรือสอบซักถามสองไม่เลิก เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรเอาแต่เคี้ยวจนแก้มตุ่ย สายตาชำเลืองมองมาหลายต่อหลายครั้ง จนคนอื่นพากันหันมาคาดคั้นเอาจากฉันแทน

“ว่าไงแยม?”

“ว่าไงอะไร?”

“ดีกันแล้ว?”

“ก็ไม่ได้โกรธอะไรกันสักหน่อย” ฉันตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก คนอื่นพากันพ่นลมหายใจเสียงดัง สีหน้ารู้ทันเหมือนกันไปหมด

“ไม่ได้โกรธ แต่บอกพวกกูว่า…”

“ไม่ต้องพูด” ฉันเอ่ยขัดขึ้นทันที เพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนจะพูดอะไร

ก็แค่บอกว่า… ถ้าชวนสองไปไหน ฉันจะไม่ไป… แค่นั้นเอง…

“และไอ้โซ่ก็เพิ่งบอกว่าพวกมึงทำงานที่เดียวกันด้วย?” เตอร์ยังรับบทพิธีกรยื่นไมค์ถามต่อ คนกระจายข่าวได้ยินการพาดพิงถึงชื่อของตัวเองรีบหันหน้าหนีทันที

“บังเอิญว่าเราย้ายมาทำที่บริษัทเดียวกับสอง”

“แบบนี้ก็กลับมาสนิทกันได้อะดิ”

“เออ พวกมึงกลับมาซี้กันเหอะ พวกกูขี้เกียจนัดกันทีละรอบ”

“สองว่าไง?”

“อะไร?”

คนถูกหันไปจ้องอีกครั้ง จำต้องเงยหน้าขึ้นจากการกิน เห็นแล้วก็น่าหงุดหงิดเอาแต่กินอยู่ได้ไม่คิดจะช่วยกันตอบคำถามบ้างเลยหรือยังไง…

“พวกมึงจะกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมได้สักทีหรือยัง? พวกกูขี้เกียจนัดหลาย ๆ รอบ พอนัดมึง แยมก็ไม่ยอมมา พอนัดแยม แม่งก็ห้ามชวนมึง”

คาร์เตอร์เอ่ยต่อ และทุกคนก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยไปตาม ๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ฟางเพื่อนสาวคนเดียวที่เอาแต่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่

เพราะฉันไม่อยากจะเป็นคนตอบเลยแสร้งก้มหน้าเลื่อนมือถือเล่น ทว่าหางตาก็ชำเลืองมอง สงสัยเหมือนกันว่าอีกคนจะตอบคนอื่นว่าอะไร

กลายเป็นว่าตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องไปที่สอง และต้องรอให้เจ้าตัวกินจนหมดปากก่อนถึงจะได้ฤกษ์ตอบ

สองคว้าเบียร์ไปกระดกดื่ม ชักช้าลีลาจนทุกคนพากันถอนหายใจ แต่ท้ายที่สุดก็พยักหน้าส่ง ๆ

“อะไรของมึง?” เตอร์ยังคงเป็นคนถาม

“ก็เออไง” และสองก็ตอบทันที

“เอออะไร?”

แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ทุกคนที่ตั้งตารอฟังว่าสองจะพูดอะไร ถึงฉันเองก็แอบลอบชำเลืองมองเหมือนกัน และเจ้าตัวเองก็กำลังมองมาอยู่ก่อนแล้ว

“กูก็ง้อเพื่อนพวกมึงอยู่นี่ไง”

“…”

ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นทำสีหน้ายังไง

รู้ก็แค่ตัวฉันต้องรีบหลุบตาลงต่ำหลบสายตาเพื่อนที่พากันมองมาเพื่อลอบสังเกตปฏิกิริยาอะไรบางอย่าง

ปฏิกิริยาแบบที่ฉัน… คงจะไม่แสดงออกไปให้ใครได้รู้ทัน…

03.00 น.

โชคดีที่ดื่มกันไปไม่เยอะเท่าไร หลังจากกลับมาจากการสังสรรค์กับเพื่อนทำให้ฉันยังมีสติมากพอที่จะอ่านเอกสารรายงานยอดขายของบริษัทในช่วงปีก่อน ๆ ที่ได้มาจากพี่อ้อยเมื่อตอนกลางวันก่อนนอนได้ต่ออีกหลายชั่วโมง

เงยหน้ามองนาฬิกาอีกทีก็พบว่าตอนนี้ควรจะเข้านอนได้แล้ว…

เพราะเป็นเวลาดึกมาก เลยคิดว่าสองคงจะนอนหลับไปแล้ว ทำให้ไม่ทันได้คิดอะไรตอนที่เดินออกมาจากห้องนอนในสภาพชุดนอนวาบหวิวแบบที่คงจะให้อีกคนเห็นไม่ได้

ตู้เย็นเต็มไปด้วยขวดเบียร์เรียงกันเป็นตับ แทบจะหาน้ำเปล่าที่ต้องการไม่เจอ ก็ยังดีที่เหลืออยู่ตรงมุมประตูตู้ขวดหนึ่ง

ครืด!

จังหวะที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มก็ต้องตกใจจนสำลัก เพราะเสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้น สองที่น่าจะหลับไปแล้วกลับยังไม่หลับ

“ทำไมยังไม่นอน?”

เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาจนใกล้ ฉันที่ลนลานหนักรีบเก็บขวดน้ำใส่ตู้เย็น ตั้งท่าจะวิ่งหนีเพราะสภาพไม่ควรมาอยู่กับอีกคนตามลำพังสักเท่าไร แต่สองก็มายืนดักหน้าไว้อีกครั้ง

แม้ว่าในห้องจะมืดเพราะไม่ได้เปิดไฟ แต่ก็น่าเป็นกังวลอยู่ดี เนื่องจากชุดนอนที่ใส่อยู่ขณะนี้มันค่อนข้างวาบหวิว ซ้ำตัวฉันก็ไม่ได้ใส่บราเพราะกำลังจะเข้านอน

และวินาทีนี้สองเองก็น่าจะเห็นแล้วเหมือนกัน ถึงได้ทำทีเบนสายตาไปทางอื่น

“หลบ เราจะไปนอน”

“ขอคุยด้วยแป๊บนึง”

“เอาไว้ว่ากันพรุ่งนี้” ฉันพยายามจะเบี่ยงตัวเดินหนี แต่คนพูดไม่รู้เรื่องก็คว้าแขนไว้

สุดท้ายก็จำใจต้องดึงแขนกลับมากอดอกแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อตัดรำคาญ

“สองมีอะไร?”

“เมื่อไร…”

“เมื่อไรอะไร?”

“เมื่อไรเราจะกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม?”

“…”

แม้จะมืด แต่เพราะน้ำเสียงจริงจังผิดวิสัยทำให้ฉันแอบตกใจไม่น้อยกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน สองนิ่งอยู่ครู่ก็ถอนหายใจเบา ๆ

“แยม…”

“สองสูบบุหรี่มาเหรอ?”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง เปลี่ยนเรื่องกะทันหันเพราะได้กลิ่นที่ว่าจากเจ้าตัว หัวคิ้วเลื่อนเข้าหากันโดยอัตโนมัติ อีกคนนิ่งอยู่อึดใจก็พยักหน้าส่ง ๆ

“กลับมาสูบได้สองปีแล้ว”

“ตอนนั้นก็เลิกได้แล้วไง”

“ก็ตอนนั้นเพราะแยมไม่ชอบให้ตัวเรามีกลิ่นบุหรี่”

“…”

“แต่ตอนนี้มันไม่มีใครห้าม”

“สอง”

“แต่เดี๋ยวเลิกให้”

“…”

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศชั่วครู่ เราต่างคนต่างขยับตัวกันอย่างอึดอัดอยู่ในความมืด และฉันก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“ไม่ต้องเลิกเพราะเราหรอก แต่สองควรเลิกเพราะสุขภาพตัวเอง”

“ก็ไม่มีแรงจูงใจ”

“แล้วเราเป็นแรงจูงใจตรงไหน?”

“ก็แยมไม่ชอบ”

“…”

“ถ้าสูบก็เข้าใกล้ไม่ได้”

“…”

“แบบนั้นก็กลับไปสนิทไม่ได้”

“…”

“เพราะงั้น เดี๋ยวจะเลิกให้…”

“เราจะไปนอนแล้ว”

ฉันตัดบทขึ้นอีกครั้ง เพราะไม่รู้จะตอบอะไร และคราวนี้สองก็ไม่ได้เอ่ยรั้งกันไว้เหมือนนาทีก่อน กลับปล่อยให้เดินผ่านเข้าห้องง่าย ๆ

ทันทีที่ประตูปิดลงฉันก็ถอนหายใจเบา ๆ พิงแผ่นหลังกับบานประตูอย่างหนักใจ

สองมาพูดแบบนี้ ก็คืออยากจะกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมแน่นอน สำหรับสองแล้วคงจะไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา…

แต่ตัวฉันเองต่างหากจะสามารถรับแรงกระแทกของอะไรบางอย่างในสถานะเพื่อนสนิทที่ก็เคยมีเรื่องผิดพลาดมาก่อนแล้วได้ดีแค่ไหน…

บอกตรง ๆ ว่ากลัวตับพัง… ตอนนี้ยังไม่มีอะไหล่สำรอง…
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status