Share

๒ สบตา

Penulis: Kaowsethong
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-02 11:37:01

สบตา

‘Magic time’

ร้านขนมชื่อดังที่มีทั้งขนมไทยและขนมจากแต่ละประเทศให้เลือกซื้อ มีทั้งลูกค้าขาประจำและลูกค้าขาจรซึ่งล้วนแต่สร้างกำไรให้ร้านทั้งนั้น

คุณศลิษาดูแลร้านมาหลายสิบปีหวังให้ลูกสาวเป็นผู้สืบทอดแต่ก็ดูท่าจะยากเสียเหลือเกิน ลูกสาวคนนี้มักไม่อยู่กับที่ชอบล่องไปลอยมาเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง 

แต่ละสาขามีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามผู้อยู่อาศัยในชุมชนแถบนั้น สาขาหนึ่งจะดูเรียบหรูมีระดับเพราะเจาะกลุ่มนักธุรกิจและพนักงานบริษัทส่วนราคาก็ไม่แพงเกินไปอยู่ในระดับที่ทุกคนมีกำลังพอจะซื้อ แต่รสชาตินั้นดีจนขายหมดวันต่อวันไม่เหลือเลยสักชิ้น คุณศลิษาเข้ามาดูแลเองทั้งสี่สาขาแต่ก็จ้างผู้จัดการไว้เผื่อตนเองยุ่งจนไม่มีเวลามาร้าน

ร่างบางเดินเข้ามาภายในร้านก็ได้ยินเสียงต้อนรับอันเป็นเอกลักษณ์ของพนักงาน

“ขอต้อนรับเข้าสู่เวลามหัศจรรย์ค่ะ”

..คุณแม่เทรนเองทุกคนว่าลูกค้าเข้าร้านต้องพูดอย่างไรและโทนเสียงประมาณไหน

ใบหน้าหวานยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปหน้าเคาน์เตอร์

“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าสนใจขนมอะไรคะ”

..ไม่ได้มานานแล้วทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด

สาขาหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของมารดา ครั้งแรกท่านทำเพื่อคลายเครียดใครจะรู้ว่ามันกลับสร้างรายได้จนต้องลงมืออย่างจริงจัง

ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหรามีโคมไฟระย้าห้อยตรงกลางสวยจับตา ณชามองเมนูที่พนักงานยื่นให้ก่อนจะสั่งขนมไทยของโปรดที่กินไม่เคยเบื่อ

“ขอเป็นขนมชั้นหนึ่งชุด ทองเอกและก็วุ้นใบเตยค่ะ”

“คุณลูกค้าจะรับประทานที่ร้านหรือกลับบ้านคะ”

..พนักงานคนนี้ยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งหน้าตาก็น่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน

“ร้านค่ะ”

พนักงานผายมือไปยังโต๊ะว่างเธอจึงเดินจากไป ดวงตากลมโตมองลูกค้าที่ส่วนมากจะเป็นพนักงานออฟฟิศ มีทั้งมาเป็นกลุ่มและมาคนเดียว แก้วกาแฟและขนมบนโต๊ะบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าไม่ใช่เพียงแค่บรรยากาศที่ทำให้ร้านขายดีแต่เพราะขนมอร่อย กาแฟรสชาติเยี่ยมจึงเรียกลูกค้าได้ขนาดนี้

ทุกคนดูวุ่นวายในการเสิร์ฟ พนักงานกว่าครึ่งสามารถพูดคุยภาษาอังกฤษได้เพราะลูกค้าต่างชาติก็เยอะเหมือนกัน ร้านตั้งอยู่ท่ามกลางบริษัทมากมายทำให้ช่วงเที่ยงขายดีมือเป็นระวิงเพราะทำแทบไม่ทัน ไหนจะมีออร์เดอร์ให้ไปส่งบนตึกอีก

..กิจการไปได้สวยจนน่าอิจฉาเชียวล่ะ คุณแม่ของเธอช่างมีหัวนักการค้าเสียจริงเลย

ณชายิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะนึกถึงตนเอง

อันที่จริงเธอไม่ชอบงานธุรกิจ ไม่ชอบการค้าขายแต่ชอบและหลงใหลในศาสตร์การแสดง เคยอ่านหนังสือหนักเพื่อเข้าคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกับคนในดวงใจ แต่ก็ไม่รอด..ไม่ใช่เรียนไม่รอดแต่หัวใจเธออ่อนแอเกินไปจนไม่อาจอยู่ร่วมสถาบันเดียวกับชายหนุ่มได้ สุดท้ายก็ถอยออกมาบินไปร่ำเรียนไกลถึงอเมริกาและคณะที่เลือกก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่ายังตัดใจจากเขาไม่ได้เสียที

..ใช่แล้ว เธอเลือกคณะบริหารธุรกิจ

“คุณหนู!” พนักงานคนที่เดินมาเสิร์ฟตกใจจนร้องลั่นร้าน

ณชายิ้มกว้างก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่มีมากกว่าคนตรงหน้าไปเยอะ

“ไม่เจอกันนาน ตัวเท่าเดิมเลยนะคะ”

ขนมถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนที่หญิงตัวเล็กจะพุ่งเข้ามาก่อนคุณหนูของตนเอง เธอทำงานที่นี่มากว่าสิบปีแล้ว เห็นตั้งแต่คุณหนูป้อนยังเด็กกระทั่งโตขึ้นเป็นสาวสวยสะพรั่งขนาดนี้ แววตาของคนมากด้วยอายุเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

ณชากอดตอบแล้วผละออกมามองใบหน้าที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลา

“ร้องไห้เลยเหรอคะ” เช็ดน้ำตาให้ก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวย

ปลื้มจิตพนักงานที่เรียกได้ว่าจงรักภักดีต่อคุณศลิษาไม่ไปไหนทำงานให้ชนิดถวายหัวจนเป็นที่นับถือของคนทั้งร้านอีกทั้งครองตำแหน่งผู้จัดการสาขาหนึ่ง

“ไม่เห็นตั้งนาน น้าคิดถึงแทบแย่” จับมือเรียวสวยขึ้นมาดูอย่างชื่นชม

..ตอนนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนคุณหนูของเธอก็น่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด

“ป้อนก็คิดถึงน้าปลื้มค่ะ เลยแวะมาหาเสียหน่อย อยู่ที่นู่นไม่ได้กินขนมไทยฝีมือน้าแล้วคิดถึงมากเลย ว่าแต่ขอยืมตัวมานั่งคุยกันสักครู่ได้ไหมคะ ไม่หักค่าแรงแน่นอนป้อนรับประกัน” ยังคงเป็นคนร่าเริงช่างพูดเช่นเดิมไม่เปลี่ยน

อีกฝ่ายจึงพยักหน้านั่งลงตรงข้ามคุณหนูคนสวยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเป็นเวลานาน

ปลื้มจิต บ้านท่าขามเคยเป็นแม่บ้านที่บ้านพิบูลกนกแต่ลาออกเพราะต้องกลับไปเลี้ยงดูแม่ไม่นานแม่ก็เสียจึงขอกลับมาทำงานอีกครั้งแต่ที่บ้านมีแม่บ้านมากแล้วคุณศลิษาเกิดความสงสารจึงรับเข้ามาเป็นพนักงานในร้านขนมแห่งนี้ เธอพัฒนาตนเองมาเรื่อยๆ จนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการสาขาแม้ความรู้จะจบแค่ระดับมัธยมปลายก็ตาม

“ขอต้อนรับเข้าสู่เวลามหัศจรรย์ค่ะ”

เสียงพนักงานดังขึ้นด้วยโทนเสียงเดียวตลอดจนอดขำไม่ได้

“ตายแล้ว คนเยอะเลยเดี๋ยวน้าขอไปช่วยเด็กๆ ก่อนแล้วจะมาคุยด้วยนะคะ” ปลื้มจิตเห็นคนแน่นร้านจึงขอตัว

ซึ่งณชาก็ไม่ได้ขัดปล่อยให้ไปทำงาน หญิงสาวมองตามแผ่นหลังบางที่นับวันจะตัวเล็กลงเรื่อยๆ ด้วยความรัก เวลามารอแม่ทำงานก็ได้น้าปลื้มคอยเล่นเป็นเพื่อนตลอด ดวงตากลมโตมีแววระยิบระยับด้วยความสุขพลันกลายเป็นตื่นตระหนกเมื่อร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาภายในร้าน มือบางสั่นด้วยความตื่นเต้นยิ่งเมื่อเขาสั่งเมนูเสร็จและกำลังมองหาที่นั่ง พอดีกับกลุ่มสาวออฟฟิศโต๊ะข้างๆ เธอลุกขึ้นแล้วดันเป็นโต๊ะเดียวที่ว่างอีกด้วย

..ให้ตายเถอะ มันวันซวยอะไรของเธอกันนะ

“เชิญโต๊ะนี้เลยค่ะ”

พนักงานเดินนำมาทำให้ณชาต้องหันหน้าหนีจากเขา ผมที่เคยรวบขึ้นก็ปล่อยสยายก่อนจะเอามาปิดบังใบหน้า ใจสั่นระรัวด้วยความกลัวว่าชายหนุ่มจะมองเห็นตนเอง แอบเหลือบมองอีกฝ่ายก็พบว่าสนใจเพียงเอกสารบนโต๊ะ

‘ทำยังไงดีนะป้อน’ถามตนเองในใจก่อนจะหาทางหนีทีรอด จากการคำนวณด้วยสายตาโต๊ะที่เธอนั่งพอแอบเดินไปหลังร้านได้แต่อาจจะตกเป็นเป้าสายตาของอีกฝ่าย

ณชาเห็นผู้หญิงหลายคนแอบมองที่ชายหนุ่มโต๊ะข้างเธอพลันเกิดความหมั่นไส้ขึ้น

กองทัพ วิจิตรประภา ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยยังคงเป็นที่สนใจของผู้หญิงหลายคน เป็นหนุ่มฮอตที่น่าค้นหาและตอนนี้ก็กลายเป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรง ทั้งยังติดอันดับของหนุ่มคลีโออีกด้วย หล่อ รวย ฉลาด ครบภายในคนเดียวจนเกิดอาการขัดหูขัดตาไปเสียหมด คนอะไรยิ่งอายุมากขึ้นเสน่ห์ก็เพิ่มตามไปด้วย สาวหลายคนทำทีเป็นถ่ายรูปให้กันแต่เธอเห็นชัดๆ ว่ากำลังแอบถ่ายกองทัพอยู่

..ไม่เนียนเอาเสียเลย

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอารมณ์เสีย จะต้องหาทางออกจากสถานการณ์ตรงนี้เสียก่อน จะทำอย่างไรดีนะ

พยายามหันข้างให้เขาก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น เหมือนกำลังเล่นหนังหนีผู้ร้ายไม่มีผิด ลุกขึ้นได้ก็ไม่เห็นเขาสงสัยอะไรจึงลอบถอนหายใจออกมาโดยไม่ดูเลยว่าพนักงานกำลังเดินมาทางนี้ อารามดีใจณชาก็แทบกระโดดโลดเต้นจะวิ่งหนีเขาและนั่นเองทำให้ทั้งพนักงานและลูกสาวเจ้าของร้านชนกันอย่างจัง

“ว้าย” ถ้วยกาแฟและขนมที่จะนำมาเสิร์ฟลูกค้าหล่นกระจายเต็มพื้นและเสียงแตกของจานทั้งเสียงอุทานของณชาเรียกความสนใจจากคนทั้งร้านไม่เว้นแม้แต่กองทัพ

‘ซวยซ้ำซวยซ้อน’เม้มปากแน่นอีกทั้งภายในใจเต้นแรงยิ่งกว่ากลองสะบัดชัยเสียอีก ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองไปทางกองทัพ อยากจะมุดดินหนีเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดแต่ไม่อาจทำได้

ณชารีบเอาผมมาบังใบหน้าแล้วช่วยพนักงานเก็บเศษแก้วทั้งที่อีกฝ่ายพยายามร้องห้าม

“ขอโทษนะคะ ไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวหนูทำเอง”

มือเล็กยังคงสั่นไม่ได้ฟังที่พนักงานพาร์ตไทม์พูดจนกระทั่งเศษแก้วบาดมือเข้าจนได้จึงรีบยกมือขึ้นมาดู เลือดออกไม่มากแต่ก็แสบพอดู คนตัวเล็กกัดฟันข่มอาการเจ็บที่เกิดขึ้น

“ตายแล้วคุณหนู”

..เอาเข้าไป จะมาประจวบเหมาะอะไรตอนนี้

ปลื้มจิตวิ่งหน้าตื่นเข้ามาดูเหตุการณ์ตรงหน้าฉุดรั้งร่างบางให้ลุกยืน ใบหน้าหวานก้มต่ำพยายามให้ผมปกปิดใบหน้ามากที่สุด

“มือเลือดออกเลย ไปค่ะ น้าจะทำแผลให้” รั้งร่างบางให้ออกจากเหตุการณ์นี้

ซึ่งณชาเองก็ยินดีอย่างมาก เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาโดยเฉพาะให้ผู้ชายที่ชื่อกองทัพมองเธอยิ่งไม่อยากอยู่ตรงนี้

ปลื้มจิตดึงคุณหนูให้เดินตามแต่แล้วก็มีมือหนึ่งมารั้งแขนอีกข้างไว้เสียก่อน ตอนนั้นใจหล่นวูบกองแทบเท้าทั้งภาวนาขอให้ไม่ใช่คนที่คาดเดา หลับตาแน่นข่มใจเอาไว้กระทั่งได้ยินเสียงน้าปลื้มจิตร้องทัก

“อ้าวคุณทัพ อยู่ที่นี่ด้วยหรือคะ” เพียงเท่านั้นก็รู้แล้วว่าใครคือคนที่มาจับแขนอีกข้าง เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับเธอเลย ทุกอย่างดูบังเอิญไปเสียหมดจนเหมือนกลายเป็นพรหมลิขิตที่พิสดารเกินไป

ณชาพยายามกระชากแขกออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแต่ไม่สำเร็จจึงทำนิ่งไม่หันไปมองอีกฝ่ายทั้งยังก้มหน้าคางแทบจะชิดอกอยู่รอมร่อ

“ครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง”

ได้ยินอย่างนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองน้าปลื้มจิตพลางส่ายหน้าช้าๆ แววตาอ้อนวอน

..อย่าปล่อยให้เธอไปกับเขานะ

แต่ผู้จัดการร้านไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วยเลยกลับยิ้มอย่างยินยอมราวกับต้องการผลักภาระเสียอย่างนั้น

“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะคะ คุณทัพพาคุณหนูไปทำแผลที่หลังร้านเลยก็ได้ค่ะ”

ไม่ได้หันไปดูว่าร่างสูงทำหน้าอย่างไรเพราะหลังจากนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณก่อนจะลากเธอไปยังหลังร้านท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความสนใจ

..ให้ตายเถอะ ทำไมชีวิตของนางสาวณชาต้องเป็นแบบนี้ด้วย อยากจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น

สองหนุ่มสาวเดินมาหลังร้านก่อนกองทัพจะพาเธอเข้าไปห้องนั่งเล่นที่คุณศลิษาตกแต่งเอาไว้สำหรับพักผ่อนให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ ที่รู้ก็สืบเนื่องมาจากตอนเด็กชอบมาคลุกอยู่ที่นี่ทั้งวันมีขนมแสนอร่อย ที่นอนแสนสบายอย่างไรเล่า

เสียงปิดประตูดังจนร่างบางสะดุ้ง เธอเดินไปนั่งที่โซฟาพยายามเอาผมมาปิดหน้าปิดตาจนเหมือนคนป่าเข้ากรุงไม่มีผิด ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยจากร่างสูงรู้เพียงว่าเขากำลังเดินหาของบางอย่างอยู่และถ้าให้เดาก็คงเป็นอุปกรณ์ทำแผลแน่นอน การพบกันในรอบหลายปีช่างไม่น่าพิสมัยสักนิด ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นด้วยประโยคอะไรหรือควรทำตัวอย่างไรดีเพราะสำหรับเธอแล้วภาพเหตุการณ์ครั้งล่าสุดยังผุดขึ้นมา

“รักปลาย ผมรักปลายนะ

ในขณะที่กายเขาสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกันกับเธอชายหนุ่มยังคงพร่ำบอกรักผู้หญิงอีกคน หัวใจดวงน้อยเหมือนโดนมีดกรีดแทงเป็นแผลเหวอะหวะก่อนจะโดนน้ำกรดราดซ้ำ เจ็บเจียนตายแต่ไม่อาจส่งเสียงร้องออกมาได้ ยอมกลั้นสะอื้นกลืนน้ำตาลงไปกอดเขาเอาไว้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย แต่ชายหนุ่มไม่มีวันรู้ว่าผู้หญิงที่เขากกกอดคืนนั้นคือใคร

เขาจะไม่มีวันรู้...

และนั่นจะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของเธอ

“เงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว หลบหน้าหลบตาอยู่ได้” ร่างสูงสั่งเสียงเบาแต่กลับก้องกังวานในความรู้สึก มือหนาเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากันในรอบหลายปี

ดวงตากลมโตจ้องประสานกับแววตาคมจนรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นผ่านเจ็บไปทั่วร่างต้องปัดมือที่เขาโดนตัวเธอออกก่อนมองไปทางอื่น

“ไม่ได้อยากจับหรอกคุณหนู เอามือมาจะทำแผลให้”

ที่มีตั้งเยอะแต่เขากลับเลือกจะเข้ามานั่งข้างเธอใกล้ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะเกยตักอยู่แล้ว

ณชารู้สึกอึดอัดยิ่งได้กลิ่นกายหนาก็เกิดอาการหายใจติดขัดเพราะภาพคืนนั้นลอยมาเป็นฉากๆ

“เดี๋ยวนี้เป็นใบ้แล้วเหรอ เงียบเชียว” จับมือบางขึ้นมาก่อนจะเอาสำลีที่ชุบน้ำเกลือมาเช็ดแผลให้ ดวงหน้าคมก้มมองมือเล็กอย่างตั้งใจ อันที่จริงเขาจำเธอได้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้านแล้ว ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเพียงแค่มองจากแผ่นหลังถึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือณชา แต่เธอกลับทำตัวลึกลับราวไม่อยากให้เขารู้ ก็แค่เล่นตามเกมของเด็กน้อย

“คะ ใครเป็นใบ้กัน ป้อนไม่ได้เป็นใบ้ซะหน่อย แค่ไม่รู้จะพูดอะไรเท่านั้นเอง พี่ทัพสบายดีนะ ไม่เจอตั้งนานหล่อขึ้นรึเปล่าเนี่ย แต่ก็อ้วนขึ้นด้วยนะ ดำขึ้นด้วย”

เงยหน้าขึ้นสบตาเธอราวต้องการให้หญิงสาวหยุดพูดเสียเดี๋ยวนี้

ณชาจึงเม้มปากเข้าหากันทันที

“หึ ตื่นเต้นหรือไง”

..ก็ใช่น่ะสิ!

อยากจะตะโกนบอกเขาแต่จำต้องเงียบ หัวใจบ้าก็เต้นเร็วจังเลยทั้งยังดังจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน พยายามสูดลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอลดอาการเกร็งเมื่ออยู่ใกล้เขาแต่ดูท่าจะไม่เป็นผล ดวงตากลมโตเหลือบมองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

..ไม่ได้มองมานานเท่าไหร่แล้วนะ คิดถึงจังเลย

คิดในใจก่อนจะสำรวจใบหน้าคม คิ้วเข้มได้รูปทั้งหน้าผากขนาดพอดีไม่กว้างจนเกินไป ดวงตาเรียวยาวได้มาจากคุณอาภราดร ไหนจะจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางรูปกระจับโดยไม่ต้องพึ่งมือหมอ ผิวหน้าเรียบเนียนเพราะเจ้าของใบหน้าดูแลอย่างดี

“จำคืนนี้ของเราให้ดีนะคะ อย่าลืมนะ

คืนนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะสิ้นสุดเธอได้บอกกองทัพก่อนจะจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาของชายหนุ่ม แม้จะบอกแบบนั้นแต่เชื่อเหลือเกินว่าเขาคงจำไม่ได้และลืมไปจนหมดสิ้น เรื่องระหว่างเรากลายเป็นเพียงแค่ฝุ่นไร้ค่าทั้งยังเป็นมลพิษอีกด้วย

“พี่คิดค่ามองนะ” แม้จะก้มหน้าทำแผลให้เธอแต่ก็รับรู้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองตนเอง

ณชาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเฉไฉมองไปทางอื่นเพราะทำตัวไม่ถูก

“มากกว่ามองก็ทำมาแล้วเถอะ” พึมพำเสียงเบาแต่ด้วยความเงียบของห้อง

ร่างสูงที่นั่งใกล้แทบจะเกยตักจึงได้ยินเพียงแต่อาจมีบางคำที่เขาได้ยินไม่ชัดจึงเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหวานด้วยสีหน้าสงสัยถามย้ำเพิ่มความกระจ่าง

“เมื่อกี้ว่ายังไงนะ”

หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“เปล่าค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรนะ พี่ทัพได้ยินว่าอะไรเหรอ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างมีพิรุธ

ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากพลางหัวเราะในใจ ณชาไม่เคยโกหกได้เลยสักครั้ง เธอมักจะทำตาโตพูดเร็วจนจับใจความแทบไม่ได้ ไหนจะปากสั่นเพราะกำลังคิดคำพูดอีก

“ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” มือหนาบรรจงติดพลาสเตอร์สีใสให้เป็นการปิดท้าย

ณชารีบชักมือตนเองออกจากการเกาะกุมของเขาเพราะรู้สึกร้อนที่ใบหน้า เคยคิดว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาได้แล้วแท้ๆ แต่เมื่อเจอหน้า ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัสความรู้สึกเดิมๆ ก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ห้ามความรู้สึกตนเองไม่ได้เลย เหมือนน้ำวนที่หาทางออกไม่เจอ จะไปต่อก็ไม่ได้ จะเดินถอยหลังก็หาทางกลับไม่เจอทำได้เพียงอยู่ที่เดิมในสถานะเดิมไม่อาจเปลี่ยนแปลง

“เสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นป้อนขอตัวก่อนนะคะ มีธุระต่อด้วยคงไม่ได้อยู่คุยกับพี่ทัพ เสียดายจังเลย ไปก่อนนะคะ” ร่างบางจะลุกขึ้นแต่แล้วกลับเซจำต้องนั่งลงที่เดิมเพราะฝีมือของใครบางคนซึ่งเป็นชายหนุ่มสุดหล่อผู้นั่งกลางใจลูกสาวเจ้าของร้านแห่งนี้

ใบหน้าหวานหันมามองเขาแววตามีคำถามเต็มไปหมด

กองทัพเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ รู้เพียงแค่เห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะไปก็ไม่อาจทนได้

..เขาเรียกว่าหวงก้างหรือเปล่านะ

“รีบไปไหน ไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่คิดถึงพี่เหรอ” ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือหน้าร้านกาแฟที่เขาไปปรับความเข้าใจกับเธอแต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี

ณชาเดินจากไปในขณะที่เขาทำเพียงแค่มองตาม ผ่านไปไม่นานก็รู้ข่าวจากแม่ว่าน้องบินไปเรียนต่อที่อเมริกาโดยไม่มีแม้คำร่ำลา

เขาโกรธ..จนตัดขาดการติดต่อจากเธอ

แต่ครั้งนี้ที่มาเห็นหน้าได้มองอีกครั้งหัวใจพลันรู้สึกประหลาด มันเต้นแรงกว่าทุกครั้งยามได้สบดวงตาหวาน

“ทำไมป้อนต้องคิดถึงพี่ทัพด้วยคะ” เอ่ยถามน้ำเสียงน้อยใจ ก่อนไปก็มีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจกันแต่ที่ชัดเจนในความรู้สึกคือกองทัพไม่ได้รักเธอ เขาเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวและน้องสาวคนนี้ก็ยังยอมพลีกายให้โดยที่ชายหนุ่มไม่รับรู้แม้แต่น้อย

“ไม่รู้สิ ก็ป้อนชอบพี่ไม่ใช่เหรอ” เขาพูดได้หน้าตาเฉย

แตกต่างจากณชาที่หน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่ เธอจะเถียงแต่ก็พูดไม่ออกจึงทำเพียงแค่อ้าปากปิดปากไปมาเหมือนปลาทองกำลังจะงับอาหาร แก้มพองลมนั้นน่ารักจนอดยิ้มออกมาไม่ได้

เขาแกล้งเธอ!

ณชาโวยวายอยู่ในใจคนเดียวไม่อาจเถียงอะไรออกไปได้ก่อนจะลุกขึ้นหวังออกจากห้องและครั้งนี้กองทัพก็คว้าแขนไว้เช่นเดิมแต่ที่เปลี่ยนไปคือเขาดึงณชามานั่งบนตักของตัวเองจนร่างบางซึ่งไม่ทันตั้งตัวอ้าปากเหวอ ลำคอตีบตันพูดอะไรไม่ออกหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเสียงดังจนกลัวว่าชายหนุ่มจะได้ยิน

กองทัพยกยิ้มมุมปากสมใจรับรู้ได้ถึงอาการเกร็งของคนบนตัก แอบโอบกอดเธอเอาไว้จากด้านหลังแล้วเลื่อนใบหน้าไปกระซิบข้างหูเธอเสียงแหบพร่า

“พี่คิดถึงป้อนนะ”

ปัง ปัง ปัง

เสียงพลุดังขึ้นข้างหูเธอก่อนดวงตาจะพร่าเบลอมองอะไรแทบไม่เห็น

..เมื่อกี้พี่ทัพพูดว่าคิดถึงเธออย่างนั้นเหรอ เขาคิดถึงเธอจริงๆ ใช่ไหม

ในหัวใจสับสนจนไม่อาจเรียบเรียงความคิดออกมาได้

..ที่บอกว่าคิดถึงหมายความตามนั้นจริงหรือ

กองทัพเองเมื่อเห็นน้องเงียบก็แอบอมยิ้มก่อนชะงัก ใบหน้าคมยื่นเข้าไปสูดดมที่ซอกคอขาว คิ้วหนาได้รูปขมวดเข้าหากันทันที

คุ้นอย่างประหลาด

“กลิ่นนี้มัน..” เอ่ยออกมาเสียงแผ่วแต่เพราะห้องเงียบทำให้อีกฝ่ายได้ยิน

ณชาที่ตกอยู่ในภวังค์ของตนเองหันมามองเขาทำให้แก้มของตนโดนเข้ากับจมูกโด่งของกองทัพอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางชะงักก่อนจะรีบลุกขึ้นทันทีด้วยใบหน้าที่แดงจัด

‘สัมผัสที่แก้มก็คุ้น’

คิดไม่ตกจนใบหน้าที่เคยอมยิ้มเครียดขรึม สายตาคมจ้องไปที่ดวงตาหวานอีกครั้งอย่างค้นคว้า

..เธอกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่หรือเปล่า

“เอ่อ มีอะไรคะ” จากที่เขินอายเมื่อเห็นสายตาของเขาก็เปลี่ยนอารมณ์โดยพลัน เหมือนอีกฝ่ายกำลังสงสัยอะไรบางอย่างและเธอก็ร้อนตัวจนออกอาการ

“เราเคย..ช่างมันเถอะ พี่อาจจะคิดไปเอง” ลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือขึ้นดูเวลา

..บ่ายกว่าเสียแล้วทั้งที่เมื่อสักครู่พึ่งเที่ยงครึ่งแท้ๆ

ชายหนุ่มพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ไม่อยากเข้าออฟฟิศเลยแต่งานที่กองท่วมโต๊ะก็ไม่อาจเพิกเฉยได้

จากที่สงสัยว่าณชาอาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้นก็ถูกปัดไปทันที

..ไม่มีทางหรอก เธอไม่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อความรักแน่นอน

ยืนยันในใจอย่างหนักแน่นแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กราวย้อนไปหลายปีก่อนที่พี่ทัพยังคงเป็นพี่ทัพคนเดิม ไม่มีสายตารำคาญมีเพียงสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความห่วงหาที่สั่นคลอนหัวใจเสียเหลือเกิน

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ” การกระทำเพียงเท่านี้กลับกินใจเธอเสียจนต้องหลุบตามองพื้น

..อันตรายเกินไปแล้ว

แค่เขาทำดีเพียงนิดหน่อยก็ทลายกำแพงที่เพียรสร้างมาหลายปีลงอย่างง่ายดาย ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับเธอมากเกินไป

มือหนาลดลงแนบข้างลำตัวแต่สัมผัสเมื่อครู่ยังคงติดตรึงในใจของณชา เธอเงยหน้ามองเขาก่อนจะยิ้มให้

“ป้อนก็ดีใจที่ได้กลับมา”

ทั้งสองมองตากันก่อนทุกอย่างจะถูกทำลายไปด้วยผู้มาใหม่ กองทัพมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจก่อนหัวใจจะกระตุกเมื่อชายหนุ่มพุ่งตรงมาที่ณชาก่อนคว้ามือบางขึ้นมาดูอย่างถือสิทธิ์

“ป้อนเป็นอะไรไหม พี่ตกใจแทบแย่โทรหาก็ไม่รับสาย” คุณหมอตฤณยกมือแฟนสาวขึ้นมาดูพลางสำรวจด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอย่างน้อยครั้งจะเป็น

ณชามองหน้าเขาก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงใสแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ รีบเสียจนมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าคม

“แค่แก้วบาดเองค่ะ ไม่เป็นไรแล้ว”

“ถึงแผลจะนิดเดียวแต่ถ้ามันทำให้ป้อนเจ็บพี่ก็เจ็บไปด้วย”

คำพูดและแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยเกินพี่น้องทั่วไปทำให้กองทัพเริ่มจะเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออก เขาจ้องมองใบหน้าหวานทันทีเห็นแววส่องประกายในดวงตานั้นหัวใจพลันเจ็บจี๊ดเหมือนมีหนามมาทิ่มอย่างแรง

หมายความว่าอย่างไร..เขากำลังหวงเธออย่างนั้นหรือ

“แล้วพี่หมอมาได้ยังไงคะ ไม่มีตรวจเหรอ” ถามกลับด้วยความสงสัย

“พี่โทรหาป้อนแล้วมีคนรับสายแทนบอกว่าคนดื้อโดนแก้วบาดพี่ก็รีบขับรถมาหา แล้วหลังจากนี้ก็ว่างทั้งวันพอที่จะพาป้อนไปชอปปิงได้”

คุณหมอฝากคนไข้ไว้กับเพื่อนอีกคน ช่วงบ่ายเขาไม่มีเคสผ่าตัดด่วนมีเพียงเคสธรรมดาไม่หนักหนาเท่าไหร่ แต่ก็บอกพยาบาลเอาไว้ว่าถ้ามีเรื่องด่วนให้โทรหาได้ตลอด

“ใจดีจังเลยนะคะ”

มองสองหนุ่มสาวหยอกล้อกันราวเขาเป็นส่วนเกินกองทัพก็ไม่อาจทนอยู่เฉยได้ มือหนากำแน่นด้วยอารมณ์หลากหลาย เขาจับความรู้สึกตนเองไม่ถูกว่าตอนนี้เป็นอะไร หัวใจมันคันยุบยิบก่อนจะเจ็บเหมือนมีมือมาบีบคั้นแล้วผ่อนแรงลงหากไม่นานก็กลับมารัดแน่นอีก

เขากำลังหึงรึเปล่า..

ไม่หรอก จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อระหว่างเขากับณชาเป็นเพียงแค่พี่น้องกัน ไม่มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว แต่ว่ากลิ่นนั้นยังติดอยู่ที่ปลายจมูกและความสงสัยก็ยังไม่คลายเพียงแค่ถูกปัดออกไปในตอนนี้

หากรอให้คนมาใหม่หันมามองเขาคงไม่ได้ไปไหนกันพอดี กองทัพกระแอมเสียงดัง

“อะแฮ่ม”

จนทั้งสองคนหันมาสนใจ คุณหมอมองด้วยแววตาประหลาดใจก่อนจะยิ้มให้ทันทีในขณะที่ณชาเองกลับรู้สึกเหมือนเด็กทำความผิด

บ้าน่า..เธอทำอะไรผิดกัน

“จะไม่แนะนำให้พี่รู้จักหน่อยเหรอ” กองทัพเอ่ยถามณชาที่ยังคงยืนเงียบ เหลือบมามองคุณหมอที่ยืนข้างกายพลางเม้มปากแน่น ถ้าแนะนำว่ารุ่นพี่ที่รู้จักคงไม่ดีแน่ แต่ให้บอกว่าเป็นแฟนเธอก็ไม่อยากให้กองทัพเข้าใจแบบนั้น

..ป้อนข้าวเธอมันผู้หญิงหลายใจและกำลังจะทำตัวเหมือนปลายฟ้า!

“พี่หมอคะนี่พี่ทัพค่ะ”

กองทัพโค้งศีรษะให้คุณหมอเล็กน้อยซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับแล้วหันมามองณชา เธอมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้หมอตฤณ

“นี่พี่หมอตฤณค่ะ เป็นแฟนป้อนเอง”

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องจนคุณหมอตฤณสังเกตได้ บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อสองหนุ่มสาวเลือกที่จะเงียบ คนกลางที่ไม่รู้เรื่องอะไรจึงเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศ

“สวัสดีนะครับ ใช่พี่ชายของป้อนหรือเปล่า” ประโยคแรกหันไปบอกกองทัพส่วนประโยคหลังก็หันมาถามแฟนสาวที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นลูกชายของเพื่อนน้าลิซ แม่ป้อนน่ะครับ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่คำพูดเหมือนจะเป็นการอวดกรายๆ แต่หมอตฤณก็ไม่อยากคิดมากจึงทำเพียงยิ้มรับให้การขยายความของกองทัพ

“ขอบคุณที่ทำแผลให้ป้อนนะครับ บ่ายกว่าแล้วป้อนอยากไปไหนเดี๋ยวพี่พาไป ตอนเย็นจะได้ไปไหว้แม่ป้อนด้วยกลับมายังไม่ได้ไปหาท่านเลย”

กองทัพกลายเป็นคนนอกอีกครั้งเมื่อคุณหมอหันไปคุยกับณชา

..เขาไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย ความรู้สึกที่เหมือนตนเองไม่เป็นที่ต้องการ

“ค่ะ” ณชาตอบรับเล็กน้อยแล้วหันไปสบตากองทัพที่เรียบเฉย ก่อนหน้านี้เขายังมีสีหน้าสดใสอยู่เลย

“ผมขอตัวนะครับ พอดีมีงานต่อ พี่ไปนะ”

คุณหมอยิ้มให้ส่วนณชาก็ยกมือขึ้นโบกลา

กองทัพออกมาจากห้องนั้นด้วยความรู้สึกจะเจ็บปวดก็ไม่ใช่น้อยใจก็ไม่เชิง เขาแค่อยากดึงร่างบางออกห่างจากผู้ชายคนนั้นแล้วย้ำกับเธอว่าคนที่เธอชอบคือเขา

..แน่ใจได้ยังไง เขามั่นใจได้ยังไงว่าณชายังชอบตนเองอยู่

ในเมื่อผู้ชายคนนั้นตอกย้ำถึงความพ่ายแพ้ของเขา ไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไปความรู้สึกของณชาก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อสักครู่เธอก็ยังทำทีเหมือนมีใจให้อยู่เลยไม่ใช่หรือ

..มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ต้องมีอะไรที่ผิดพลาดแน่

กองทัพสับสนเกินกว่าจะคิดอะไรออก เขาขึ้นรถขับออกไปด้วยความเร็วก่อนจะต้องชะลอเพราะการจราจรติดขัด

..เฮ้อ

ไม่มีอะไรได้ดังใจเลยสักอย่าง!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • รักซ้อนใจ   ตอนพิเศษ...หนีเที่ยว

    ตอนพิเศษ...หนีเที่ยวงานแต่งระหว่างกองทัพและณชาจัดขึ้นอย่างใหญ่โตขัดกับความต้องการของทั้งสองที่อยากได้แบบเรียบง่าย ทว่าหน้าที่การงานไม่เอื้ออำนวยในเมื่อเจ้าบ่าวเป็นถึงคณะกรรมการของบริษัทมีคนนับหน้าถือตา ทั้งยังคู่ค้าที่ติดต่อกันมานานหากจะไม่เชิญก็กระไรอยู่“เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงกลับมาแล้วเหรอวะ” ขณะที่ยืนรอต้อนรับแขกที่ด้านหน้างานดวงตาคมก็เห็นเพื่อนสนิทใส่สูทผูกไทด์ผมที่เคยรุงรังหรือหนวดเคราครึ้มก็ถูกจัดการจนกลับมาหล่อเกินหน้าเกินเจ้าของงาน สองหนุ่มก่อนกันเนื่องจากไม่พบกันเกือบสามปีครึ่ง“กูแค่มางานแต่งมึง เดี๋ยวก็บินกลับแล้ว” กองทัพแทบจะปรบมือให้ในความทุ่มเทของอีกฝ่ายเพราะขนาดน้องแท้ๆ ยังปฏิเสธจะมาร่วมงานแต่งของพี่มันเลย“ดีใจที่มึงมา งานนี้ขอซองหนักๆ” ตบบ่าหนาเต็มแรงไปหนึ่งที“ได้ เดี๋ยวกูขอไปซื้อหินมาใส่ซองก่อนแล้วกัน” รั้งไว้แทบไม่ทันเพราะดูเหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะทำจริงอย่างที่ว่า ณชามองพี่ชายทั้งสองพลางอมยิ้มมีความสุข กระทั่งพณณกรหันมาหาน้องสาวคนสนิท“ลงเอยกับมันสักทีนะเรา หลังจากร้องไห้มานาน” จะเอื้อมมือขึ้นไปลูบศีรษะเจ้าสาวก็โดนเจ้าบ่าวจับมือเอาไว้ก่อน“ตามองมืออย่าต้องครับ เจ้าสาวก

  • รักซ้อนใจ   สุขสันต์วันปีใหม่

    สุขสันต์วันปีใหม่ เทศกาลที่หลายคนรอคอยมาถึงอีกครั้งแม้ประเทศจะไม่ใช่เมืองหนาวทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ทำตัวให้กลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจอผู้คนสวมเสื้อแขนยาวท่ามกลางแดดร้อนกว่าสามสิบสามองศา การคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาไม่น่าเชื่อถืออีกครั้ง เมื่อประกาศว่าจะหนาวจนปากสั่นแต่สิ่งที่ได้รับคือร้อนตับแทบแตก ยิ่งทำงานกลางแดดด้วยแล้วแม้จะโบกครีมกันแดดทับด้วยสเปรย์มาหนามากแค่ไหน เพียงเหงื่อไหลก็ดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกโดยง่ายไม่เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้สักนิด “พักกองค่ะ” เสียงช่างภาพดังขึ้นพร้อมปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม วันนี้ออกมาถ่ายรูปพรีเวดดิงที่สวนสาธารณะในยามที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะเหตุผลเพราะคุณเจ้าสาวและคุณเจ้าบ่าวมีเวลาจำกัด เสร็จจากนี่ก็ต้องไปแจกการ์ด ไหนจะต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเชิญบรรดาเพื่อนสนิทแทบหาเวลาให้ช่างภาพไม่ได้ จนต้องเลือกเอายามพระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าที่สุด “แค่สิบนาทีได้ไหมคะ บ่ายสองพวกเราต้องไปจิบน้ำชากับท่านผู้ว่าจังหวัดสุพรรณ” ฝ่ายเจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวเฟื้อยตะโกนบอกจนต้องกัดฟันตอบรับ “ได้ค่

  • รักซ้อนใจ   ตอนพิเศษ...หวานใจของนายไข่ตุ๋น

    ตอนพิเศษ...หวานใจของนายไข่ตุ๋น เคยคิดหลายครั้งว่าหากวันนี้มาถึงเธอจะเป็นอย่างไร วันที่เพื่อนคนสนิทอย่างตฤณ..แต่งงาน ณัชชาเดินเข้ามาภายในโรงแรมด้วยหัวใจหนักอึ้งขาทั้งสองแทบก้าวไม่ออกอันที่จริงมันเป็นมานานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ์ดจากเจ้าบ่าวแล้ว ใบหน้าคมมีรอยยิ้มประดับดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้าอย่างน่าอิจฉา วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูยาวเพียงเข่า เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อชุดจึงต้องขอยืมจากน้องสาวมาใส่ก่อน ใบหน้าหวานยังคงมีแว่นตาบดบังและผมยาวก็ปล่อยสยายกลางหลัง ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูวาว ใบหน้าที่เคยไร้สีดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเพราะได้น้องสาวช่วยเพิ่มสีสันให้ทว่าก็ยังคงจืดจางเมื่อรวมกับคนหมู่มาก มือเล็กเซ็นในสมุดอวยพรบ่าวสาวแล้วหย่อนซองลงในกล่องก่อนหยิบของชำร่วยเป็นพวงกุญแจรูปหัวใจสองดวงคล้องกัน เก็บมันลงกระเป๋าทันทีแล้วก้าวเข้าไปภายในงานพยายามสูดลมหายใจเรียกกำลังให้ตนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเห็นคู่บ่าวสาวยืนอยู่หน้าแบ๊กดร็อปในจังหวะที่เจ้าบ่าวช่วยเช็ดเหงื่อให้เจ้าสาวด้วยความอ่อนโยน หัวใจสั่นไหวจนอยากจะหันหลังออก

  • รักซ้อนใจ   ตอนพิเศษหมอตฤณกับต้นหนาว

    ตอนพิเศษหมอตฤณกับต้นหนาว นาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสามทว่าชายหนุ่มที่อยู่ภายในผับยังคงนั่งดื่มเหล้าราวเป็นน้ำเปล่าไม่รู้สึกระคายคอสักนิด พนักงานหันมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจนกระทั่งผู้จัดการเดินไปแจ้งลูกค้าหน้าใหม่ให้รู้ว่าร้านปิดแล้วเขาจึงวางเงินเอาไว้พร้อมเดินเซออกไปทางประตู “รถอยู่ไหน” ร่างสูงพยายามเพ่งมองรถยนต์ของตนเอง หลับตาลืมตาอยู่หลายครั้งเพราะดูอย่างไรก็มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แถมรู้สึกเหมือนศีรษะเอนไปเอียงมาพยายามทำให้หัวตั้งตรงด้วยการเอนไปทางด้านขวาก่อนจะพบว่าไม่ตรงเลยสักนิด เขาจึงลองเอนหัวมาทางด้านซ้ายแทน ก็ไม่ตรงอีกถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีถึงจะมองตรงได้ คุณหมอหนุ่มตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนพื้นเพราะทนความหนักของศีรษะไม่ไหว “อ่า ตรงแล้ว” ใบหน้าคมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโก่งคออาเจียนเต็มที่โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าลานจอดรถของผับที่ตนเองมาตั้งแต่สามทุ่ม เมื่อรู้สึกโล่งจึงล้มตัวนอนที่เดิมมือหนาคว้าสะเปะสะปะก่อนจะสัมผัสได้ถึงขนนุ่มนิ่มก็คว้าเข้าไปกอดคลายหนาวทันที ไม่รู้ส

  • รักซ้อนใจ   ตอนพิเศษ...รักเธอได้ยินไหม

    ตอนพิเศษ...รักเธอได้ยินไหมเด็กหญิงหุ่นอวบเดินเข้ามาภายในโรงเรียนด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ เธอรวบรวมกำลังใจเพื่อที่วันนี้จะได้ทำภารกิจอันสำคัญอากาศยามเช้าแสนจะสดใสราวทุกอย่างเปิดสว่างให้กับความรักของเธอ ณชารู้จักความรักครั้งแรกคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ขนม’ เธอหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแต่ก็มักจะโดนเพื่อนล้อว่าตัวอ้วน กินแต่ของหวานฟันผุ กระทั่งได้รู้จัก ‘พี่ทัพ’ ผู้ชายที่ทำให้คำว่ารักของเธอเปลี่ยนไป‘อร่อยก็กินสิ เดี๋ยวพี่กินเป็นเพื่อน’จากที่เคยคิดจะลดของหวานณชาก็ยิ้มร่าหยิบเค้กชิ้นโตขึ้นมากินอย่างมีความสุข ผู้ชายตรงหน้าเธอมีหุ่นที่ไม่ต่างกันมากนัก แววตาของเขาทอประกายความสุขและนั่นเองทำให้เด็กหญิงที่ไม่ประสาเรื่องความรักหัวใจเต้นแรงจนต้องเดินไปถามมารดา“แม่ขา ป้อนหัวใจเต้นเร็วมากเลย แม่จับดู ป้อนจะตายไหมคะ” จับมือคุณแม่มาไว้ที่หัวใจเพื่อรับรู้อัตราการเต้นคุณศลิษาหัวเราะบุตรสาวก่อนจะลูบศีรษะน้อยๆ“ไม่ตายหรอกค่ะ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าตกหลุมรัก”ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้สบตากับพี่กองทัพเสมอและเมื่อโตขึ้นเธอจึงได้เข้าใจคำว่าตกหลุมรักที่คุณแม่บอกเด็กหญิงชวนพี่ชาย

  • รักซ้อนใจ   ตอนพิเศษ...เมื่ออดีต

    ตอนพิเศษ...เมื่ออดีตมือหนาเลื่อนขึ้นไปปิดน้ำที่ไหลรดกายก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวพันบริเวณเอวไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กเช็ดศีรษะที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ใบหน้าคมเข้มหล่อเกินวัยทำเอาสาวหลายคนใจละลายมานักต่อนัก ดวงตาเรียวยาวเพียงแค่ปรายตามองก็พานให้หัวใจสั่นไหว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวราวอิสตรีเพียงเท่านี้ก็ทำให้กองทัพ วิจิตรประภากลายเป็นหนุ่มหล่อที่ถูกกล่าวขานไปทั่วมหาวิทยาลัย“อื้อ ทัพ ตื่นเร็วจัง” สาวสวยหุ่นเพรียวลุกขึ้นจากที่นอนคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับปกปิดร่างกายของตนเองจากสายตาคมกริบที่ทำให้หัวใจสั่นไหวทุกครั้งที่มอง“ผมมีเรียนเช้า คุณนอนต่อเถอะ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้ามากอดเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตปลายคางอย่างน่ารักจนอดใจไม่ไหวต้องคว้ามากอด เธอน่ารักขี้อ้อนจนเขายอมทำทุกอย่างขอแค่ได้มาครอบครอง ยอมแม้กระทั่ง..เป็นชู้..“อือ ตอนเย็นเจอกันนะคะ” ใบหน้าหวานยิ้มจนตาเป็นสระอิ ความน่ารักนี้ที่เขาหลงใหล รอยยิ้มแสนหวานที่มักมอบให้ ชอบเหลือเกิน ชอบจนไม่อาจจะตัดใจได้ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเพื่อนสนิท เพื่อนที่เป็นทั้งญาติไม่อาจจะตัดกันขาด“เดี๋ยวเราจะทำของที่ทัพอยากกินไว้รอ” เธอเดินมาส่งเขาท

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status