ณ ห้องประชุม เช้าวันจันทร์ทางบริษัทได้มีการจัดประชุมใหญ่คณะกรรมการผู้จัดการและบุคคลที่เกี่ยวข้องของเหล่าผู้บริหารระดับสูง และหน้าที่ ที่จะต้องเตรียมห้องประชุมและจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ก็ต้องตกเป็นของพนักงานฝึกงานทั่วไป นั่นก็หมายถึงหล่อนโดยไม่ต้องสงสัย ตำแหน่งนี้มีแค่หล่อนแต่เพียงคนเดียว แล้วแถมวันนี้หน้าที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มในช่วงพักเบรก ก็เลยกลายเป็นของหล่อนโดยปริยาย เมื่อพี่นิด แม่บ้านประจำเกิดท้องเสียกะทันหันวันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน นับจากวันที่หล่อนเริ่มมาทำงานจนกระทั่งถึงวันนี้
ครบหนึ่งสัปดาห์แล้วสินะ หากยังไม่เคยเจอกับบอส กรรมการผู้จัดการใหญ่ของที่นี่เลย บุคคลที่เกี่ยวข้องในการประชุม ได้ทยอยมาจนเกือบครบแล้ว ขาดก็แต่คุณมัฆวัฒน์ และก็เป็นวันที่จอมขวัญรอคอยที่จะได้พบอยู่เช่นกัน เพื่อที่จะได้สัมภาษณ์กับท่านอีกครั้งตามที่พี่ปาบอกไว้ก่อนหน้านี้ ใจมันยังคอยเต้นตุ้บ ๆ ต่อม ๆ ไม่หาย หากเจอหน้าบอสใหญ่เธอจะทำตัวอย่างไร ไม่นานนักคนที่หล่อนอยากจะพบตัวจริงก็เดินผ่านประตูเข้ามา ส่งผลให้ทั้งห้องเงียบกริบไปในทันที“คุณมัฆวัฒน์ มาแล้ว” เสียงหนึ่งพูดขึ้น ทำให้จอมขวัญที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารตรงหน้า ต้องหยุดชะงัก เงยหน้าจากกองเอกสารที่เพิ่งหอบมาให้พี่ปาริฉัตร
“นี่ไง คุณมัฆวัฒน์ บอสใหญ่ของที่นี่ เป็นไง หล่อไหม” เสียงพี่ปากระซิบบอกข้างหู คงสังเกตเห็นหล่อนที่ยืนนิ่ง ตาค้าง อ้าปากหวอกระมัง ใช่หล่อ..หล่อมากเลยทีเดียวเชียวล่ะ!
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาหุ่นเหมือนนักกีฬาที่หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งจมูกโด่งสวย ผมสีน้ำตาลเข้ม กระเดียดออกไปทางลูกครึ่ง ริมฝีปากบางรับกับใบหน้าคม มองมุมไหนก็ดูดีไปหมด เสื้อสูทสีเข้มช่วยเสริมให้เขาดูน่าเกรงขามขึ้นเป็นเท่าตัว ชายหนุ่มมาดนิ่ง ใบหน้าเรียบขรึม นั่งลงเก้าอี้ตรงกลางห้องประชุม พร้อมด้วยกระเป๋าเอกสาร และแฟ้มบางอย่างในมือ สายตาคมกวาดเพื่อมองผู้เข้าร่วมประชุม จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจอย่างไรไม่อาจทราบได้ แวบหนึ่ง จอมขวัญรู้สึกได้ว่าบอสใหญ่มองตรงมาทางหล่อนนิ่ง เหมือนสะดุดตาที่เธอ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น แล้วสายตาคู่นั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจำหล่อนได้ หรือสนใจเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะสงสัยว่าเพียงแค่ว่า ยัยคนนี้เข้ามาทำอะไรในห้องประชุม ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มการประชุมทันทีเพื่อที่จะไม่ให้เป็นการเสียเวลาเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจอมขวัญรีบเผ่นแผล็วออกมาทันที เพราะตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุม เกรงว่าจะโดนดุเสียก่อน ก็แค่เอาสำเนาเอกสารเข้าไปให้พี่ปาเท่านั้นล่ะ ไม่ได้อยากเข้าไปรบกวนท่านสักหน่อย แหม..ทำเป็นมองจิกไปได้ จอมขวัญค่อนขอดคนเดียว คิดหมั่นไส้เมื่อนึกถึงสายตาคมดุของใครบางคนเข้า
พนักงานฝึกหัดทั่วไปกลับมาทำหน้าที่เป็นนังแจ๋วตามเดิม การประชุมดำเนินไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ เพราะพอออกมาแล้วหล่อนก็ต้องรับบทเป็นพนักงานจิปาถะทั่วไป เริ่มตั้งแต่แม่บ้าน คนเดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร จนหล่อนกับเจ้าเครื่องถ่ายสำเนานี่แทบจะเป็นญาติกันอยู่แล้ว หากวันใดมันเกิดรวนขึ้นมา หล่อนก็จัดการซ่อมเอง อะไรเอง จนคิดว่าถ้าตกงาน น่าจะไปเปิดร้านรับจ้างถ่ายเอกสารท่าทางจะรุ่ง ตำแหน่งอันทรงเกียรติของหล่อนหรูซะไม่มีล่ะ ถ้าเกิดแม่รู้ ว่าลูกสาวสุดที่รักของแม่ กำลังได้รับเกียรติอย่างแสนสาหัส สากัน นี้ล่ะก็ คงให้ลาออก แล้วไปเป็นลูกจ้างสวนส้มแม่ดีกว่า แง!แม่จ๋า ลูกคิดถึงแม่
ทำงานเพลินจนลืมเวลา ใกล้ได้พักเที่ยงแล้ว ข้าวผัดปูแสนอร่อยของป้าเรียมร้านตรงข้ามบริษัทกำลังรออยู่ แต่กลับเหมือนโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง อาหารแสนอร่อยที่รอเสิร์ฟตรงหน้า หายวับไปในพริบตา เมื่อพี่ปาที่เดินออกมาจากห้องประชุม ตรงดิ่งมาหาเธอด้วยหน้าตาค่อนข้างเคร่งขมึง จนคนมองแอบคิดว่า ไปทำอะไรผิดอีกหนอเรา
“จอม..บอสเรียกให้ไปพบแน่ะ ที่ห้องท่านนะ พี่ไปกินข้าวก่อนล่ะ หิวไส้แทบขาดแล้ว” หง่ะ!..เดี๋ยวสิคะ เธอก็ยังไม่ได้กินเหมือนกันนะ แล้วข้าวผัดปูที่รออยู่ล่ะ โธ่!หิวก็หิว อุตส่าห์สั่งไว้แล้ว ทำไมต้องเรียกไปพบตอนนี้ด้วยนะ ตัวเจ้านายเองคงไม่หิวล่ะสิ เพราะมีของว่างให้ช่วงพักเบรกแล้วนี่ ตาบอสขี้เก๊ก นี่มันเวลาพักนะ เจ้าของร่างเล็กบ่นบ่นงึมงำคนเดียว หากเท้ากลับก้าวมาจนถึงหน้าห้อง ที่ตรงกลางประตูแปะตัวหนังสือหนา ๆ สีทองแล้ว
กรรมการผู้จัดการ โอ๊ย! ตายแล้วทำไมใจมันถึงเต้นไม่เป็นส่ำอย่างนี้ล่ะ จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเฮือกหนึ่ง เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ เมื่อมาถึงก็ได้แต่ยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงบริเวณหน้าห้อง ไม่กล้าที่จะเคาะประตูเข้าไป ได้แต่เดินวนไปมาวนอยู่อย่างนั้น ด้วยความกริ่งเกรง ก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ถ้าเกิดท่านประธานจำได้ ว่าเธอคือยัยซุ่มซ่ามที่ชนกับเขา เมื่อวันแรกที่มาสัมภาษณ์งานในลิฟต์ จนเลือดกำเดาไหลในคราวนั้น จะทำยังไง เขาจะไล่หล่อนออกหรือเปล่า หรือจะลงโทษยังไงก็ยังไม่รู้ โทษฐานที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ดูจากที่ได้สบตาเพียงแค่แวบๆ ในห้องประชุมนั่น ก็เพิ่มความผวาสารพัดให้หล่อนเป็นทวีคูณแล้ว
“มัวทำอะไรอยู่ ถ้ามาถึงแล้วก็เข้ามาได้เลย เสียเวลา” เสียงทุ้มต่ำ ออกจะเข้มงวดดังลอดออกมาจากข้างในห้อง ราวกับมีตาทิพย์รับรู้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้ เขาอาจจะเห็นเงาที่ลอดออกมาจากประตูกระมัง หรือไม่ก็เสียงรองเท้าส้นเตี้ยของเธอที่เดินวนไป วนมาจนไปกระทบโสตประสาทของคนข้างในเข้า เดาจากน้ำเสียงแล้วคงหงุดหงิด รำคาญน่าดู
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ