อ้าว!? อาการอึ้งปนงงในครั้งแรกกำลังเวียนกลับคำรบสอง พอเข้าใจอยู่หรอกนะกับอ้ายสาขาที่หล่อนจบมามันไม่ตรงกับงานที่นี่แน่นอน ก็หล่อนจบมาทางด้านอักษรศาสตร์ ไม่เกี่ยวกับการโรงแรมเลยสักกระผีกเดียว
“อย่าเพิ่งสงสัยอะไร และอย่าเพิ่งถามนะคะ คืออย่างนี้ค่ะ เบื้องบนสั่งลงมาว่าให้รับน้องเข้าทำงานได้เลย แล้วให้ทางพี่จัดหาตำแหน่งงานให้น้องตามแต่พิจารณา ซึ่งพี่ก็ได้จัดตั้งตำแหน่งใหม่ขึ้นมาให้หมาด ๆ เมื่อสองสามวันมานี้เอง หลังจากได้รับคำสั่ง ซึ่งนั่นก็คือ ..เป็นพนักงานฝึกหัดทั่วไปก่อน ก็คอยช่วยงานภายในและภายนอกออฟฟิศ ทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย พอทำได้ไหมคะ สงสัยอะไรถามได้เลยนะถ้าตอบได้พี่ก็จะตอบ อ้อ! อีกอย่างนะ น้องอาจจะต้องได้สัมภาษณ์ กับบอสใหญ่ คุณมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกลอีกรอบ ซึ่งท่านเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของที่นี่ พอดีว่าช่วงนี้ท่านต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว คงเข้าใจอะไรมากกว่านี้ เอาล่ะ ว่าไงจ๊ะ ตกลงว่ายังไง O.K หรือ NO.K ..” คุณปาริฉัตรอธิบายเสียยืดยาวอยู่ฝ่ายเดียว ถึงคราวที่หล่อนจะต้องตอบแม้ในหัวจะเต็มไปด้วยความแปลกใจ สมองของเธอมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
“อ่ะ..ค่ะ ต่ะ..ตกลงค่ะ” จอมขวัญเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง รีบตอบกลับพัลวัน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง งานไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ยิ่งเป็นบริษัทใหญ่ ๆ อย่างเอ็ม ไอ พี นี่แล้วด้วย จะอะไรก็คว้าไว้ก่อนละกัน
“งั้นเอาเป็นว่าตกลงตามนี้ เริ่มงานพรุ่งนี้ พอไหวไหม?” คนถามยังถามต่อ จอมขวัญพยักหน้าหงึกหงักอีกตามเคย
“อ้อ!ลืมแนะนำตัวไปพี่ชื่อปาริฉัตร เรียกพี่ปาเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วเราล่ะชื่ออะไรจะได้เรียกง่าย ๆ”
“ชื่อ..จอมค่ะ” รู้สึกผ่อนคลายลงไปบ้างเมื่อคุณปาริฉัตรหรือพี่ปา พูดคุยอย่างเป็นกันเอง จนทำให้อาการประหม่าในตอนแรกลดทอนลงไปบ้างแล้ว หลังจากการสนทนา ซึ่งส่วนมากผูกขาดไปที่คุณปาริฉัตรเสียมากกว่า การสนทนาสิ้นสุดลง พี่ปาหรือคุณปาริฉัตรก็ได้เรียกให้คุณสุชาดา พี่สาวคนที่พาเธอเข้ามาในตอนแรก เพื่อนำหล่อนไปอีกห้องหนึ่ง แนะนำถึงกฎ ระเบียบต่าง ๆ ของบริษัท และหน้าที่ของหล่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มงานที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก
ถัดจากนั้นคุณสุชาดาก็พาหล่อนทัวร์จนรอบบริษัทพร้อมกับแนะนำ ให้หล่อนได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานใหม่ หลาย ๆ คนหลาย ๆ แผนก บางคนยิ้มต้อนรับ บางคนแค่พยักหน้า จนแทบจำไม่หวาดไม่ไหว อะไรมันจะใหญ่โตขนาดนี้ แต่ก่อนที่จะจบภารกิจที่คุณสุชาดา หรือพี่สุ ผู้มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวให้หล่อนเสร็จสิ้นลง และก่อนที่หล่อนจะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม จอมขวัญเลยตัดสินใจแอบกระซิบถามความในใจที่มันค้างคาตั้งแต่ตอนแรก
“พี่สุคะ ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” จากการที่ได้พูดคุยและความเป็นกันเองของพี่สุทำให้กล้าที่จะถามเจ้าหล่อน ซึ่งก่อนหน้าคุณปาริฉัตรให้ถาม ยังกล้า ๆ กลัว ๆ จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ถามคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าอยู่ดี
“อะไรเหรอ..ถ้าตอบได้ ก็จะตอบ” อีกฝ่ายพูดยิ้ม ๆ
“จอมสงสัยน่ะค่ะ ว่าทำไมเขารับจอมโดยที่ไม่ต้องผ่านการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ แถมยังไม่มีตำแหน่งว่างด้วย แล้วไหนจะต้องได้สัมภาษณ์กับกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้วยหรือคะ กับแค่ตำแหน่งพนักงานฝึกหัดทั่วไป” สุชาดาอมยิ้มกับคำถามของหล่อน ก่อนตอบ
“พี่ก็ไม่ทราบรายละเอียดมากมายนักหรอก แต่เท่าที่รู้เราน่ะเส้นใหญ่น่าดูนี่ อ่ะ..ไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน พี่ต้องไปทำงานต่อ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ กลับบ้านไปเตรียมตัวดีกว่าจ่ะ ไปนะ” สองสามนาทีผ่านไป จอมขวัญยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จากคำตอบที่พี่สุตอบมา 'เราน่ะเส้นใหญ่น่าดูนี่' เส้นใหญ่เหรอ จะเอามาจากไหนล่ะอ้ายเส้นที่ว่าน่ะ คนที่นี่ก็ไม่รู้จักสักคน คนใหญ่คนโตที่เป็นระดับบิ๊ก ๆ ก็ไม่เคยคบเฮ้อ..งง
นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ มีแต่เรื่องราวทั้งตื่นเต้น ตกอกตกใจ สุดท้ายตามมาด้วย ความงุนงงสงสัยหลากหลาย เข้ามากระทบระบบประสาทของหล่อนจนรู้สึก มึนตึบ!..ปวดหัวตุบๆ หรือจะเป็นอาการของคนที่รู้สึกตื่นเต้น กับการที่เพิ่งจะได้งานทำเป็นครั้งแรกก็เป็นไปได้ โอ้ย!..ไม่ไหวแล้ว กลับบ้านไปตั้งหลักก่อนดีกว่า นอนพักแล้วค่อยคิดใหม่ ทิ้งความงุนงงสงสัยไว้ชั่วคราว จะต้องไปเตรียมตัวเพื่อเริ่มงานในวันพรุ่งนี้อีก แล้วไหนจะต้องโทรไปรายงานทางบ้านว่าหล่อนได้งานทำแล้ว หลังจากที่ว่างงานอยู่เป็นนาน พ่อกับแม่คงดีใจพร้อมทั้งปลื้มปริ่มกับลูกสาวสุดที่รักของท่านมาก แน่ ๆ เลย ที่หล่อนมีงานมีการทำเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเสียที
นึกมาถึงตรงนี้ แล้วก็ให้คิดถึงท่านขึ้นมาจับใจ อยากคุยด้วยเป็นที่สุด ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์คู่ใจกดเบอร์ที่บ้านทันที จอมขวัญคุยกับผู้ปกครองทั้งสองจนกระทั่งแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดแล้วนั่นล่ะ ถึงได้ยอมวางสาย ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงได้เม้าท์ยาว ยันดึกดื่นเที่ยงคืนเป็นแน่..
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ