จอมขวัญสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้า มือเล็กจับลูกบิดค่อย ๆ เปิดประตูบานใหญ่ แทรกตัวเข้าไป อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ปนตื่นกับสถานที่เล็กน้อย เมื่อมองเห็นร่างสูงคุ้นตาที่ตอนนี้นั่งหันหลังให้ และเหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้การเข้ามาของเธอ เขาจึงค่อย ๆ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่มาเผชิญหน้ากับหล่อน จอมขวัญ สังเกตเห็นว่าเขากำลังก้มอ่านอะไรบางอย่างในมือ บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลางห้อง คลับคล้าย คลับคลา ว่าน่าจะเป็นเอกสารสำคัญบางอย่าง และนั่นอาจจะเป็นแฟ้มประวัติส่วนตัวของหล่อนก็เป็นได้
“เข้ามาในห้องของคนอื่น ควรจะเคาะประตูก่อน แล้วค่อยขออนุญาตเข้ามา ยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้วด้วย คุณยิ่งควรกระทำอย่างยิ่งเลยนะ คุณจอมขวัญ มงคลเกียรติ ไม่มีใครบอกคุณถึงมารยาทข้อนี้หรือ?” น้ำเสียงที่ฟังแล้วคล้ายต่อว่ากลาย ๆ และลงท้ายด้วยคำพูดเชิงประชดประชันเล็กน้อยนั่น ทำให้หล่อนถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ที่เขาพูดมาก็ถูก ไม่คิดหน้าคิดหลังเลย จอม เอ้ย จอม นี่ขนาดไม่ทันไรก็โดนซะแล้วจอมจุ้นเอ๊ย!
มัฆวัฒน์ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเจ้าของนามว่า จอมขวัญ จงใจเรียกเน้นชื่อและนามสกุลหล่อนให้ชัดเจน ราวกับท่องจนขึ้นใจมาแล้วหลายรอบ จอมขวัญยืนนิ่งอยู่กลางห้องราวกับถูกสาป ก้มหน้างุด ไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน แม้กระทั่งหน้าก็ไม่กล้าที่จะมองไปยังเก้าอี้ที่มีชายร่างสูงนั่งอยู่ ด้วยจำนนต่อเหตุผลที่เขาว่า ก็เพราะอาการตื่นเต้นจนลืมทำตามมารยาทไปเลย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป จนกระทั่งอีกฝ่ายพูดขึ้นมาอีก
“นี่ผมไม่ได้รับคนใบ้เข้ามาทำงานหรอกใช่ไหม? และอีกอย่างเวลาพูด ผมไม่ชอบให้ใครหลบตา มันเหมือนไม่สนใจในคำพูดของผม” จากที่เอาแต่ก้มหน้างุด ก็เลยเชิดหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อได้ยินประโยคที่แทงใจคนฟังได้อย่างเจ็บแสบน่าดูนั่นทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหล่อนเอามาก ๆ ทีเดียว ทำอะไรก็ดูผิดไปเสียหมด นี่เราไปทำอะไรให้เขาตอนไหนนะ จอมขวัญเม้มริมฝีปากแน่น จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ก็เอาสิอยากให้มองก็มองแล้วไง ขณะที่ใบหน้าเครียดขรึมดวงตาคมกริบก็จ้องตอบกลับมาไม่ลดละเช่นกัน
“คุณจะยืนจ้องหน้าผม แล้วก็ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่อย่างนี้น่ะหรือ?” อ้าว!..จะอะไรกันนักกันหนาคะเจ้านาย ทำไมต้องแขวะกันซ้ำ ๆ ด้วย เคืองแล้วนะ
“ก็..ท่านยังไม่ได้ อนุญาตให้ดิฉันนั่งเลยนี่คะ” เอาแล้วสิ! ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยยอมใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถ้าตัวเองไม่ผิด ดิฉันนางสาวจอมขวัญ ก็ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ ปากไวเท่าความคิดจึงได้เผลอหลุดพูดประโยคที่ทำเอาบอสใหญ่ถึงกับนิ่งอย่างนึกขึ้นได้ แอบทึ่งนิด ๆ นี่หล่อนกล้าย้อนคำพูดของเขาซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างเธอผู้นี้มาก่อน
“งั้น..ก็เชิญนั่ง” มัฆวัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย ผายมือเป็นเชิงบอกให้หล่อนนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” จอมขวัญก้าวเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงกันข้ามกับเจ้านายใหญ่ รู้สึกขัด ๆ เขิน ๆ ไม่หายกับคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่ แต่ก็แอบกริ่งเกรงอยู่ว่าจะโดนโต้กลับมาอย่างเจ็บ ๆ แสบ ๆ อีก แต่แปลกแฮะ รอบนี้ไม่ยักกะโดน รู้สึกแก้มยังร้อนวูบวาบไม่หาย เมื่ออีกฝ่ายยังคงมองมาที่หล่อนอย่างจงใจ สายตาคมดุเพ่งพินิจพิจารณา ประเมินค่าในตัวหล่อนไปในคราวเดียวกัน จอมขวัญขยับจัดระเบียบตัวเองเสียใหม่ ยืดอกนั่งตัวตรง รู้สึกขัดเขินกับแววตาคู่นั้นไม่หาย สายตาดูแคลนยังคงจับนิ่งอยู่ที่ตัวเธอ ไม่วางตา (ไม่ใช่มองแบบว่า เธอสวยซะจนละสายตาไปไม่ได้ แต่มองแบบนี้เขาเรียกว่ามองแบบจิก เสียมากกว่า)
จะมองอะไรนักหนานะ หรือว่า..เขานึกและเริ่มจำหล่อนได้ขึ้นจริง ๆ เลยจะทวงผ้าเช็ดหน้าคืน ทุกวันก็เอามาอยู่หรอก แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอเจ้าของแบบจังๆ แล้วแถมเป็นคน คนเดียวกับที่เจอกันในลิฟต์นั่น พอวันนี้ไม่ได้พกมา ก็ดันจะมาทวงคืน เอาไว้วันหลังนะคะบอส.. จอมขวัญคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา หากสายตาทิ้งอยู่แค่บริเวณคอเสื้อเชิ้ตภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของเขาเท่านั้น หล่อนได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่าย แสดงถึงความอึดอัดใจ ร่างสูงเอนตัวไปพิงกับเก้าอี้บุหนังชั้นดีด้านหลัง มือใหญ่หมุนปากกาสีทองราคาแพงไปพลาง พร้อมกับเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า
“คุณมาสมัครงานที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความกังขาในที
“คะ!อ้อ เพื่อนดิฉันค่ะเขาแนะนำให้มาสมัคร” จอมขวัญเอ่ยตอบตะกุกตะกัก เพราะยังงุนงงกับคำถามของผู้เป็นเจ้านาย แต่ดูเหมือนว่า คำตอบของหล่อนจะไม่กระจ่างสักเท่าไหร่ ดูจากท่าทางและแววตาของเขา ที่ยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และยังไม่พอใจในคำตอบของหล่อนอยู่
“คุณรู้จักคนในบริษัทนี้หรือเปล่า หมายถึง ญาติสนิท เพื่อน หรือคนรู้จักที่นี่” จอมขวัญเงยหน้าขึ้นมองเขาตรง ๆ เป็นครั้งแรก เริ่มเข้าใจราง ๆ แล้วว่าบอสใหญ่หมายถึงอะไร นี่เจ้านายคิดว่าหล่อนใช้เส้นสายเข้ามาอย่างนั้นหรือ เขาจึงจำเป็นต้องรับหล่อนเข้ามาทำงาน ในบริษัทอันใหญ่โตนี่ ฮึ! เราคงเส้นใหญ่น่าดูสินะ ว่าแต่..อ้ายเส้นที่ว่ามันมาจากไหนล่ะ
“คุณจอมขวัญ ขอเรียกชื่อเลยก็แล้วกัน คุณไม่ต้องอายหรอก ตอบมาตรง ๆ เลยเถอะ รู้ไหมว่าผมเกลียดคนโกหกที่สุด เพราะมันเหมือนโดนหักหลังซึ่งถ้าเป็นคุณ คุณก็คงไม่ชอบเช่นกัน ใช่ไหม?”คิ้วเข้มที่ไม่ได้ตกแต่งให้ดูเรียวสวย ขมวดเข้าหากันมุ่น มือที่วางอยู่บนตักใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ กำเข้าหากันแน่น กับคำว่า “เกลียด” มันเหมือนค้อนที่มาทุบลงมาที่หัว จอมขวัญรู้สึกเจ็บจนมึนกับคำพูดของเขา เหมือนจงใจให้หล่อนได้รู้ตัวและยอมสารภาพ ในสิ่งที่เขากล่าวหามาซะ ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อย เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ทำหน้าตาใสซื่อเข้าไว้ก่อนตอบออกไป
“ดิฉันไม่รู้จักใครในบริษัทนี้จริง ๆ ค่ะ และก็ไม่ทราบว่าเส้นสายมาจากไหน ดิฉันแน่ใจว่าได้ตอบท่านตามความเป็นจริงแล้วว่า เพื่อนแนะนำให้มาสมัครก็เท่านั้น ถึงแม้ท่านจะเค้นเอาคำตอบอีก ดิฉันก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมค่ะ และดิฉันเองก็เกลียดการโกหกเหมือนกับท่านนั่นล่ะค่ะ ถ้าหากว่าท่านยังคลางแคลงใจในตัวดิฉันอยู่ ก็ยินดีลาออก และก็ขอขอบคุณมากนะคะที่ท่านอุตส่าห์ ให้โอกาสดิฉันได้เข้ามาทำงาน เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะมาได้แค่อาทิตย์เดียวก็ตาม” จอมขวัญตัดสินใจพูดออกไป..ดีกว่าปล่อยให้เขามาดูถูกดูแคลนอยู่ได้ สู้ชิงพูดออกไปอย่างที่ใจคิดดีกว่า ยังไงเสียเขาก็คงไม่ให้ทำงานต่อไปอีกหลังจากที่ได้ยินประโยคที่หล่อนพูดออกมาเมื่อสักครู่ เขาก็ช่างกระไร จะมามัวพูดพร่ำทำเพลงอยู่ทำไมจะไล่ก็ไล่เลยสิ
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ