“มีอะไรพร้าว”“ไฟห้องน้ำมันเสีย เปิดไม่ติด ทำไงดี” แพรวพราวหน้าถอดสีเล็กๆ เพราะนี่ก็ค่ำแล้ว เธอจะอาบน้ำยังไง ส่วนเพลงพิณนั้นส่ายหน้าให้น้องสาว “ทำไง ก็เปลี่ยนสิ”“เปลี่ยน ตามช่างเหรอ”“ตามทำไม พี่เปลี่ยนเองได้” เพลงพิณยิ้มมุมปาก แถมยังยักคิ้วให้คนตรงหน้า ถึงความมั่นใจว่าเธอเปลี่ยนหลอดไฟได้เองอีกต่างหาก “เอาจริง” แพรวพราวถามพี่สาวอีกครั้ง นี่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านคนเดียว พี่สาวเธอเก่งถึงขั้นเปลี่ยนหลอดไฟได้เองแล้วเหรอ “จริง” คนเป็นพี่ตอบเสียงหนักแน่น แต่คนเป็นน้องก็ยังยืนทำหน้าอึ้งๆ งงๆ อยู่ “เดี๋ยวพี่ไปเอาบันไดหลังบ้านก่อน ระหว่างนี้พร้าวไปหยิบหลอดไฟในห้องเก็บของให้พี่ที พี่จำได้ว่าซื้อเก็บไว้อยู่ อ้อ…สับเบรกเกอร์ให้พี่ด้วย กันไฟดูดตอนพี่เปลี่ยนไว้หน่อยก็ดี ยังไม่อยากถูกช็อต”“จ้ะ” แพรวพราวพยักหน้าให้ ก่อนที่ต่างคนจะต่างแยกย้ายไปหยิบอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนหลอดไฟ โดยที่แพรวพราวนั้นไม่ลืมที่จะสับเบรกเกอร์ไฟฟ้าตามที่พี่สาวบอกไม่ถึงห้านาที ตอนนี้เพลงพิณขึ้นมายืนอยู่บนบันไดที่ไปคว้ามาจากหลังบ้าน ส่วนแพรวพราวน้องสาวช่วยจับบันไดให้อีกแรง พร้อมกับชะเง้อมองพี่สาวที่ตอนนี้เปลี่ยนหลอดไฟด้วยท่าท
“งั้นวันเสาร์นี้มิ้นก็ไปบ้านเจ้ด้วยสิ จะได้ไปปาร์ตี้บ้านใหม่เจ้กัน”“ได้ค่ะ” คนถูกชวนเอ่ยรับ ก่อนที่ทั้งสามคนจะได้เวลาสลายตัวเพราะได้เวลาเลิกงานแล้ว แต่หนึ่งในสาม ยังต้องไปทำงานต่อที่คลินิกอีกสี่ชั่วโมงถึงจะกลับบ้านได้เพลงพิณรอเวลาปิดคลินิกพอๆ กับรอเวลาเลิกงานที่โรงพยาบาล เมื่อจัดการใส่กุญแจประตูเรียบร้อย เธอก็รีบขับรถตรงกลับมายังบ้านทันที และยังไม่ทันจะได้ลงจากรถ เธอก็มองเห็นหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟร์เร ยืนอุ้มแมวโชคดีหรือที่เขาเรียกว่าลัคกี้รออยู่ตรงรั้วบ้านของเธอ นั่นทำให้เพลงพิณรีบจอดรถให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวแล้วเดินตรงไปยังเขา นั่นทำให้เธอมองเห็นเฟร์เรแบบชัดๆ ผู้ชายมาดเซอร์ผมยาวและยังคงมัดจุกยืนอุ้มแมว ช่างเป็นภาพที่น่ามองไม่น้อย เห็นแล้วอกซ้ายก็เต้นตึกๆ ตักๆ พอตั้งสติได้ จึงเอ่ยขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอ “ขอโทษที พอดีฉันกลับดึกไปหน่อย”“ไม่เป็นไรครับ” เอ่ยจบ เฟร์เรก็ส่งลัคกี้ให้เพลงพิณอุ้ม อันที่จริงเขาแค่อุ้มลัคกี้ออกมาเดินเล่น แต่ไม่รู้เดินเล่นยังไง ถึงมาชะเง้อมองหาเพื่อนบ้านสาวที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่กลับเสียที จนอยากผิดข้อตกลง ด้วยการรับดูแลลัคกี้เพียงคนเดียว แต่ข้อ
แม้จะต้องตื่นแต่เช้ากว่าเดิม เพราะต้องคอยดูแลโชคดีก่อนออกไปทำงาน แต่เพลงพิณกลับมีความสุขที่ได้ดูแลเจ้าแมวน้อย ที่หมั่นมาคลอเคลีย ออดอ้อน ร้องเหมียวๆ เกาะแข้งเกาะขาอยู่แทบจะตลอดเวลา เสียงอ้อนของโชคดีทำให้ทาสแมวอย่างเธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกและคนที่มาหาเธอเป็นคนแรกของอาทิตย์นี้ กลับไม่ใช่บุหลันหรือลลินดา แต่กลับเป็นหมอโปรด สัตวแพทย์เพื่อนสนิทของเพลงพิณนั่นเอง แต่พอมาถึงโปรดกลับเอาแต่ชะเง้อชะแง้มองข้างบ้านอยู่นั่น มองจนเพลงพิณหมั่นไส้“ถ้าจะมองขนาดนี้ แกไปหาเขาเลยไหม...หืม”“หึงเหรอยะ”“หึงอะไร ไม่มี แล้วอีกอย่างฉันจะหึงแกเพื่อ ในเมื่อฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เพลงพิณออกตัว เพราะไอ้อารมณ์หึง หวง แนวๆ ชู้สาว สำหรับเธอมันห่างหายไปนานมาก นานจนแทบจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้วมั้ง “อ่ะๆ ตอนนี้ยัง แต่อนาคตก็ไม่แน่” โปรดไหวไหล่เบาๆ “เพ้อ…ว่าแต่แกชะเง้อมองข้างบ้านทำไม”“พอดีฉันมีธุระจะคุยกับเบคเขาหน่อย แกคิดว่าเขาจะอยู่บ้านไหม” ขณะตอบเพลงพิณ โปรดก็ยังคงไม่หยุดชะเง้อ นั่นเพราะเขามีธุระจะคุยกับเฟร์เร ก่อนหน้านี้เฟร์เรแวะไปที่คลินิกเขาบ่อยๆ นั่นเพราะชายหนุ่มแวะไปดูอาการป่วยของแมวที่เขาพ
“เหรอ แล้วไอ้ที่ฉันเห็นตอนมาถึง ว่าแกกำลังตัดหญ้าอยู่คืออะไร”“ก็หญ้ามันยาว ฉันก็แค่ตัดไง” ฟังแล้วโปรดก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ฉันล่ะอยากดีดหน้าผากชะนีอย่างหล่อนจริงๆ แทนที่จะเอ่ยปากขอให้หนุ่มข้างบ้านมาช่วยตัดให้ แค่นี้หล่อนก็ได้ใกล้ชิดเขาแล้ว พอเขาตัดหญ้าเสร็จ เสียเหงื่อใช่มั้ย แกก็ชวนเขาออกไปกินน้ำ กินข้าว บอกเลี้ยงขอบคุณอะไรก็ว่าไป” โปรดร่ายยาวส่วนเพลงพิณน่ะเหรอ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักให้ เพราะไม่ทันคิดจริงๆ “ก็ไม่ทันคิด” น้ำเสียงอ้อมแอ้มเอ่ยตอบ “หลังจากนี้ก็หัดคิดได้แล้ว อยากแอ๊วหนุ่มมาแอ้มมันต้องใช้จริตหน่อยสิ เกิดเป็นหญิงอย่าให้เสียชาติเกิด อะไรอ่อนแอก็จงอ่อนแอ อย่าทำเป็นเข้มแข็ง ทำได้ไปเสียทุกอย่าง ผู้ชายเขาไม่ปลื้มหรอกจะบอกให้ เขาอยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อยากโชว์แมน”“อ้อ…แกนี่ช่างเข้าใจชะนีอย่างฉันจริงๆ เอามดลูกไปเลยมะ ฉันยกให้”“ถ้าเอามาต่อกับกระเพาะฉันแล้วมันทำงานได้ปกติเหมือนอยู่ในตัวแก ฉันเอามานานแล้วย่ะ” คำพูดของสัตวแพทย์โปรด ทำให้คนฟังขำก๊ากออกมา ก่อนที่โปรดจะจัดคอร์สมารยาหญิงให้เพลงพิณเพื่อนำไปใช้อ่อยหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อเฟร์เร ซึ่งขณะนั่งเรียนวิชาแอ๊วหนุ่มอยู่นั้น เพล
“ก็ยี่ห้อที่ขายในคลินิกโปรดน่ะ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก”“ครับ…แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้วง่วงหรือยังครับ” เมื่อประโยคแรกคำตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิด เฟร์เรก็เอ่ยถามอีกประโยค นั่นเพราะยังไม่อยากให้เพลงพิณกลับเข้าบ้านของเธอในตอนนี้ “ยังค่ะ” ต่อให้ง่วง แต่เพลงพิณก็จะถ่างตาให้ไม่ง่วง ไหนๆ จะจีบหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหมั่นหาจังหวะขายขนมจีบจริงไหม หรือถ้ายังจีบไม่เป็น ทอดสะพานเหมือนที่โปรดบอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่มาคิดๆ ดูเพลงพิณก็แอบกังวล เกิดเธอทอดสะพานให้แล้วเฟร์เรไม่สนใจ งานนี้เธอได้อายจนมุดแผ่นดินหนีแน่ แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เธอก็พร้อมจะรับมัน “งั้นดีเลย ถ้าผมจะรบกวนคุณเข้าไปนั่งเล่นกับลัคกี้ในบ้านฆ่าเวลาตอนผมกินข้าว จะได้ไหมครับ” แม้คำชวนมันจะไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงพิณก็พยักหน้าให้ “ได้สิ”“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มของเฟร์เรเอ่ยรับ ก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญเพื่อนบ้านสาวสวยแต่ติดลุคทอมบอยเข้าไปภายในบ้านที่รูปทรงภายนอกนั้นไม่ได้ต่างไปจากบ้านของเพลงพิณสักเท่าไหร่นัก แต่การตกแต่งที่บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าบ้านต่างหากที่แตกต่างกัน เพราะบ
“งั้นเรารีบออกไปซื้อกันดีกว่า ป่านนี้ห้างสรรพสินค้าคงยังไม่ปิด”“ป่านนี้ไม่ปิดก็ใช่ แต่กว่าจะขับรถไปถึง ประตูห้างก็คงปิดพอดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนก็ได้ค่ะ”“งั้นคุณยืนรอผมตรงนี้ก่อน” เอ่ยบอกเสร็จ เฟร์เรก็หมุนตัวกลับมายังบ้านทันที เพลงพิณยืนงงๆ ว่าชายหนุ่มจะให้เธอรออะไร แต่สักพักพอเห็นเขาเดินมาพร้อมหลอดไฟในมือ เธอก็ถึงบางอ้อ“หลอดไฟ คุณไปเอามาจากไหน”“ก็ในห้องรับแขกผมนั่นแหละ”“เอ้า! แบบนี้บ้านคุณก็มืดน่ะสิ” เพลงพิณอุทานออกมาเสียงสูง“บ้านผมมืดไม่อันตรายเท่าบ้านคุณมืดหรอก ไปครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนหลอดไฟให้” เฟร์เรเอ่ยตัดบท“แต่ว่า…”“อย่าห่วงเลย ผมอยู่มืดๆ ได้ อีกอย่างไฟหน้าบ้านหลังบ้านก็มี ขาดก็แค่ตรงกลางเท่านั้นเอง”“ก็ได้ค่ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะพาเฟร์เรเข้าบ้าน เธออาสาจะไปเอาบันไดมาให้ แต่สุดท้ายเฟร์เรก็ไปช่วยแบกมาจากหลังบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟให้เธอเสร็จสรรพ โดยเจ้าของบ้านช่วยจับบันไดให้อีกแรง
การเลือกซื้อหลอดไฟ ที่เคยเป็นงานง่ายมากสำหรับเพลงพิณ ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่ตอนนี้กลับเป็นงานยาก นั่นเพราะเธอจงใจทำเป็นยืนงงๆ สับสนกับขนาดของหลอดไฟ ว่าควรซื้อแบบไหน อะไร ยังไงดี ท่าทางของเธอพลอยทำให้เฟร์เรยิ้มกับคำถามที่ได้ยินตลอด“อันนี้ดีไหม แล้วอันนี้ล่ะใช้ได้หรือเปล่า ถ้าซื้อไปแล้วเกิดใช้ไม่ได้ทำไง เอามาเปลี่ยนเหรอ” เพลงพิณถามเอง ตอบเอง กระทั่งเฟร์เรก็ชักจะมึนๆ จนต้องให้พนักงานขายมาช่วยอธิบาย จึงได้ข้อสรุปว่าควรซื้อหลอดไฟแบบไหนจากนั้นเพลงพิณก็พาเฟร์เรไปทานอาหาร ซึ่งเธอเลือกร้านอาหารไทยแท้ ซึ่งรับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากหนุ่มมาดเซอร์แน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพลงพิณคาดการณ์ไว้ เพราะเฟร์เรชมอาหารที่ได้ทานแทบไม่ขาดปากหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาบ้าน เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟให้เสร็จ โดยเฟร์เรเลือกที่จะนำหลอดไฟที่เพิ่งซื้อมาไปเปลี่ยนให้เพลงพิณ แล้วนำหลอดไฟดวงเก่าที่เปลี่ยนให้เธอไปเมื่อคืนกลับไปใช้ต่อ ความใส่ใจของเขายิ่งทำให้เพลงพิณเพ้อหนักไปกว่าเดิมอีก“น่ารัก” เพลงพิณเอ่ยชมเฟร์เรอยู่ห่างๆ มองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ
“ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับไปตรงๆ นั่นทำเอาเพลงพิณคอตก“ฉันขอโทษ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามน้องคุณนะ ก็…ฉันนึกว่าเป็นคุณนี่นา”“คุณนี่มันจริงๆ เลยนะ” จากที่โกรธเธออยู่ พอมาเจอประโยคนี้ของเพลงพิณเข้า เฟร์เรก็ถึงกับโกรธไม่ลง ยิ่งได้เห็นสีหน้า รวมถึงท่าทางที่กำลังอ้อนให้เขาหายโกรธด้วยแล้ว เฟร์เรก็ใจอ่อนยวบ“ฉันขอโทษ อย่าโกรธเลยนะคะ...นะ” เพลงพิณสวมวิญญาณโชคดี เข้าไปสวมกอดชายหนุ่มไว้แล้วคลอเคลีย ออดอ้อนขอให้หายโกรธ แต่พอเห็นว่าเขายังนิ่งๆ ก็ชูนิ้วก้อยออกไป“ดีกันนะ...นะ อย่าโกรธกันเลย”“ตามผมมานี่” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะจูงเพลงพิณให้ตามขึ้นไปชั้นบน เฟร์เรเผลอยิ้มกับการง้อของคนรัก แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะหายโกรธเธอตอนนี้“คุณเบค คุณจะพาฉันไปไหนคะ ปล่อยก่อน” ทันตแพทย์สาวรีบห้าม เมื่อเห็นเขาพาเธอเข้ามายังห้องนอน ใจนั้นเต้นตุ๋มๆ ต้อมๆ ว่าเขาอาจลงโทษเธอด้วยการทำมิดีมิร้าย ถ้าเป็นจริง เธอจะทำยัง
“นี่ก็รู้ดี”“แล้วถ้าไม่รู้ ฉันจะเป็นเพื่อนสนิทแกเหรอยัยโปรด”“ย่ะ…เพราะฉันก็มีชะนีอย่างแกเป็นเพื่อนสาว เป็นเพื่อนแท้คนเดียวที่หาจากไหนไม่ได้ของฉันเหมือนกัน” เพราะคำพูดซึ้งๆ ของโปรดทำเอาต่อมน้ำตาพานจะไหล เพลงพิณจึงเฉไฉ“โอ๊ย! พอๆ อย่ามาทำซึ้งตอนนี้ เดี๋ยวฉันเป่าปี่เป็นพระอภัยอีกรอบ”“เรียกนางผีเสื้อสมุทรเหรอยะ” โปรดแซวทันที“เรียกเบคมาต่างหากเล่า แค่คิดถึงก็มีความสุข...กรี๊ดดด!!!”“บทแกจะเพี้ยนนี่ก็เพี้ยนจนโรงพยาบาลบ้าไม่รับรักษาเลยนะ ยัยบ้า” เอ่ยจบก็ส่ายหน้าให้คนข้างๆ ทันที โปรดมีเพื่อนไม่เยอะ แต่ถึงไม่เยอะก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ อยู่กับเพื่อนดีแค่ไม่กี่คน ยังดีกว่ามีเพื่อนเป็นสิบเป็นร้อย แต่หาความจริงใจให้กันไม่ได้เลยความสัมพันธ์ระหว่างเพลงพิณและเฟร์เรนั้น เรียกได้ว่าหวานหยด น้ำตาลเรียกพี่ ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างเดินเข้านอกออกภายในบ้านของกันและกันได้อย่างส
เพราะไม่ต้องการให้เกิดความหมางใจกับบุหลัน เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกกันไปมากกว่านี้ เพลงพิณจึงตัดสินใจที่จะคุยแบบเปิดอกกันไปเลย เธอนัดแนะให้บุหลันขึ้นไปพบที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ที่ถูกออกแบบให้เป็นสวนย่อมๆ“นัดเค้ามา มีอะไรหรือเปล่าเจ้” บุหลันพอจะรู้ว่าเพลงพิณนั้นจะคุยอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่วายถามออกไป“ส้ม…คนนี้เจ้ขอ”“หืม…เจ้จะขอใคร” แม้จะรู้ว่าใคร แต่บุหลันก็ยังถาม เห็นสีหน้าเครียดๆ ของเพลงพิณแล้วก็อยากอำต่อ คนอะไร บทจะห้าวก็ห้าว ไม่แคร์นางสาวที่ใช้นำหน้าชื่อตัวเองเลย“คนที่ส้มกำลังขายขนมจีบเขาอยู่น่ะ”“อ้อ…เบคน่ะเหรอ” บุหลันแสร้งทำเป็นร้องอ๋อ“แกไปจีบคนอื่นเลยส้ม คนนี้เจ้ขอว่ะ”“เอ้า! เจ้ อยู่ๆ มาขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”“อืม” เพลงพิณเอ่ยรับ ก็จะให้เธออ้อมค้อมไปทำไม เปิดอก พูดกันไปตรงๆ มันนี่แหละ จะได้เข้าใจ แต่จะว่าไป เกิดมาเธอก็เพิ่งจะทำแบบนี้นี่นา“ส้มขอเหตุและผลของการถอนตัวหน่อยเจ้ ถ้าฟังขึ้
แม้จะไม่เคยเสียจิ้นกินตับกับใคร แต่เรื่องจูบ เพลงพิณก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง แหม…เธออายุปูนนี้แล้วนี่นา ไม่ใช่สาวรุ่นวัยขบเผาะเสียเมื่อไหร่ แต่ดูท่าประสบการณ์จะน้อยนิดไปหน่อย เพราะตามความช่ำชองของเฟร์เรไม่ทัน ส่งผลให้เพลงพิณหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม ยามที่ริมฝีปากอุ่นจัดบดขยี้ลงบนปากอิ่ม บางครั้งก็อ้อยอิ่งคลอเคลียหยอกเย้าเอาใจการจูบโต้ตอบของเพลงพิณทำให้เฟร์เรพอใจ แม้เธอจะเก้ๆ กังๆ บ่งบอกว่ายังอ่อนประสบการณ์ไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะทำให้เธอเร่าร้อนได้ไม่ยาก ปากอุ่นจัดของเฟร์เรยังคงทำหน้าที่มอบจูบให้คนในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะยกมืออีกข้างขึ้นมาจับคางมนของเพลงพิณแล้วสัมผัสเบาๆ เพื่อให้ริมฝีปากเธอเผยอออก จากนั้นก็ส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เพื่อดูดดื่มความหวานจากเธอ“อื้อ…” เสียงครางคล้ายจะต่อต้านดังมาจากเพลงพิณ นั่นเพราะความเร่าร้อนที่มากขึ้นของเฟร์เร ทำให้เธอถึงกับขาอ่อน อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจูบเขามากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ไหนจะกอดแน่นๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้อีก แน่นเสียจนเธอหายใจไม่ออก เกือบจะแทรกเข้าไปในตัวเขาได้
“ก็มันน่าคิดออก” ได้ยินแบบนี้ เฟร์เรก็ทำท่าจะดีดหน้าผากเธออีกครั้ง นั่นทำให้เพลงพิณต้องรีบห้าม “อย่าดีดนะ เจ็บแล้ว”“คุณนี่ ไม่ไว้ใจกันเลย”“เอ้า! หรือไม่จริง”“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจทำ แต่สำหรับผม ไม่…ก็คือไม่” เฟร์เรตอบเสียงหนักแน่น พลอยทำให้เพลงพิณยิ้มออกและรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปอีก ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน เข้าบ้านไปเอาไม้เบสบอลมาตีหัวแล้วลากเลยซะดีมั้ยเนี่ย รวมทั้งร้องขออยู่ในใจว่า รักนี้…เจ้ขอ ได้ไหมส้ม...กรี๊ดดดด!!!“แล้วคุณให้เหตุผลอะไรไป เธอถึงปล่อยให้คุณรอด ทั้งๆ ที่ลงทุนทั้งจูบ ทั้งกอด อ้อ…มีเปลือยหน้าอกด้วยแบบนั้น” อารมณ์หึงนิดๆ กำลังมา แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะยังไม่รู้ตัว“ผมบอกเธอไปว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย แล้วแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ เธอก็เชื่อสนิทใจ ผมก็เลยรอดปลอดภัย ไม่เสียตัวให้คนที่ผมไม่ได้รัก” เฟร์เรเน้นคำว่า ‘คนที่ผมไม่ได้รัก’ ให้ชัดๆ พร้อมกับสบตาเพลงพิณไปด้วย แม้รอบข้างจะมืด แต่แสงสว่างจากไฟบนถนนและริมรั้วที่ส่องเข้ามาก็ทำใ
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” นี่คือประโยคแรกที่เพลงพิณเอ่ยเมื่อมาถึงร้านอาหาร เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มๆ ตรงหน้าคือวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตอนนี้พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะเลือนหายลับไปจากขอบฟ้า แต่ก็ยังคงทอแสงสีทองยามอัสดงที่ระยิบระยับ“ชอบมั้ยครับ”“ชอบค่ะ” ต่อให้เป็นร้านอาหารริมทาง แต่ถ้าได้นั่งทานกับเฟร์เร เพลงพิณก็ดูเหมือนจะชอบหมด ไม่เคยคิดว่าหนุ่มมาดเซอร์ๆ จะโรแมนติกกับเขาได้เหมือนกัน“ดีใจที่คุณชอบ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเลือกว่ามื้อนี้จะทานอะไร เมื่อสรุปลงตัวก็สั่งกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่แล้วและขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ เพลงพิณก็มองบรรยากาศเลิศๆ ตรงหน้าอย่างเพลินตา นานๆ จะมานั่งกินข้าวริมน้ำแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะบรรยากาศมันช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี กระทั่งสมองหวนคิดถึงบุหลันขึ้นมา นั่นเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ เกิดมองหน้ากันไม่ติดจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าส้มชอบคุณ”“ผมรู้ครับ”“แล้วคุณคิดยังไงกับส้มคะ”&ldquo
“อ้อ…นิดหน่อยน่ะจ้ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะตั้งสติทำงานของตัวเธอต่อ กระทั่งได้เวลาเลิกงาน ขณะที่ทันตแพทย์สาวกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของบนโต๊ะ ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา“เลิกงานแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง“คุณนี่! ฉันตกใจหมดเลย”“พึ่งรู้ว่าคุณขวัญอ่อน” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ แต่คนฟังกลับแยกเขี้ยวใส่“ชิส์…ใครจะไม่ขวัญอ่อน อยู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ นี่ถ้ามีไม้เบสบอลอยู่ในมือ ฉันฟาดคุณไม่เลี้ยงเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” ตอนนั้นที่ว่า คือตอนที่อยู่ๆ ฟาโรห์ก็โผล่เข้าไปในบ้านของเพลงพิณ ด้วยเหตุผลว่าตนเข้าบ้านผิด ซึ่งถึงตอนนี้ทันตแพทย์สาวก็ยังเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นคือเฟร์เร“คุณนี่โหดกว่าที่ผมคิดไว้อีก” หนุ่มมาดเซอร์เออออตามน้ำไปก่อน เพราะเขาตั้งใจให้เธอได้พบกับน้องชายฝาแฝดของเขาอยู่แล้ว“แน่ล่ะ”“สรุปคุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน...หืม”
“ครับๆ ไว้ผมจะส่งรูปที่เราถ่ายวันนี้ให้” ขณะเอ่ยก็โน้มตัวมาใกล้ๆ อามาเรีย เพราะรังเกียจ เธอจึงผลักเขาให้ออกห่าง แล้วกระโดดลงจากเตียงรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมทันที“ถ้าจะส่งก็ส่งผ่านมาทางพี่ลูกศรเลยนะ ระหว่างเราจบแค่นี้ เพราะฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนสาวเพิ่ม”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับได้น่าฟัง แต่สำหรับอามาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น เฟร์เรกลับมาเก็บกล้องและอุปกรณ์ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จก็กลับออกไปปล่อยให้อามาเรียยืนหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย เพราะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ ที่อ่อยใครไม่อ่อย กลับมาอ่อยชายที่ไม่ใช่ชาย“กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า…บ้าๆ” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของอามาเรีย ทำให้ลูกศรรีบเข้าไปดู ส่วนเฟร์เรนั้นได้แต่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากตรงไปยังรถอย่างอารมณ์ดี“หยุด ไม่ต้องถามอะไรเลยนะพี่ลูกศร” พอเห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวที่ตั้งท่าจะถาม อามาเรียก็รีบยกมือห้าม“สรุป…นี่มีอะไรกันแล้วเหรอ” แม้จะถูกห้าม แต่ลูกศรก็อดที่จะถามไม่ได้จ
อามาเรียจึงไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นนอนบนเตียงทันที การกระทำของเธอทำให้เฟร์เรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทำงานของตัวเองต่อไป“เซ็ตนี้ อามาเรียอยากได้รูปครึ่งตัวนะคะเบค”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แต่การกระทำต่อจากนี้ของอามาเรียก็ยิ่งทำให้เฟร์เรอึ้ง เพราะอยู่ๆ เธอก็โยนหมอนที่กอดอยู่ไปอีกทาง เผยให้เห็นหน้าอกคู่สวยท้าทายสายตาชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จากที่อึ้งอยู่แล้วคราวนี้เฟร์เรถึงกับอึ้งยกกำลังสอง และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น“เบคขา ถ่ายรูปอามาเรียให้สวยๆ นะคะ” อามาเรียยิ้มหวาน เอ่ยเสียงกระเส่า ไหนจะสีหน้าท่าทางที่ยั่วยวนนั่นอีกเฟร์เรได้แต่กัดฟันกรอดๆ ตัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากสมอง เพราะไม่อยากเป็นคนเชิญความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตเสียเอง แต่ยิ่งเขาไม่สนใจ อามาเรียก็ยิ่งอยากเอาชนะ เธอใช้ทีเผลอที่เฟร์เรขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆ คว้าตัวเขาไว้ แล้วออกแรงรั้งจนร่างหนาลงไปนอนบนเตียงพร้อมเธอ จากนั้นก็ขยับมาขึ้นคร่อมทับตัวเฟร์เรไว้“คุณไม่ชอบแบบนี้เหรอ” แบบนี้ที่ว่าคือการที่อามาเรียจงใจโน้มตัวลงมาห