หลังจากเลิกเรียนแพทย์หญิงศิริลักษณ์มารับบุตรชายคนเล็กที่โรงเรียนตามที่นัดหมายกับบุตรชายเอาไว้ แบม ภูวดลไม่อิดออดที่จะไปซื้อของเป็นเพื่อนมารดา เพราะเขารู้ดีว่าเธอนั้นไม่ค่อยจะมีเวลาส่วนตัวแบบนี้สักเท่าไหร่ อาชีพหมอนอกจากเป็นอาชีพที่น่ายกย่องแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อช่วยต่อชีวิตให้คนอีกหลายคนอีกด้วย
“สวัสดีครับคุณแม่/สวัสดีค่ะคุณแม่”
สองหนุ่มสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายยกมือไหว้แล้วทักทายออกมาพร้อมกัน เธอจึงเอ่ยทักทายเด็กสาวข้างกายของบุตรชายกลับ
“สวัสดีลูก สวัสดีค่ะจีน่า หนูจะไปกับเราสองคนไหมลูก”
“หนูคงไปด้วยไม่ได้ค่ะ วันนี้หนูต้องไปเรียนพิเศษ เอาไว้โอกาสหน้านะคะคุณป้า”
จีน่า เจนจิราตอบมารดาของเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แพทย์หญิงศิริลักษณ์ส่งยิ้มอย่างเอ็นดูไปให้เพื่อนสนิทของบุตรชายที่ครอบครัวของเธอก็อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน แถมครอบครัวของเธอและครอบครัวของเด็กหญิงก็รู้จักกันมานาน ลึกๆ ในใจเธอแอบหวังให้สองหนุ่มสาวสานสัมพันธ์คบหากันมากเกินกว่าเพื่อนสนิท แต่ผ่านมานานหลายปีความสัมพันธ์ก็ไม่มีทีท่าจะขยับเธอจึงเลิกหวังไป
“จ้ะ ขยันจริงๆ เลย ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวก่อนนะลูก”
“ชอปให้สนุกนะคะคุณป้า สวัสดีค่ะ” จีน่าบอกก่อนที่จะยกมือขึ้นไหว้ลา แล้วหันไปลาเพื่อนสนิทบ้าง
“เราไปก่อนนะแบม เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ”
“อืม… ตั้งใจเรียนนะ”
แบม ภูวดลบอกเพียงเท่านั้น เมื่อร่างสูงเพรียวของเด็กหญิงเดินจากไปขึ้นรถตู้ของครอบครัว แบม ภูวดลจึงขึ้นไปนั่งบนรถเก๋งยี่ห้อดังของมารดาบ้าง
ท้องถนนเวลาเลิกเรียนก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่รถติดอยู่พอสมควร แบม ภูวดลหยิบหนังสือวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้นมาอ่าน มารดาที่กำลังขับรถอยู่เหลือบมองก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า สองแม่ลูกใช้เวลาเดินทางออกจากโรงเรียนมัธยมไปถึงห้างสรรพสินค้าเป็นเวลาเกือบชั่วโมง แบม ภูวดลเป็นเด็กหนุ่มที่ใจเย็นและมักจะใจจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เขาจึงไม่ได้รู้สึกหัวร้อนกับการที่รถติดเป็นเวลานาน
ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง
สองแม่ลูกที่กำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าเรียกสายตาคนมองได้อยู่ไม่น้อย เพราะเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวหน้าขาวเนียนในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ทรงผมที่ไม่ได้สั้นแบบรองทรง แต่ตัดแต่งให้ดูสุภาพเรียบร้อย รอยยิ้มที่เขาเผลอยิ้มออกมาให้กับหญิงวัยกลางคนข้างๆ ซึ่งคนมองมาก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกันทำให้สาวๆ ใจเต้น หรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกันก็อดที่จะมองรอยยิ้มนั้นไม่ได้
“เฮ้ย!!! มองอะไรวะ”
บอส ภานุเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่มองตามใครบางคนไปแทบไม่ละสายตา
“เหมือนจะรู้จักน่ะ”
กราฟ กาลัญญูตอบกลับก่อนที่จะสาวเท้าก้าวไปตามเส้นทางที่สองแม่ลูกเพิ่งจะเดินเข้าไป
“เป็นอะไรของมันวะเนี่ย เมื่อกี้ยังชวนกูกลับอยู่ ตอนนี้เดินเข้าไปข้างในเฉย” บอส ภานุบ่นตามหลังแล้วรีบสาวเท้าตามเพื่อนสนิทไปติดๆ
สองหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งจะเดินออกมา สาวๆ หลายคนต่างมองมาที่สองหนุ่มน้อยด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความสนใจ แต่ทว่ากราฟ กาลัญญูกลับกำลังจดจ่ออยู่กับการสะกดรอยตามใครบางคนที่เขาบังเอิญมาเจอในวันนี้ อีกไม่นานเขาคงจะได้ทำความรู้จักกับนักบาสคนนั้นอย่างเป็นทางการ รอยยิ้มผุดออกมาจากริมฝีปากหนาจนคนที่เดินตามมามองอย่างไม่เข้าใจ
“มึงเป็นอะไรมากป่าวเนี่ย แล้วนี่มึงจะไปไหน กูชวนมึงมาเดินดูสาวๆ กลับมาเดินตามใครก็ไม่รู้ มึงรู้จักไอ้หน้าขาวนั่นหรือไงวะ”
บอส ภานุเอ่ยถามออกมาในที่สุด หลังจากสังเกตว่าเพื่อนกำลังเดินตามคู่แม่ลูก ถ้าเป็นลูกสาวเขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่ไอ้คนที่เพื่อนของเขาเดินตามมันคือผู้ชาย ผู้ชายที่หล่อพอๆ กับมันด้วย
“ว่าที่เพื่อนใหม่ของกูเทอมหน้า” บอส ภานุถึงกับหันไปมองว่าที่เพื่อนใหม่ของเพื่อนสนิท
“อ๋อ…. ไอ้หน้าขาวนั่นมันเรียนอยู่ที่โรงเรียนที่มึงจะย้ายไปใช่ไหม”
“อืม…. มันเป็นนักบาสของโรงเรียนที่กูจะย้ายไป มึงจำมันได้ไหม คนที่ชู๊ตลูกลงห่วงเก็บคะแนนสุดท้ายให้ทีมโรงเรียนนั้นน่ะ” เสียงทุ้มเล่าออกมาให้เพื่อนได้ฟัง เด็กหนุ่มคิดตามก่อนที่จะนึกภาพของนักบาสคนนั้นได้
“มึงอย่าบอกนะที่มึงเคยบอกว่ามึงอยากได้ไอ้หน้าขาวคนนั้นเป็นเพื่อนมึงไม่ได้พูดเล่น”
“อืม… กูอยากได้มันเป็นเพื่อนจริงๆ” กลาฟตอบออกมาพร้อมกับผุดรอยยิ้มที่มุมปาก
“เห้ย!!! กูจำมันได้ละ มันเป็นน้องชายของดาราคนนั้นไง นางรองของละครเย็นจันทร์ถึงศุกร์อะ แล้วมันก็ได้ไปเข้าฉากไม่ถึงยี่สิบนาที สาวๆ นี่กรี๊ดกร๊าดมันตรึม ที่โรงเรียนเรายังพูดถึงมันไม่หยุดปากเลย” บอส ภานุอุทานพร้อมทั้งเอ่ยออกมาให้เพื่อนฟังทันทีเมื่อนึกถึงละครที่มารดาชอบเปิดทุกเย็น
“อืม…. น่าสนใจ” เสียงแผ่วเบาดังออกมา
“ห๊า…..เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ” เพื่อนสนิทไม่ได้ยินที่เขาพูดจึงเอ่ยถามย้ำ
“เปล่า ไปกันเถอะ” เขาเลือกที่จะไม่พูดซ้ำ แต่เลือกที่จะเอ่ยชวนเพื่อนกลับแทน
'เจอกันเทอมหน้านะ'
เด็กหนุ่มพูดอยู่ในใจก่อนที่จะเดินจากไป บอส ภานุมองตามหลังเพื่อนสลับกับสองแม่ลูกที่กำลังเลือกเสื้อผ้ากันอยู่อย่างใจเย็น มือหนายกขึ้นมาเกาศีรษะแล้วจึงรีบสาวเท้าเดินตามเพื่อนไป
“คุณแม่ครับ ผมว่าสีชมพูโอรสสวยกว่าครับ”
แบม ภูวดลแสดงความคิดเห็นออกมาเมื่อมารดาหยิบชุดเดรสสีน้ำตาลขึ้นมาทาบตัวเอง พนักงานที่คอยอำนวยความสะดวกและแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าถึงกับฉีกยิ้มออกมา เพราะส่วนน้อยที่จะได้เห็นภาพของลูกผู้ชายมาช๊อปปิ้งเป็นเพื่อนบรรดาแม่ๆ
“สีนี้ไม่เหมาะกับแม่หรอลูก” เธอเงยหน้าเอ่ยถามความเห็นของเขาอีกครั้ง
“สีนี้สวยกว่าครับ อีกอย่างเหมาะกับงานที่คุณแม่จะไปด้วยครับ” แบม ภูวดลย้ำความคิดเห็นของตนเองอีกครั้ง
“ใช่ค่ะคุณผู้หญิง ที่น้องบอกไม่ผิดเลยค่ะ ถ้าไปงานเลี้ยง สีชมพูโอรสสวยและดูเหมาะกว่าสีน้ำตาลค่ะ”
พนักงานสาวแสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง แพทย์หญิงศิริลักษณ์จึงตัดสินใจเลือกชุดที่บุตรชายบอกว่าสีสวย และพนักงานแนะนำบอกว่าเหมาะกับงานที่เธอจะไปร่วม
“คุณผู้หญิงโชคดีจังเลยนะคะที่มีลูกชายมาชอปปิงเป็นเพื่อน แถมยังช่วยคุณแม่เลือกของอีก น้องชายใส่ใจคุณแม่ดีจริงๆ เลยค่ะ”
พนักงานสาวอดที่จะชมเชยเด็กหนุ่มไม่ได้เพราะส่วนน้อยที่จะได้พบเห็นภาพแบบนี้ ถ้าเป็นลูกสาวมักจะเป็นภาพที่ชินตา แต่กับลูกชายส่วนมากจะอายที่ต้องเดินเลือกซื้อของกับแม่ แต่ดูน้องชายหน้าหล่อคนนี้มีความสุขกับการช่วยเหลือคุณแม่เลือกของเสียด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ”
แพทย์หญิงศิริลักษณ์เห็นด้วยกับสิ่งที่พนักงานพูด ในบรรดาลูกๆ ทั้งสามคน เธอชอบที่จะมาชอปปิงกับบุตรชายคนเล็กมากที่สุดแล้ว เพราะนอกจากช่วยเธอเลือกและแสดงความคิดเห็นแล้ว บุตรชายคนนี้ยังใจเย็นและไม่เคยแสดงอารมณ์เบื่อหน่ายออกมาให้เธอได้เห็นเลยสักครั้ง ถ้าจะบอกว่าแบม ภูวดลนั้นเป็นลูกชายคนโปรดของเธอก็คงจะไม่ผิด เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว เขายังสนใจเส้นทางอาชีพของเธออีกด้วย
“แบม… นายล้างหน้าด้วยอะไรอะ หน้านายขาวดี”จู่ๆ เขาก็เอ่ยออกมาขัดจังหวะ ทั้งจีน่า เจนจิราและตั้ม อนุพงษ์ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแบม ภูวดลก็พากันเห็นด้วยกับกราฟ กาลัญญูกับเรื่องที่ว่าแบม ภูวดลนั้นหน้าขาวใส“โฟมล้างหน้าไง แล้วก็มาสก์หน้าก่อนนอน” เขาตอบตามความจริง“มาสก์หน้าด้วยเหรอนายน่ะ แต่มาสก์หน้าพวกผู้หญิงเขาทำกันไม่ใช่เหรอวะ” กราฟ กาลัญญูเอ่ยถามออกมาอย่างจับผิด“จีน่า… ก่อนนอนเธอมาสก์หน้านอนไหม”“ม่ะ…มาร์คสิ ถามได้ นายไม่มาร์คหรือไง เพิ่มวิตามินให้ผิวหน้าไง” จีน่าหันไปตอบอีกฝ่าย“ไม่อะ… ขี้เกียจหึๆ”สายตาที่มองไปยังแบม ภูวดลนั้นเต็มไปด้วยความจับผิด แต่มีหรือที่หนุ่มผู้เก็บงำความลับมานานอย่างแบม ภูวดลจะหลุดออกมา“พี่สาวมันเป็นดาราไง แม่มันก็เป็นคุณหมอ ไม่แปลกหรอกที่จะมันจะได้รับการดูแลจากแม่กับพี่สาว”ตั้ม อนุพงษ์เอ่ยออกมา เขาไม่ได้ช่วยเพื่อนแต่เขาคิดว่าเพื่อนดูแลตัวเองเพราะมีพี่สาวเป็นดาราและมีมารดาเป็นแพทย์หญิง“นายกำลังจับผิดอะไรเราหรือเปล่ากราฟ”แบม ภูวดลจ้องหน้าเขาพร้อมกับเอ่ยถามออกมา จีน่า เจนจิรากับตั้ม อนุพงษ์ก็หันไปมองหน้าเพื่อนใหม่เป็นตาเดียวกัน“เปล่า…. ก็แค่อยากรู
ร่างสูงโปร่งที่เดินผ่านเข้าประตูโรงเรียนมัธยมแห่งนี้มากำลังตกอยู่ในสายตาของคนที่กำลังนั่งรออยู่ แบม ภูวดลไม่ได้สนใจคนรอบข้างจึงทำให้เพื่อนใหม่เข้ามาประชิดตัว แขนแข็งแรงพาดลงบนไปไหล่กว้างมือหนาก็วางลงบนบ่า ชายหนุ่มสะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะหันใบหน้าหล่อเหลาไปมองแล้วพยายามจะเบี่ยงกายออกจากวงแขนแข็งแรงของอีกฝ่าย แต่ทว่ากราฟ กาลัญญูกลับบีบไหล่เขาอย่างแน่นหนา“ปล่อย!!!” น้ำเสียงแข็งกร้าวดังลอดไรฟันจนคนที่โอบไหล่อยู่ถึงกับหัวเราะดังอยู่ในลำคอ“หึๆ”กราฟ กาลัญญูผละวงแขนแข็งแรงของตนออกจากไหล่กว้างของอีกฝ่าย“หวงจังนะ… ร่างกายนายน่ะ”เขาเอ่ยออกมาขณะที่เดินข้างๆ สาวๆ ที่มองมาต่างพากันหวีดร้องเพราะหนุ่มฮอตกับหนุ่มหน้าหล่อ นักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่นั้นเดินเคียงข้างกันมา แบม ภูวดลไม่ตอบคำถามที่เขาถาม แต่ทว่ากลับรีบสาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กราฟ กาลัญญูมองตามเพื่อนชายตรงหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าแล้วก้าวตามไปอย่างไม่รีรอจีน่า เจนจิราที่เดินตามหลังมาแต่ไม่แสดงตัวเพราะเธอเองก็อยากจะรู้ว่าแบม ภูวดลนั้นคิดอย่างไรกับเพื่อนใหม่ที่เข้ามาก่อกวนให้เขารำคาญใจ หรือกำลังเข้ามาปั่นป่วนหัวใจขอ
“โอ๊ะ!!! รถมาพอดีเลย กลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”มือหนายกขึ้นมาโบกลาเพื่อนทั้งสองก่อนที่ร่างสูงจะเดินตรงไปยังรถตู้คันหรูที่มารับเขาพอดี สองหนุ่มสาวไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพียงแต่หันมามองหน้ากัน“ระวังนายกราฟไว้หน่อยก็ดีนะแบม จีน่าว่านายนี่ดูยังไงกับแบมอยู่นะ”จีน่าที่เดินคล้องแขนของกราฟ กาลัญญูตรงไปที่ยังรถตู้ของครอบครัวเอ่ยออกมา“เราก็ว่าอย่างนั้นแหละจีน่า นี่ก็ก่อกวนเราทุกวันเลย” แบม ภูวดลเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ เพื่อนใหม่มาเรียนได้เพียงสัปดาห์เดียวแต่ทว่าทำเขาปั่นป่วนหัวใจ“แล้วเป็นไง แอบหวั่นไหวไปกับเขาไหม” จีน่า เจนจิราแอบกระซิบถาม“ไม่!!!”เสียงเข้มดังออกมาก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถ เพื่อนสาวรีบตามขึ้นไปก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับรู้ว่ามีอะไรบางอย่าง เธอรู้สึกได้ว่าแบม ภูวดลแอบหวั่นไหวไปกับคนที่ชอบก่อกวนเขาร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนส่วนตัวของตนนั่งลงบนเตียงก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนที่มีเสียงข้อความดังเข้ามาเป็นระยะ สายตาคมกวาดอ่านทุกตัวอักษรในข้อความที่ส่งเข้ามาจากเพื่อนใหม่ แบม ภูวดลเลิกคิ้วหนาของตนขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อได้อ่านกราฟ เด็กใหม่ : น
เพื่อนใหม่ที่ย้ายเข้ามาได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ทำเอาชีวิตที่เคยสงบสุขของแบม ภูวดลวุ่นวาย เขาต้องเผชิญกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แรงและเร็วบ่อยครั้งเพราะอีกฝ่ายมักจะถึงเนื้อถึงตัวอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีสองเพื่อนสนิทคอยกันและห้ามปรามให้ แต่ทว่าเพื่อนใหม่ดูเหมือนจะอยากแกล้งเขาให้เขาเปิดเผยตัวตนเสียเหลือเกิน“พอทีเถอะ ถ้านายยังไม่เลิกถึงเนื้อถึงตัวเราอีก นายก็ไปอยู่กลุ่มอื่นซะกราฟ” แบม ภูวดลเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด“หึๆ เป็นอะไร ฉันก็แค่โอบไหล่นาย จับแขน มันถึงเนื้อถึงตัวตรงไหน เพื่อนผู้ชายคนอื่นเขาก็ทำกัน”กราฟ กาลัญญูเอ่ยออกมายิ้มๆ เขารู้สึกสนุกที่เพื่อนจอมหวงเนื้อหวงตัวราวกับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนนี้โมโห“นายก็รู้ว่าแบมไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสร่างกายของเขา แบบนี้มันเท่ากับลวนลามกันนะ ถามจริงนายชอบผู้ชายปะเนี่ย” จีน่า เจนจิราเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกไม่ชอบใจเช่นกัน“จริง…. ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับแบม มึงก็ไปอยู่กลุ่มอื่นเลยไอ้กราฟ” ตั้ม อนุวัฒน์เอ่ยออกมาอย่างโมโหเช่นกัน“โอเค โอเค ขอโทษ ขอโทษ ต่อไปเราจะไม่แกล้งนายแล้ว ก็อยากรู้ไงว่าทำไมถึงโดนตัวนายไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนแบบโดนไฟช๊อตปะ” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยอ
“นายคนที่เราเจอตอนนั้นไง จำได้ไหม” เสียงหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้น“อืม… ไม่คิดเลย…ว่าจะมาเรียนที่นี่”แบม ภูวดลมองไปที่เพื่อนใหม่ที่หันมาสบตาเข้ากับเขาพอดี รอยยิ้มที่มุมปากของอีกฝ่ายทำเอาเขาต้องหลบสายตาที่ทะเล้นและแพรวพราวนั่น แต่จู่ๆ ร่างสูงก็เดินตรงมาหายังกลุ่มของเขา ทั้งจีน่า เจนจิราและตั้ม อนุพงษ์ถึงกับตกใจ แม้แต่แบม ภูวดลเองก็ตกใจไม่ต่างกัน“สวัสดี ห้อง…หกทับหนึ่งใช่ปะ” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังมองมาอย่างสนใจ“อืม…ใช่"เสียงทุ้มของแบม ภูวดลดังขึ้น สาวๆ ที่มองมาเห็นภาพสองหนุ่มยืนอยู่ใกล้กันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะคนหล่อกับคนหล่ออยู่ด้วยกันแล้วภาพที่มองเห็นมันช่างดูเจริญหูเจริญตา เป็นอาหารตาชั้นเยี่ยม“สวัสดี เจอกันอีกแล้ว นาย…จำเราได้ไหม” กราฟ กาลัญญูทักทายหนุ่มหล่อตรงหน้าแล้วเอ่ยถามออกมา“จำได้ว่าเราเคยเจอกันครั้วหนึ่ง แต่จำชื่อนายไม่ได้หรอก” แบม ภูวดลตอบก่อนที่จะมองไปยังเพื่อนสนิททั้งสอง“ถ้าอย่างนั้นเราขอแนะนำตัวกับนายและจีน่าอีกที เราชื่อกราฟ กาลัญญู พิเชษฐ์พัฒน์ ย้ายมาจากโรงเรียนฝั่งมีน”หนุ่มหล่อรีบแนะนำตัว สองหนุ่มสาวเพื่อนซี้ได้แต่หันไปม
หลังจากปิดภาคเรียนไปนานเกือบเดือน การกลับมาเรียนในภาคเรียนที่สองอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยก็เริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาก้าวลงจากรถตู้คันหรูของครอบครัวก่อนที่จะเยื้องย่างเข้าประตูโรงเรียนไป ทุกย่างก้าวของแบม ภูวดลนั้นเป็นที่จับตามองจากสาวๆ รุ่นน้อง ทุกท่วงท่าจังหวะการเดินมันทำให้สาวๆ มองตาเขาแทบลืมหายใจ ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงไอดอลก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ลงเลย“แบม!!!”เสียงทุ้มที่ตะโกนตามหลังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งตรงมายังเขาทำให้คนถูกเรียกชื่อถึงกับชะงักหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง“มาแต่เช้า” เสียงทุ้มดังออกมาจากริมฝีปากสีแดงอมชมพูเป็นธรรมชาติ“นายก็มาเช้านี่ แล้วจีน่ามายัง วันนี้ได้ข่าวว่าห้องเรามีนักเรียนใหม่ย้ายมาจากโรงเรียนฝั่งมีนคนหนึ่งด้วย”ตั้ม อนุพงษ์เอ่ยขึ้นก่อนที่จะบอกถึงเรื่องราวที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกับเพื่อนสนิท“ฝั่งมีน…” เขาทวนคำของเพื่อนสนิท“อืม…. เห็นบอกว่าย้ายมาเทอมนี้แหละ” ตั้ม อนุพงษ์บอกก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเดินตามเพื่อนสนิทไป“ย้ายมาตอนนี้อะนะ” แบม ภูวดลยังเอ่ยถามด้วยความข้องใจ“อืม…” คน