“ว๊าย!!!ฉันยังไม่อยากมีแฟนเหมือนกัน ชีวิตโสดของฉันกำลังสนุกเลย เธอรับไปก็แล้วกันเยว่หรู ไหนๆ เธอก็ทำงานที่มีแต่พวกผู้ชายรุมล้อมอยู่แล้ว เธอดูจะเป็นคนเดียวที่ได้พบกับเพศตรงข้ามได้มากที่สุดนะ” อ้ายฉิงรีบโยนช่อดอกไม้ไปให้กับสาวสุดมั่นอย่างเยว่หรูทันที มือเรียวรีบจับมาแทบไม่ทัน
“โอ๊ย!! อะไรกันเนี่ยพวกเธอ จะเกี่ยงไปทำไม ในเมื่อสักวันพวกเธอก็ต้องเจอใครสักคนอยู่ดี หรือจะบอกว่ามันไม่จริง” สาวมั่นเอ่ยขึ้นก่อนที่จะถือดอกไม้ชูขึ้น
“ใครอยากแต่งงานต่อเยว่หลินมาเอาช่อดอกไม้ไปเลย เพราะสาวๆ กลุ่มนี้ยังไม่อยากมีแฟน” เสียงห้าวหวานจริงจังเอ่ยดังขึ้น สองสาวเพื่อนต่างกลุ่มจึงเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบดอกไม้ไปทันที
“ขอบใจ อย่างว่าแหละ พวกเธอจะแต่งงานได้ยังไงในเมื่อแฟนสักคนก็ไม่เคยมีคิกๆๆๆๆ” ถิงถิงไม่หอบช่อดอกไม้มาเปล่า หากแต่ยังกล่าวปรามาสทั้งสามสาวเอาไว้จนเยว่หรูฟังแล้วยอมไม่ได้
“หึๆ ก็ไม่แน่หรอกนะ สวยๆ เก่งๆ แบบพวกฉันน่ะ แค่กระดิกนิ้วผู้ชายทั้งเมืองก็พร้อมจะดาหน้าเข้ามาให้เลือกแล้วย่ะ” เสียงห้าวหวานเอ่ยขึ้นจนอีกสองสาวต้องหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทเป็นตาเดียวกัน
“ดีเลย ต้นปีหน้าฉันจะแต่งงานกับพี่โจวหมิ่นหาน พวกเธอก็พาผู้ชายที่พวกเธอบอกว่าแค่กระดิกนิ้วก็ดาหน้ากันเข้ามาให้เลือกแล้วมาแนะนำให้พวกฉันรู้จักหน่อยสิ เพราะถ้าเธอทำไม่ได้พวกฉันจะถือว่าพวกเธอมันไม่แน่จริง” โหรวโหรวเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย มีหรือคนไม่ยอมคนอย่างเยว่หรูจะปล่อยผ่าน
“ได้ เธอคอยดูก็แล้วกัน งานแต่งของเธอพวกฉันสามคนจะควงหนุ่มหล่อ รวย โปรไฟล์ดีไปให้พวกเธอได้อิจฉาเล่น” สิ้นคำพูดของเพื่อนรัก อีกสองสาวที่เพื่อนไม่ได้ขอคำปรึกษาเลยสักนิดก็อ้าปากค้างอย่างพร้อมเพรียงกัน
“หรือเธอสองคนไม่กล้า ลี่หลิน อ้ายฉิง” ถิงถิงหันไปเล่นงานแม่สาวสวยกับแม่สาวเรียบร้อยทันที
“ค่ะ..ค่ะ....ใครบอก” อ้ายฉิงตอบอย่างตะกุกตะกักก่อนที่จะหันไปมองหน้าสวยเข้มของเยว่หรูอย่างคาดโทษ
“แล้วเธอล่ะลี่หลิน อย่าบอกนะว่าคนสวยๆ แบบเธอจะหาแฟนไม่ได้ ฉันว่าดีๆ หาได้ก่อนเพื่อนสองคนของเธออีก” โหรวโหรวหันไปถามหญิงสาวอีกคนที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เอาสิ... ก็อย่างที่เยว่หรูกับอ้ายฉิงบอกนั่นแหละ และก็คงอย่างที่เธอบอกเรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินความสามารถของฉันหรอก” ในเมื่อเพื่อนๆ ทั้งสองตกลงปลงใจกันแล้วจะให้เพื่อนแท้อย่างเธอแปลกแยกได้อย่างไร ถึงแม้เธอจะไม่แน่ใจก็ตามว่าจะหาแฟนมาอวดเพื่อนๆ ได้ไหม เพราะตอนนี้เธอยังไม่คิดจะมีใครและลงเอยกับใครจริงๆ
“ดี!!! แล้วฉันสองคนจะรอดู ว่าพวกเธอจะหาแฟนได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า” ถงถงเอ่ยส่งท้ายก่อนที่จะถือช่อดอกไม้เดินไปทางอื่นพร้อมกับโหรวโหรวเพื่อนสนิท
ทันทีที่เพื่อนแค้นเดินจากไปสองเพื่อนรักก็มองไปที่เยว่หรูเป็นตาเดียว สาวสวยที่มีใบหน้าสวยคมรีบหลบสายตาก่อนที่จะโดนเพื่อนรุมอย่างรู้ความผิด ลำแขนเรียวเสลาจากทั้งสองสาวคล้องไปที่ลำคอระหงทั้งซ้ายขวา ก่อนที่ลี่หลินจะกระซิบบอกบางอย่างที่ทำให้เยว่หรูยกมือขึ้นมาปิดหูแทบไม่ทัน
“ไม่ๆๆๆ ฉันไม่มีทางมีแฟนก่อนพวกเธอแน่ๆ” เยว่หรูไม่ยอมรับข้อตกลงถึงตนเองจะเป็นคนเริ่มก่อเรื่องก่อนก็ตาม
“ได้ไง ก็ในเมื่อเธอเป็นคนตอบรับยัยนั่นไปก่อน เธอนี่น้า...เยว่หรู ทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อนเลย” ลี่หลินเอ่ยขึ้นเสียงลอดไรฟันเพื่อไม่ให้เพื่อนคนอื่นได้ยิน
“เอาน่ามีมันพร้อมๆ กันนี่ล่ะ สวยๆ แบบเธอสองคนหาไม่ยากหรอก ถ้าไม่อยากมีแบบเป็นตัวเป็นตนเราก็หาจ้างคนมาเล่นบทนี้ซะสิ จะได้ไม่มีปัญหาเวลาที่งานจบ หลังจากยัยนั่นแต่งงานเราก็ทำเรื่องจบสัญญากับหนุ่มๆ พวกนั้นซะ รับรองมีสัญญาไม่มีใครกล้าตุกติกแน่นอน” เยว่หรูหาทางออกให้กับเพื่อนๆ ซึ่งดูสองสาวก็เริ่มที่จะคล้อยตาม เพราะหาจ้างคนที่มารับบทแฟนกำมะลอได้ พวกเธอก็จะไม่สูญสิ้นความโสด
พอสามสาวตกลงกันได้ก็พากันออกจากงานแต่งของเพื่อนในรุ่นที่สละโสดไปอีกคน ทั้งสามสาวไม่ชอบที่จะมางานแบบนี้เลยสักนิดหากไม่ใช่เพราะถ้าไม่มายัยคู่ปรับสองคนนั้นก็จะหาเรื่องพูดจาถากถางและนินทาให้เพื่อนๆ คนอื่นมองทั้งสามสาวไม่ดี ยิ่งคนไม่ยอมคนอย่างเยว่หรู ไม่มีทางซะหรอกที่เธอจะยอมให้ใครมาว่าสองเพื่อนสนิทและตัวเธอแบบนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ นายรู้ไหมว่าน้องลี่หลินพักอยู่คอนโดไหน” เยว่อวี่ซินเอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้น เพราะดูจากสาวสวยแฟนกำมะลอของเพื่อนเขาตอนนี้นั้นไม่ได้สติแล้ว“เดี๋ยวเยว่หรูส่งที่อยู่ยัยลี่หลินไปให้พี่ในวีแชทนะคะ”เยว่หรูรู้ดีว่าไม่มีใครรู้จักที่อยู่ของลี่หลินแน่นอนเธอจึงใจดีบอกที่อยู่ให้กับเฉินเจียวจ้าน เพราะเขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเธอเสียอีก“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอพาน้องลี่หลินกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยลาเมื่อเปิดวีแชทแล้วเห็นชื่อของคอนโดที่หญิงสาวพักเรียบร้อยแล้ว“ค่ะ ฝากดูยัยลี่หลินด้วยนะคะ” สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นห่วงร่างหนาประคองร่างบางให้เดินออกไปด้วยกัน หวงลี่หลินนั้นยังพอมีสติอยู่บ้างพอได้ยินว่ากลับคอนโด ร่างระหงจึงเดินตามชายหนุ่มไปโดยดี“ไม่ต้องห่วงน้องลี่หลินหรอกนะครับ ถ้าเทียบกันในบรรดาสามคนเราแล้ว ไอ้เจียวจ้านเป็นสุภาพบุรุษที่สุด มันจะไม่เริ่มก่อนแน่นอนถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เริ่ม”ลู่ตงหานเอ่ยออกมาให้ทั้งสองสาวสบายใจ หากแต่ทั้งสองสาวหันมามองหน้ากันและภาวนาขอให้หวงลี่หลินนั้นไม่ทำอะไรเพี้ยนๆ จนสุภาพบุรุษอย่างพี่เจียวจ้านตบะแตกก็แล้วก
หวงลี่หลินเดินกลับมาที่โต๊ะราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาที่เธอเพิ่งจะขโมยจูบไปเมื่อสักครู่ไม่ได้เดินตามเธอออกมา“เป็นไง สบายใจขึ้นยัง เห้ย!! แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้น นี่เธอเมามากเลยหรอยัยลี่หลิน” เยว่หรูเอ่ยถามก่อนที่จะทักขึ้นเมื่อสังเกตใบหน้าสวยของเพื่อนสาวที่บัดนี้แดงราวกับตูดลิง“ป่ะ..ป่าว พี่ตงหานคะ ขอลี่หลินลองอย่างอื่นที่ไม่ใช่พั้นซ์ได้ไหม” นักเขียนสาวตอบเพื่อนก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่ชายเพื่อนของเพื่อนสนิท“ลองดื่มเบียร์สดดูไหมล่ะ”หญิงสาวพยักหน้ารัวๆ เจ้าของร้านสุดหล่อจึงสั่งบริกรให้จัดมาให้เธอทันที เขาเข้าใจว่าเธอเครียดและโดนผู้หญิงสองคนนั้นดูถูก โดยไม่ได้คิดว่าเธอนั้นไปทำความผิดอะไรไว้เฉินเจียวจ้านหายไปสักครู่เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายความเขินอายลง แต่พอกลับมาที่โต๊ะก็ต้องพบกับร่างระหงที่กำลังโยกย้ายร่างงามไปมาอยู่ท่ามกลางสองสาว และหนุ่มๆ ที่รายล้อมหากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พวกเธอด้วยรู้ดีว่าเธอนั่งอยู่กับใคร“หายไปนานเลยนะไอ้เจียวจ้าน ดูแฟนกำมะลอของนายสิ ดื่มเบียร์สดไปสามแก้วกลายเป็นแม่เสือสาวไปซะแล้วฮ่าๆๆๆ” เยว่อวี่ซินเอ่ยขึ้นก่อนที่จะ
“ต๊าย... เมาแล้วหรอยะ เมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอนนะ” โหรวโหรวเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยของอีกฝ่ายเริ่มแดงนิดหน่อย ต่างจากตอนที่เธอเห็นตอนที่เพิ่งเข้ามา“ไม่เห็นต้องถามเลย คนแบบยัยนี่เคยดื่มเครื่องดื่มอะไรดีๆ แบบนี้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอสองคนนี่ก็ช่างใจดีเนอะที่คบเพื่อนกระจอกกระจอกแบบนี้ แล้วนี่แฟนยัยลี่หลินใช่ไหมคะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณแซ่ไหน มาจากตระกูลอะไร แต่คุณก็ไม่น่าตาต่ำไปคว้ายัยนักเขียนไร้สกุลคนนี้มาเป็นแฟนเลยนะคะ” ถิงถิงแขวะสาวสวยที่ยืนกอดอกมองเธอกับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ครั้งก่อนหวงลี่หลินแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักว่าเขาเป็นแฟนสายตาคมจ้องมองไปที่คนพูดด้วยความไม่พอใจ เขาอยากจะฉีกหน้าผู้หญิงปากเสีย ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมคนนี้นัก หวงลี่หลินคนนี้น่ะหรอกระจอก ทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวง ตระกูลที่มีหน้ามีตา มีฐานะร่ำรวยติดอันดับสองของเมืองเอเนี่ยนะ เฉินเจียวจ้านอยากจะพูดออกไปนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงยอมให้ผู้หญิงสองคนนี้พูดจาดูถูกอยู่ได้“อ้อ...ครั้งก่อนฉันลืมแนะนำไปใช่ไหมว่าเขาแซ่อะไร เป็นคนตระกูลไหน แต่ในเมื่อเธออยากรู้ฉันก็จะบอกให้เอาบุญ”ห
หนุ่มสาวทั้งสามคู่ยังคงนั่งพูดคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาหลายๆ คู่ที่มองมาอย่างอิจฉาเลยด้วยซ้ำ หวงลี่หลินนั้นหลังจากที่โดนเพื่อนๆ เอ่ยแซวก็เอาแต่หลุบตามองมือและชวนเพื่อนสาวคุยเปลี่ยนเรื่อง หากแต่คืนนี้นั้นเธอก็คิดบุคลิกของพระเอกในนิยายของเธอออกแล้ว“ยัยลี่หลิน นี่สรุปบก.ให้เธอลองเขียนแนวอีโรติกจริงๆ อะ” เยว่หรูกระซิบถามหลังจากแฟนของเธอเดินออกจากโต๊ะไปทักทายลูกค้าที่มาใหม่“อืม...อย่าเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน โดยเฉพาะคนข้างๆ ฉัน กลับห้องเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร”หวงลี่หลินรีบปรามเพื่อนรักเพราะเฉินเจียวจ้านนั้นเป็นรองประธานบริษัทที่เธอเซ็นสัญญาลงนิยายออนไลน์อยู่ ถ้าเขารู้ว่าเธอเอาเขาไปเป็นต้นแบบพระเอกในนิยายของเธอ เธอกลัวว่าเขาจะโกรธเอา เยว่หรูเหลือบไปมองหนุ่มหล่อสุดเซอร์ที่นั่งกระดกวิสกี้เข้าปากอย่างไม่สนใจคนรอบข้างก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”เฉินเจียวจ้านหันมาบอกแฟนในนามพอหญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเขาจึงลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องน้ำของแขกวีวีไอพี ตอนนี้ที่โต๊ะจึงเหลือเพียงสามสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังคงชวนอ้ายฉิงคุยตั้งแต่ที่มาถึง
“พี่อวี่ซิน ไม่ต้องกอดขนาดนี้ก็ได้เหอะ” เยว่หรูหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองที่มองมาที่เธอและเขาด้วยสายตายิ้มๆ ก่อนที่จะหันมาต่อว่าแฟนหนุ่มที่เธอไม่ได้ต้องการเลยสักนิด“เอาน่า พวกนั้นจะได้เห็นไง ว่าเธอมีแฟนแล้ว ว่าแต่คืนนี้จะแนะนำให้เพื่อนของเธอรู้จักพี่เลยไหม” เยว่อวี่ซินไม่ได้ปล่อยมือจากไหล่บางหากแต่โอบมาชิดกับหน้าอกหนั่นแน่นของตนแล้วพาเธอเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะวีวีไอพี“เธอว่ายัยเยว่หรูจะใจอ่อนให้พี่อวี่ซินไหมอ้ายฉิง” หวงลี่หลินกระซิบถามเพื่อนสนิทสาวอีกคนทันทีที่เห็นสองหนุ่มสาวที่เดินนำหน้าทำตัวติดกันซะขนาดนั้น“ก็ไม่แน่ น้ำหยดลงบนหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคน เราสองคนก็ระวังหัวใจกันไว้บ้างเถอะ อะไรที่สร้างเอาไว้ ฉันกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจตัวเราเอง” อ้ายฉิงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเอ่ยเตือนหัวใจตัวเองและเพื่อนสนิทสาวอย่างหวงลี่หลินบ้าง“สำหรับฉันไม่มีทางหรอก ฉันยังยึดมั่นในคำปฏิญาณเดิมของตัวเอง” หวงลี่หลินตอบออกมาอย่างมั่นใจ แม้ภายในใจก็พยายามที่จะไม่หวั่นไหวกับแฟนกำมะลออยู่เหมือนกันทางด้านสองสาวที่เต้นกันอยู่กลางฟลออย่างต้องการเช็กความนิยมของพวกเธอเองก็ต้องหันมองไปต
หลังจากนั่งคิดและจินตนาการอยู่สักพัก นักเขียนคนสวยก็หันไปกดแป้นพิมพ์จนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องนอน ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามชั่วโมง ร่างบางจึงได้บิดกายไปมาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเก่ง พร้อมทั้งละสายตาคู่สวยที่มีแว่นตาสีใสปกป้องดวงตาเอาไว้จากแสงที่ส่องมาผ่านหน้าจอ“อืมมม...... หิวจัง”เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ห้องครัว มือบางหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งซอง พร้อมทั้งตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วเปิดแก๊สเพื่อต้มน้ำรอ ร่างบางหันรีหันขวางหยิบผักสดในตู้เย็นและเนื้อสัตว์มาหั่นอย่างคล่องแคล่ว เพราะออกมาอยู่ข้างนอกตั้งแต่สมัยเรียนจึงทำให้หวงลี่หลิน คุณหนูทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวงอย่างเธอนั้นทำอาหารเป็นผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ชามบะหมี่ที่มีหน้าตาน่าทานก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร โต๊ะประจำของนักเขียนสาว แต่ขณะที่กำลังจะตักเอาบะหมี่ในถ้วยเข้าปาก สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กของเธอก็แผดเสียงร้องจนคนที่กำลังหิวจนตาลายไม่อาจละเลยได้ ร่างระหงจึงผุดยืนขึ้นแล้วตรงไปหยิบมาก่อนที่มันจะส่งเสียงน่ารำคาญไปมากกว่านี้“ฮัลโหลว่าไง... เอาไงดีฉันรีบทำงานส่งน่ะ