บทที่ 7 : รับน้อง
ในที่สุดผลสอบก็ประกาศออกมา ฉันสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันพี่สายชลจนได้ ฉันดีใจกรีดร้องลั่นบ้าน พ่อแม่ฉันเองก็ดีใจมากเช่นกันแต่ก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงดีใจเกินเหตุขนาดนั้น
“ดีใจด้วยนะแก จะได้ไปอยู่กับหนุ่มในฝันแล้ว” สายไหมรีบโทรมาแต่ก็มิวายแอบแซวฉันเล็ก ๆ “เสียดายที่แกไม่ติดที่เดียวกัน ต่อไปฉันคงจะเหงาแย่” ฉันแอบโอดครวญไม่ได้ที่เพื่อนรักดันสอบติดอีกที่หนึ่ง
“โอ๊ย...มีพี่สายชลสุดหล่ออยู่แล้ว แกจะมาสนใจอะไรฉันยะ” สายไหมยังคงไม่หยุดแซว
ก่อนหน้านี้สายไหมเอาแต่ถามเรื่องคืนนั้นไม่หยุด แถมยังวิเคราะห์เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพี่สายชลต้องมีใจให้ฉันแน่ ๆ ฉันก็ได้แต่แอบปลื้มปริ่มในใจเล็ก ๆ แต่หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอกับพี่สายชลอีกเลย ทำให้ความหวังเล็ก ๆ ของฉันค่อย ๆ มอดไหม้ลงไปทีละเล็กทีละน้อย
หลังจากประกาศผล ที่จังหวัดก็มีจัดกิจกรรมรับน้องจังหวัดขึ้น อันที่จริงตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากไปสักเท่าไหร่หรอก ฉันไม่ชอบที่ที่คนเยอะแยะแถมยังเป็นคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ แต่พอคิดถึงหน้าพี่สายชล ฉันก็ได้แต่ฮึดสู้ในใจและตัดสินใจไปเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้
ในวันรับน้อง เพื่อนรุ่นเดียวกันที่สอบติดต่างมาลงทะเบียนกันเยอะมาก ฉันได้แต่ยืนสอดส่ายสายตามองหาพี่สายชล แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย ฉันได้แต่เดินคอตก หน้าตาเหงาหงอยเข้าไปด้านในเงียบ ๆ
ภายในงานเป็นไปอย่างสนุกสนาน บรรดารุ่นพี่ต่างสรรหากิจกรรมมากมายมาให้พวกเราเล่นกัน เพื่อน ๆ ต่างพากันตื่นเต้น คงมีเพียงฉันที่ยังคงยืนกร่อยคนเดียว มีหลายคนเดินเข้ามาทำความรู้จัก บางคนเข้ามาทักทาย ฉันเพียงได้แต่ฝืนยิ้มและพูดคุยบ้างเป็นบางคราว ได้แต่แอบสงสัยว่าทำไมพี่สายชลถึงไม่มาร่วมงานนี้ด้วย จวบจนกระทั่งหมดหนึ่งวัน ฉันค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เป็นหนึ่งวันที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยสำหรับฉันเหลือเกิน ระหว่างที่กำลังจะเดินกลับ จู่ ๆ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยกับฉัน
“น้องหวาน พี่ขอเบอร์ติดต่อหน่อยได้ไหม เผื่อว่ามีอะไรให้ช่วยพี่ยินดีให้คำปรึกษา” เป็นพี่กริช รุ่นพี่ปีสามซึ่งเป็นประธานเชียร์ของงานรับน้องครั้งนี้ ฉันได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยน พี่กริชคงพอจะมองออกจึงยื่นกระดาษที่มีเบอร์โทรของเขาให้แทน ฉันรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ ก่อนจะรีบกล่าวลา พร้อมเร่งฝีเท้าเดินออกมาทันที
ฉันเดินมาตรงบริเวณหน้างานอย่างสุดแสนจะเซ็งอารมณ์ ฉันรู้สึกว่าคราวนี้ฉันคิดผิดจริง ๆ ที่เสียเวลามางานวันนี้ ในขณะที่ฉันแหงนหน้ามองฟ้าอย่างทอดอาลัย จู่ ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้าฉัน นี่มันรถพี่สายชลนี่นา ฉันได้แต่ภาวนาขอบคุณท้องฟ้าที่ส่งพี่สายชลมาให้ฉันเจอในวันที่สุดแสนจะเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ พี่สายชลก้าวเท้าออกจากรถเดินตรงมาตรงหน้าฉัน ฉันรู้สึกราวกับโลกทั้งใบได้หยุดหมุนลง เวลาทั้งหมดหยุดเดินไปชั่วขณะ
พี่สายชลเดินมายืนตรงหน้าฉัน พลางโน้มตัวลงจนหน้าพี่เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี พี่สายชลยื่นมือมาลูบศีรษะฉันเบา ๆ “สอบติดที่นี่ด้วยเหรอเรา” คำทักทายทำเอาฉันเขินจนหน้าแดง หัวใจพลันเต้นรัวจนกลัวว่าพี่สายชลจะได้ยินเสียงของมัน ฉันหลุบตามองต่ำก่อนจะพยักหน้ารับ “แล้ววันนี้ไปแอบซนที่ไหนอีกหรือเปล่า” คำถามนี้ทำเอาฉันเงยหน้าขึ้น มองตาพี่สายชลปริบ ๆ พี่สายชลแค่นยิ้มออกมา พลางยื่นมือยึดกระดาษที่อยู่ในมือของฉันไป “มีอะไรก็มาคุยกับพี่ ไม่ต้องไปรบกวนรุ่นพี่ของพี่หรอก” ฉันได้แต่เม้มปากแน่นสะกดกั้นเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีกหลายจังหวะ พี่สายชลเห็นด้วยเหรอเนี่ย นี่เขาแอบหวงฉันรึเปล่านะ ฉันได้แต่แอบคิดในใจ “จะกลับแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่สายชลกล่าวอาสาออกมา
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉันนึกอยากจะเขกหัวตัวเองสักร้อยหน ทำไมฉันไม่พูดอะไรออกไปบ้างเล่า แต่พอฉันเงยหน้าสบตากับพี่สายชลอีกครั้ง สมองฉันก็พลันขาวโพลนจนฉันเองก็นึกคำพูดใดไม่ออกเช่นกัน
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน พี่สายชลยังคงเดินลงมาเปิดประตูให้ฉันเช่นเดิม “แล้วไว้เจอกันนะ น้องหวาน” พี่สายชลพูดโดยเน้นย้ำชื่อฉัน พร้อมกับยีผมฉันอีกหลายที ก่อนจะเดินหันหลังกลับขึ้นรถ แล้วขับออกไป
ฉันได้แต่ยืนมองรถคันนั้นวิ่งจากไป ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา ความเหน็ดเหนื่อยในวันนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริง น้ำหวาน...วันนี้ท้องฟ้าช่างประทานความโชคดีให้เธอจริง ๆ
Part : พี่สายชล
วันนี้มีกิจกรรมรับน้องของจังหวัด อันที่จริงเพื่อนผมก็ชวนไปร่วมงานเช่นกัน แต่เพราะต้องไปทำธุระกับครอบครัว ผมเลยปฏิเสธไป จนกระทั่งช่วงเย็นผมกลับมาถึงบ้าน ผมนั่งลงที่โซฟาพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ไลน์ในกลุ่มเด้งมารัว ๆ ในตอนแรกผมไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเห็นรูปแมวน้อยของผมโผล่เข้ามาในกลุ่ม พร้อมข้อความที่ทำให้ผมแทบหัวเสีย “น้องคนนี้น่ารักจัง” “อยากมีแฟนก็ตอนนี้แหละ” “พี่กริชดูสนใจเป็นพิเศษนะ” “คนนี้สเปคเลย” “จีบเลยพี่ จีบเลย” ผมรีบหยิบกุญแจรถแล้วรีบขับมาที่งานอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ผมเลี้ยวรถเข้ามา ผมก็ได้เห็นพี่กริชยืนคุยกับแมวน้อยของผมพร้อมยื่นอะไรบางอย่างให้เธอ ผมแทบอยากพุ่งตัวออกรถไปกระชากเธอออกมาจากตรงนั้นทันที และเมื่อผมจอดรถเสร็จ ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็ว แต่เมื่อได้สบสายตากับเธอ แววตาใสกระจ่างทำเอาผมใจอ่อนยวบลงทันที ผมลูบศีรษะเธอเบา ๆ สายตาแอบเหลือบมองไปที่มือของเธอ เมื่อได้จังหวะผมก็ฉวยโอกาสหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกจากมือของเธอ ก่อนจะเน้นย้ำให้เธออย่าไปยุ่งกับใครอีก แมวน้อยของผมเอาแต่พยักหน้า ยิ้มอย่างเขินอาย นี่ผมคงหึงจนเสียอาการไปแล้วแน่ ๆ เมื่อผมเริ่มรู้สึกเบาใจมากขึ้น ผมจึงอาสาไปส่งเธอที่บ้าน ผมไม่อยากให้เธอคลาดสายตาผมอีกแล้ว แมวน้อยของผมออกจะน่ารักขนาดนี้ สายชล...ต่อไปแกต้องระวังมากขึ้นแล้วล่ะ
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว