น้ำหวานสาวน้อยที่อ่อนแอไร้เดียงสา ตกหลุมรักพี่สายชล เพื่อนสนิทของพี่ชายเข้าอย่างจัง โชคชะตาจึงนำพาทั้งสองให้ได้มาใกล้ชิดกันและกัน ความรักที่เฝ้ารอคอยมาเนิ่นนานก็เริ่มเบ่งบานขึ้น จากเพื่อนพี่ชายสุดเงียบขรึมแปรเปลี่ยนเป็นหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ แล้วแมวน้อยอย่างเธอจะรอดพ้นไปได้อย่างไร ติดตามเรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ความหวานซาบซ่า และความท้าทายของหัวใจใน "รักแรก คนเดียว คือเธอ" นิยายที่จะทำให้คุณหลงรักในทุกย่างก้าวของความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหวานและสายชล
view moreฉันชื่อน้ำหวาน ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมห้า ชีวิตในวัยมัธยมปลายของฉันค่อนข้างจืดชืด ด้วยความที่ฉันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงออกแนวรังเกียจสังคมเสียด้วยซ้ำ ฉันพูดคุยกับคนแปลกหน้าไม่ค่อยเก่งเรียกว่าพูดไม่เป็นเลยจะง่ายกว่า ทำให้ฉันไม่ค่อยรู้จักใครมากเท่าไหร่ ที่พอมีสนิทอยู่บ้างก็เป็นเพื่อนในกลุ่มที่โรงเรียนประมาณห้าหกคนเห็นจะได้ โรงเรียนฉันเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ดังนั้นพวกบรรดาความรักแบบ ป๊อปปี้เลิฟอะไรพรรค์นั้นฉันแทบไม่เคยได้สัมผัสเสียด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนเวียนอยู่เพียงแค่บ้านกับโรงเรียน และโรงเรียนกับบ้าน
พอชีวิตในช่วงมัธยมปลายหลายคนต่างเร่งติวหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งถึงแม้ว่าฉันจะเรียนอยู่ในระดับค่อนข้างดี แต่พ่อแม่ก็อยากให้ฉันไปเรียนเสริมอีกสักหน่อย จริง ๆ แล้วฉันไม่ค่อยมีความฝันอะไรสักเท่าไหร่ อยากเรียนอะไร อยากเรียนที่ไหน โตไปอยากเป็นอะไร เรื่องพวกนี้ฉันแทบไม่เคยคิดในหัวสมองเลย พอพ่อแม่อยาก ฉันเองก็ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไร ฉันจึงเริ่มสมัครเรียนพิเศษเพิ่มหลังเลิกเรียน
ลืมบอกอีกอย่างฉันมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ น้ำเพชร พี่เพชรเรียนโรงเรียนชายล้วน จริง ๆ โรงเรียนของพวกเราก็อยู่ใกล้ ๆ กันแบบที่พอจะเดินไปได้ไม่ลำบาก แต่เพราะฉันกับพี่เพชรไม่ค่อยสนิทกันมากเหมือนพี่น้องคู่อื่น ๆ ละมั้ง พวกเราจึงไม่ค่อยไปเจอกันมากเท่าไหร่ เรียกได้ว่าต่างคนต่างใช้ชีวิตกันเลยทีเดียว จะเจอกันก็ตอนกลับบ้านที่แค่ทักทายกันเพียงสองสามประโยคก็แยกย้ายกันเข้าห้องแล้ว
วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันเริ่มไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน โรงเรียนกวดวิชาเป็นอาคารสูงสามชั้น แบ่งห้องย่อย ๆ ออกเป็นแต่ละวิชา แต่ละชั้นเรียน ฉันเดินเข้าไปข้างในด้วยความประหม่าความที่ไม่มีเพื่อนคนไหนยอมมาเรียนด้วย ทั้งยังไม่รู้จักใครที่นี่อีก ทำให้ฉันแทบจะเดินคอตกเข้าไปเลยทีเดียว
นั่นพี่เพชรนี่นา พี่ชายฉันยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดกับเพื่อนอีกสองคน เมื่อฉันเดินไปใกล้ พี่เพชรก็เพียงพยักหน้าให้ฉัน
“เฮ้ย...เฮ้ย...ไอ้เพชร สาวที่ไหนวะ” ผู้ชายคนหนึ่งแซวพี่เพชรทันที ภายหลังฉันจึงได้รู้ว่าพี่เขาชื่อ ตะวัน
“เชี่ย...น้องสาวกู” พี่เพชรหันไปปรามพี่ตะวันทันที
แม้ฉันจะได้ยินประโยคพวกนั้นแต่ฉันก็ทำเพียงก้มหน้าแล้วรีบเดินขึ้นไปข้างบนทันที เอาตามตรงฉันไม่ค่อยชอบผู้ชายที่ปากหมาแบบนี้สักเท่าไหร่ เรียกว่าอยากหนีไปให้ไกลเลยทีเดียว
จังหวะที่ฉันกำลังจะขึ้นบันได พลันสายตาเหลือบไปเห็นแววตาคมกริบที่กำลังมองตามฉันอยู่ เพื่อนพี่ชายฉันอีกคนนั่นเอง พี่เขาชื่อ สายชล
พี่สายชลไม่ได้ใช้สายตาประเภทลวนลามแบบน่ารังเกียจ แต่สายตานั้นก็ทำให้ฉันหัวใจไหววูบจนแทบเสียอาการเลยทีเดียว ฉันเม้มปากแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต จากนั้นฉันก็เรียกว่าแทบจะวิ่งขึ้นบันไดเพื่อหลบหนีสายตานั้นกันเลยทีเดียว
ฉันใช้ชีวิตจบหนึ่งวันอย่างยากลำบาก ชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายแบบที่เคยเป็นดูท่าทางคงเป็นไปได้ยากอีกแล้ว น้ำหวาน...เธอต้องแย่แน่ ๆ
Part : พี่สายชล
ผมชื่อสายชล เรียนอยู่มัธยมหก ผมมีเพื่อนสนิทไม่มากนักหนึ่งในนั้นคือไอ้ตะวัน ตอนนี้พวกเราเรียนกันอย่างหนัก ทั้งที่โรงเรียนและที่กวดวิชาเพราะใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เราสองคนไปโรงเรียนกวดวิชาตามปกติ บังเอิญได้เจอกับไอ้เพชร พวกเราจึงหยุดคุยกันตรงทางขึ้นบันได ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น ผมเหลือบไปเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามายังพวกเรา ท่าทางเหมือนแมวน้อยหลงทางก็ไม่ปาน เธอเดินก้มหน้าก้มตา แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ดั่งกลัวใครจะเข้ามาทำร้ายอย่างไงอย่างนั้น แต่จู่ ๆ ไอ้เพชรก็หันไปพยักหน้าทักทาย ผมได้แต่ยกยิ้มมุมปากพลางคิดในใจว่าคงเป็นเด็กอีกคนของไอ้เพชรแน่ ๆ ไอ้เพชรเพื่อนผมคนนี้ได้ชื่อว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ สาว ๆ ในสต๊อกมันมีเป็นเข่ง บางทีถึงกับตบตีแย่งชิงกันเลยก็มี ผมได้แต่นึกสงสารและเอ็นดูเหยื่อรายใหม่ของมันอีกคน ท่าทางแบบนี้จะไปสู้ใครเขาได้เล่า แต่พลันได้ยินมันบอกไอ้ตะวันว่าเป็นน้องสาว ผมถึงกับนิ่งอึ้งไป คิ้วหนายักขึ้นอย่างแปลกใจ ไม่ยักรู้ว่าไอ้เพชรมีน้องสาวด้วย ผมรู้สึกผิดกับมันนิดหน่อยที่คิดอกุศลกับน้องของเพื่อน ผมหันหน้าไปมองน้องสาวไอ้เพชร ท่าทางหงุดหงิดที่ถูกไอ้ตะวันแซว ทั้งยังท่าทางที่เดินเร่งรีบเหมือนกับวิ่งหนีก้อนขี้หมาตรงหน้า ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนใจเข้าไปใหญ่ ผมยังคงมองเธอเดินต่อไป จนสายตาปะทะเข้ากับดวงตาคู่หวาน ผมรู้สึกราวกับร่างกายถูกสตั๊นท์เอาไว้ เวรละผม...ขืนไอ้เพชรรู้ความคิดผมเข้า มีหวังมันวิ่งมาฉีกอกผมเป็นแน่
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว
Mga Comments