บทที่ 6 : ไม่เจอกันนาน
หลังจากนั้นพี่สายชลพาฉันขึ้นรถเพื่อพาไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางฉันนั่งนิ่งเงียบ แอบปรายตามองพี่สายชลเป็นบางครั้งบางคราว ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่ ยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่านะ ฉันได้แต่เม้มปากแน่น
“น้ำหวาน สบายดีนะ ไอ้เพชรเป็นอย่างไรบ้าง” จู่ ๆ พี่สายชลเอ่ยปากก็ทำลายความเงียบลง
“ สบายดีค่ะ หวานไม่ค่อยได้คุยกับพี่เพชรแต่คงจะสบายดีแหละ” ฉันตอบออกไป พลางครุ่นคิดในใจว่าฉันควรจะพูดคุยอะไรต่อดี
“แล้วไม่คิดจะถามพี่บ้างเหรอ” พี่สายชลพูดโดยไม่หันมามองหน้าฉัน สายตายังคงมองออกไปตรงทางด้านหน้าถนนเช่นเดิม
“เอ่อ...แล้วพี่ชลสบายดีไหมคะ” ฉันรีบถามกลับ กลัวว่าพี่สายชลจะคิดว่าฉันช่างไร้มารยาทสิ้นดี
“หึ...ไม่ค่อยสบายหรอก แมวของพี่ซนเหลือเกิน” พี่สายชลตอบออกมา
“พี่ชลเลี้ยงแมวด้วยเหรอ” คำตอบนั้นทำให้ฉันเกิดสงสัยขึ้นมาทันที
“แมวหลงทางน่ะ ชอบทำให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย” พี่สายชลตอบพร้อมหันมามองหน้าฉันอย่างเพ่งพินิจ ทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าว แล้วแมวพี่ชลเกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องขนลุกซู่แบบนี้ด้วย
หลังจากนั้นฉันกับพี่สายชลก็นั่งเงียบกันอีกสักพัก
“น้ำหวานไม่เจอตั้งนาน คิดถึงไหม” พี่สายชลถามฉันอีกครั้ง แต่คำถามนี้ทำเอาฉันสะดุ้ง “คะ” ฉันเลิกคิ้วรีบทวนคำถามอีกครั้ง “พี่หมายถึงไอ้เพชรน่ะ คิดถึงมันไหม” ฉันถึงได้บางอ้อขึ้นมา “อ้อ..ก็คิดถึงค่ะ” ฉันได้ยินเสียงหึดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะแอบเห็นพี่สายชลยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันเผลอจ้องหน้าพี่สายชลอยู่อย่างนั้น ก่อนที่พี่เขาจะหันมาสบตาด้วยอีกครั้ง “พี่หล่อเหรอ ถึงเอาแต่มองแบบนั้น” ฉันถึงกับหน้าเหวอไปเลยทีเดียว ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีออกไปทางนอกหน้าต่างโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก
เมื่อถึงหน้าบ้าน พี่สายชลเดินลงมาเปิดประตูรถให้ฉัน แต่ก่อนที่ฉันจะก้าวเข้าไปในบ้าน พี่สายชลรั้งแขนฉันเอาไว้อย่างเบามือ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา
“วันหลัง ห้ามไปเมาแบบนี้อีกนะ” พี่สายชลกำชับฉันด้วยพร้อมมองด้วยสายตาห่วงใย ฉันทำเพียงพยักหน้ารับ จากนั้นฉันก็หันหลังเดินเข้าไปในบ้าน พลันได้ยินเสียงพี่สายชลเอ่ยตามหลังออกมา “คืนนี้ฝันดีนะคะ” เมื่อฉันได้ยิน ร่างทั้งร่างหยุดชะงัก มือฉันจิกชายกระโปรงไปมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านไปในทันที
เมื่อถึงห้องนอน ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาลั่นบ้าน ฉันนอนบิดไปบิดมาบนเตียง มือฉันยกขึ้นลูบหัวตัวเองไปมา อยากสัมผัสร่องรอยมือใหญ่ที่ยังจาง ๆ อยู่ ก่อนจะคิดถึงประโยคสุดท้ายที่พี่สายชลบอกฉัน “ฝันดีนะคะ” อร๊าย....น้ำหวานแล้วคืนนี้เธอจะนอนหลับลงได้ยังไงละเนี่ย
Part : พี่สายชล
ผมไม่ได้เจอกับเธอเกือบจะหนึ่งปีเห็นจะได้ ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ผมทำได้เพียงคิดถึงใบหน้าและแววตานั้นตามลำพัง ในตอนที่นั่งอยู่บนรถ ผมสังเกตเห็นเธอมีท่าทางที่อึดอัด มือน้อยจิกเกร็งบนกระโปรงบานจนแทบจะฉีกขาด ผมจึงตั้งใจเอ่ยทำลายความเงียบหวังให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างแต่เธอกลับเพียงตอบคำถามผมแล้วก็เงียบลงอีกครั้ง ผมได้แต่รู้สึกน้อยใจนิด ๆ ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง ตอนผมพูดถึงแมวน้อย เธอดูสนใจขึ้นมาบ้าง ผมจึงอดที่จะประชดเธอไม่ได้ ยิ่งนึกถึงตอนที่ไอ้หนุ่มหน้ามนนั่นจับมือถือแขนแมวน้อยของผมยิ่งทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคืองเข้าไปอีก แต่เมื่อได้เห็นแมวน้อยของผม ทำตาใสมองผมอย่างเขินอาย ก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวลดหายลงไปเลยทีเดียว ผมเห็นเธอเงียบไปอีกครั้ง ผมอยากถามเธอว่าเธอคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงเธอหรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ดูตื่นตระหนก ทำให้ผมแก้เก้อด้วยการเปลี่ยนเรื่องไป เมื่อเธอบอกว่าคิดถึง แม้เธอจะหมายถึงไอ้เพชร แต่ผมก็แอบคิดไปเองว่าคำตอบนั้นคงหมายถึงผมแน่นอน ผมยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี และเมื่อผมเหลือบไปเห็นเธอเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น ผมจึงอดที่จะเอ่ยแซวแมวน้อยของผมอย่างลืมตัว
เมื่อถึงหน้าบ้านเธอ ผมแทบอยากหยุดเวลาลงตรงนี้ ผมไม่ได้เจอเธอมานานและไม่รู้ว่าจะหาโอกาสไหนมาเจอเธออีก ก่อนเธอจะเข้าบ้านผมถึงกับกำชับเธอไว้ เผื่อวันหลังลับสายตาผม เธอจะได้ไม่กล้าออกไปซุกซนเช่นวันนี้อีก ก่อนที่เธอจะลับสายตาผมตัดสินใจเอ่ยคำว่า คืนนี้ฝันดีนะคะ ออกไปอย่างที่หัวใจอยากจะพูดออกมาเสมอ ผมเห็นเธอชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาไป ผมได้แต่หัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าผมกำลังหัวเราะตัวเอง หรือว่าหัวเราะแมวน้อยของผมกันแน่ สายชลเอ๋ย...จะทำยังไงกับแมวน้อยตัวนี้ดีเนี่ย
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว