ขณะที่นั่งรอคนงานในไร่พากันทยอยขนตะกร้าส้มออกมาจากข้างในสวน ระหว่างนี้ปริญก็ช่วยพนิดาคัดขนาดของส้มแต่ละเกรด โดยฟังจากที่พนิดาอธิบายเธอบอกว่า ส้มที่คัดจะมีทั้งหมดหกขนาด ไล่ไปตั้งแต่เบอร์สาม ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กที่สุด จากนั้นก็จะเป็นเบอร์สองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าส้มเบอร์สาม และขนาดเบอร์หนึ่งจะเป็นขนาดที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคมากที่สุด จากนั้นก็จะเป็นส้มเบอร์ศูนย์ ซึ่งเบอร์นี้ก็จะยังมีขนาดที่ใกล้เคียงกับส้มเบอร์หนึ่งและก็ยังเป็นขนาดที่ผู้บริโภคนิยมเช่นกัน จากนั้นมาก็จะเป็นเบอร์ศูนย์ศูนย์ ซึ่งเป็นส้มที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากว่าเปลือกค่อนข้างหนา เนื้อฟ่ามและมีรสชาติจืด ส่วนเบอร์สุดท้ายคือขนาดศูนย์ศูนย์ศูนย์ ส้มเบอร์นี้จะเป็นส้มที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษจนไม่มีช่องให้ลง ส่วนรสชาติก็จะเหมือนกับส้มเบอร์ศูนย์ศูนย์ แต่มีปริมาณไม่มากนัก
ปริญนั่งฟังพนิดาอธิบาย ในขณะที่เขานั่งจ้องหน้าเธอ ส่วนเธอปากพูดไป มือก็ทำงานไปไม่มีหยุด นับว่าสิ่งที่พนิดาพูดมาทั้งหมดนี่เป็นความรู้ใหม่สำหรับเขาเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่ย่าของเขาเป็นเจ้าของสวนส้มขนาดใหญ่แต่เขากับไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย ปกติเวลาผู้เป็นย่าส่งส้มไปให้กินที่กรุงเทพ เขาไม่เคยสังเกตุเลยด้วยซ้ำว่าส้มที่ตัวเองกินนั้นมีขนาดเท่าไหร่หรือเบอร์อะไร จะว่าไปเห็นเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าเขาขนาดนี้ แต่พอเอางานเอาการขึ้นมาพนิดาก็จริงจังกับมันเหมือนกัน ปริญได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ
"เธอนี่ก็เก่งเหมือนกันนะ รู้เรื่องพวกนี้ด้วย"
"พายก็เรียนรู้มาจากพวกลุงป้าน้าอาพี่ๆที่นี่ทั้งนั้นแหละค่ะ พี่ปริ้นอย่าลืมสิคะว่าพายโตที่นี่"พนิดาพูดแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างบุ๋มดูน่ารัก ส่วนปริญก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยที่ก็ไม่ได้คิดว่าจะขัดอะไร
วันนี้ทั้งวันทั้งปริญและพนิดาพากันช่วยกันคัดแยกขนาดของส้มจนหมดเป็นร้อยตะกร้า จากตอนแรกที่พวกคนงานพากันเกร็งๆในความเป็นหลานของคุณย่าบัวหลันของเขาจนพากันขยับออกไปนั่งที่อื่นแทน ไปๆมาๆพอได้พนิดาเป็นตัวกลางในการเชื่อม เหล่าบรรดาคนงานก็พากันผ่อนคลายกลายเป็นเริ่มที่จะกล้าพูดคุยเล่นกับปริญแล้วบ้าง
"แหมคุณปริ้นหล่อป๋านนี้ แสงหล้าเจื้อเลยค่ะว่าตะก่อนพวกแม่ญิงตึงปากันแย่งหัวขะไดบ่าตันแห้ง"
"ไม่ใช่แค่เมื่อก่อนหรอกครับพี่แสงหล้า ตอนนี้ก็ยังมีแย่งกันอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละครับ อย่างว่าคนหน้าตาดีจะให้ทำไงได้" ปริญที่ดูจะมั่นหน้าภูมิใจในความหล่อของตัวเองหันมายักคิ้วให้พนิดาหนึ่งที จนอีกฝ่ายได้แต่หน้าเหวออ้าปากเพราะเหนื่อยใจในความหลงตัวเองของเขา
"แต่ถึงแม้ว่าบัดเดี๋ยวนี้จะยังมีแม่ญิงมากอยอ่อย..เอ่อ แสงหล้าหมายตึงว่า มาขายขนมจีบหื้อคุณปริ้นอยู่บ่าได้หยุดหย่อน แต่กะเสียใจ๋ตวยเน้อเจ้าตี้ว่าต๋อนนี้คุณปริ้นได้มีเจ้าของเป๋นตั๋วเป๋นตนแล้ว ซึ่งกะคือน้องพายคนงามแห่งไร่แสนสุขคนนี้นี่เองแม่นก่อเจ้า" แสงหล้าหันไปถามปริญ แต่ทั้งปริญและพนิดาต่างก็หันมามองหน้ากันและต่างพากันอึกอักที่จะตอบ ก็ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็รู้กันอยู่เต็มอกว่าการแต่งงานระหว่างเขาและเธอในครั้งนี้เหตุผลที่แท้จริงแล้วนั้นคืออะไร จึงทำได้แค่เพียงส่งยิ้มบางๆกลับไปให้เท่านั้น
จะว่าไปวันนี้ปริญก็สนุกกับการไปช่วยเหล่าพวกคนงานและพนิดาในการคัดส้มทั้งวัน มันทำให้เขาได้รู้จักกับคนงานในไร่เพิ่มขึ้นหลายๆคน บางคนก็ทำงานกับคุณย่าของเขามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ บางคนก็มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยังโสดจนตอนนี้แต่งงานกับคู่ของตัวเองในไร่ส้มแห่งนี้จนมีลูกมีหลานกันก็มี และอีกสิ่งหนึ่งที่ปริญสัมผัสได้จากผู้คนที่นี่คือความจริงใจและความเป็นกันเอง ทำให้เขาคิดได้ว่าจะว่าไปแล้วการได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นั้นก็สบายใจดี
พอคัดส้มได้เสร็จตามจำนวนที่ต้องการสำหรับวันนี้แล้ว ทั้งปริญและพนิดาต่างก็พากันกลับบ้าน แต่มันติดตรงที่ว่าพนิดามีจักรยานมาด้วย ส่วนเขานั้นเดินมาและพนิดาบอกว่าให้เขาเดินกลับบ้านเอง แม้ว่าจะเป็นระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากนัก แต่การคัดส้มวันนี้ทั้งวันก็ทำเอาเขามีอาการปวดเมื่อยไปตามเนื้อตัวบ้าง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ปริญจะยอมให้พนิดาปั่นจักรยานกลับบ้านแล้วให้ตัวเขานั้นเดินไป
"ลงมา เดี๋ยวฉันปั่นเอง"
"เรื่องอะไรจะมาเนียนชักดาบจักรยานชาวบ้านเขาเฉยล่ะคะ"
"ไม่ได้จะชักดาบ แค่จะขอกลับด้วย แต่ว่าฉันจะเป็นคนปั่นเอง ส่วนเธอมาซ้อนข้างหลังนี่ ฉันไม่บ้าให้ผู้หญิงปั่นแล้วตัวเองนั่งกินแรงหรอกน่า" ปริญยืนเท้าสะเอวมองคนหวงจักรยานที่ทำท่าว่าจะปั่นหนีเขาไปตั้งแต่ตอนแรก
"งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ" พนิดาปล่อยแฮนด์ที่จับจักรยานให้ไปอยู่ในมือของปริญ ส่วนตัวเธอนั้นก็ย้ายตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งผู้ซ้อนท้าย ปริญบอกว่าถ้าไม่อยากตกก็ให้เธอกอดเอวเขาเอาไว้แต่ด้วยความเขินอายเธอจึงทำเพียงแค่จับชายเสื้อทั้งสองข้างของเขาเอาไว้จนแน่น
จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน พนิดาก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวจะมาทำมื้อเย็นให้ ปริญพยักหน้าเป็นเชิงว่าตกลง และระหว่างที่นั่งรอพนิดาไปอาบน้ำเขาก็เดินไปหยิบดูโทรศัพท์มือถือที่ก็ตัวเองลืมไว้เมื่อเช้าขึ้นมาเปิดดูพบว่าที่หน้าจอมีการแจ้งเตือนถึงสายที่ไม่ได้รับอยู่เกือบยี่สิบกว่าสาย เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎขึ้นว่าเป็นใคร ปริญก็รีบติดต่อโทรกลับทันที
"ครับญดา"
พนิดาใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ เธอรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุดด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่อยากให้ปริญรอนาน รอในที่นี้พนิดาหมายถึงทั้งรอที่จะอาบน้ำต่อและรอที่จะทานมื้อเย็น วันนี้เขาและเธอต่างเหนื่อยมาทั้งวันเธอคิดว่าเขาคงจะต้องหิวมากแน่ๆ เลยตั้งใจว่าระหว่างที่เขาขึ้นมาอาบน้ำเธอก็จะลงมือทำอาหารเย็นแบบง่ายๆให้ แต่พอเดินลงบันไดมาไม่เท่าไหร่ พนิดาก็ได้ยินเสียงแว่วๆว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์
"ได้สิครับ ญดาอยากจะมาหาผมเมื่อไหร่...คิดถึงเหมือนกันครับ...ไม่ได้แอบไปซุกอยู่กับสาวที่ไหนหรอกครับ แค่วันนี้ไปช่วยดูพวกคนงานคัดส้มมาครับ เลยลืมมือถือไว้...ได้ครับเอาไว้เจอกัน"
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ