เช้านี้พนิดารีบตื่นนอนแต่เช้าอีกตามเคย อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้วที่จะต้องรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตให้แล้วเสร็จ จากนั้นอาทิตย์หน้าก็จะเป็นงานประจำปีเทศกาลส้มหวานของดีเมืองเหนือที่จัดขึ้นที่ว่าการอำเภอเช่นเคย ภายในงานจะมีร้านค้ามากมายที่นำสินค้าจากไร่ตัวเองทั้งที่เป็นแบบสดๆและแบบแปรรูปแล้วมาวางจำหน่าย
สองปีที่แล้วตอนก่อนที่จะไปเรียนต่อพนิดาก็ได้มาช่วยคนที่ไร่จัดร้านขายของสนุกสนานกันเลยทีเดียวร้านค้าส่วนมากก็จะเป็นชาวสวนชาวไร่ที่อยู่ในละแวกบริเวณใกล้เคียงกันทั้งนั้น ต่างมีผลผลิตจากไร่ของตัวเองมาจำหน่ายให้ทั้งชาวบ้านและเหล่านักท่องเที่ยวกันละลานตาไปหมด
ปีนี้ที่ไร่แสนสุขมีสินค้ามากมายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก ส่วนหนึ่งมันก็มาจากความคิดของพนิดาด้วยที่อยากเพิ่มมูลค่าให้สินค้ามีความแตกต่างออกไปจากแต่ก่อน
"พายว่าปี๋นี้ฮ้านก้าจากไร่ส้มแสนสุขของย่าบัวตึงต้องได้รางวัลฮ้านตี้ขายดีตี้สุดแน่เลยปี้แสงหล้า"
"ปี้กะว่าจะอั้นเน๊าะ พายกอยผ่อเน้อ ปี๋นี้ปี้จะแต่งตั๋วหื้องามตี้สุดในงาน จะเอาหื้อนายอำเภอทินกรเปิ้นต๋าก้างฟ้าวมาขอปี้ไปเป๋นแฟนบ่าตันเลย"แสงหล้าสาวงามประจำไร่ส้มของคุณย่าบัวหลันที่อายุอานามปีนี้ก็น่าจะเกือบสี่สิบปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้มีวี่แววว่าจะตกลงปลงใจเอาผู้ชายคนไหนมาทำสามีเลยสักคน
"โอ้ย แต่พายว่าสองปี๋ตี้แล้ว ปี้แสงหล้ากะงามตี้สุดในงานแล้วหนาเจ้า บ่าอั้นบ่าวน้อยบ่าวใหญ่ตึงบ่าปากั๋นมาเหมาหมดเหมาเซี้ยงตั้งแต่ตะวันยังบ่าตกดิน"
"แต้ๆ พายอู้ถูก ปี้กะว่าจะอั้นเนาะ" ว่าแล้วสองสาวต่างก็พากันหัวเราะคิกคักกันใหญ่ ในไร่นี้พนิดาเรียกได้ว่าแทบจะสนิทกับทุกคน ด้วยความที่ว่าเธอโตมาในไร่นี้ คนงานที่อยู่มานานก็เห็นเธอมาตั้งแต่เด็กๆ แถมพนิดายังเป็นเด็กขยัน พอมีเวลาว่างก็มักจะมาช่วยเก็บส้มคัดส้มกับคนงานในไร่เสมอ จนเธอเองตอนนี้เรียกได้ว่าสามารถคุมงามแทนหัวหน้าคนงานอย่างลุงแม้นเมืองได้อย่างสบายๆ
"พายกะตึงบ่าน่าไปยอมัน อีแสงหล้ามันตึงยิ่งบ้ายอบ้ายุอยู่ นายอำเภอตี้ไหนเปิ้นจะมาแลต๋าผ่อมัน แต่งตั๋วป๋านนกแก้ว อู้ทีอย่างกะนกขุนทอง ลุงว่าถ้าป้อจายเปิ้นจะผ่อกะคงผ่อตั๋วฮั้นเล๊าะ"ลุงแม้นเมืองรีบขัดสองสาวขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเรื่องมันชักจะเลยเถิดไปไกล
"โอ๊ยยย ไผบอกลุงว่าป้อจายเปิ้นผ่อแต่พาย ถ้าหื้ออู้แต้ๆ แสงหล้ากับพายกะงามปอๆกั๋น ถ้าป้อจายเปิ้นจะผ่อเปิ้นกะตึงผ่อตึ้งสองคนฮั้นเลาะลุงแม้น บ่าหู้เรื่องแหมละ" แสงหล้าที่กำลังหยิบแป้งกับลิปสติกตรงหน้าอกออกมาหมายจะอ้าปากทาถึงกับต้องหยุดชะงักแล้วหันขวับมาแหวใส่ลุงแม้นเมืองไปหนึ่งที
"ถึงไผเปิ้นจะว่าน้องแสงหล้าจะใด สำหรับอ้ายอินตาแล้ว น้องแสงหล้างามตี้สุดแล้ว บ่าว่าจะผ่อตางใดกะงามแต้งามว่า งามปะล้ำปะเหลือ งามง่าวงามใบ้ งามบ่อมีไผเหมือน"
"ปอๆ เต๊อะสู กูไค้หาก ขะใจ๋เก็บเข้าเต๊อะ กูทนฟังความงามตี้บ่มีไผเหมือนของอีแสงหล้ามาเมินจนค้นต้องค้นไส้หมดละ ฟั่งเก็บฟั่งแล้ว อย่าไปมัวปากกั๋นหลาย" น้าฟองจันทร์เมียของลุงแม้นเมืองที่นั่งคัดส้มใส่ตะกร้าอยู่ข้างๆผู้ที่ไม่สามารถทนฟังความงามของแสงหล้าได้อีกต่อไปจึงต้องขอขัดขึ้นก่อน
ในขณะที่พนิดายังคงนั่งช่วยคนงานคัดส้มอยู่ที่เต้นท์คัดส้ม อยู่ๆสายตาก็เหลือบมองไปเห็นปริญกำลังเดินตรงมาทางนี้ พอเห็นว่าปริญเดินตรงมา ทั้งแสงหล้าและคนอื่นๆต่างก็พากันกระจายตัวไปรอบๆแทน
ช่วงนี้ทั้งเธอและเขาต่างก็อยู่ด้วยกันด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าขอสงบศึกเอาไว้ชั่วคราวก่อนจึงทำให้บรรยากาศในการอยู่ร่วมกันของทั้งเขาและเธอต่างก็ผ่อนปรนขึ้น
"มีอะไรให้ฉันช่วยบ้างหรือเปล่า"
ปริญเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาถึงใกล้ๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าสีเหลี่ยมสีส้มที่เอาไว้ใช้สำหรับใส่ส้มมาคว่ำหน้าลงไปกับพื้นเพื่อใช้นั่งแทนเป็นเก้าอี้
"พี่ปริ้นว่างหรอคะ"
"ใช่สิ ไม่งั้นฉันจะเดินมาถึงที่นี่ทำไม"
"ไม่ไปหาย่าบัวล่ะคะ"
"ทำไม ก็ฉันอยากจะมาหาอะไรทำที่นี่ ทำไมเธอต้องไล่ฉันให้ไปหาคุณย่าด้วย"
"พายไม่ได้ไล่ค่ะ แค่ถามดูเฉยๆ" พนิดารีบตอบคำถามเพื่อเคลียร์ความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายอย่างไวเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นตั้งท่าจะทำหน้าบูด
"งั้นก็เอามาสิ งานที่จะให้ทำ" เมื่อมีคนเรียกร้องพนิดาจึงจำเป็นต้องตอบสนองด้วยการมอบหมายงานอันทรงเกียรติให้กับหลานชายของเจ้าของไร่เสียหน่อย
"โน่นค่ะ" ปลายนิ้วเล็กๆชี้ตรงไปยังตะกร้าใส่ส้มที่เรียงกันอยู่เป็นตั้งๆ
"พี่ปริ้นต้องไปแบกตะกร้าส้มพวกนั้นมาที่นี่ จากนั้นพวกเราก็จะนำส้มเทใส่ลงไปในเครื่องคัดส้มแบบนี้ เสร็จแล้วก็แยกตามขนาดที่คัดออกมา
ปริญมองตามปลายนิ้วมือของคนสั่งไปประมาณไม่ถึงห้าสิบเมตรได้ ซึ่งมีเหล่าพวกคนงานผู้ชายพากันแบกตะกร้าที่ใส่ส้มจนเต็มออกมาจากสวนแล้วมาวางเรียงๆกันที่ปากทางเข้า
"ให้ฉันไปแบกคนเดียวหรอ"
"ถ้าเป็นตอนนี้ก็ใช่ค่ะ เพราะลุงแม้นเมืองต้องคุมเครื่อง ส่วนพายกับพี่แสงหล้าก็ต้องช่วยกันเอาตะกร้ามารองรับส้มแต่ละขนาด ส่วนพี่อินตาก็อย่างที่เห็นค่ะต้องยกตะกร้าส้มใส่เครื่องไม่มีใครไปช่วยยกได้ แต่ถ้าพี่ปริ้นรออีกสักพัก พอพวกคนงานเขาขนตะกร้ากันออกมาจนหมดแล้ว เดี๋ยวเขาก็จะช่วยขนกันมาทางนี้เองล่ะค่ะ" ระหว่างที่พนิดาอธิบายปริญจึงได้นึกภาพตามและได้ข้อสรุปให้กับตัวเองได้ว่า
"ส้มตะกร้าหนึ่งน่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบกิโลหรือเปล่า"
"ตะกร้าละยี่สิบห้ากิโลค่ะ"
"โอเค งั้นเดี๋ยวฉันนั่งรอพวกคนงานที่นี่ก่อนก็แล้วกัน"
"อ้าว" พนิดาถึงกับขำพรืดเมื่อเห็นหน้าคนที่บอกว่าอยากจะทำงาน แต่พอได้รู้น้ำหนักส้มแต่ละตะกร้าแล้วกลับเลือกที่จะนั่งรอพวกคนงานมายกกันเสียเองแทน
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ