จากตอนแรกที่กำลังอารมณ์ดีอยากจะรีบวิ่งลงบันไดเพื่อจะมาทำมื้อเย็นทานด้วยกัน แต่พอได้ยินว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับคนที่เขารักไป ใบหน้าเปื้อนยิ้มของพนิดาก็เป็นอันว่าจะต้องหุบลง
'นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป เธอลืมอะไรไปหรือเปล่าพนิดาว่าเขามีแฟนแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเขากับเธอจะไม่ได้ตึงเครียดเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถมีใจให้กับเขาได้ อย่าเอาหัวใจตัวเองเข้าไปเสี่ยง วันใดวันหนึ่งยังไงเขาก็ต้องกลับไปหาคนรักเขาอยู่ดี เธอควรต้องนึกไว้เสมอว่าเขาไม่ใช่คนโสด เขามีคนของเขา คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ'
พนิดาหุบยิ้มแสนหวานนั้นลงในขณะที่ปริญก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วพอดี ร่างสูงใหญ่หันกลับมาจึงเห็นว่าพนิดามายืนคอยอยู่ หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
"ไม่ได้มาแอบฟังใช่มั้ย"
"เปล่าค่ะ พายแค่จะมาถามว่าพี่ปริ้นว่าอยากจะกินอะไร ระหว่างแกงจืด หรือว่า ต้มยำ พายจะได้ทำให้ถูก"
"อืม แกงจืดก็อร่อย ส่วนต้มยำก็แซ่บถึงใจดีนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากกินทั้งสองอย่างเลย" ปริญทำท่าครุ่นคิดก่อนจะแกล้งยิ้มและตอบออกไป หากแต่ว่าคำตอบของเขากลับทำให้ใบหน้างามนั้นยิ่งบึ้งตึงขึ้นมาอีกแถมริมฝีบางบางข้างล่างยังถูกฟันซี่เล็กๆขบกัดเอาไว้จนแดงขึ้นเป็นรอยฟัน
"สองอย่างไม่ได้ค่ะ เลือกได้อย่างเดียว ถ้าจะกินแกงจืดก็ไม่ต้องกินต้มยำ แต่ถ้าจะกินต้มยำก็ไม่ต้องกินแกงจืด พี่เป็นผู้ชาย ถ้าจะเลือกอะไรก็ควรที่จะเลือกให้มันชัดเจนไปเลยค่ะ อย่าทำเป็นรักพี่เสียดายน้อง จับปลาสองมือ เหยียบเรือสองแคม จะเลือกอะไรก็เอาให้มันชัดๆ" ทั้งที่ตอนแรกยังพยายามบอกตัวเองว่าให้อยู่ในสภาวะเฉยๆอยู่เลย แต่ตอนนี้พนิดากลับเริ่มหัวร้อนหูร้อนไปหมดจนใบหน้าสวยๆนั้นดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันตา
"หืมมีงี้ด้วย นี่หมายถึงอาหารใช่มั้ย" คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันอีกรอบเมื่อได้ฟังสุภาษิตบทยาวไป
"ก็..ใช่น่ะสิคะ ถ้าไม่หมายถึงอาหารแล้วจะให้หมายถึงอะไร ก็พี่ปริ้นบอกว่าอยากจะกินทั้งสองอย่างแบบนี้ พายว่ามันดูสิ้นเปลืองค่ะ ยุคนี้อะไรที่ประหยัดได้เราก็ควรที่จะประหยัด ลองนึกถึงคนที่เขาไม่มีข้าวกิน ต้องอยู่แบบอดๆอยากๆดูบ้าง" อยู่ดีๆพนิดาก็ตอบแบบตะกุกตะกักเสียดื้อๆเมื่อเห็นว่าปริญดูเหมือนจะสงสัยกับสิ่งที่เธอพึ่งจะพูดไป
"ใจเย็นๆก่อนสิ แค่ฉันยังเลือกว่าจะกินอะไรไม่ได้แค่นี้เองทำไมเธอต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้นด้วย งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เธอเป็นคนทำนี่นะ ถ้าเธออยากทำอะไรให้ฉันกิน ฉันก็กินอันนั้นแหละ ฉันตามใจเธอ" เมื่อเห็นรอยยิ้มสุดเท่ที่คนตรงหน้าส่งมาให้ หัวใจไม่รักดีของพนิดาก็เป็นอันต้องสั่นไหวอีกแล้ว เขาจะรู้บ้างมั้ยนะว่าการที่เขาบอกว่าอยากตามใจเธอ คำๆนั้นมันอาจจะทำให้เธอนั้นคิดเข้าข้างตัวเองไปไกลได้ว่าเขานั้นก็แคร์หรือว่ามีความรู้สึกใดๆกับเธอ และก่อนที่ทุกอย่างจะผิดแผกไปมากกว่านี้พนิดาจึงจำเป็นต้องบอกตัวเองให้รีบหยุดคิดและรีบตัดสินใจให้เขาเสียเดี๋ยวนี้ดีกว่าว่าเธอจะทำเมนูอะไร
"งั้นพายเลือกให้เป็นแกงจืดก็แล้วกันค่ะ ต้มยำกินแล้วเดี๋ยวแสบท้องจะนอนไม่สบายตัว พี่ปริ้นรีบขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วลงมาทานด้วยกันนะคะ พายจะเตรียมอาหารรอ" ว่าแล้วพนิดาก็รีบเดินออกจากห้องนั่งเล่นแล้วรีบเดินเข้าไปในครัว
ระหว่างที่ทำอาหารไปสมองก็เริ่มคิดถึงแต่เรื่องของปริญอีก โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้เลยว่าทำไมอยู่ดีๆปริญถึงได้ค่อยๆซึมแทรกเข้ามาอยู่ในสารบบความคิดของเธอได้ ทั้งสมองและหัวใจต่างกำลังถกเถียงกันจนยุ่งวุ่นวายไปหมด พนิดาทำกับข้าวง่ายๆแค่แกงจืดเต้าหู้หมูสับและมีกระเพราไก่ไข่ดาวคู่กัน เมื่ออาหารถูกจัดวางรออยู่ที่โต๊ะ ไม่นานปริญก็เดินลงมา
"หอมน่าทานจัง"
"ไม่ใช่แค่น่าทานอย่างเดียวนะคะ อร่อยด้วยค่ะ" ใบหน้างามยังคงมีอาการตึงๆ ปริญเห็นแบบนั้นก็ขำออกมาน้อยๆก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำหน้าแบบนี้ถ้าไม่บอกฉันคงนึกว่าเธอกำลังงอนใครอยู่"
'งอน อย่างนั้นหรอ นี่เธอกำลังงอนเขาอยู่จริงๆใช่หรือเปล่า บ้าไปแล้วน่าพนิดา เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เขาก็แค่คุยโทรศัพท์กับแฟนของเขาแล้วเธอจะมางอนเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน'
พนิดาสบัดศรีษะตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งจากนั้นจึงได้ยิ้มเจื่อนๆออกมา
"เอ่อ พายเปล่างอนนะคะ คงอาจจะแค่เหนื่อยๆ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน งั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วพายจะขอตัวรีบขึ้นไปพักผ่อนเลย"
"ได้สิ"
ว่าแล้วปริญก็ตักผัดกระเพราะใส่จานข้าวให้พนิดา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกรอบ ซึ่งตัวเขาเองที่กำลังตักกับข้าวใส่จานให้เธอก็หยุดชะงักและทำหน้ามองมาเป็นเชิงตั้งคำถาม
"ทำไม มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเธอจะไม่กินผัดกระเพรา แต่เธอเป็นคนทำมาเธอก็น่าจะกินนี่นะ"
"เปล่าค่ะ พายแค่แปลกใจที่พี่ปริ้นตักกับข้าวให้" ทำพูดของหญิงสาวตรงหน้าก็ทำเอาปริญชะงักไปเหมือนกันหากแต่ว่าเจ้าตัวก็ยังไม่อยากที่จะยอมรับ เลยทำได้เพียงเฉไฉหาข้ออ้างไปก่อน
"ก็..ไม่เห็นแปลก ทีเธอยังทำกับข้าวให้ฉันกินได้เลย ฉันก็ต้องทำอะไรเพื่อตอบแทนน้ำใจเธอบ้าง แล้วอีกอย่างคนอย่างฉันก็ค่อนข้างมีความเป็นสุภาพบุรุษด้วย..ก็แค่นั้น"
"แค่นั้น...ค่ะ" พนิดาทวนคำของเขาก่อนจะยิ้มแห้งออกมา มันก็ 'แค่นั้น' ตามที่เขาบอกน่ะถูกแล้ว อย่าลืมสิว่าเธอแต่งงานกับเขาเพราะอะไรและอีกแค่ไม่ถึงปี เธอกับเขาก็ต้องต่างคนต่างแยกย้ายกันไปก็..แค่นั้น นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรจากเขาอีกแล้วนะ และใช่ กว่าจะจัดการมื้อค่ำหมดเธอก็ยังคงเอาแต่เถียงกับตัวเองไปเรื่อยๆเป็นระยะๆจนหลายครั้งที่ปริญต้องหยุดเรียกเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่เขี่ยข้าวในจานอยู่อย่างนั้นและไม่ยอมกินให้หมดสักที
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ