เสร็จจากพิธีการเคลื่อนย้ายศพไปยังวัดบ้านเกิด ซึ่งถูกจัดการโดยบลูทั้งสิ้น นอกเหนือจากหมอนนท์ ผู้ช่วยเพชร และคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ในเครือเดียวกันอาสาช่วยแล้ว ก็มีคุณคอปอีกคนนี่แหละที่ยังคงมองอยู่ห่างๆ เขากะจะไปในคืนสุดท้ายและวันเผาทีเดียว เพราะไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นอะไรกันกับหมอบลู ความละอายกระดากเลยเข้าแทรก ทั้งอันที่จริงไม่ต้องไปก็ได้ ทว่า กลับซ้ำให้คุณคอปรู้สึกไม่สบายใจไปอีก ซึ่งอาการนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้...
“ ถามกูทุกอย่าง กูเป็นแฟนน้องเขาหรือไงวะ “
โจ๊กบ่นอุบ ตามประสาคนปากเสีย หลังเริ่มรำคาญที่คุณคอปเทียวไปเทียวมาสืบเรื่องของหมอบลูไม่หยุด สร้างความระแคงใจให้แก่เขาไม่น้อย อยู่ดีๆเพื่อนเขาอยากจะรู้เรื่องราวของสาวข้างห้องขึ้นมาซะงั้น ทั้งๆที่หมอบลูเองก็ใช่ว่าจะเพิ่งไปอยู่ หรือเพิ่งจะสนใจ ไอ้อาการแบบนี้ชักไม่ธรรมดา
“ กูมีหน้าที่ถาม มึงมีหน้าที่ตอบ “
แถมเอือมระอาด้วยกับความชอบแถของเขา
“ เฮ้ย ไอ้คอป ถามจริง ทำไมมึงไม่ไปถามเขาเอง แต่เลือกที่จะมาถามกู กูไม่ใช่ญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเขานะคร้าบบบบ “
“ ก็ถ้ากูมีความกล้าพอ กูจะมาหามึงเหรอ ไอ้ฟัค! “
ประโยคหลังคุณคอปยกมือเตรียมโบก แต่ต้องลดลงเพราะโจ๊กหลบ เปลี่ยนเป็นถอนหายใจรัว เขาเองก็เริ่มเซ็งตัวเองเหมือนกัน
“......”
“ มึงรู้จักกับน้องชายเขานี่หว่า มึงก็น่าจะรู้ “
ตั้งแต่วันนั้น ที่พาหมอบลูเข้ามาในห้อง ก่อนหล่อนจะออกไปพร้อมอารมณ์เข้าใจผิด คุณคอปก็นอนไม่หลับอีกเลย
“ รู้จักไอ้บอล?? ก็ไม่ได้หมายความว่ากูต้องรู้ประวัติพี่สาวมันนี่หว่า ไอ้นี่ชักจะเอาใหญ่ “
โจ๊กยังคงบ่น ลุกเดินไปหยิบเครื่องมือช่างเตรียมซ่อมรถอย่างเคย คิดว่าทำไปคุยไปน่าจะมีประโยชน์กว่า ดีกว่านั่งมองหน้ากันเฉยๆเป็นไหนๆ
“ เอ้อ..แต่ล่าสุดน้องชายเขาเสียนะเว้ย “
“ อืม อันนี้กูรู้ “
“ อ่าว มึงรู้แล้วมาถามกูอีกทำไม “
“ กูแค่จะมาเอาพิกัดบ้านเขาจากมึง เพราะกูจะไปงานศพน้องเขาด้วย “
เคร้ง!
แต่คงไม่ได้ทำการทำงานดีหรอก ถ้าโจ๊กยังมือไม้อ่อนทำเครื่องมือหลุดหล่นเต็มพื้นแบบนี้ พร้อมกับยืนอ้าปากเหวอ เป็นโพรงกลมพอดีที่จะให้แมลงวันบินเข้าไปไข่เป็นฝูง พลันแค่นหัวเราะทีหลัง “ นี่หูกูพังไปแล้วรึวะ เฮอะ มึงพูดอะไรออกมาไอ้คอป เอาใหม่ ขออีกที“ คุณคอปชะงักกลางคัน ในท่านั่งสบายเฉิบช่วงแรก กลายเป็นการทิ้งฝ่าเท้าเหยียบพื้นเสียงดังแทน เขาเกลียดมากกับคำแซวที่ทำให้ตัวเขานั้นเสียฟอร์ม ขมวดคิ้วมองโจ๊กตาขวาง
“ อย่ากวนตี.......”
“ ฮ่าๆๆ พระเจ้า....มึงชอบน้องเขาหรือวะ “
หลังโจ๊กเดินมานั่งข้างๆ และคิดว่าวันนี้คงต้องหยุดงานสักวัน เตรียมปิดอู่ไปสละโสดให้เพื่อน
“ เอาอะไรมาพูด “
ทว่า ไอ้เพื่อนปากแข็งคนนี้ของเขา มันไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือน่ะสิ นอกจากไม่ยอมรับไม่พอ แถมยังขี้เก๊กอีกต่างหาก
“ น่า..ไอ้คอป กับกูมึงไม่ต้องมาปกปิดหรอก “
“.............”
หันมองหน้าโจ๊กอีกครั้งอย่างช่างใจ ทำปากอมลมเสมือนครุ่นคิด
“ มึงไม่บอกกู กูไม่ช่วยนะ เอาดิ “
“ เฮ้อ....”
ถึงขั้นถอนลมหายใจปร๋อ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“.........”
ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น
“ ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน รู้แค่ว่า เผลอหลุดเรื่องงานเมื่อไหร่ หน้าเขาชอบลอยมาแทรกทุกที ตอนนี้กูปวดหัวไปหมดแล้ว ...”
“ ห๊ะ....”
“ กับหน้าตอนที่กูทำเขาร้องไห้ล่าสุด “
“...........”
ที่เงียบไม่ใช่ว่าโจ๊กหลับ แต่ว่าโจ๊กช็อก อ้าปากค้างไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าประโยคน้ำเน่าเหล่านี้จะออกมาจากเพื่อนที่จัดว่าใจแข็งที่สุดในสามโลกของเขา
“ ให้ตาย....เถอะ ...มันมีล่าสุดด้วยเหรอวะ งั้นก็แสดงว่าก่อนหน้านี้ มึงทำเขา...”
“ อืม เขาร้องไห้เพราะกูมาครั้งนึงแล้ว”
“ ไอ้คอปปปปป “
ร่างบางสวมใส่ชุดสีต่างจากทุกวัน ยืนตระหง่านเต็มความสูงมือถือธูป หล่อนไม่เคยเดินออกจากหน้าศพบีมเกินสิบนาทีสักครั้ง ดวงตาแดงก่ำไร้เครื่องสำอางประทุมผิว หน้าใสเนียนสะอาดหมดจด เว้นก็แต่ตรงปลายจมูกที่มันแดงวาว เกิดรอยช้ำเพราะร้องไห้ไม่หยุดไม่หย่อน วันนี้เป็นคืนสุดท้าย ที่ร่างบีมจะอยู่บนโลก หมอบลูเหมือนจะยังทำใจไม่ได้ หลายครั้งที่ระลึกถึงแล้วใจมันสั่น บ่อยครั้งที่สมองสั่งให้ย้อนวันเวลาซ้ำๆ แล้วเรียกน้ำตาออกมาทุกทีไป
“ บลู ..พักบ้างเถอะ เดี๋ยวจะแย่ไปอีกคนนะ “
หมอนนท์คือหนึ่งมิตรสหายที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมโศก คอยให้กำลังใจกับหล่อนมาตลอด วันนี้แขกเยอะเป็นพิเศษ และก็เห็น คนที่ควรจะทำหน้าที่ตรงนี้ไม่ใช่แต่หมอบลูแค่คนเดียว ทว่า ยังมีพ่อเลี้ยงบีม แม่แท้ๆ และพี่ชาย รวมถึงเหล่าญาติห่างๆ ของหล่อนด้วย ถึงแม้บางทีดูเหมือนทำเพื่อเอาหน้าก็เถอะ โดยเฉพาะอิงอรที่ร้องแทบขาดใจ เสมือนจะตายแทนให้ได้ หลังจากรู้ว่าบีมทำประกันเอาไว้เยอะ
“ บลูพักไม่ได้หรอกหมอนนท์ มันไม่ใช่นิสัยบลู “
“ มันเกี่ยวอะไรกับนิสัยล่ะ ร่างกายเหนื่อยก็ควรพัก “
“ กี่โมงแล้ว “
สิ่งที่หมอนนท์บอกมันคือความห่วงใยหล่อนรู้ แต่ทว่า มันไม่ใช่เวลา เธอเลยเลี่ยงที่จะไม่สนใจฟัง ดื้อตาใสอย่างนั้น หันไปถามผู้ช่วยเพชรข้างๆ ทำคนร่างสูงส่ายหัวเอือมระอาไม่เบา
“ จะทุ่มนึงแล้วค่ะ “
“ อืม วันนี้สวดอภิธรรมศพเป็นคืนสุดท้าย ...”
“ ค่ะ พรุ่งนี้...”
“ ฮึก...”
“ เอาอีกแล้วบลู ร้องอีกแล้ว “
หมอนนท์ขมวดคิ้วเป็นระลอก ตั้งแต่ศพมาถึงทำพิธีกรรม จนกระทั่งถึงคืนสุดท้าย เขาส่ายหน้าต่อความดื้อรั้นและโศกเศร้าของหล่อนมาหลายรอบแล้ว
“ เพชรว่าคุณหมอไปนั่งก่อนดีกว่านะคะ “
ผู้ช่วยออกความเห็น ขณะสายตาหล่อนตอนนี้สอดส่องไปยังน้องชายตัวดีของหมอบลู กะว่ารอบนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่หล่อนจะตักเตือนในฐานะเพื่อนสถาบันเดียวกัน กับความไม่เอาไหนของเขา ซึ่งไม่ค่อยช่วยเหลืออะไรไม่ว่า แต่กลับไปนั่งเล่นไพ่ หลังจากนั้นก็จะกลายเป็นเกลียดชัง โดยที่เพชรประกาศิตต่อตัวเองไว้แล้วว่า จะไม่สนใจใยดีเขาอีกต่อไปเลย
.....ไม่อยากจะเชื่อ ว่าหมอนี่เคยเป็นแฟนเรา เอาอะไรคิดวะตอนนั้น ดีแล้วแหละที่เลิก ดีแล้วจริงๆ...
ขบคิดกัดปากจนรู้สึกเจ็บ ความละอายที่ถาโถมเข้ามาหาหล่อนตอนนี้ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าบอลจะเคยเป็นแฟนหล่อน ในสมัยมัธยมต้น และรู้สึกดีไม่น้อย ที่ตัดขาดกันซะได้
...เลว...
“ เพชรพาหมอบลูไปนั่งเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจะทำแทนเอง “
หมอนนท์อาสา ขณะหมอบลูหย่อนคิ้วโค่ง
“ แต่ว่า...”
“ ไม่เอาน่า อย่าดื้อแบบนี้สิ บลูควรจะมีลิมิตบ้างนะ ไม่ใช่หักโหมแบบนี้ เป็นถึงหมอน่าจะรู้“
พลันมาก้มหน้าสลดเอาทีหลัง เมื่อหล่อนถูกเพื่อนร่วมงานอาชีพเดียวกันตำหนิ ณ เวลานี้อย่าว่าแต่แรงจะทะเลาะกับใคร แค่เรี่ยวแรงจะเถียงยังไม่มีเลย ยอมทำตามที่หมอนนท์สั่ง แต่โดยดี จนกระทั่งถึงที่นั่งพักสงบสติอารมณ์ กลับต้องช้อนตาขึ้นมองใหม่เพราะเสียงนี้
“ หมอบลู คนนั้นใครหรือคะ “
“ คะ?? ”
หันไปตามเสียงของผู้ช่วยเพชร ก็เห็นผู้ชายคู่นึงแต่งตัวดูดี ในคราบสูทสีดำดูสุภาพและให้เกียรติทั้งชุด ลงมาจากรถ ก่อนจะเดินมุ่งหน้ามาทางตน ทีแรกหล่อนไม่รู้หรอกว่าคือใครหากไม่สังเกต เพราะดวงตาที่ปรือเมื่อยหนักจนแทบจะปิด แต่ทว่า พอแพ่งมองให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้นแหละ ถึงกับตกใจเผลอยืนเต็มความสูง จนคนข้างๆยังงง
“ นั่นมัน...”
“..........”
“ หมอนั่น ไอ้ผู้ชายข้างห้อง! “
7 เดือนผ่านไปบูรพาไม่ได้แต่งงานเหมือนใครเขา เนื่องจากฟังความคิดเห็นที่ค่อนข้างจะเบี่ยงเบนไปทางโอดโอยมากจนเกินไป ประสบการณ์เจ้าสาววัยละอ่อนสองคนก่อนหน้านี้อัดแน่นพร้อมรีวิวสีหน้ามาสมทบ ....มันไม่สนุกเลย ที่จะให้คนท้องโย้ สวมชุดเจ้าสาว นอกจากไม่สวยแล้ว มันแสนจะทรมานใช่! นี่คือคำเล่าอ้าง ไหนจะต้องยืนยิ้มทั้งวัน คอยเอาใจแขกเหรื่ออีก แค่บูรพานึกภาพ แทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว เธอเลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ดูแลตัวเอง เป็นคนรักที่ดี คอยเอาใจสามี รอวันคลอดจะดีกว่าและเหมือนว่าความสนิทสนม ในช่วงเวลาอยู่ด้วยกันจะเพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนสรรพนามไปโดยปริยาย" พี่คอปคะ พี่ว่า สีนี้จะสวยรึเปล่า "บูรพาเดินถือหนังสือแคตตาล็อกอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดของตัวเองมายังห้องโถงกลางห้อง ในขณะเจ้าของชื่อกำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารกองโตหน้าจอคอม เธอหมายถึง ผ้าม่านสีครีมสีสวยที่ต้องการจะนำไปติดที่บ้านสวนของเธอ ก่อนหน้านี้ พวกเขาเกทับตัวเองไปพักที่นั่นกันมาแล้ว หลังจากโมดิฟายต่อเติมได้ไม่นาน มันดูชีวิตชีวาขึ้น และน่าอยู่ขึ้น นับตั้งแต่มีคนไปอยู่ ก่อนจะย้ายกลับมา เมื่อไม่กี่วันมานี้ ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้น และระยะทางร
ร่างบางในชุดนอนเนื้อผ้าซาตินลนลานหมุนตัวกลับ เกือบปาดน้ำตาแทบไม่ทัน หลังนึกอะไรขึ้นได้ ปิดประตูอย่างเบามือ ทิ้งตัวลงกลางเตียงแกล้งหลับ ในจังหวะคุณคอปเดินเข้ามาพอดี เขากำกล่องกำมะหยี่นั้นแน่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตั้งแต่เดินเข้ามา ก่อนค่อยๆ โน้มตัวนอนลงข้างเธอ ไม่ได้ผลักร่างบางซึ่งนอนตะแคงหันหลังอยู่เข้ามา ทว่ายัดกล่องเล็กนั่นเข้าไปในอุ้งมือแทน" อะไรหรือคะ "บูรพาแกล้งถาม ใช้ศอกยันตัวลุกขึ้นอิงแผ่นหลังพิงกับร่างใหญ่ คุณคอปโน้มหน้ามาฉกริมฝีปากเธอเร็วๆ พลางยิ้มละมุน" ของคุณ"" คะ? "" เก็บไว้ใส่นิ้วนี้ "กระซิบเสียงแผ่ว พร้อมดึงมือข้างซ้ายมาเขย่าเบาๆ บูรพายิ้มตาม ก่อนจะใช้มือข้างขวาปิดปากปล่อยโฮ คราวนี้เธอไม่ได้แกล้ง แต่กลับร้องไห้ออกมาจริง เนื่องจากภาพตอนเธอแอบมองมันไกลเกินกว่าจะเห็น ในมือสามีนั่นถืออะไร ได้ยินเพียงแค่คำขอโทษ กับการสวมกอดของคนสองคนแค่นั้น ก็ดีใจมากพอแล้ว ไม่คิดว่าคุณนายจะเล่นใหญ่ถึงขั้นยกแหวนวงนี้ให้กับคนอื่น วงที่บูรพาเห็นมันบ่อยๆบนนิ้วชี้ด้านขวาของหล่อนใช่ เธอจำได้ และรู้คุณนายหวงมันมาก" ฮึก..."นิ้วใหญ่ยื่นมาปัดก้อนน้ำตาให้ ในขณะริมฝีปากเขายังเปื้อนยิ้มอยู่ ไล้ลงมา
มือบางจัดไปค่อนข้างเหี่ยว บีบเข้ากันแน่น ต่างกันแต่สีหน้าที่ยังเรียบเฉย หัวใจภายใต้เนื้อในเสื้อหรูผ้าซาตินเต้นแรงไม่เป็นจังหวะคุณนายอารีย์ไม่ได้เขินอายเสมือนหญิงสาววัยรุ่น กลับกันหล่อนรู้สึกชื่นใจแปลกๆใจที่บางอยู่แล้ว ยิ่งทวีคูณความบางเข้าไปอีก เมื่อหางตาเกิดชำเลืองไปมองหน้าอดีตสามี ในจังหวะที่เขาเอื้อมมือ ถือวิสาสะมาโดน****" อ๊ะ.."และผลที่เกิดขึ้น คือไม่ต่างจากไฟช็อต คุณนายอารีย์เลื่อนมือตนออกห่าง ยอมรับหล่อนยังไม่ใจอ่อน หรือพร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์แบบนี้" คุณได้ยินที่ผมพูดไหม "ทว่า คู่กรณีเจ้ากรรม ก็พร่ำแต่จะก่อกวน ขยี้คำถามให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นหนักซะเหลือเกิน มือเรียวเลยบีบเข้าหากันใหม่ ซึ่งคราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะมันขึ้นเส้นเลือดปูด" ผมยังจำเรื่องราวในตอนนั้นได้อยู่นะ ยังสามารถเล่าให้คุณฟังได้อยู่ "" อย่ามายุ่งกับฉัน "ตัดสินใจ ลุกขึ้นยืนทันควัน แต่เหมือนจะช้าไป พ่อเลี้ยงผู้รู้นิสัยหล่อนดี เดินมาดักหน้าเสียก่อน" ผมจะปล่อยให้คุณหนีผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว "" หยุดพล่าม คุณก็รู้ว่ามันไม่มีทาง "" เพราะอะไร "ร่างสูงขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ คราวนี
การปรึกษาหารือกันระหว่างพ่อลูก อยู่ในสายตาของบูรพาห่างๆ ด้วยระยะที่ไกล เธอจะไม่มีทางฟังได้สรรพ ยกเว้นจากท่าทีที่ทั้งคู่แสดงออกมาหากให้เดาตามสัญชาตญาณ วินิจฉัยด้วยสมอง จะรู้ในทันทีว่าพ่อเลี้ยงสยามไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ไม่ต่างจากเธอ กับการขายหุ้นมรดกและการเปลี่ยนนามสกุลนั้น เพราะนั่นหมายความว่าคุณคอปเสียผลประโยชน์ไปโดยปริยายอย่าลืม บุคคลในตระกูลจรัญทิพย์ไม่ได้มีแต่คุณนายอารีย์และบุตรชายเท่านั้น ทว่ายังมีบุคคลอื่นที่พร้อมจะแย่งสมบัติ ตามสายเลือดซึ่งหัวเชื้อได้สร้างไว้ใช่ คุณนายอารีย์มีคู่แข่ง และ อดีตสามีหล่อนก็รู้ เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจใยตกมาเป็นของหล่อน มีสิทธิ์มากกว่าผู้ใดในผลประโยชน์ นั่นก็เพราะหล่อนคือบุตรีคนโต ที่ได้เปรียบเรียนรู้งานก่อนคนอื่น ซึ่งแน่นอนผู้มาใหม่ อย่างบูรพาเองก็ยังรู้ เลยคิดว่าเหตุผลทั้งหมดที่จะทำเพื่อแลกกับอิสระในการมีเธอเพียงคนเดียวนี้ มันไม่สมควร เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สามีตัวเองหมดตัว หากมันจะจนตรอก นี่ต้องไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย! จะอย่างไรเธอก็เข้าใจคุณนายอารีย์ แม้ว่าทุกเวลาเธอนั้นโดนกระทำ ต่อให้เธอต้องถูกชิงชัง ทว่ายังทำให้เธอเข้าใจหล่อนอยู่ ยิ่งมาถึงวันนี
สายโด่ นาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมงเศษ คุณคอปงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังนอนเกลี่ยผมภรรยาเพลินจนเผลอหลับไป สิ่งแรกที่ใจคิดถึง คือคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นยังนอนอยู่ที่เดิมและท่าเดิม ก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก" เฮ้..ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"เขาเขย่าตัวเธอ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ที่บูรพานั้นหลับสนิทไร้เสียงตอบรับใดๆ และเปลือกตาถ่างขึ้น แต่น่าแปลก ลมหายใจเข้าออกของเธอกลับสม่ำเสมอไร้อาการคนป่วย เธอเหมือนคนนอนหลับสบายเสียมากกว่าก็อก ก็อก ก็อก" ไม่ได้ล็อก"สีหน้าวิตกกังวลของคุณคอปเบี่ยงไปตามเสียง ก่อนบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจะถูกเปิดเข้ามาเบาๆ คนโผล่หน้ามาให้เห็นเป็นคนแรกคือป้าแม่บ้าน หลังจากนั้นจึงจะเป็นหน้าหมอรองลงมา" หมอมาแล้วค่ะ "หล่อนบอกก่อนโค้งหัวให้แล้วเดินออกไป มีเพียงหมอ คุณคอป และ ภรรยาเขาที่นอนไม่ไหวติงเหลืออยู่เท่านั้น" ตามสบายครับ"ร่างสูงพยักหน้ายิ้มเล็กๆ ก่อนจะลุกจากเตียง หลีกทางให้หมอได้ทำงาน ในขณะรอหมอตรวจ เป็นเวลาที่เขาได้เช็คโทรศัพท์ และไม่คิดว่าจะได้ดูดบุหรี่ควบคู่กันไปด้วย" ขอตัวนะครับ ตรวจเสร็จก็เรียกผม "" ครับ "เขายอมพาตัวเองออกไปนอกระเบียง ปิดประตูหลังจนมิดช
สี่ล้อรถหรูค่อยชะลอก่อนจะจอดนิ่งในที่สุด เมื่อถึงที่หมาย บ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้หรูหราเทียบเท่าคฤหาสน์จรัญทิพย์ รูปทรงต่างจากทั่วไป ทว่าสวยได้ใจสุดๆ ตั้งตระหง่านหลังเดียวโดดเด่นอยู่กลางป่า คุณคอปดับเครื่องยนต์สนิท ก่อนผ่อนลมหายใจระงมใหญ่ ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะได้มาเหยียบที่นี่ บ้านสวนพ่อซึ่งยกให้เขา ปิดประตูรถฝั่งตัวเอง พลางเดินอ้อมไปจุ๊บผากมนทีนึง และอุ้มคนข้างกายที่หลับสนิทอย่างเบามือ" ไปนอนต่อในบ้านนะครับ "บูรพาหลับไม่ตื่น นับตั้งแต่ออกมาจากบริษัทท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเขา สามีของเธอ เขาพร่ำภาวนาให้ภรรยาไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ จนกระทั่งมาถึงที่นี่แอดมันคงจะเป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่พอสมควร จากคนที่เคยมาล่าสุดตอนเป็นเด็ก หลังจากอายุสิบห้าปีเขาไม่มาเหยียบอีกเลย ทว่า ยังคงจ้างแม่บ้านและคนสวนคอยดูแลสม่ำเสมอ" คุณเป็นใคร"" ...."และเหมือนสภาพเขาไม่รู้ว่าโตขึ้น หรือว่าโทรม ทำแม่บ้านจำแทบไม่ได้ เมื่อหล่อนวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความตกใจมายืนหอบตัวโยน หลังเห็นไฟในบ้านเปิดเกือบทุกดวง ร่างสูงค่อยๆหันกลับมาด้วยความเหนื่อย เคล้าโคลงรูปหน้าค่าตาแปรเปลี่ยนไปจากเด็กน้อยเพียงนิดเดียว ทำแม่บ้านชะงัก