Share

บทที่ 295

Penulis: ไห่ตงชิง
สองวันต่อมา สถานการณ์ในเมืองหลวงมีความเสถียรภาพชั่วคราว

ทางราชสำนักกำลังมีภารกิจหลักอยู่หนึ่งอย่าง

นั่นก็คือการเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางของซูผิงเป่ย

อำนาจของต้าฉินกำลังอ่อนแอ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้นโยบายสันติภาพแบบจำยอมของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน อำนาจทางการทหารจึงค่อนข้างเคลื่อนไหวได้น้อยมาก ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิขี้ขลาดแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะประเทศชาติไม่สามารถทนความลำบากได้ไหว

แต่ความคิดของหลี่เฉินแตกต่างออกไป ยิ่งยากจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น แม้ต้องรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้น แต่ขอแค่ชนะสงครามได้ก็พอ เพราะความมั่งคั่งจากสงครามหนหนึ่ง เหนือกว่ายุคสมัยที่สงบสุขหรือพัฒนาหลายเท่าหรือหลายสิบเท่า

มองดูประเทศในประวัติศาสตร์ที่ทรงอำนาจและร่ำรวยในชั่วข้ามคืนสิ เกือบทั้งหมดล้วนมีพื้นฐานมาจากการปล้นสะดม

ถึงแม้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้คือการช่วยเสียนเฉาต่อสู้กับตงอิ๋ง แต่ก็เป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของต้าฉิน

ดังนั้นไม่ว่าเจตนาจะเป็นอย่างไร แต่ราชสำนักทั้งบนและล่างก็ไม่มีใครกล้ากระทำการโดยประมาท อย่างน้อยก็ภายใต้สายตาของหลี่เฉิน

ในขณะที่ราชสำนัก
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 296

    “หม่อมฉัน ถวายบังคมองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี”เมื่อเห็นหลี่เฉิน หลิวซือฉุนและคนอื่นๆ ก็รีบวางสิ่งที่พวกเขากำลังทำในทันที และเข้ามาแสดงความเคารพ เมื่อมองดูชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังหลิวซือฉุนซึ่งมีท่าทางเคารพและตื่นเต้น ซึ่งชายคนนั้นรีบก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับตัวเอง หลี่เฉินจึงพูดว่า “ไม่ต้องพิธีการ”“ฝ่าบาท นี่คือพี่รองของหม่อมฉัน การเดินทางไปเจ้อเจียงและฝูเจี้ยนเพื่อซื้อต้นกล้ามันเทศในครั้งนี้ ต้องขอบคุณการทำงานหนักของเขา”ด้วยการแนะนำของหลิวซือฉุน หลิวซือต๋าจึงเดินมาหาหลี่เฉิน โค้งคำนับด้วยความเคารพ และกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “กระหม่อมหลิวซือต๋า ถวายบังคมองค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”“ไม่ต้องมากพิธี” หลี่เฉินเหลือบมองหลิวซือฉุนอย่างครุ่นคิดแล้วก็พูดว่า “คราวนี้ซื้อต้นกล้ากลับมากี่ต้น?”หลิวซือต๋ารีบตอบว่า “มีต้นกล้าทั้งหมด 400 กว่าต้น หากไม่รวมต้นที่สูญหายระหว่างทาง ต้นที่ยังรอดอยู่ตอนนี้ มีทั้งหมด 380 ต้น นอกจากนี้ กระหม่อมยังได้เชิญชาวนาที่มีประสบการณ์ในการเพาะปลูกจากท้องถิ่น มาหว่านเมล็ดพืชด้วยตัวเอง” หลี่เฉินพยักหน้าด้วยความพอใจและกล่าวว่า “ไม่เลว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 297

    เมื่อฟังการแนะนำของหลี่เฉิน ดวงตาของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความไม่เชื่อที่ไม่อาจระงับได้ จากการแนะนำของหลี่เฉิน นางจับใจความได้สองอย่าง ข้อแรกคือพืชชนิดนี้เรียกว่ามันเทศ ซึ่งสามารถใช้เป็นอาหารหลักได้ อีกข้อคือมันให้ผลผลิตมากกว่าธัญพืชธรรมดาถึงสิบถึงยี่สิบเท่า แนวคิดนี้คืออะไร?หากเป็นความจริง อาจกล่าวได้ว่ามันช่วยบรรเทาปัญหาที่รบกวนหัวเซี่ยมานานนับพันปีได้อย่างมาก นั่นก็คือ : ความอดอยาก! ตั้งแต่สมัยโบราณ อาหารถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้คน ผู้คนจะก่อกบฏหากพวกเขามีอาหารไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากทุกคนมีอาหารให้กินและมีเสื้อผ้าให้สวม แล้วใครจะยอมเสี่ยงเสียหัวเพื่อก่อกบฏ? หากผู้ใดสามารถแก้ปัญหาเรื่องอาหารได้ ผู้นั้นย่อมเป็นนักปราชญ์ที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ และถ้าหากบุคคลนี้คือองค์รัชทายาท ด้วยการสนับสนุนจากอำนาจของจักรพรรดิและความตั้งใจของประชาชน ใต้หล้านี้จะมีใครต่อต้านเขาได้? ใครจะกล้าต่อต้านเขา!?ในช่วงเวลาสั้นๆ ซูจิ่นพ่าก็คิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างถึงแม้ว่านางจะมีนิสัยถือดีและเย็นชา แต่เวลานี้ก็อดหายใจไม่ออก“ฝ่าบาท ทรงจริงจังหรือไม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 298

    หลังจากที่พูดจบ ก่อนที่ซูจิ่นพ่าจะทันได้โต้ตอบ หลี่เฉินก็หันไปหาหลิวซือฉุนซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอด แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ ตระกูลหลิวของเจ้ากับเจ้าก็สามารถจดจำว่ามีผลงานได้”หลิวซือฉุนรีบตอบกลับไปว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามคำแนะนำของฝ่าบาท ตระกูลหลิวและหม่อมฉันเพียงแค่วิ่งเต้นทำงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ ทำสิ่งที่ทุกคนก็สามารถทำได้” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ภารกิจในครั้งนี้จัดการได้ดีมาก เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล?”หากต้องการให้คนเบื้องล่างทำงานถวายชีวิตให้ ประการแรกต้องมีรางวัลและการลงโทษที่ชัดเจน เพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่าถ้าทำดีก็จะได้รับรางวัล แต่ถ้าทำงานไม่ดีก็จะถูกลงโทษ ด้วยวิธีนี้จึงจะสามารถสร้างบารมีของคนเป็นผู้นำขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นหลิวซือฉุนก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นางมีประโยชน์มากกว่าผู้หญิงคนไหนที่หลี่เฉินเคยพบมา หลี่เฉินซึ่งรู้ว่าหลิวซือฉุนมีความทะเยอทะยานมากเพียงใด ก็เตรียมที่จะให้ของหวานแก่นาง แต่กลับไม่คิดว่า หลังจากหลิวซือฉุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นางจะกล่าวว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงประทานผลประโยชน์ที่ตระกูลหลิวสมควรได้รับมาทั้งหมดแล้ว เมื่อมั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 299

    “มีหลายคนอยากเป็นนกในกรงแต่ไม่ได้เป็น เจ้าโวยวายเกินเหตุไปแล้ว”หลี่เฉินกล่าวอย่างทนไม่ไหว “เจ้าลองออกไปข้างนอกแล้วดูว่า โลกแห่งความเป็นจริงและปากท้องของประชาชนภายนอกเป็นเช่นไร คนหนุ่มสาวในยุทธภพมีแต่ความสุขและเอาแต่แก้แค้นกัน? นั่นเป็นเพียงเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องใช้ในการหาเลี้ยงชีพ” “โลกแห่งความเป็นจริงก็คือ โลกที่ผู้คนยังคงอดอยาก และราษฎรก็ยังหาเลี้ยงชีพไม่ได้ หากเจ้าไม่มีครอบครัวที่ดี เจ้าจะได้เรียนหนังสือรู้ตัวหนังสือไหม ยังจะมีอุดมคติมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ในบ้านของคนธรรมดา หากมีแต่ลูกชายก็ช่างเถอะ แต่ถ้าเป็นลูกสาว คนที่หน้าตาดีหน่อยจะถูกขายให้กับครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อเป็นอนุ ส่วนคนที่หน้าตาธรรมดาจะถูกขายไปเป็นสาวใช้ มีวิธีขายเสมอ แต่ถ้าไม่ได้ผล ก็ให้แต่งกับครอบครัวที่มีฐานะดีในหมู่บ้าน ข้าวสารหนึ่งกำมือในถังข้าวก็สามารถแลกภรรยากลับบ้านได้ นี่คือชะตากรรมของผู้หญิงธรรมดา” “ลองคิดดีๆ เจ้ามีความสุขมากกว่าพวกนางแค่ไหน?” ซูจิ่นพ่ากัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้าเหรอ ที่ผู้คนมีชีวิตแบบนี้?” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ภายในเกี้ยวที่สั่นไหวก็เงียบไป

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 300

    หลี่เฉินไม่รู้ว่าซูจิ่นพ่ากำลังคิดอะไรอยู่เขาอย่างสงบว่า “ก่อนที่จะบรรลุปณิธาน สิ่งแรกที่ข้าต้องทำก็คือการเสริมสร้างอำนาจของข้า ตอนนี้ข้าคือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่บางสิ่งแม้ไม่พูดเจ้าก็คงจะรู้ อำนาจในราชสำนักของข้านั้นมีน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันถูกดูแลโดยสำนักราชเลขา ดูแลอาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูดี แต่กฤษฎีกาของข้า ถ้าหากจ้าวเสวียนจีไม่พยักหน้า ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้”ในดวงตาของหลี่เฉินฉายแววชั่วร้ายขึ้นมา ก่อนจะพูดว่า “ดังนั้นข้าต้องการอำนาจ ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ข้าบรรลุปณิธาน”“ในการเมืองการเชื่อมต่อคือสิ่งสำคัญ ข้ากับบิดาของเจ้าเป็นพันธมิตรกัน แต่ความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรนี้เปราะบางเกินไป บิดาของเจ้ายังกังวลว่าสักวันหนึ่งข้าอาจจะทำเรื่องเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ดังนั้น การให้เจ้าแต่งเป็นพระชายาเข้ามาในตำหนักบูรพา จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”“ตระกูลซู สามารถเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไปตลอดชีวิต ในอนาคต เมื่อข้าขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าก็จะกลายเป็นฮองเฮา บิดาของเจ้าก็จะกลายเป็นพระสัสส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 301

    “ไม่ ไม่ใช่กลุ่มกบฏหรือพวกโจร แต่เป็นเฉินทง เป็นองค์รัชทายาท! เขาฆ่าพวกเขา!” เหวินซานเล่าถึงกระบวนการทั้งหมดและสิ่งที่หลี่เฉินขอให้เขาพูดแบบคำต่อคำภายใต้การเล่าเรื่องของเหวินซาน สีหน้าของหลงเทียนเต๋อและหลงไหวอวี้ ก็ยิ่งตกตะลึงและเย็นชามากขึ้นหลังจากที่เหวินซานพูดจบ หลงเทียนเต๋อก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างอบอุ่นกับเหวินซานว่า “เหวินซาน การเดินทางในครั้งนี้ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ หลังจากที่เจ้าฟื้นตัวดีแล้ว ก็ค่อยวางแผนกันอีกที” หลังจากที่ปลอบเหวินซานแล้ว หลงเทียนเต๋อก็ลุกขึ้น และไปห้องหนังสือกับหลงไหวอวี้ รอจนหลงไหวอวี้ปิดประตู ใบหน้าของหลงเทียนเต๋อก็มืดมนโดยสิ้นเชิง เขาตบมือลงกับโต๊ะและตะโกนด้วยความโกรธว่า “องค์รัชทายาทหลี่เฉิน กล้าดีอย่างไรมาทำให้พวกเราอับอายเช่นนี้!” หลงไหวอวี้ปลอบใจเขา “ท่านพ่อ ใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เราต้องพิจารณาว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”หลงเทียนเต๋อกล่าวเสียงเย็นชา “เราจะจัดการอย่างไร? ความหมายของหลี่เฉินก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว เขาไม่ต้องการจะพูดคุยกับเรา ถึงแม้ว่าเราจะคุยเขา แต่เขาก็จะเป็นผู้นำ เพราะว่าเราไปขอร้องเขา ในเรื่องนี้ มณฑลซีซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 302

    คำแนะนำของหลงไหวอวี้ทำให้หลงเทียนเต๋อขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาแสดงความเคร่งขรึมและครุ่นคิด หลงไหวอวี้กล่าวเสียงนุ่มนวล “ท่านพ่อ จริงๆ แล้วพวกเราประเมินองค์รัชทายาทองค์นี้ต่ำเกินไป”หลงเทียนเต๋อเหลือบมองหลงไหวอวี้แล้วกล่าวว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลงไหวอวี้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทคนนี้มีแผนการและมีความสามารถอยู่บ้าง”“ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถ้าหากเขาพบกับเหวินซานและคนอื่นๆ โดยตรง มันจะพิสูจน์ได้ว่าเขามีกลยุทธ์ แต่ไร้ซึ่งความกล้าหาญ และทำให้เรามีจุดยืนในการเจรจากับเขาอย่างเท่าเทียม แต่ถ้าหากเขาฆ่าพวกเหวินซานทุกคน เขาจะเป็นพวกที่มีแต่ความกล้าหาญ แต่ไร้ซึ่งกลยุทธ์ เป็นพวกโง่เขลาโดยสิ้นเชิง เพราะว่านี่จะบีบให้พวกเราไปเข้าข้างฝ่ายศัตรู ซึ่งนี่ไม่เป็นผลประโยชน์สำหรับเขา”“ในการแก้ปัญหาเดียวกัน เมื่อยืนอยู่ในความสูงที่ต่างกันก็จะมีความคิดและวิธีการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งผลลัพธ์”หลงไหวอวี้เม้มริมฝีปากแล้วพูดต่อ “สำหรับพวกเรา นี่เป็นเพียงเรื่องรากฐานของครอบครัว อนาคตหรือแม้แต่ความอยู่รอดของกลุ่มผู้มีอำนาจในมณฑลซีซาน แต่จากมุมมองขององค์รัชทายาท วิธีจัดก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 303

    “โหดเหี้ยมเช่นนี้ ไม่กลัวที่จะเกิดการโต้กลับหรือความโกรธเคืองของสาธารณชนเลยหรือ?”หลงเทียนเต๋อพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มหลงไหวอวี้ยิ้มและกล่าวว่า “คนเช่นนี้ เมื่อขึ้นครองบัลลังก์ปกครองใต้หล้า เขาอาจจะเป็นจักรพรรดิที่เลื่องชื่อนานนับพันปี หรือจะเป็นเผด็จการครองอำนาจได้ทั้งนั้น” หลงไหวอวี้ประสานมือคำนับหลงเทียนเต๋อแล้วกล่าวว่า “ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้ พวกเราควรเดินทางไปด้วยกัน”“การที่เขาฆ่าคนแล้วให้คนมาแจ้งข่าว ความหมายก็คือเขายังไม่มีแผนที่จะใช้ทางเลือกที่สอง อย่างน้อยก็ยังมีช่องว่างให้ประนีประนอมได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไปเยือนเมืองหลวงสักรอบหนึ่ง ไปเที่ยวตำหนักบูรพาสักรอบหนึ่ง ให้หน้าเขาสักหน่อยจะเป็นไรไป? ผลประโยชน์ที่แท้จริงก็คือ ชัยชนะของพวกเรา”หลงเทียนเต๋อขมวดคิ้ว “แต่ถ้าไป แล้วเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ล่ะ เราจะปล่อยให้เขาฆ่าตามใจชอบงั้นเหรอ?”หลงไหวอวี้กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า “ท่านพ่อวางใจเถอะ มีลูกอยู่ด้วย แม้จะเป็นองค์รัชทายาท ก็อย่าคิดที่จะบีบพวกเราได้ง่ายๆ” “ในเมื่อข้าเข้าใจจิตใจของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่มีอำนาจเหนือพวกเรานักหรอก ลูกมีวิธีจัดการกับเขา”หลง

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status