Share

บทที่ 491

Penulis: ไห่ตงชิง
ครึ่งชั่วยามต่อมา ตำหนักบูรพา

ซานเป่ายืนโค้งคำนับต่อหน้าหลี่เฉินแล้วพูดเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท จ้าวอ๋องทรงกล้าหาญมากจนกล้าที่จะวางแผนปล้นคุก พระองค์ต้องการให้บ่าวจัดยอดฝีมือของหน่วยบูรพาเข้าซุ่มโจมตีหรือไม่ รวบทั้งคนทั้งของกลาง?”

หลี่เฉินเล่นเศษกระดาษในมือ โดยที่ลายมือของสวีเว่ยบนกระดาษ มีเพียงประโยคเดียวและเรียบง่ายมาก

เที่ยงคืนคืนนี้ จ้าวอ๋องจะปล้นคุกเพื่อช่วยเหลือบัวขาว

หลี่เฉินวางเศษกระดาษลงแล้วเปิดปากพูด “ไม่ต้อง เจ้าไปเรียกโจวผิงอันมา”

ซานเป่าตอบรับด้วยความเคารพและจากไปทันที

ในไม่ช้า โจวผิงอันก็เดินเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้งอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาก้าวย่างอย่างมั่นคง และคำนับหลี่เฉิน

“กระหม่อมโจวผิงอัน ขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”

หลี่เฉินโบกมือให้ซานเป่าส่งเศษกระดาษให้โจวผิงอัน

เมื่อโจวผิงอันอ่านเนื้อหาในเศษกระดาษแผ่นนั้นเสร็จ หลี่เฉินก็กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าได้สั่งให้จ้าวอ๋องเป็นผู้ควบคุมการประหารของเหล่าสาวกสำนักบัวขาว”

โจวผิงอันครุ่นคิดเพียงแวบหนึ่ง ก็เข้าใจความหมายส่วนใหญ่ได้

“จ้าวอ๋องไม่ต้องการยั่วยุสำนักบัวขาว หรือไม่ก็อาจจะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 492

    “ข้าชอบความไร้ยางอายของเจ้า”หลี่เฉินหัวเราะและพูดว่า “ข้าต้องการยาพิษที่หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว มันจะไม่แสดงผลในสองสามชั่วยาม แต่เมื่อถึงเวลา ต่อให้อัญเชิญมหาเทพลงมาก็ช่วยก็ยังหนีจากความตายไม่ได้ ยาพิษแบบนี้มีหรือไม่?”ซานเป่ารีบตอบว่า “มีพ่ะย่ะค่ะ และบ่าวรับประกันว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถรักษามันได้” “ยอดเยี่ยม”หลี่เฉินอย่างพอใจแน่นอนว่าหน่วยบูรพาเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการค้นหาสิ่งที่สกปรกที่ไม่สามารถบอกใครได้เขาหันหน้ากลับมาพูดกับโจวผิงอันว่า “เจ้ารับผิดชอบในการจัดการเรื่องนี้ หน่วยบูรพาจะให้ร่วมมือกับเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไข” โจวผิงอันประสานมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมน้อมรับพระราชดำรัสสั่ง” หลี่เฉินโบกมือพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ไปทำงานเถอะ” หลังจากที่ทั้งสองคนจากไปแล้ว หลี่เฉินก็เบื่อที่จะอุดอู้อยู่ในพระที่นั่งสีเจิ้ง จึงไปที่อุทยานด้านหลังเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ทันทีที่ก้าวเท้าออกมา ก็ถูกวั่นเจียวเจียวที่เรียกจางเฮ่อจือมาเข้ามาขวางไว้“ฝ่าบาท หมอหลวงจางมาแล้ว ให้หมอหลวงจางตรวจดูฝ่าบาทเถอะเพคะ”เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังและระมัดระวังของวั่นเจียวเจียว หลี่เฉินก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 493

    วั่นเจียวเจียวพยักหน้ารีบตอบว่า “เริ่มออกเดินทางวันนี้เพคะ เมื่อคำนวณเวลาแล้ว อย่างช้าที่สุดก็น่าจะมาถึงตอนเที่ยงของวันมะรืน” “ดี”หลี่เฉินอารมณ์ดีขึ้นมากและพูดว่า “เจ้าออกไปจากตำหนักสักรอบแล้วซื้อปิ่นปักผมสักอันกลับมา เอาแบบธรรมดาๆ เรียบง่าย นางไม่ชอบอะไรที่หรูหราเกินไป จากนั้นก็ตกแต่งพระที่นั่งร้อยบุปผาตามความชอบตามปกติของนาง และบอกให้ทางห้องเครื่องจัดสำรับจานโปรดของนาง เมื่อถึงเวลาข้าจะเลี้ยงรับขวัญนาง”วั่นเจียวเจียวจดจำทุกคำพูด ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ทราบแล้วเพคะ...องค์รัชทายาทดีกับนางสนมจริงๆ เพคะ”หลี่เฉินเหลือบมองวั่นเจียวเจียวแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถทำให้นางได้ เจ้าริษยาหรือ?” วั่นเจียวเจียวหน้าแดงเล็กน้อย นางรีบปฏิเสธและพูดว่า “เปล่า เปล่าเพคะ เพียงแค่อิจฉานางสนม”“เช่นนั้นก็ซื้อปิ่นปักผมมาสองอัน แต่อันหนึ่งยกให้เจ้า เจ้าเลือกซื้อตามใจชอบเลย”วั่นเจียวเจียวเม้มปากแน่นและพูดเสียงแผ่วเบาว่า “บ่าวขอบพระทัยองค์รัชทายาท” แม้ปากจะขอบคุณ แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดซื้อของขวัญให้กับซื้อให้ตัวเองมันแตกต่างกัน เมื่อเทียบกับเกียรติยศของนางสนมแล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 494

    คนเหล่านี้ทั้งหมดกว่าหน่วยบูรพาจะตามจับตัวมาได้ ไม่รู้ว่าต้องเสียไปตั้งเท่าไหร่ ดังนั้นซานเป่าจึงรู้จักพวกเขาทุกคนเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหัวหน้าของเขตเจียงเจ้อที่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อที่จะจับกุมเขา หน่วยบูรพาได้ส่งคนมากกว่า 60 คน โดยสามในหกสิบกว่าคนนั้นเป็นลูกน้องฝีมือดีของเขา ซึ่งออกจากเมืองหลวงเพื่อสนับสนุนหน่วยบูรพาสาขาเจียงเจ้อเป็นพิเศษ พวกเขาต้องใช้กลยุทธ์แหฟ้าตะข่ายดินล้อมกรอบอยู่หลายสิบวัน กว่าจะจับตัวคนได้ ด้วยเหตุนี้ หน่วยบูรพาหกสิบกว่าคนที่ไป ขากลับก็กลับมาแค่สิบกว่าคนเท่านั้น และลูกน้องฝีมือดีของเขาทั้งสามคน ก็เหลือแค่คนเดียวที่กลับมาได้ ซ้ำร้ายยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ซานเป่าเข้าใจอย่างชัดเจนว่า คนพวกนี้บ้าคลั่งและโหดร้ายเพียงใดเมื่อบวกกับความศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตา คนพวกนี้ก็ยอมตายอย่างจงรักและบ้าบิ่นอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพาที่ว่ากันว่าเลือดเย็นและไร้ความรู้สึก ก็ยังหงอยไปเลยเมื่อเจอคนพวกนี้แต่เหล่าสาวกที่โหดร้ายเช่นนี้ กลับถูกบัณฑิตที่อ่อนแอคนหนึ่งอย่างโจวผิงอันทำให้ตกใจกลัวได้ คิดถึงตรงนี้ สายตาข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 495

    นักโทษคนอื่นๆ ต่อจากนั้นก็ทำตามอย่างไม่อิดออดเช่นกัน ทุกคนได้ยินว่าตราบใดที่ดื่มสิ่งนี้เข้าไปก็จะสามารถนอนหลับได้หนึ่งชั่วยาม ทุกคนก็ดื่มมันเข้าไปโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซานเป่าและโจวผิงอันก็ออกจากเรือนจำของกรมยุติธรรมเมื่อเห็นท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์สีขาวข้างนอก ซานเป่าผู้โหดเหี้ยมก็รู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “ใต้เท้าโจว วันนี้ข้าได้เปิดประสบการณ์แล้ว”โจวผิงอันประสานมืออย่างถ่อมตัวแล้วพูดว่า “ท่านกวางกงชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงทำสิ่งต่างๆ ตามที่ฝ่าบาททรงสั่งเท่านั้นเอง วันหน้าหากกวางกงต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถส่งคนมาแจ้งได้”ซานเป่ายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณล่วงหน้า”“ท่านกวางกงเกรงใจไปแล้ว”เมื่อพูดจาปราศรัยจบ ซานเป่าก็กล่าวว่า “อีกฝ่ายกำลังจะดำเนินการในคืนนี้แล้ว ไม่สะดวกที่ข้าจะอยู่ที่นี่นานๆ ใต้เท้าโจวโปรดดูแลตัวเองด้วย” “ท่านกวางกงเดินระวังๆ”เมื่อเห็นซานเป่าพาคนของหน่วยบูรพาเดินจากไป โจวผิงอันก็หรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ หมุนตัวเดินกลับไปที่กรมยุติธรรมในวันนั้น เมื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 496

    “องค์รัชทายาทผู้นี้ มีจิตใจที่ยากจะคาดเดาได้ ข้าอายุไล่เลี่ยพอๆ กับเขา และได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างลงไปแล้ว ระหว่างข้ากับเขามีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดไปได้ ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง!”หลี่อิ๋นหู่ได้พิจารณาถึงปัญหานี้มานานแล้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “การเกิดมาในราชวงศ์ ซ้ำยังเป็นผู้ชาย มีเพียงจุดจบเดียวสำหรับพวกเราเท่านั้น หากไม่กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็กลายเป็นคนตาย”สิ้นเสียงของหลี่อิ๋นหู่ จู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน จากทิศทางของเรือนจำกรมยุติธรรมในเมืองหลวง ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่าฆ่าดังมาแต่ลิบๆ ที่ตั้งของจวนจ้าวอ๋องอยู่ห่างจากเรือนจำของกรมยุติธรรมไปไกลมาก แต่ถึงกระนั้นก็สามารถสังเกตเห็นแสงสว่างที่ย้อมท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งจนเป็นสีแดงฉานได้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเปลวไฟนั้นรุนแรงเพียงใดเสียงตะโกนว่าฆ่าค่อยๆ ถูกกลบด้วยเสียงฆ้องและกลองพร้อมด้วยเสียงตะโกนว่าดับไฟ เมืองหลวงที่เพิ่งสงบสุข ก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้งแสงจากเพลิงไหม้นี้ส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงเกือบครึ่งหนึ่ง แม้แต่ตำหนักบูรพาก็สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนหลี่เฉินยังขึ้นไปบนหลังคาเพื่อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 497

    ภายในพระที่นั่งสีเจิ้ง เหล่าราชาภาพยนตร์กำลังขึ้นแสดงบนเวทีอยู่ใบหน้าของหลี่เฉินดูราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายใดๆ ส่วนทางด้านของโจวผิงอันนั้นก็กำลังขมวดคิ้ว ท่าทางดูกังวลมากแต่การแสดงของหลี่อิ๋นหู่นั้นดูเกินจริงไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจ็บปวด ซึ่งพยายามอย่างหนักที่จะแสดงถึงความตกอกตกใจและความโกรธภายในใจด้วยการแสดงออกที่เกินจริง “ช่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา! ราวกับใต้หล้าไร้ซึ่งกฎหมาย!”“เมืองหลวงอยู่ใต้เท้าของโอรสสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงการลอบสังหารที่เกิดขึ้นติดต่อกัน คืนนี้พวกโจรชั่วบางคนได้ทำการปล้นคุกของกรมยุติธรรม ราชวงศ์ฉินก่อตั้งมานานกว่า 300 ปี เรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมดำเนินการสืบสวนคดีนี้อย่างละเอียด เพื่อลากตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมา และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม!”หลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ โดยวางศอกบนหมอนอิงนุ่มๆ และมองไปที่หลี่อิ๋นหู่แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเสียใจกับทักษะการแสดงที่เกินจริงของเขาการแสดงที่ย่ำแย่เช่นนี้ ทำให้มาตรฐานของการแสดงลดลง เขายกมือขึ้น วั่นเจียวเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 498

    ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา หัวใจของหลี่อิ๋นหู่ก็เด้งไปที่ลำคอวินาทีนั้น ความคิดแรกของเขาก็คือหรือว่านักโทษในเรือนจำถูกสับเปลี่ยนออกไปแล้ว ส่วนคนที่ตัวเองช่วยออกมานั้นคือตัวปลอม!?ความคิดนี้ทำให้หลี่อิ๋นหู่สับสนและทำอะไรไม่ถูก “จ้าวอ๋องยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ?”เสียงของหลี่เฉินดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หลี่อิ๋นหู่หลุดจากภวังค์ หลี่เฉินเดินมาหยุดตรงหน้าของหลี่อิ๋นหู่หลี่อิ๋นหู่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ และมองไปที่หลี่เฉินซึ่งมีสีหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้มตรงหน้า ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจของเขา ได้กลายเป็นความรู้สึกที่วิกฤตอย่างแท้จริง ทำให้ร่างกายของเขาพลันเกร็งตัวขึ้นมาความกลัวราวกับงูพิษที่เลื้อยขึ้นมาตามขาของเขาไปที่คอ ทำให้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหนาวไปทั้งตัวหลี่อิ๋นหู่พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าของเขา โดยไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เขาแสดงรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา และพูดด้วยความยากลำบากว่า “กระหม่อม กระหม่อมเพียงสงสัยคำพูดของฝ่าบาทจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน”“แน่นอน เจ้าจะรู้ทีหลัง”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ด้วยสายตามีเลศนัย จากนั้นจึงเดินผ่านเขาไปโดยเอามือไพล่หลังหลี่อิ๋นหู่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 499

    ค่ำคืนที่หนาวเย็นราวกับสายน้ำ และแสงจันทร์ที่ปกคลุมทั่วพื้นโลก ในมุมที่ห่างไกลและเงียบสงบของเมืองหลวง ปรากฏศพหลายศพขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกขนลุกขนชันแต่สำหรับหลี่อิ๋นหู่นั้นเขาตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดเขาไม่เคยคิดว่าหลี่เฉินจะพาเขามาดูศพ ซึ่งเป็นศพของนักโทษจากสำนักบัวขาว!ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือจากคนของเขาและหนีไปแล้วหรือ!? แล้วเหตุใดถึงมาตายกันตรงนี้!?แล้วหลี่เฉินควบคุมเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร!คำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในจิตใจ ทำให้หลี่อิ๋นหู่ยืนอึ้งอยู่กับที่“จ้าวอ๋องมานี่สิ”หลี่เฉินที่อยู่ข้างหน้าโบกมือเรียกหลี่อิ๋นหู่ให้เข้ามาทั้งสองยืนเคียงข้างกัน และหลี่เฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไร แม้ว่าภาพจะไม่สวยนัก แต่ก็น่าประทับใจมากใช่หรือไม่?”หลี่อิ๋นหู่มุมปากกระตุก และถามออกมาอย่างยากลำบากว่า “ฝ่า ฝ่าบาท นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นหลี่เฉินก็ยกมือขึ้น และโอบไหล่ของหลี่อิ๋นหู่ ทำให้ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากในขณะเดียวกัน หลี่เฉินก็ลดเสียงลงและพูดว่า “แน่นอนว่ามันคือแผนการ”“เสนาบดีกรมยุติธรรมโจวผิงอันของข้าได้คาดการณ์ว่าจะมีคนมาป

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status