LOGINเธอเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่เลือก "สามี" ผิดคน ถูกสามีหักหลัง ติดยา ติดโรค จนตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี แต่สวรรค์ให้โอกาสอีกครั้ง คราวนี้ ว่านอันอัน จะเลือก "คนสวนที่เธอเคยรังเกียจ" ให้กลายเป็นสามีที่ใครก็มาดูถูกไม่ได้อีกต่อไป
View Moreว่านอันอัน ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกปวดเบาและต้องการไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อขยับตัวลุกขึ้นนั่งกลับถูกโจมตีด้วยความเจ็บปวดตรงช่วงล่างของร่างกาย รวมถึงปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว ดวงตาคู่สวยพร่าเบลอไปชั่วขณะกวาดมองไปทั่วห้องที่คุ้นตาและนั่งนิ่งมึนงงอยู่ครู่ใหญ่
หลังพยายามค้นหาความทรงจำจากเมฆหมอกอันเลือนรางศีรษะก็ปวดจี๊ดขึ้นมา
“โอ๊ย...”
ไม่สิ... เธอตายไปแล้วนี่ วิญญาณจะรู้สึกเจ็บได้ยังไง ?
สายตาดันเหลือบไปเห็นปฏิทินบนโต๊ะข้างเตียง ตัวเลขระบุปีเขียนไว้ชัดเจนว่า
1985
กระแสชาวาบแล่นไปทั่วร่างหันมองข้างกายก็พบร่างสูงใหญ่เปลือยท่อนบนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงของเธอ พลันความทรงจำทั้งหมดก็แล่นผ่านกลับคืนมา
เธอย้อนเวลากลับมาแล้ว... ว่านอันอันที่ตายเป็นวิญญาณล่องลอยมานานกว่าสามสิบปี ตอนนี้ได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่สามารถแก้ไขทุกอย่างให้ถูกต้องได้
นี่คือโอกาสที่เธอเฝ้าร้องขอกับสวรรค์มาตลอด
เมื่อคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุยี่สิบเอ็ดปีและงานฉลองเรียนจบมหาวิทยาลัยของเธอ แน่นอนว่าสำหรับลูกสาวคนโตของเศรษฐีชื่อดังแห่งเมืองปักกิ่งอย่าง ว่านหวนเย่ งานเลี้ยงจึงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งยังมีการประกาศหมั้นระหว่างว่านอันอันและ เย่ฟางตง นายทหารหนุ่มอนาคตไกล ผู้ซึ่งเป็นรักแรกของเธออีกด้วย
ครอบครัวของเขายังเป็นชนชั้นสูง หนึ่งในคู่ค้ารายสำคัญของบ้านว่าน การหมั้นหมายครั้งนี้จึงสมใจใครหลายคนและสร้างบรรยากาศชื่นมื่นปรองดอง ว่านอันอันจำได้ว่าตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
ภรรยาคนแรกของว่านหวนเย่หรือแม่แท้ ๆ ของว่านอันอันมาจากครอบครัวมหาเศรษฐี หลังเสียชีวิตไปตอนลูกสาวอายุสิบขวบ ก็ได้ทิ้งสินเดิมไว้ให้มากมาย ว่านอันอันจึงเฝ้าฝันหวานถึงชีวิตหลังแต่งงานที่เพรียบพร้อมไปด้วยสามีที่รักและเงินทองมากมาย
แม้แต่ เจิ้งหลิน ผู้เป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่อย่าง ว่านชิงชิง ยังแสดงความดีใจยิ้มแย้มตลอดทั้งงาน ใครเล่าจะรู้ว่าน้องสาวผู้ใสซื่อกับแม่เลี้ยงที่ดูแลเธอมาตั้งแต่สิบขวบจะร่วมมือกันวางยาร้ายและส่งเธอเข้ามาขังไว้ในห้องนอนพร้อมคนสวนอย่าง ซ่งหมิง
สุดท้ายเธอกับเขาก็ตกเป็นของกันและกันด้วยฤทธิ์ยา
ว่านอันอันพิจารณาชายหนุ่มข้างกายอีกครั้งอย่างละเอียด ซ่งหมิงคนนี้มีผิวสีคล้ำเพราะทำงานกลางแจ้งมานาน แต่กลับมีโครงหน้าคมสัน ริมฝีปากหยักหนา จมูกโด่ง และดวงตายาวเรียว คาดว่าหากได้บำรุงผิวพรรณและเปลี่ยนทรงผมรกรุงรังนี่เสียหน่อยคงออกมาเป็นชายรูปงามได้ไม่ยาก
เธอคิดและยิ้มกับตัวเอง ในใจมีความหวานล้ำเคลือบอยู่เล็กน้อย
ชาติที่แล้วหลังตื่นขึ้นมาเธออาละวาดโวยวาย แผลงฤทธิ์ร้ายกาจ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมแต่งให้คนสวนต่ำต้อยอย่างซ่งหมิง เธอหมั้นกับเย่ฟางตงแล้ว สามีของเธอต้องเป็นเขาเท่านั้น
และใช่... ว่านอันอันทำสำเร็จ สุดท้ายเธอได้แต่งให้เย่ฟางตงสมใจ ในใจตอนนั้นรู้สึกราวกับฝันไป เขาทั้งทะนุถนอมเอาใจใส่ ดูแลเธออย่างดี ไม่สนสักนิดว่าเธอเสียพรหมจรรย์ให้คนสวนไปแล้ว ทว่าหลังงานแต่งผ่านพ้นไปไม่นานและเธอได้มอบทรัพย์สินทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว นรกที่แท้จริงก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เย่ฟางตงผู้แสนดีไม่มีอีกแล้ว เหลือเพียงปีศาจร้ายที่เอาเธอไปเป็นเครื่องปรนเปรอให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ เพื่อแลกกับตำแหน่งที่สูงขึ้นพร้อมกับเปิดทางให้ธุรกิจค้ายาเสพติด หลายครั้งที่เธอคิดจะหนีจากนรกแห่งนั้น แต่ก็ถูกเขากักขังตบตีทำร้ายร่างกายและฉุดเธอให้ตกนรกขุมที่ลึกกว่าเดิม ด้วยการผสมยาเสพติดในน้ำแกงบำรุงผิวพรรณให้เธอกินทุกมื้ออาหารจนตกเป็นทาสยานรกที่ชื่อว่ายาขาว[1]
ว่านอันอันซึ่งตกลงในขุมนรกอันไร้ทางออก ทำได้เพียงยอมปล่อยให้ร่างกายอันไร้ค่าตกเป็นของนายทหารเฒ่าพวกนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อแลกกับยาต่อชีวิต มีเพียงตอนสติเลื่อนลอยเคลิบเคลิ้มไปกับฤทธิ์ยาเท่านั้นที่ว่านอันอันจะรู้สึกเป็นอิสระและลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดในชีวิตได้
สุดท้ายเธอก็ต้องร่วงโรยในวัยที่ควรผลิบานด้วยโรคร้ายที่ชื่อว่า HIV พอประโยชน์จากร่างกายเสื่อมโทรมนี้หมดสิ้นแล้ว ว่านอันอันก็ถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลดั่งศพไร้ญาติ ไม่มีแม้แต่พิธีศพในแบบที่มนุษย์คนหนึ่งควรได้รับ
หวนคิดย้อนไปแล้วว่านอันอันก็กำหมัดแน่นจนมือสั่น เธอไม่ควรเชื่อใจงูพิษพวกนั้นตั้งแต่แรก ไม่ว่าหน้าไหนก็เลวร้ายเหมือนกันหมด
ความจริงทุกอย่างได้ปรากฏหลังเธอกลายเป็นวิญญาณล่องลอยไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ พบว่าเป็นซ่งหมิงชายที่เธอทิ้งเขาและไม่เคยอยู่ในสายตา เป็นคนมารับร่างเธอที่ถูกรังเกียจไปทำพิธีเผาตามหลักของศพติดโรคและเก็บอัฐิของเธอไว้
ซ่งหมิงเป็นเพียงคนเดียวที่เศร้าเสียใจกับการจากไปของว่านอันอัน เขาคร่ำครวญกับอัฐิของเธออยู่เสมอ ว่าเขากับเธอได้เสียกันแล้วครั้งหนึ่งก็ถือว่าเป็นภรรยาของเขาชั่วชีวิต ทั้งยังเปิดเผยความในใจว่าหลงรักว่านอันอันมานาน แม้เธอจะร้ายกาจ ดูถูกผู้คน แต่กลับมุ่งมั่นตั้งใจและเข้มแข็งกว่าใคร ๆ
ว่านอันอันในตอนนั้นที่เป็นเพียงวิญญาณได้แต่คุกเข่าขอโทษเขาอยู่เช่นนั้นนานค่อนคืน
[1] ยาขาว หมายถึงเฮโรอีน
หญิงสาวไปต่อที่ถนนเส้นหนึ่งที่มีตึกอาคารอยู่สองข้างทาง ฝั่งหนึ่งยังติดกับทางลงไปยังแม่น้ำไห่เหอ บางช่วงที่ไร้ตึกสูงยังมีจุดให้ชมทิวทัศน์แม่น้ำสวยงาม ตามตึกอาคารนี้ส่วนใหญ่เป็นห้องว่างแต่ก็มีร้านค้าอยู่บ้างประปราย บ้างเป็นของกิน บ้างเป็นรองเท้า กระเป๋า ภูมิทัศน์สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ผู้คนบางตากำลังเดินทอดน่องเล่นกันอยู่ว่านอันอันเดินเล่นไปจนถึงตึกแถวสองชั้นชุดหนึ่งที่มีทั้งหมดหกคูหา แต่ละคูหากว้างประมาณสี่เมตร ลึกสิบสองเมตร พื้นที่ใช้สอยรวมสองชั้นได้เกือบร้อยตารางเมตรต่อคูหา นับเป็นขนาดที่กว้างขวางพอสมควรสำหรับการเปิดร้านค้านายหน้าหยางที่เป็นคนขายตึกเห็นหญิงสาวท่าทางมีฐานะเดินมองตึกชุดนี้ด้วยความสนใจก็รีบปรี่เข้าไปทักทายด้วยความกระตือรือร้น"สวัสดีครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าสนใจห้องชุดนี้ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะ... คุณคือ...""อ้อ ! เรียกผมว่านายหน้าหยางก็ได้ครับ ผมคือผู้ดูแลการซื้อขายของห้องชุดนี้ เรียกว่าคุณผู้หญิงตาถึงมาก ๆ เลยนะครับ ตึกชุดนี้น่ะเพิ่งสร้างมาได้ไม่นาน ทั้งใหม่ทั้งได้มาตรฐาน รูปลักษณ์ภายนอกสีสว่างสบายตา ด้านในยิ่งจัดแบ่งเป็นสั
ช่วงนี้ว่านอันอันเริ่มกลับมาวางแผนธุรกิจเสื้อผ้าที่ตั้งใจมาตั้งแต่แรกอย่างจริงจัง ด้วยเพราะพ่อของเธอว่านหวนเย่เองทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอเช่นกัน เธอจึงได้คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็ก และมีความฝันเล็ก ๆ ว่าอยากจะมีห้องเสื้อเป็นของตัวเอง นอกจากนี้เธอมีผู้ช่วยเป็นความรู้ของแนวเสื้อผ้าสุดฮิตในอนาคตอีกด้วยว่านอันอันจึงอยากเริ่มกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นของตัวเองและมั่นใจว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ใช้เวลาระหว่างที่กำลังสร้างซานเหอมู่เย่ขึ้นมาสำรวจตลาดและวัสดุ อุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว ช่วงนี้ทางโรงงานไม้ก็มีพนักงานเพิ่มขึ้นมามาก ล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้านที่ไม่อยากไปทำงานไกลมาสมัครทำงานด้วยชื่อเสียงสวัสดิการดีเยี่ยมและการทำงานเป็นระบบของโรงงานไม้แห่งนี้โด่งดังจนคนหมู่บ้านใกล้เคียงยอมเดินทางมาขอสมัครเข้าทำงานด้วยเลยทีเดียว เหล่าช่างไม้จากโรงไม้หมู่ซานเดิมหลายคนที่ยังไม่มีครอบครัวก็หอบข้าวของ ย้ายบ้านมาลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านทูวาแล้ว เพื่อความสะดวกในการเดินทาง หัวหน้าหมู่บ้านหลินเองยังเอ่ยปากขอบคุณว่านอันอันกับซ่งหมิงยกใหญ่ว่าหลายเดือนมานี้จำนวนสมาชิกหมู่บ้านเพิ
ในชาติที่แล้วข่าวเรื่องขบวนการค้าไม้เถื่อนในเมืองเทียนจินค่อนข้างโด่งดัง ว่านอันอันจึงจำมันได้ดี ว่าหลังจากนี้อีกประมาณห้าหกปีขบวนการค้าไม้เถื่อนรายใหญ่จะถูกจับกุมที่เมืองนี้ หลังสืบสาวเรื่องราว พบว่าโรงไม้ใหญ่ ๆ หลายแห่งในเมืองนี้แหละที่เป็นลูกค้าซื้อไม้กับพวกมันมาหลายปีแม้จะจำชื่อของโรงไม้ทั้งหลายในปีนั้นไม่ได้ แต่ยังจำลำดับการสืบสวนในข่าวได้ดี ทั้งยังเดาในใจว่าพวกคนที่มาเสนอหน้าใส่ร้ายพวกเธออยู่ตอนนี้นี่แหละที่เป็นคนร้าย“เจ้านั่นมันก็พูดแล้วไงว่าไม่รู้จักคนที่มาซื้อน่ะ จะไปตามหากับลมกับฝนหรือไงเล่า !” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น“ฉันรู้มาว่าการค้าไม้เถื่อนในแถบนี้มักจะเป็นการแอบตัดไม้ในเขตอุทยาน ตรงนั้นยังมีพันธุ์ไม้อนุรักษ์ที่ไม่เหมือนป่าทั่วไปหรือการปลูกเพื่อตัดขายปกติ ถ้าเราตรวจสอบไม้ที่อยู่ในโรงไม้ต่าง ๆ ว่ามีไม้ชนิดพิเศษเหล่านี้อยู่หรือไม่ ก็จะได้รู้กันค่ะว่าคนร้ายเป็นใคร หรือจะตรวจย้อนหลังจากเฟอร์นิจอร์ที่พวกเขาผลิตสำเร็จไว้ก็ได้นะคะ”ประโยคของหญิงสาวราวกับสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ฟาดลงมาใส่ทุกคน โดยเฉพาะพวกช่างจากโรงไม้ในเมืองที่พากันแข้งขาอ่อนแรงหมด หลักฐานยัง
“อะไรควรไม่ควรก็ไม่จำเป็นต้องให้แกมาสอน ! กลับกัน คนที่ควรได้รับความรู้เพิ่มเติมคือพวกแกต่างหาก ไหนหลักฐานที่บอกว่าพวกฉันรับไม้เถื่อน แน่จริงก็เอาออกมาสิ !”ว่านอันอันกอดอกเถียงสู้ โดยมีใครหลายคนถืออาวุธเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลัง เป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมให้ใครพ้นประตูรั้วโรงงานนี้เข้าไปได้“ยังจะมาหาหลักฐานอีก พวกเธอเป็นแค่เด็กหนุ่มสาว คงไม่รู้ว่าการจะตั้งโรงงานไม้ขึ้นมาโรงหนึ่งต้องใช้เงินเยอะแค่ไหน ราคาไม้แต่ละต้นตั้งเท่าไหร่ แต่นี่เพียงเวลาสั้น ๆ กลับหาไม้มาจนล้นไปหมด คิดดูก็รู้ว่าต้องเป็นไม้เถื่อนแน่”“เหอะ แค่นั่งคิดเองเออเองก็พาพวกมาจับคนเข้าคุกได้แล้วงั้นเหรอ ? เป็นอย่างนั้นเหรอคะคุณเจ้าหน้าที่ !” หญิงสาวหันไปถามเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่ยืนคุมเชิงอยู่โดยตรงใครคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าพวกเขาก้าวมาข้างหน้าตอบคำถาม“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณผู้หญิง เป็นเพราะพวกเราเพิ่งจับพวกค้าไม้เถื่อนได้ และพวกมันสารภาพว่าขายให้โรงงานไม้ใหม่ของเมืองทูวาเพียงเจ้าเดียว พวกเราจึงต้องมาตรวจสอบ ต้องขอให้ทุกท่านให้ความร่วมมือด้วย หลักฐานนั้นพวกเรามีอยู่แล้ว”ว่า