Share

บทที่ 10

“รัชทายาท นี่ก็คือหน้าไม้ที่ให้ข้าทำหรือ? เสียเวลาข้าจริง ๆ เลย!”

ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลู่หนีก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว ในมือถือหน้าไม้ประณีตที่เพิ่งทำเสร็จ เขามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นว่าเจ้าของสิ่งนี้จะมีความวิเศษวิโสอันใด

“งั้น ๆ หรือ? ลองดูก็รู้แล้วนี่? เห็นป้ายภัตตาคารต้าเฉียนประมาณสองร้อยเมตรนั่นหรือไม่?”

ฉินอวิ๋นฟานชี้ไปที่ป้ายร้านไกล ๆ พลางยิ้มพูดราบเรียบ

เขารับหน้าไม้มา วางลูกศรที่พกติดตัวมาแต่แรกไว้ตรงแล่ง มันแนบสนิทกับร่อง ต้องยอมรับแล้วว่าฝีมือของหลู่หนีละเอียดมากจริง ๆ

“รัชทายาท นี่ นี่จะยิงป้ายร้านนั่นหรือ?”

เฉินม่อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”

ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปาก สีหน้ามั่นใจ ในความทรงจำเดิม การยิงธนูในสมัยโบราณปกติแล้วจะยิงได้ในระยะประมาณร้อยยี่สิบเมตร ถ้าเป็นธนูชั้นดีและเป็นผู้ที่มีกำลังมาก จะยิงได้ประมาณร้อยเจ็ดสิบแปดสิบเมตร

แต่ธนูมีจุดอ่อนที่แย่มากอย่างหนึ่ง ยิ่งระยะทางไกล พลังการโจมตีก็จะยิ่งลดลง ดังนั้นระยะสองร้อยเมตรอยู่เหนือระยะการโจมตีสูงสุดแล้ว

“รัชทายาทจะวู่วามไม่ได้นะขอรับ เวลานี้เป็นช่วงที่คนพลุกพล่านที่สุด ภัตตาคารต้าเฉียนไกลเกินไป จะพลาดทำร้ายถูกคนได้ง่ายนะขอรับ”

อู่จ้านรีบเข้ามาปราม

รัชทายาทเปลี่ยนนิสัยราวฟ้ากับดินจริง ไม่เพียงแต่ไม่เขลาอีก ยังเด็ดขาด เฉียบคมและแข็งกร้าวด้วย มีท่วงทำนองของผู้เป็นราชันแล้ว

แต่การยิงธนูในตลาดไม่ใช่เรื่องดีอะไร หากจุดชนวนโทสะจะยุ่งเอา

“เฮอะ ต่อให้ยอดมือธนูที่เก่งกาจที่สุดในต้าเฉียนอยู่ที่นี่ ก็คงไม่กล้าโม้ว่ายิงป้ายภัตตาคารต้าเฉียนที่อยู่ห่างออกไปสองร้อยเมตรกลางตลาดได้หรอก รัชทายาทจะถือดีไปหน่อยแล้วกระมัง?”

หลู่หนีพูดเสียดสีแสยะยิ้มอยู่ข้าง ๆ

ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจ แต่ยกหน้าไม้ในมือขึ้นมา เล็งให้ดี ออกแรงเหนี่ยวถึงจุดสูงสุด จากนั้นก็กดปุ่มปล่อยออกไปเลย ได้ยินเพียงเสียงฟิ้ว ลูกศรแล่นออกไปราวกับแสง

ฉึก!!!

เพียงชั่วพริบตาเดียว ลูกศรปักอยู่บนป้ายภัตตาคารต้าเฉียนนิ่งแล้ว ภายใต้พลังโจมตีอันน่ากลัว ป้ายภัตตาคารต้าเฉียนแกว่งไกวไม่หยุด ชัดเจน ลูกศรนี้ยังมีพลังอยู่

“ไอ้โฮ!!!”

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!”

พวกอู่จ้านและหลู่หนีใจเย็นไม่ได้ฉับพลัน ดวงตาเบิกโพลงเท่าไข่ไก่ แววตาที่มองฉินอวิ๋นฟานเหมือนกับแววตาที่เห็นผี หน้าไม้ที่ดูเล็กกะทัดรัดทรงอานุภาพอย่างนี้เชียวหรือ?

“รัช รัชทายาท หน้าไม้ที่ดูธรรมดา ๆ นี้เป็นอาวุธสังหารเช่นนี้เชียวหรือ?”

หลู่หนียังคงทึ่งอยู่ ขณะรับหน้าไม้จากมือฉินอวิ๋นฟาน สองมือยังสั่นเทา นี่ใช่หน้าไม้รูปแบบใหม่ที่เขาทำเองกับมือหรือ? มันจะน่ากลัวไปแล้วกระมัง?

เมื่อกี้เขายังทำท่าทางดูแคลนอยู่เลย? คิดแล้วช่างน่าขัน

“นี่ไม่นับเป็นอะไร!”

ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเรียบ

“เอ่อ...นี่ยังไม่นับเป็นอะไร? หากองค์ชายใหญ่หรือราชนิกุลท่านอื่นรู้ต้องพากันผลิต เห็นเป็นอาวุธลับสุดยอดแน่ แต่รัชทายาทกลับไม่สนใจเลย?”

เวลานี้สายตาที่หลู่หนีมองฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าเป็นตอนแรก เขาต้องมั่นใจว่าฉินอวิ๋นฟานขี้โม้แน่ เพราะของสิ่งนี้อาจเป็นอาวุธสังหารที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในสงครามได้

แม้เขาที่เป็นช่างฝีมือยังตกตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่ง ผ่านไปนานยังมิอาจสงบใจ

“ข้ายอมรับฝีมือของเจ้าแล้ว ติดตามข้า ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าอะไรจึงเป็นอาวุธสังหารใหญ่ของจริง หน้าไม้ออกหน้าไม่ได้หรอก เจ้ายินดีตามข้าเข้าวัง อยู่ฝ่ายเดียวกับข้าหรือไม่?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก

ตุบ...

หลู่หนีไม่คิดอะไรทั้งนั้น ถูกวิธีการของฉินอวิ๋นฟานสยบโดยสิ้นเชิง คุกเข่าลงเสียงดังตุบ พูดแบบจริงจังที่สุด “ข้าน้อยหลู่หนียินดีตามรัชทายาทเข้าวัง ยินดีติดตามรัชทายาทขอรับ”

หน้าไม้หนึ่งคันพอให้หลู่หนีอยู่เหนือศิษย์ทั้งหลาย หากการติดตามรัชทายาทจะทำให้เขาทะลวงขีดจำกัดและเจอกับความท้าทายได้มากกว่าเดิม เช่นนั้นเขาหลู่หนีแม้ตายก็ต้องขอติดตามให้ได้อยู่แล้ว นี่คือความใฝ่ฝันในชีวิตของช่างฝีมือทุกคนเลยนะ

“เฉินม่อ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนนายช่างหลู่หนีเก็บอุปกรณ์กับของติดตัวแล้วก็เข้าวังได้ จัดการทุกอย่างให้ดี ข้าจะไปหารืองานต่อจากนี้ด้วยตัวเอง”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย

“ขอรับ!”

เฉินม่อตื่นเต้นอย่างมิมีอะไรเทียบเทียม ขานรับเดี๋ยวนั้น วันนี้เขาศิโรราบกับวิธีการของรัชทายาทโดยสิ้นเชิงแล้ว

“รัชทายาทเฉียบนัก ใช้ลูกไม้นิดหน่อยก็ได้ตัวหลู่หนีมาแล้ว อู่จ้านเลื่อมใส!”

อู่จ้านตามอยู่ข้างหลังฉินอวิ๋นฟาน เขาเลื่อมใสวิธีการของเขาอย่างยิ่ง

ใช้การข่มขวัญมาข่มขวัญก่อน จากนั้นก็ยกหลู่กงที่เขาเคารพที่สุดมาข่มเขา สงสัยกดดันระดับความเป็นมืออาชีพของเขา บั่นทอนความยโส ก่อนจะใช้ความสามารถที่แท้จริงสยบเขาและรับเขาเข้าอยู่ใต้อาณัติ

ขั้นตอนเหล่านี้ อู่จ้านเห็นแล้วทำเอาอกสั่นขวัญหาย ร้องว่าเยี่ยมตรง ๆ ทำให้จอมวางมาดที่ทำตัวสูงส่งคนหนึ่งยอมสยบได้

“อาจ้าน ต่อไปท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวฟานต่อเถอะ ไม่ต้องเรียกตามความสัมพันธ์นายบ่าวหรอก”

เห็นอู่จ้านเอาแต่เรียกว่ารัชทายาท ฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกไม่ชินเล็ก ๆ

“ได้ ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน ข้าจะเรียกชื่อเล่นของเจ้า แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าสาธารณชน ยังต้องแบ่งความเป็นนายบ่าวให้ชัดเจน”

อู่จ้านพูดด้วยความปลาบปลื้ม

“อื่ม ต้องยอมรับเลยว่าฝีมือหลู่หนีละเอียดอ่อนจริง ๆ แต่ชอบวางมาดเท่านั้น ทว่าต่อไปคงไม่กล้ากำแหงกับรัชทายาทแล้วละ ”

ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้า เขาพอใจหลู่หนีมาก มีเขาที่ฝีมือดีเช่นนี้คอยช่วยเหลือ ไยต้องกังวลว่าต่อไปจะขึ้นเป็นใหญ่ในต้าเฉียนหรือเป็นใหญ่ในโลกไม่ได้?

“นั่นสิ ดูออกเลยว่าหลู่หนีศิโรราบต่อฝีมือของรัชทายาทแล้ว”

อู่จ้านเห็นด้วยที่สุด

ขณะฉินอวิ๋นฟานกำลังสนทนาพลางกลับวังหลวง จู่ ๆ ก็มีเสียงวิวาทดังมาจากที่ไกล ๆ เมื่อมองตามเสียง เห็นเพียงกลุ่มคนกำลังมุงล้อมอย่างคึกคัก

“ไม่อย่างนั้นเราก็ไปดูสถานการณ์กันเถอะ?”

อู่จ้านเอ่ยปาก

“ไหน ๆ ก็ว่าง เราไปร่วมสนุกสักหน่อยแล้วกัน”

เมื่อใกล้จะถึง ฉินอวิ๋นฟานเห็นเพียงชายร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งกำลังถือปังตอยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มคน โดยมีชายผมแห้งแบกกระบี่พกคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ด้านข้างมีหญิงงามดุจบุปผาปานหยกนางหนึ่งร้องไห้กระซิกไม่หยุด

“ภาพนี้คุ้นจังแฮะ”

ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วพูด

“ฮ่า ๆ หานซิ่น ถ้าวันนี้เจ้ามุดหว่างขาข้าไป ข้าจะยกย่องเจ้าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องระหว่างเราจบเพียงเท่านี้ แต่ถ้าไม่ เช่นนั้นเจ้าก็คือไอ้ขี้ขลาด คนจนอย่างเจ้าไม่คู่ควรมีกระบี่พกหรอก ข้าจะรับไว้แทนเจ้าเอง”

ชายร่างกำยำพูดกลั้วหัวเราะ ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

“เฮ้อ หานซิ่นน่าสงสารจริง ๆ เกิดมาพ่อแม่ก็จากเขาไปเสียแล้ว ยังดีที่ยายข้างบ้านใจบุญฝืนรับเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ ตอนนี้กลับมาเป็นขอทานเสียได้”

“ก็นั่นนะสิ! เขาร่างกายอ่อนแอ ไม่มีใครจ้าง ได้แต่อาศัยการตกปลาขอทานเลี้ยงปากท้อง เขาที่กินไม่อิ่มจะกล้าแข็งข้อกับคนขายเนื้อในตลาดได้ยังไง?”

“มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ คนขายเนื้อในตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นคนโหด วางก้ามเอาแต่ใจในถนนสายนี้จนเคยชินแล้ว ใครจะไปกล้าหาเรื่อง?”

......

ทุกคนพูดกันคนละคำ ต่างรู้สึกเสียดายหานซิ่น ผู้ชายระดับล่างและยากจนข้นแค้นคนหนึ่ง ต่อหน้าการกลั่นแกล้งรังแก นอกจากจะละทิ้งศักดิ์ศรียอมรับความอัปยศแล้วยังจะทำอะไรได้?

“พี่ซิ่น ไม่ได้นะ”

หญิงสาวร่ำไห้ปานดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ในดวงตาเปื้อนไปด้วยความทุกข์ระทม ในยุคสมัยเชิดชูลัทธิขงจื๊อ เกียรติสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ถ้าหานซิ่นคลานลอดหว่างขาต่อหน้าธารกำนัล ต่อไปยังจะเงยหน้าเป็นคนได้อย่างไร?

หานซิ่นมองหญิงสาวและคนโดยรอบ สีหน้ายังคงเดิม ต่อหน้าคนขายเนื้อที่รังแกคน เขารู้ตัวดีว่าสู้ไม่ได้ แต่เล็กจนโตเขาแทบจะขอทานเลี้ยงชีพ รับกับการเสียดสีและสายตาเย็นชามากมาย

กระบี่พกนี้เป็นสมบัติสิ่งเดียวที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ และเป็นความเชื่อเพียงหนึ่งเดียวของเขา สำหรับเขาที่เป็นเช่นนี้ เกียรตินับเป็นอะไร?

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status