Share

บทที่ 9

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดอาจารย์ของเจ้าจึงตั้งชื่อนี้ให้?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย

“หือ? ชื่อก็เป็นแค่สิ่งเรียกแทนไม่ใช่หรือ? ข้าติดตามอาจารย์สามสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อน หรือว่าเจ้าจะรู้เหตุผลของชื่อ?”

หลู่หนีถามอย่างไม่เข้าใจ

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบศิษย์เด่นล้ำของหลู่กง หลู่หนีย่อมมีคุณสมบัติสามารถผยองได้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวหรือว่าชื่อเสียงของอาจารย์ มันทำให้เขาเดินเบ่งในแคว้นใหญ่ ๆ ได้แบบไม่เป็นปัญหา

แต่เขาย่อมไม่กล้าโอหังกับเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์

“หนีก็คือดิน บ่งบอกว่าหลู่กงคาดหวังกับเจ้ามาก หวังว่าต่อไปเจ้าจะยืนได้อย่างมั่นคง พยายามสร้างสรรค์ แล้วเจ้าเล่า?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “งานฝีมือ เครื่องสำริดและกระบี่พกมากมายเหล่านี้ มีชิ้นไหนบ้างที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากอาจารย์เจ้า? มีชิ้นไหนบ้างที่เจ้าประดิษฐ์ขึ้นเอง? มีหรือไม่?”

ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาหลู่หนีใบ้รับประทาน งานฝีมืออันประณีตคือคุณสมบัติที่เขาภูมิใจ ทว่าถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานแทงใจดำเขาโดยตรง

หลู่หนีมองการจัดวางในร้าน ดวงตาหมองไปอย่างไม่มีสาเหตุ

เฉินม่อกับอู่จ้านเห็นดังนั้นตกตะลึงถึงที่สุด รัชทายาทพูดแค่ไม่กี่คำก็ทำลายความผยองของหลู่หนีจนสิ้นแล้วหรือนี่?

ฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆ “ถ้าข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าแซงหน้าหลู่กง เจ้าจะว่าอย่างไร?”

“แซงหน้าท่านอาจารย์หรือ?”

หลู่หนีอึ้ง ก่อนจะพูดด้วยสายตาโกรธ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด อาจารย์คือที่หนึ่งในใต้หล้า ไม่มีใครเหนือไปกว่าท่านได้”

ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าตอบ “เจ้าคิดว่าหลู่กงอยากให้คลื่นรุ่นใหม่แรงกว่าคลื่นรุ่นหลัง หรือว่าให้ลูกศิษย์มองแผ่นหลังเขาตลอดไป?”

“เอ่อ...”

การไต่ถามนี้ทำให้หัวใจหลู่หนีปั่นป่วนอย่างหนัก เขามิอาจปฏิเสธถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟาน สำหรับอาจารย์ เขาก็ต้องหวังให้ลูกศิษย์สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เติบโต และยอดเยี่ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

การหยุดอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้าแสดงให้เห็นว่าเขาไร้ความสามารถ ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของอาจารย์เหมือนกัน ในทางกลับกันยังจะทำให้อาจารย์ผิดหวังเสียด้วยซ้ำ

“เกรงว่าความปรารถนาของหลู่กงในชาตินี้ก็คือหวังว่าในบรรดาศิษย์อย่างพวกเจ้าล้ำหน้ากว่าเขาในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ มีแต่อย่างนี้เขาจึงจะไปอย่างเป็นสุขได้กระมัง!”

ฉินอวิ๋นฟานกล่าวตามสัตย์จริง

สีหน้าหลู่หนีเปลี่ยนแปลงไปมา เขายังจำการสั่งสอนของอาจารย์ได้เสมอ อ่อนน้อมถ่อมตน ยึดมั่นถือมั่น นี่ก็คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาสำเร็จเช่นทุกวันนี้

ฉินอวิ๋นฟานรู้ว่าสบโอกาสแล้ว จึงเปิดปากเอื้อนเอ่ย “ข้ามีภาพภาพหนึ่ง เจ้าลองดูได้!”

สิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานก็วางกระดาษภาพแผ่นใหญ่ไว้บนโต๊ะ

ยามนี้ หลู่หนีเคลื่อนสายตาไปยังกระดาษภาพ ทันทีที่เขาเห็นภาพประณีตก็ขมวดคิ้วมุ่นฉับพลัน หยิบภาพขึ้นมาถามด้วยใบหน้าฉงน “นี่คือสิ่งใด?”

“หน้าไม้!”

ฉินอวิ๋นฟานยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม ตามความทรงจำ ธนูคืออาวุธโจมตีระยะไกลที่สำคัญที่สุดของต้าเฉียนและแคว้นต่าง ๆ ธนูเช่นนี้ง่ายและผลิตได้เร็วมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครพัฒนาและทำมันขึ้นใหม่

หลู่หนีเอ่ย “เจ้าอยากให้ข้าทำของที่คล้ายกับธนูนี่หรือ?”

“ไม่ ๆ ๆ เจ้าสิ่งนี้ง่ายกว่ามาก ข้าแค่เอาติดมือมาด้วยเฉย ๆ ที่ให้เจ้าทำหน้าไม้ก็เพราะจะทดสอบเจ้าสักครั้ง อยากทดสอบฝีมือของเจ้าสักหน่อย”

ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง “พวกของข้าไม่เคยมีสวะ ถ้าฝีมือเจ้าทำให้ข้ายอมรับได้ ข้าจะทำให้ชื่อเจ้าได้รับการสรรเสริญพันปี เสพสุขลาภยศไม่สิ้น”

“ถ้าแม้แต่หน้าไม้เจ้ายังทำได้ไม่ดี ก็ได้แต่พูดว่าเจ้ามีดีแต่ชื่อ มิได้มีความสามารถ ข้าจะเอาเจ้าไปทำไม?”

“เหอะ ได้ยินว่ารัชทายาทโง่เขลาเบาปัญญามาตลอด วันนี้ได้ประจักษ์ต่อสายตา มิได้แย่อย่างคำร่ำลือ”

ฉินอวิ๋นฟานกระตุ้นความอยากเอาชนะของหลู่หนีออกมาโดยสมบูรณ์ เขามองหน้าไม้ในมือแล้วทำหน้าดูถูก “หน้าไม้แบบนี้แม้จะต่างจากธนูทั่วไป แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อน ข้าหลู่หนีหรือจะทำของพรรค์นี้ไม่ได้?”

“ครึ่งชั่วยาม ถ้าทำไม่เสร็จข้าจะไปแล้วนะ!”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเรียบ

“ครึ่งชั่วยามหรือ?”

หลู่หนีขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้าสิ่งนี้ง่ายก็จริง แม้การจะทำให้เสร็จครึ่งชั่วยามจะมีความท้าทายอยู่มาก แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะตาขาวได้อย่างไร?

“ตกลง!”

เมื่อกล่าวจบ หลู่หนีก็หมุนตัวเข้าห้องทำงาน

“รัชทายาท นี่ นี่จัดการเขาได้แล้วหรือ?”

เฉินม่อทำหน้าประหลาดใจ บนถนนอันรุ่งเรืองสายนี้ของต้าเฉียน ใครบ้างไม่รู้ความยโสของหลู่หนี? ด้านฝีมือและการสร้างอาวุธของศิษย์อาจารย์แซ่หลู่เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีก ขนานนามว่าเป็นช่างใหญ่ในโลกยังไม่เกินไป

ขนาดคนใหญ่คนโตทรงอิทธิพลอย่างองค์ชายใหญ่ เขายังชักสีหน้าใส่ คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทพูดแค่ไม่กี่คำก็จัดการเขาได้แล้ว?

“จัดการได้หรือ? นั่นต้องดูว่าฝีมือของเขามีคุณสมบัติพอให้ข้าจัดการหรือไม่”

ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะพูดเรียบ

“ไม่มีคุณสมบัติหรือ?”

อู่จ้านสีหน้าเหยเก ขนาดหลู่หนีเขายังไม่ถูกใจหรือ? นี่คือคนที่บรรดาองค์ชายต้องพะเน้าพะนอเลยนะ คำพูดของรัชทายาทจะเกินไปแล้วกระมัง?

“เฉินม่อ เล่าเรื่องของเหลียงคังจวิ้นให้ข้าฟังหน่อยเถอะ!”

ฉินอวิ๋นฟานว่างงาน จู่ ๆ ก็นึกถึงผู้ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของต้าเฉียนขึ้นมาได้ เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ

“เขาหรือ? รัชทายาท ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”

เฉินม่อหน้าซีดเดี๋ยวนั้น คุกเข่าลงตุบ เขาสามารถจัดการเรื่องชีวิตประจำวันของฉินอวิ๋นฟานได้อย่างมีระเบียบแบบแผน แต่เขาไม่สามารถก้าวล่วงการใช้ชีวิตของพระชายารัชทายาทได้

ถึงเขาจะรู้ว่าพระชายารัชทายาทออกจากวังไปนัดพบกับเหลียงคังจวิ้นเป็นบางครั้ง แต่เขาก็จนใจเหลือเกิน ไม่มีสิทธิ์ห้าม

“ลุกขึ้น!”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ตอนนี้ข้าอยากรู้เรื่องของเขาสักหน่อย ข้าอยากรู้ว่าเขาจะโผล่มาในการประลองใหญ่คราวนี้หรือไม่!”

เฉินม่อปาดเหงื่อตรงหน้าผาก ตอบอย่างระมัดระวัง “พ่อของเหลียงคังจวิ้นเหลียงหยินซานเป็นราชบัณฑิตของสำนักศึกษาหลวง มีชื่อเสียงและอิทธิพลในสำนักศึกษาหลวงมาก ความรู้ล้ำลึก ภายใต้การอบรมสั่งสอนของเขา เหลียงคังจวิ้นแสดงพรสวรรค์ด้านการศึกษาน่าทึ่งนานแล้ว”

“เคยได้รับสมญานามว่าเป็นเด็กอัจฉริยะอันดับหนึ่งของต้าเฉียน โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนเชี่ยวชาญหมด และที่เขาชอบมากที่สุดก็คือการดื่มเหล้าแข่งแต่งกลอนกับบรรดาผู้มีการศึกษา มากความสามารถไม่ยึดติดกับระเบียบพิธี ทำให้หญิงสาวลุ่มหลงไม่น้อยขอรับ”

“เหอะ มิน่า แม้แต่มู่หรงจิ่นยังหลงใหลเป็นบ้าเป็นหลัง”

ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างเย็นชา “นี่ไม่ใช่ช่ายสวีคุน[footnoteRef:1]หน้าหวานคนดังฉบับตัวจริงหรือ?” [1: นักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น แร็ปเปอร์ และนักแสดงชาวจีน]

“ช่ายสวีคุนหน้าหวานคนดังคือผู้ใดหรือขอรับ?”

เฉินม่อสงสัยถาม

“เอ่อ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้หรอก เจ้าแค่บอกข้าว่าเขาสนิทกับใคร จะโผล่มาในงานประลองหรือไม่ก็พอ ”

ฉินอวิ๋นฟานตอบด้วยสีหน้าประหลาด

“เหลียงคังจวิ้นค่อนข้างสนิทกับองค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายใหญ่ชำนาญบู๊ ถ้าเป็นไปตามคาด เหลียงคังจวิ้นต้องลงประลองด้านบุ๋นให้องค์ชายใหญ่แน่ขอรับ!”

“เช่นนั้นก็ดี ข้ากลัวแต่เขาจะไม่ลงสนามเท่านั้นแหละ!”

เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน ใบหน้าฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status