Share

บทที่ 11

“หานซิ่น? น่าสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแฮะ!”

ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อย แสดงสีหน้าเหนือคาด หานซิ่นในโลกคู่ขนานกับหานซิ่นในประวัติศาสตร์คล้ายกันจนน่าทึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหานซิ่นคนนี้จะต่างกับเทพนักรบหานซิ่นในประวัติศาสตร์มากหรือไม่

แต่ในสมัยที่เกียรติสำคัญกว่าชีวิต คนที่รับความอัปยศใต้หว่างขาได้คงมีอยู่แค่คนเดียวแล้ว

“เสี่ยวฟาน เจ้าสนใจคนผู้นี้หรือ?”

อู่จ้านถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

“ยังไง ท่านรู้จักคนที่ชื่อหานซิ่นหรือ?”

ฉินอวิ๋นฟานถาม

“หานซิ่นผู้นี้ยากจนข้นแค้น เจอกับอุปสรรคทั้งชีวิต แต่เขามีจุดเด่นที่สุดคือชอบตำราทหาร เขาอดข้าวสามวันเพื่อเอาเงินมาซื้อตำราทหารได้ แล้วยังถึงขั้นว่าคลั่งไคล้เอามาก ๆ ด้วย”

อู่จ้านกล่าวทันที “เพราะอย่างนี้คนผู้นี้จึงมีนิสัยอ่อนเปียก ทั้งยังรักการอ่านตำราทหาร ดังนั้นทุกคนจึงชอบรังแกเขา แต่เขามักยิ้มน้อย ๆ ตอบเสมอ วันนี้ที่ถูกคนขายเนื้อหาเรื่องก็คงเพราะผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ”

“ไม่เลว ข้าชอบเขา!”

ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือไม่ ฉินอวิ๋นฟานประทับใจต่อหานซิ่นมาก

ด้วยความรู้สึก หานซิ่นในสมัยโบราณคือเทพนักรบแห่งยุคที่ฝังลึกอยู่ในใจคน แต่ที่น่าเศร้าคือตอนที่เขาได้มีลาภยศสรรเสริญ ของรักกลายเป็นของคนอื่น คนที่เขาเคยรักมากที่สุดกลายเป็นภรรยาของคนขายเนื้อแล้ว รับกับความหยามเหยียดมากมาย เป็นความระทมในชีวิตของเขา

ด้วยเหตุผล เขาทนมองเห็นผู้อ่อนแอถูกรังแกไม่ได้ จากจิตใต้สำนึก เขาต้องขัดขวางไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้ เขาต้องการให้ชีวิตของหานซิ่นสมบูรณ์พูนสุข ไม่มีเรื่องที่ต้องเสียใจอะไร และถือว่าจบความรู้สึกในอดีตด้วย

ก็ขณะที่หานซิ่นเตรียมจะคลานลอดหว่างขา ฉินอวิ๋นฟานกลับยื่นเท้าขวางเอาไว้ เอ่ยเสียงเย็น “ลุกขึ้นมา!”

“เขาเป็นใครกันน่ะ? กล้าทำนักขายเนื้อในตลาดเสียเรื่องด้วย? หรือว่าเขาอยากตายแล้ว?”

“นั่นสิ ถนนสายนี้ คนที่กล้าทำคนขายเนื้อเสียเรื่องมีไม่มาก เขาขึ้นชื่อว่าเป็นจอมอันธพาลเลยนะ โหดเหี้ยมอำมหิต แถมยังมีทางการให้ท้ายเบื้องหลัง ตอนนี้น่ากลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว”

“เฮ้อ! กล้าที่จะผดุงความเป็นธรรมมีราคาที่ต้องจ่าย เจ้าหนุ่มนี่ถ้าไม่มีเบื้องหลังใหญ่โตพอ คงได้จบอนาถแน่...”

......

ครั้นฉินอวิ๋นฟานก้าวออกมา ที่แห่งนั้นเอ็ดอึงทันที สายตาทุกคู่ล้วนรวมอยู่ที่ตัวของฉินอวิ๋นฟาน... และรู้สึกสนใจต่อหนุ่มน้อยที่แส่หาเรื่องคนนี้มากด้วย

“เจ้าเป็นใครมาจากไหน กล้ามาทำข้าเสียเรื่องหรือ?”

คนขายเนื้อในตลาดบันดาลโทสะ ด่าจบก็เตรียมจะลงไม้ลงมือ กลับคิดไม่ถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะลงมือก่อน ตบหน้าคนขายเนื้อฉาดหนึ่งแบบหัวก็ไม่หัน ทรงพลัง ตบคนขายเนื้อปลิวออกไปในฉาดเดียว

เขาหงายหลังเก็งไปเลย ใบหน้าด้านหนึ่งปรากฏรอยห้านิ้วสีแดงเลือด สะดุดตาเป็นพิเศษ

ซ่า...

ทั่วทั้งบริเวณดังระงม!

“เจ้ามารดามันรนหาที่ตายแล้ว!”

คนขายเนื้อที่ถูกตบหน้าเดือดดาลกว่าปกติ หยิบปังตอบนพื้นจะพุ่งมาหาฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนเห็นดังนั้นจึงรีบถอยกรูด กลัวว่าจะพลอยโดนไปด้วย!

ปัง!!!

คนขายเนื้อเพิ่งคลานขึ้นมาเดินไม่ถึงสองก้าวก็ถูกเท้าถีบกลับไปอีก รอจนเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดาบหนึ่งวางอยู่บนลำคอของเขาแล้ว

“แม่เจ้า!”

คนขายเนื้อสะดุ้งทันที ปัสสาวะแทบราด ทั้งคนได้สติเดี๋ยวนั้น พูดด้วยหน้าประหวั่นพรั่นพรึง “ไม่ทราบท่านจอมยุทธ์เป็นคนที่ใด? ข้าน้อยเคยล่วงเกินท่านหรือ?”

“หุบปาก!”

อู่จ้านตวาดเสียงหนึ่ง คนขายเนื้อตกใจอึ้งไปเลย!

“พี่ซิ่น!”

หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปกอดแขนของหานซิ่น จะดึงเขาขึ้นมา แต่จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานกลับเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าหลีกไป ให้เขาลุกขึ้นมาเอง”

ท่าทีเย็นชาของฉินอวิ๋นฟานทำให้หญิงสาวเกรงกลัว นางรีบปล่อยมือแล้วมองหานซิ่นที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเงียบ

ผ่านไปนาน หานซิ่นจึงเผยรอยยิ้มเจื่อน ลุกขึ้นช้า ๆ ก่อนจะค้อมตัวคำนับฉินอวิ๋นฟาน “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากระบี่มีไว้ทำไม?”

ฉินอวิ๋นฟานถาม

“กระบี่มีไว้ทำไมหรือ?”

หานซิ่นอึ้ง จ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ในใจเกิดริ้วคลื่นอารมณ์

“ขณะที่ประดิษฐ์กระบี่ขึ้นมา มันมีไว้เพื่อฆ่าคน มิใช่มีไว้เป็นของประดับ”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “พ่อของเจ้าทิ้งกระบี่เล่มนี้ไว้ให้เจ้า ก็เพื่อให้เจ้าฆ่าศัตรูอย่างกล้าหาญ ไม่ต้องถูกรังแก แล้วเจ้าเล่า? ไม่เพียงแต่ยอมรับความอัปยศใต้หว่างขา แม้แต่คนที่รักสุดก็ยังปกป้องไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าแบกกระบี่ไว้ที่หลังจะมีความหมายอันใด?”

การตวาดตำหนิของฉินอวิ๋นฟานทำให้ใบหน้าของหานซิ่นเจ็บแสบ

ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเจ็บจี๊ดจากศักดิ์ศรี ถูกต้อง พ่อทิ้งกระบี่เล่มนี้ให้เขาก็เพื่อให้เขาปกป้องตัวเอง แต่เขากลับไม่เคยชักมันออกมาจากฝัก ปล่อยให้คนอื่นรังแก

“ข้า...”

ยามนี้ หัวใจของหานซิ่นมิอาจสงบลงได้เลย...

“มักกล่าวกันว่า เมตตามิอาจเลี้ยงทหาร คุณธรรมมิอาจสร้างทรัพย์ ข้าผู้เป็นรัชทายาทจะให้โอกาสเจ้า ฆ่ามันซะ พิสูจน์ว่าเจ้าเป็นลูกผู้ชายคนจริงคนหนึ่ง พิสูจน์ว่าเจ้าเป็นคนมีประโยชน์ พิสูจน์ว่าเจ้าคู่ควรให้ข้าฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญ!”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก

เขามีจุดประสงค์เดียว ก็คือไม่ให้โศกนาฏกรรมในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอีก ไม่ให้ชีวิตของหานซิ่นต้องมีความเสียใจอีก ใช้สิ่งนี้เป็นโอกาสพิชิตใจหานซิ่นและดูสิว่าเขาจะเทพสักแค่ไหน!

“รัช รัชทายาทหรือ?”

พอคนขายเนื้อได้ยินก็ลนลานทันที รีบพูดวิงวอน “เป็นข้าที่บัดซบเอง เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่ ไม่ควรทำให้ท่านโกรธ รัชทายาทโปรดละเว้นข้าด้วยเถิด ต่อไปข้าจะไม่รังแกหานซิ่นอีก ข้าไม่กล้าอีกแล้ว”

ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจ แต่จ้องหานซิ่นเขม็ง รอคำตอบจากเขา

หานซิ่นตะลึงกับเรื่องที่หนุ่มน้อยตรงหน้าคือรัชทายาทเหมือนกัน เขาจ้องฉินอวิ๋นฟานไม่ละสายตา ในใจเกิดคลื่นยักษ์แล้ว ตั้งแต่เล็ก นี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก

หลังจากความคิดต่อสู้กันอย่างดุเดือด หานซิ่นราวกับตัดสินใจบางอย่าง จู่ ๆ แววตาเปลี่ยนเป็นคมกริบ ส่งเสียงคำรามต่ำออกมาอย่างลำบาก “ได้!”

“หาน หานซิ่น เจ้า เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ...”

คนขายเนื้อพูดจบ หานซิ่นชักกระบี่ออกมาเดี๋ยวนั้น เสียงกระบี่ผ่าอากาศ มือง้างกระบี่และวาดลงจบในกระบวนเดียว

คนขายเนื้อนัยน์ตาเบิกโพลง เคียดแค้นในใจ ความตื่นตระหนกและสิ้นหวังท่วมดวงตา!

“ทำได้ดี! ไป ตามข้าไปค่ายทหาร”

ฉินอวิ๋นฟานเผยรอยยิ้มพอใจ ไม่สนใจคนอื่น ๆ ที่กำลังตกตะลึง พาหานซิ่นและคนอื่น ๆ มุ่งหน้าไปยังค่ายทานหลาง มีหานซิ่นอยู่ ค่ายทหารน่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดกลับตาลปัตรได้ในอีกไม่นาน

“ลูกพี่จ้าน ท่านมีเวลามาเยี่ยมพวกเราสักที คิดถึงท่านจะแย่อยู่แล้ว!”

พวกฉินอวิ๋นฟานเพิ่งถึงค่ายทานหลาง หัวหน้าค่ายหลัวเหิงรีบพาพี่น้องทั้งหลายมาต้อนรับ กอดอู่จ้านเต็มรัก เมินพวกฉินอวิ๋นฟานโดยสมบูรณ์

“เอาละ หลัวเหิง ข้าจะแนะนำหน่อยนะ นี่คือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินฉินอวิ๋นฟานของต้าเฉียนเรา และเป็นนายของข้าด้วย คาดว่าพวกเจ้าคุ้นหน้าแล้ว”

อู่จ้านอธิบาย

“อ้อ? เขาก็คือรัชทายาททึ่มนั่นน่ะหรือ?”

หลัวเหิงขมวดคิ้วมุ่น แสดงกิริยาดูถูก

“หลัวเหิง ห้ามลบหลู่รัชทายาทนะ”

อู่จ้านรีบอธิบาย “รัชทายาทในเวลานี้ไม่เขลาแล้ว แล้วยังฉลาดล้ำเลิศด้วย ติดตามเขาจึงจะเป็นการเลือกที่ฉลาดที่สุด!”

“เฮอะ ฉลาดหรือ?”

หลัวเหิงกล่าวอย่างดูแคลน “ค่ายทานหลางไม่จ่ายเบี้ยหวัดครึ่งปีแล้ว ใกล้จะแยกย้ายเต็มที ไม่รู้ว่ารัชทายาทผู้ฉลาดของเราจะจัดการปัญหาปากท้องของเราสักหน่อยได้หรือไม่?”

หลัวเหิงไม่หวังอะไรกับสถานการณ์ของค่ายทานหลางในตอนนี้แล้ว ขอเพียงเขาพยักหน้าก็เข้าร่วมกับฝั่งองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรองได้ทุกเมื่อ ทว่าพวกเขายังมีจิตตั้งมั่นเดิม ไม่ยินยอมเป็นเบี้ยล่างคนพวกนี้ มิเช่นนั้นจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ?

“แล้วถ้าข้าจัดการได้เล่า?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status