Share

บทที่ 2

ฉินอวิ๋นคัง “...”

ฉินอวิ๋นฮุย “...”

ทุกคน “...”

ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมา สถานที่แห่งนั้นก็เงียบกริบ!

นี่มันอะไรกัน?

ไม่ใช่ว่ารัชทายาทใช้กำลังลบหลู่หยางกุ้ยเฟยแล้วทุกคนพากันตำหนิการกระทำอันต่ำทรามของรัชทายาทหรือ?

เหตุไฉนคนที่ถูกกล่าวหาจึงกลายเป็นคนกล่าวหาเสียเล่า? ดำกลับกลายเป็นขาว?

หยางกุ้ยเฟยที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวการ ส่วนรัชทายาทกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย?

แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ?

“ล่อลวงรัชทายาท?”

ครั้นได้ยินวาจานี้ หยางกุ้ยเฟยก็ลนลานทันที นี่คือจะให้นางเป็นแพะรับบาปหรือ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง วันนี้นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หรือว่าจะให้นางเป็นเครื่องสังเวยศึกชิงความเป็นใหญ่ขององค์ชาย?

“ข้าไม่ได้ล่อลวงรัชทายาทนะ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะ รัชทายาทให้ร้ายข้า”

องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองคือผู้กำกับเรื่องนี้และเป็นที่พึ่งของหยางกุ้ยเฟยด้วย จู่ ๆ รัชทายาททึ่มทื่อดันโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง นางก็ไม่ต้องยอมรับอยู่แล้ว

เวลานี้หัวใจขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็รัดแน่นเหมือนกัน...

“น้องเจ็ด นี่เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?”

องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังมุมปากสั่นระริก “หยางกุ้ยเฟยถูกเจ้าทำจนเป็นอย่างนี้แล้ว เจ้ากลับกล้าแว้งกัดหรือ? เจ้าคิดว่าพวกเราตาบอดหรือยังไง?”

“เฮอะ องค์รัชทายาท ที่นี่คือตำหนักจื่อหลัว ไม่ใช่ตำหนักรัชทายาท อีกทั้งทุกคนในที่นี้ยังจับได้คาหนังคาเขา หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ท่านกลับกล้าแก้ต่าง เอากระบี่ชี้ผู้เคราะห์ร้าย? ไม่มีขื่อมีแป ไร้ซึ่งความละอายจริงหรือ?”

เจ้ากรมพิธีการหยางอี๋หัวเราะเสียงเย็น “ต้าเฉียนมีท่านที่เป็นผู้สืบทอดเช่นนี้ ช่างเป็นความโชคร้ายของต้าเฉียนเราโดยแท้!”

“แม้ข้าจะเคยเห็นคนที่ไร้ยางอาย แต่ที่ไร้ยางอายเช่นนี้กลับเห็นเป็นครั้งแรก”

“นั่นนะสิ! แม้จะเป็นถึงรัชทายาทแห่งแว่นแคว้น ฐานะสูงส่งเรืองอำนาจ แต่จะใช้อำนาจบาตรใหญ่ กลับดำเป็นขาวไม่ได้กระมัง?”

“เฮ้อ! ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ เป็นคนไยไร้ยางอายเช่นนี้?”

......

ครั้นเผชิญหน้ากับการแก้ตัวและการใช้กระบี่ข่มขู่ของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนดูแคลนจากก้นบึ้งหัวใจ โจมตีกลับเดี๋ยวนั้น วิพากษ์วิจารณ์ฉินอวิ๋นฟานด้วยวาจาและตัวหนังสืออีกครั้งเพื่อกดดันเขา บีบให้เขายอมมอบตัว

ปัง!!!

เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิติเตียนของทุกคน ฉินอวิ๋นฟานหน้าขรึม แผ่รังสีน่าเกรงขามไร้ลักษณ์ออกมาจากทั่วตัวบนล่าง คว้าถ้วยยาข้างเตียงแล้วปาลงพื้นแรง ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงกร้าว “แล้วนี่คืออะไร?”

ทุกคนสะดุ้งกับความแข็งกร้าวของฉินอวิ๋นฟานที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นี่มันมีท่าทางของคนโง่งมเสียที่ไหน?

“ก็แค่กากยา เจ้าอยากพิสูจน์อะไร?”

องค์ชายรองเอื้อนเอ่ยลอย ๆ

“หมอหลวงอยู่ที่ไหน?”

ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้สนใจองค์ชายรอง เขาตวาดเสียงดัง กวาดตามองรอบ ๆ ไม่ครั่นคร้ามต่อทุกคนที่บีบคั้น!

“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!”

ตอนนี้เอง ชายชราเคราขาวอายุอานามประมาณหกสิบต้น ๆ เดินออกมาจากฝูงชน คนผู้นี้มีนามว่าหัวจิ่งซาน เป็นรองหัวหน้าโรงหมอหลวงของราชวงค์ต้าเฉียน และเป็นหนึ่งในสามหัวหน้าหมอหลวงของราชสำนักด้วย

“เจ้าวินิจฉัยยานี้ได้หรือไม่?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยถาม

“เออ นี่ นี่...”

หัวจิ่งซานได้กลิ่นของสิ่งนี้ฉับพลัน เผยความลำบากใจทันที หันไปมองพวกองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่พูด

ชิ้ง…

คมกระบี่ฉินอวิ๋นฟานหมุนกลับ ในตำหนักเกิดเสียงกระบี่ดังเคล้าอายเย็นยะเยือก มือที่ถือกระบี่ตวัดขึ้นลงสำเร็จในรวดเดียว ไม่ชักช้าลังเลแม้แต่น้อย ปราศจากคำพูดไร้สาระ

ฉินอวิ๋นฟานที่เป็นหน่วยรบพิเศษ เป็นคนที่เดินออกมาจากท่ามกลางภูเขาศพทะเลเพลิง แต่ไหนมาเด็ดขาดรวดเร็ว ไม่เคยชักช้าร่ำไร ผู้รอบรู้ทักษะการแพทย์เช่นหัวจิ่งซานกลับสมคบคิด วางแผนชั่วร้ายกับพวกเขา?

ขณะที่ทุกคนคืนสติ หัวจิ่งซานเบิกตาโพลงและล้มกายลงกับพื้นแล้ว กลิ่นคาวเลือดฉุนคละคลุ้งทั่วห้อง...

ซี้ด...

“ฆ่าคน รัชทายาทฆ่าคนแล้ว!”

พอทุกคนเห็นดังนั้นก็จ้าละหวั่น ต่างสูดลมเย็น ตกใจกับความแข็งกร้าวของฉินอวิ๋นฟาน ต่างพากันถอยหลังเนือง ๆ มองฉินอวิ๋นฟานผู้เป็นรัชทายาทหาญกล้าตรงหน้าด้วยความสะพรึง

นี่ยังใช่รัชทายาทโง่เง่าเต่าตุ่นที่ทุกคนพูดหรือไม่?

หลายปีที่ผ่านมาเขาคงไม่ได้แกล้งทำหรอกนะ?

คนทั่วไปอาจแกล้งทำโง่ได้สักสองสามปี แต่อย่างไรก็ต้องเผยพิรุธ ทว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นโง่ได้สิบกว่าปีเต็ม ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นสักคน ถ้าเป็นเช่นนี้ คนผู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว

“น้องเจ็ด เจ้า เจ้ากล้าสังหารหมอหลวงหัวต่อหน้าทุกคนเชียวหรือ?”

องค์ชายรองตะลึงงัน ใบหน้าหวาดกลัว อย่างไรก็คิดไม่ถึง แค่พูดจาไม่เข้าหูคำเดียว ฉินอวิ๋นฟานจะชักกระบี่ฆ่าคนเลย?

เขามีความกล้าอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

แถมอุปนิสัยยังเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมืออีก อย่างกับคนละคน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“หึ!”

ฉินอวิ๋นฟานแค่นฮึเสียงเย็น “เป็นถึงหนึ่งในสามหัวหน้าหมอหลวงของราชสำนัก แม้แต่ผงหยินเหอฮวน[footnoteRef:1]ก็ยังดูไม่ออก เก็บเขาไว้มีประโยชน์อันใด?” [1: ยาปลุกกำหนัดชนิดหนึ่ง]

“อะไรนะ? ผงหยินเหอฮวนหรือ?”

ทุกคนมองหน้ากัน ทั้งราชวงศ์ ผงหยินเหอฮวนเป็นยาที่ใช้กันมากที่สุดจริง ๆ และเป็นของที่เหล่าองค์ชายราชนิกุลนิยมมากที่สุดด้วย

ทุกคนต่างใช้ของสิ่งนี้กันอย่างลับ ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนใช้กับรัชทายาท?

องค์ชายใหญ่เห็นดังนั้นจึงหรี่ดวงตาทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา “น้องเจ็ด ท่านหมอหลวงยังไม่ได้เปิดปากเจ้าก็ฆ่าเขาเสียแล้ว เจ้าบอกว่านี่คือผงหยินเหอฮวน ใครจะกล้าเชื่อ?”

ผงหยินเหอฮวนเป็นยาต้องห้ามในวังหลวง ผู้ซื้อต้องลงบันทึก แต่เจ้าโง่ฉินอวิ๋นฟานกลับรู้ว่าเป็นของสิ่งนี้ได้ ทำให้ฉินอวิ๋นคังนึกไม่ถึงโดยแท้ แต่คนตายไม่สามารถให้การได้ เขาก็ต้องไม่ยอมรับอยู่แล้ว

“รัชทายาท บ้านมีกฎบ้าน แคว้นมีกฎแคว้น ท่านไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีสังหารคนต่อหน้าธารกำนัลตามอำเภอใจ ไม่เห็นกฎหมายต้าเฉียนเราอยู่ในสายตาเลย นี่จะกำแหงมากไปแล้วกระมัง?”

หูหมิงชิงหน้าขมึงทึง

“พวกเจ้าอย่ามาเล่นอุบายกับข้าเลย ใส่ความข้ามีเพียงผลลัพธ์เดียว นั่นก็คือตาย ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใดก็ตาม!”

ความเผด็จการของฉินอวิ๋นฟานคงเดิม แข็งกร้าวมิมีเทียบเทียม!

เป็นถึงรัชทายาทแห่งต้าเฉียน พรุ่งนี้ก็เป็นวันสถาปนาขึ้นครองราชย์แล้ว อยู่ตำแหน่งสูงสุด คิดไม่ถึงว่าจะถูกวางยาตอนกลางคืน เอาตัวไปอยู่บนเตียงของหยางกุ้ยเฟย แถมยังถูกคนจับได้คาหนังคาเขาอีก

ถ้าบอกว่าไม่ได้เตรียมการมา ผียังไม่เชื่อเลย

วิธีการสกปรกเช่นนี้น่าขายหน้าจริง ๆ เขาฉินอวิ๋นฟานหรือจะรับความอยุติธรรมทุเรศ ๆ อย่างนี้ได้

ไม่ยอมก็มาสิ ใครกลัวใคร!

หยางกุ้ยเฟยตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานไม่น้อย ยามนี้นางตระหนักถึงวิกฤตใหญ่หลวงแล้ว จึงปล่อยโฮออกมาทันที

“ฮือ ๆ ๆ... รัชทายาทวิปลาสไปแล้ว ไม่แยกแยะดีชั่วเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ใช้กระบี่ชี้ข้า นี่จะให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ถ้าฝ่าบาทยังพลานามัยแข็งแรง ข้าหรือต้องรับกับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้?”

หยางกุ้ยเฟยบิดผ้าเช็ดหน้า ปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าทุกคนด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง พวกท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ พระอัฐิของอดีตฮ่องเต้ยังไม่ทันเย็น รัชทายาทก็เหยียบย่ำตามอำเภอใจ ลบหลู่นางสนมของอดีตฮ่องเต้ นี่จะเอาเกียรติของราชวงศ์ไปไว้ที่ไหน”

การร้องไห้ฟ้องร้องของหยางกุ้ยเฟยเรียกความรู้สึกร่วมและความเห็นใจจากทุกคนทันที แต่ไม่รอให้ทุกคนเอ่ยปาก ฉินอวิ๋นฟานก็ลงมือแล้ว!

“นังแพศยา เจ้ามดเท็จหลอกให้คนเชื่อ แล้วมิวายยังจะทำร้ายข้าอีก เป็นอสรพิษร้ายชัด ๆ สมควรฆ่า!!!”

ฉินอวิ๋นฟานท่วงทำนองน่าเกรงขาม ชักกระบี่ออกมาอีกครั้ง ลำแสงเย็นพุ่งออกมา ชั่วขณะที่ปาดลำคอของหยางกุ้ยเฟย เสียงร่ำไห้หยุดชะงัก ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสะพรึง กลัวและกลิ่นอายแห่งความตายที่คละคลุ้ง

จากนั้นเลือดสดก็ไหลออกมาจากลำคอของนาง กุ้ยเฟยแห่งยุคดับในบัดดล...

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status