“ไร้ยางอาย!”องค์ชายใหญ่ด่าทอคำหนึ่งด้วยหน้าตาบึ้งตึงแม้รอบนี้องค์ชายทุกคนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันชิงบัลลังก์ได้ แต่ตามกติกาการแข่งขัน นี่คือการแข่งตัดสินระหว่างเขากับองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย คนอื่นเข้าร่วมก็เป็นได้แต่ไม้ประดับเดิมการประลองด้านบุ๋นเป็นรายการถนัดของฉินอวิ๋นฮุย เป้าหมายแรกขององค์ชายใหญ่คือชนะรอบเดียวก็พอแล้ว ถ้ามีคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูสีกันในการแข่งพู่กัน โดยรวมแล้วก็คือสำเร็จภารกิจในการประลองด้านบุ๋นด้านการประลองด้านบู๊ เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะกดองค์ชายรองได้ทุกด้าน เช่นนี้เขาจะกุมบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงแล้วจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็แซงโค้งมา เอาชนะสองรอบติดต่อกัน เหนือความคาดหมายของพวกเขาสองคนโดยสมบูรณ์ แต่สำหรับองค์ชายใหญ่ นี่คือเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย ประลองด้านบุ๋นจบแต่เพียงเท่านี้ เท่ากับว่าฉินอวิ๋นฮุยแพ้ในการประลองด้านบุ๋นราบคาบ!คิดไม่ถึงว่าผลการประลองด้านบุ๋นจะชี้ชัดแล้ว แต่ฉินอวิ๋นฮุยก็ไม่คิดยอมแพ้ กลับเชิญแม่นางเสี่ยวซวงต้าซวงสองพี่น้องมาด้านดนตรี ทักษะของพวกนางสองพี่น้องเรียกได้ว่ารู้กันทั่ว นี่มิใช่ชัยชนะที่ตัดสินอยู่แล้วหรือ?องค์ชายรองพูดถากถาง “เ
ฉินอวิ๋นฟานยกยอปอปั้นอย่างไม่ลังเลสักนิด เขาพูดต่อว่า “ข้าชอบผู้มีความสามารถ มั่นใจว่ามีทักษะด้านดนตรีเล็กน้อย ชั่วดีดนิ้วสามารถเป็นหนึ่งเพลง อยากแข่งดนตรีกับแม่นางทั้งสองสักหน่อย ไม่ทราบว่าจะแลกเปลี่ยนเชิงลึกกับแม่นางทั้งสองได้หรือไม่?”มู่หรงจิ่นจ้องท่าทางเล่นหูเล่นตาของฉินอวิ๋นฟาน มุมปากกระตุกทีหนึ่งทันที เจ้าหมอนี่เอาอีกแล้วนะคนอื่นอาจไม่รู้ความหมายเชิงลึกในถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟาน สามวันมานี้นางได้ยินมาไม่น้อยจริง ๆ กระทั่งเห็นฉินอวิ๋นฟาน ‘ชี้แนะ’ เสี่ยวจวี๋กับตาตัวเองภาพนั้นทำให้นางแทบมองดูตรง ๆ ไม่ได้ใบหน้าของสองดรุณีราบเรียบ แม้จะอยู่ในราชสำนัก อีกทั้งตรงหน้ายังเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน แต่พวกนางก็ยังทำตัวเป็นธรรมชาติปกติ ไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อยสำหรับความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน พวกนางไม่ได้คิดมาก ต้าซวงจึงตอบ “นึกไม่ถึงจริง ๆ รัชทายาทจะศึกษาดนตรีด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราพี่น้องก็คาดหวังเหลือเกินว่าจะได้ประลองกับรัชทายาทสักหน่อยเจ้าค่ะ”“รัชทายาทเชิญ!”ต้าซวงทำมือเชื้อเชิญ ท่าทีเคารพมีมารยาท“แม่นางทั้งสอง พวกเราต่างเป็นคนศึกษาดนตรี คิดว่าพว
จ้องดวงตาโตทอประกาย คิ้วบางดังใบหลิวของสองดรุณี ฉินอวิ๋นฟานเผยสีหน้ากระหยิ่มใจ “ถ้าข้าแพ้ ก็ให้พวกเจ้าสองคนเป็นอาจารย์ดนตรีของข้า เป็นอย่างไร?”ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตำหนักใหญ่ใหญ่ก็มีเสียงซี้ดดังขึ้นทันที ในสายตาของทุกคนฉายแววดูถูก เมื่อครู่ยังทำท่าจริงจังอยู่เลย ตอนนี้ไม่แสร้งทำแล้วหรือ?สองดรุณีมีชื่อเสียงโด่งดังในราชวงศ์ของเก้าแคว้น ขุนนางคหบดีที่เชิญพวกนางเป็นอาจารย์ดนตรีด้วยเงินมหาศาลมีนักต่อนัก ยังเคยมีอ๋องแห่งราชวงศ์ต้องการแต่งงานกับพวกนาง แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธหมดเจ้าเป็นแค่รัชทายาทไม่เอาไหน มีคุณสมบัติอะไรหมายปองพวกนาง?สองดรุณีปราศจากโทสะ หากยิ้มหวานตอบ “รัชทายาทล้อเล่นแล้ว พวกเราสองพี่น้องใช้ชีวิตอิสระจนเคยชิน ไม่คิดเข้าสำนักศึกษาเป็นอาจารย์ ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”แม่นางต้าซวงปฏิเสธสัญญาไม่เป็นจริงเป็นจังที่ฉินอวิ๋นฟานเสนอต่อหน้าทุกคน พวกนางไม่ปฏิเสธว่าฉินอวิ๋นฟานดูมีความสามารถ แต่พวกนางที่เป็นสตรีประเภทนี้ กับเรื่องราวและสิ่งของ มักมีสติและอยู่กับความจริงมากกว่าฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “นั่นยังไม่ง่ายหรือ ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะรับปากคำขอสามข้อของเจ้า ขอเพียงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดต่อ
เวลานี้ สายตาทุกคู่ล้วนรวมอยู่กับตัวของฉินอวิ๋นฟาน หากพูดถึงพรสวรรค์ด้านวรรณกรรม ทุกคนย่อมไม่มีอะไรจะพูด แต่ถ้าจะแข่งกันด้านดนตรี เช่นนั้นมากน้อยคือไม่ประมาณตนชัดเจน ไม่มีใครเห็นดีกับฉินอวิ๋นฟานเลย จึงมอบสายตาเยาะเย้ยเสียดสีมาให้เขาเป็นธรรมดาฉินอวิ๋นฟานไม่ยี่หระ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและเอ่ย “แม่นางต้าซวง จะขอยืมพิณของเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”“ย่อมได้เจ้าค่ะ!”แม่นางต้าซวงมิได้ปฏิเสธ แต่ลุกขึ้นยืนมอบที่นั่งให้ฉินอวิ๋นฟานเลย ตอนนี้นางอยากรู้นัก หรือว่ารัชทายาทจะไม่ได้ล้อเล่นจริง ๆ?หรือว่าเขาสามารถบรรเลงเพลงได้จริง?ภายใต้ทุกสายตา เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานหย่อนก้นลงนั่งตรงที่นั่งของแม่นางต้าซวง ดีดเบา ๆ เสียงก็ดังขึ้น ทั้งยังให้รู้สึกว่าเป็นจังหวะอย่างยิ่ง“ไม่เลว เป็นพิณดีจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวชมเชยอย่างไม่ขี้เหนียวสักนิด “แต่หวังว่าอีกประเดี๋ยวแม่นางต้าซวงจะไม่ปวดใจจึงจะดี” เมื่อสิ้นเสียง เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยกมือทั้งสองขึ้นอีกครั้งและตกลงบนสายพิณโดยตรงแม่นางต้าซวงใบหน้าฉงนฉงาย ก็ขณะที่นางกำลังจะขมวดคิ้ว จู่ ๆ เสียงดนตรีคมกริบที่พกพาความหนาวเหน็บดังขึ้นฉับพลัน เสียดแทงกระตุ้นประ
เมื่อเห็นสองดรุณีตกตะลึงหนัก ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด เพลงดักซุ่มสิบทิศแม้อยู่ในยุคปัจจุบันก็เป็นสุดยอดเพลงที่มีความล้ำเลิศในล้ำเลิศ ทำนองเพลงบ้าน ๆ ในยุคโบราณแบบนี้เทียบไม่ติดฝุ่น“เพลงนี้มีชื่อว่าดักซุ่มสิบทิศ เป็นผลงานที่ข้าแต่งด้วยตัวเองนั่นแหละ”ฉินอวิ๋นฟานเชิดหน้ายืดอก กระหยิ่มใจเป็นที่สุด นี่ก็คือความรู้สึกของการโจมตีแบบลดมิติหรือ? สะใจไปเลย เมื่อก่อนต้องสู้กับพวกทหารขั้นเทพพวกนั้น แต่ตอนนี้ควบคุมนางฟ้าแสนสวยพวกนี้ได้แบบสบาย ๆ เจ๋งสุด ๆ ไปเลย“แม้ข้าน้อยจะอยู่ที่หอวั่งเจียงมานาน ไม่เข้าใจความเด็ดขาดและความโหดเหี้ยมของสมรภูมิ แต่หลังจากได้ฟังเพลงนี้ มันทำให้พวกเราพี่น้องราวกับได้อยู่ในสนามรบ สัมผัสกลิ่นคาวเลือดและความยากลำบากในสนามรบอย่างลึกซึ้ง ความหนาวเหน็บที่โหดร้าย ทำให้คนเกิดความรู้สึกเคารพ”แม่นางต้าซวงเดินมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “รัชทายาทเป็นอัจฉริยะ ข้าน้อยละอายที่สู้ไม่ได้ การแข่งดนตรีรอบนี้ ข้าน้อยแพ้แล้วเจ้าค่ะ”ซ่า...ในตำหนักใหญ่เกิดเสียงอึกทึก เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่อาจารย์ดนตรีที่ชำนาญการ แม้รู้สึกว่าเพลงของฉินอวิ๋นฟานน่าทึ่ง
“เอ่อ คือว่าแม่นางต้าซวง แม่นางเสี่ยวซวง มิต้องมากพิธี พวกเรารุ่นราวคราวเดียวกัน ต่อไปแลกเปลี่ยนกันให้มาก ๆ ข้ามีหลายเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากพวกเจ้า”สองนางเอ่ย “รัชทายาทถ่อมตนแล้ว”การประลองด้านบุ๋นยุติแต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากความสามารถแตกต่างกันชัดเจน ฉินอวิ๋นฟานจึงคว้าชัยทั้งสามรอบไปได้ทั้งหมด ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างตกตะลึงอ้าปากค้างหากสายตาสามารถสังหารคน น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะถูกองค์ชายรองสังหารไปรอบที่ร้อยแล้ว ก็เวลานี้เอง ในใจขององค์ชายรองบังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ทว่าตอนนี้องค์ชายใหญ่กลับร่าเริงขึ้นมาก น้องรองแพ้ราบคาบ เช่นนั้นเขามิใช่ได้เปรียบเด็ดขาดหรือ?“การประลองด้านบุ๋นสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ รัชทายาทต้าเฉียนชนะทั้งสามรอบ ยินดีด้วยเจ้าค่ะรัชทายาท”เติ้งซูหมิงประกาศผลการประลองขั้นแรกอย่างจริงจัง แต่ผลลัพธ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาคนที่ยึดองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเป็นเสาหลักหน้าตาเคร่งเครียดโดยทั่วกัน“การประลองด้านบู๊ต่อไปนี้ ต้องดำเนินที่ลานฝึกยุทธ์ ขอเชิญทุกท่านร่วมการประลองด้านบู๊สุดท้ายนี้ที่ลานฝึกยุทธ์ด้วย”ขันทีเฒ่าข้างกายไท่ซั่
“ร่วมมือ? เจ้าคิดว่าระหว่างเรายังมีความจำเป็นต้องร่วมมือกันหรือ?”องค์ชายใหญ่กระหยิ่มยิ้มย่อง ในดวงตาล้วนเป็นความไม่ให้ค่าและดูถูก ความร่วมมือเมื่อสามวันก่อนเป็นเพราะฉินอวิ๋นฟานจะได้ครองบัลลังก์แล้ว พวกเขาจึงจำต้องร่วมมือกันบัดนี้สถานการณ์องค์ชายใหญ่เป็นต่อ เขาย่อมไม่ร่วมมือกับองค์ชายรองง่าย ๆ“แน่นอนว่ามี คาดว่าท่านคงจะเห็นแล้ว ด้วยแนวโน้มในตอนนี้ เจ้าเจ็ดมีโอกาสชนะมาก หากไม่กำจัดมัน โอกาสของพวกเราก็จะริบหรี่ลงทุกที!”องค์ชายรองเอ่ยองค์ชายใหญ่ขมวดคิ้ว พิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงตอบ “ความหมายของเจ้าคือรอบสุดท้ายจะ...”คำพูดมิไม่ได้กล่าวจนจบ ทั้งสองตรวจสอบความคิดของกันและกันผ่านสายตา องค์ชายรองพยักหน้าเป็นการยืนยัน องค์ชายใหญ่หรี่ตา คล้ายกำลังตัดสินใจเรื่องใหญ่อย่างไรอย่างนั้นทางตะวันออกของตำหนักว่านฉงมีลานกว้างแห่งหนึ่ง ตรงกลางมีแท่นประลองทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ นี่คือลานฝึกยุทธ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของต้าเฉียน การประลองบู๊ การประลองทักษะต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมสำคัญจะประกอบจนลุล่วง ณ ที่แห่งนี้ทั้งหมด“รอบแรกของการประลองด้านบู๊คือยิงธนู! ขอเชิญองค์ชายที่ร่วมประลองประจำที่ด้วย!”เติ้
“องค์ชายใหญ่ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะขอรับ ไม่ทราบว่าทักษะการยิงธนูของท่านก้าวหน้าหรือไม่” เยี่ยนเป่ยวางตัวเหมาะสม“หึ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเข้าพวกกับองค์ชายห้า เหนือความคาดหมายของข้าจริง ๆ”องค์ชายใหญ่พูดด้วยสีหน้าอึมครึม “แต่วันนี้ข้าจะไม่สู้กับเจ้าหรอก ข้าจะออมแรงเตรียมตัวกับสองรอบหลัง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ!”“เว่ยเหยียน!!!”องค์ชายใหญ่เปล่งเสียงทีหนึ่ง เห็นเพียงบุรุษรูปร่างสมดุล ผิวพรรณดำคล้ำแบกคันศรและธนูอยู่ที่หลังเดินขึ้นแท่นประลองมาถึงตรงหน้าองค์ชายใหญ่ช้า ๆ ทันทีที่ทุกคนเห็นเว่ยเหยียนต่างรู้สึกงุนงง“นี่ เว่ยเหยียนผู้นี้คือใครกัน? ทำไมไม่ยักเคยเห็นมาก่อน?”“การประลองสำคัญเช่นนี้ องค์ชายใหญ่กลับหาเจ้าหนุ่มคนหนึ่งมาลงแข่ง จะเห็นเป็นการเล่นแบบเด็ก ๆ ไปหน่อยหรือไม่?”......ทุกคนพากันงงงวยกับการกระทำขององค์ชายใหญ่ เห็นสีหน้าองค์ชายใหญ่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม สายตาของบรรดาองค์ชายและคนอื่น ๆ ต่างมีข้อกังขา ทว่าฉินอวิ๋นฟานกลับเห็นความพิเศษเล็กน้อยแม้เว่ยเหยียนจะไม่มีรูปร่างกำยำ ทว่าปัจจัยทางสรีระกลับยอดเยี่ยมอย่างแปลกประหลาด ฉินอวิ๋นฟานคือหน่วยรบพิเศษสุดยอดในยุคปัจจุ