ที่โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรอการแจกจ่ายอาหาร ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาท่านบาทหลวงเอสวา เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนพวกนั้นที่กำลังแจกจ่ายถ้วยยาให้แก่ชาวบ้าน ราวกับมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นเฉพาะเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ เธอมองเห็นแค่เพียงเขาเท่านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
กลิ่นหอมนี้อีกแล้ว..กลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ชวนให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายอยาก เธออยากจะลองสัมผัสเขาสักครั้งหนึ่ง อยากลองแตะลงไปบนมือที่หยาบกร้านของเขาดูสักหน่อยว่ามันจะเป็นเช่นไรในยามที่เราได้ทดลองจับมือกัน “ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลยครับเลดี้..จะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี” อ่า..ชื่องั้นเหรอ เท่าที่จำได้ตาลุงคนนั้นเรียกเธอว่า.. “โรแอนด์ค่ะ ท่านมาลิคสามารถเรียกข้าว่าโรแอนด์ได้เลย” มาลิคส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรให้แก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ด้านหลังของโรแอนด์ราวกับมีดอกกุหลาบโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเธอเสมอเลย เหมือนกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนใบหน้างามจนยากแก่การละสายตา แต่ทว่าเท่าที่เขาฟังมาจากเอสวา โรแอนด์ดูเหมือนจะเป็นสตรีที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เพราะอย่างนั้นในบางช่วงเวลาเธออาจจะแสดงออกอย่างไม่เป็นปกติเท่าไหร่นัก ช่างน่าสงสารมากเหลือเกิน เป็นสตรีที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะสงครามอย่างนั้นสินะ น่าเห็นใจจริงๆ “โรแอนด์นั่งลงตรงนี้ก่อนนะ ข้าจะไปเอาอาหารมาให้เอง” ฉันพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มที่ผลิบานเหมือนกับกลีบดอกไม้ให้แก่มาลิค ดวงตาของฉันเบนสายตาไปมองที่เอสวาอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าของเขานั้นมีเสน่ห์ชนิดที่ว่าชวนให้เหลียวกลับมามองซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นดวงตา ปากหรือว่าจมูกก็ล้วนแล้วแต่ถูกพระเจ้าทรงปั้นขึ้นมา สายตาของฉันไม่มองใครเลยนอกจากเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน..ฉันถึงได้ต้องการแค่เอสวาเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากเป็นเขา..มันอาจจะมีความสุขมากกว่าคนอื่นใช่ไหมนะ แรงดึงดูดมหาศาลพวกนี้มันคืออะไรกัน.. “ลุกขึ้นจากเตียงได้แล้วสินะครับ แผลบนหน้าผากยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม” ในขณะที่ฉันกำลังทะเลาะกับตัวเองอย่างหนัก เอสวาก็เดินมาที่ฉันแล้วยื่นมือมาแตะลงไปบนรอยแผล ให้ตายสิ..ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน ฉันยกมือขึ้นมาจับข้อมือของเขาเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะออกแรงดึงมือของเขาเล็กน้อยเพื่อให้มือของเธอได้สัมผัสลงไปบนฝ่ามือของเขา “...เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามออกมาโดยที่ไม่ได้สะบัดมือออก เอสวาก้มหน้าลงมาเพื่อมองสบตาเธอใกล้มากกว่าเดิม “ท่าน..นอนตอนไหนกันคะ วันนี้ท่านตั้งใจจะนอนตอนกี่โมงกัน” คำถามนั้นถูกเอ่ยออกมาด้วยดวงหน้าแดงระเรื่อของโรแอนด์ เธอซบใบหน้าลงบนฝ่ามือของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในยามที่เธอได้สัมผัสลงไปบนร่างกายของเขา เธอรู้สึกราวกับว่ามีลมเย็นๆ พัดผ่านร่างกายของเธอไป มันเย็นสบาย สดชื่นเหมือนกันได้สูดหายใจในยามเช้าที่มีกลิ่นน้ำค้างและแสงแดดอ่อนๆ “เรื่องนั้น..ข้ายังบอกเลดี้ไม่ได้หรอกนะครับ” “โรแอนด์ค่ะ..ข้าชื่อว่าโรแอนด์” เอสวานั่งลงตรงข้ามกับโรแอนด์ “โรแอนด์..เจ้าจดจำเรื่องครอบครัวของตัวเองได้บ้างไหม?” แน่นอนว่าเธอส่ายหน้าในทันที ตาลุงคนนั้นไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลยสักอย่างเดียว เขาบอกมาแค่ว่าเธอชื่อโรแอนด์และเธอเป็นปีศาจซักคิวบัส หน้าที่ของเธอคือการกลืนกินความฝันของบุรุษ เพื่อให้บุรุษผู้นั้นหลงมัวเมาไปกับตัณหาและราคะ ดึงรั้งพวกเขาออกมาจากความศรัทธาและกลืนกินจิตวิญญาณเหล่านั้นไปทีละน้อย จนสูญสิ้น..ไม่หลงเหลือความศรัทธาอยู่อีกต่อไป “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ในช่วงเวลานี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อน จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ข้าจะตามหาครอบครัวของเจ้าให้เอง” เธอไม่ได้ต้องการครอบครัวอะไรสักหน่อย แต่ว่าเธอต้องการเขาล่ะ คืนนี้ท่านช่วยหลับเร็วๆ หน่อยได้ไหมคะ ข้าจะไปหาท่านในความฝัน..หวังอย่างยิ่งว่าท่านจะยินยอมให้ข้าทำเรื่องที่ข้ากำลังคิดในยามนี้ ร่างกายของเขาจะสวยงามมากแค่ไหนกันนะ ผิวกายที่ขาวเนียนเช่นนี้ ในช่วงเวลาที่เธอสัมผัสมันจะต้องสร้างรอยแดงเอาไว้แน่ๆ “ขอบคุณนะคะ” เอสวายิ้มให้เธอก่อนที่เขาจะลุกออกไปจากที่นั่งเพื่อเดินไปแจกจ่ายยาให้แก่ประชาชนคนอื่น เป็นเวลาเดียวกันกับที่มาลิคกลับมาพอดี เขาถือถ้วยโจ๊กมาในมือ “ทานสิครับ” “ข้ากำลังรบกวนเวลาของท่านบาทหลวงมาลิคอยู่รึเปล่าคะ” มาลิคหัวเราะเบาๆ “เรื่องนั้นไม่ถือว่ารบกวนหรอกนะครับ เพราะการช่วยเหลือและนำทางให้โรแอนด์พ้นจากความทุกข์ คือหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” คนที่นี่..ใจดีมากกว่าที่คิดเอาไว้อีกแฮะ หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย มาลิคก็มาส่งเธอกลับห้องนอนพร้อมกับชุดสำหรับเปลี่ยนใหม่ มีห้องอาบน้ำอยู่ด้านหลังซึ่งเป็นห้องอาบน้ำรวม มาลิคบอกให้เธอไปอาบดึกหน่อยคนจะได้น้อยๆ ทว่าในยามนี้จิตใจของโรแอนด์ไม่ได้จดจ่ออยู่กับการอาบน้ำสักเท่าไหร่ จิตใจของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาที่เอสวาจะนอนต่างหาก.. วันนี้เธออ่านและศึกษาวิธีการเข้าไปในความฝันเรียบร้อยแล้ว ในตอนที่อยู่ในโรงอาหารเธอแตะลงไปบนข้อมือของเขาพร้อมกับสร้างตราประทับขึ้นมา ในยามที่เขาเข้าสู้ห้วงนิทรา จะมีสัญญาณดังขึ้นเพื่อให้เธอเข้าไปในความฝันของเขา เพราะฉะนั้นฉันก็เลยกำลังนั่งรอสัญญาณนั้นอย่างไม่ให้คลาดสายตา ถึงแม้ว่าไม่อยากจะพูดขอบคุณตาลุงคนนั้นแต่ว่า เธอก็อดที่จะทราบซึ้งใจไม่ได้ที่เขาให้ตำราในการทำเรื่อง..อย่างว่ากับเธอ ขั้นตอนต่างๆ ในการทำเรื่องเช่นนั้นเธออ่านและจดจำได้อย่างขึ้นใจ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกแต่ว่ามันจะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน! “....” ทุกอย่างมันควรจะราบรื่นและเรียบร้อย แต่นี่ก็ปาเข้าไปตี3แล้ว ทำไมเอสวายังไม่นอนเอ่ย.. เธอหาวเป็นรอบที่ร้อยแล้ว ทำไมเขายังไม่นอนอีกฟะ!! หรือว่าการสร้างตราประทับของเธอมันมีข้อผิดพลาด ไม่ได้การแล้วฉันจะต้องออกไปดูสักหน่อย ฉันถือตะกร้าเสื้อผ้าติดมือมาด้วยเผื่อมีคนถามจะได้ตอบได้อย่างไม่เผยพิรุธออกมา ในระหว่างทางเดินไปยังที่อาบน้ำ ฉันมองเห็นห้องโถงที่สว่างจ้าจนแสบตา ที่นั่นมีบาทหลวงที่กำลังต้มยา รักษาคนเจ็บ ทำอาหาร ล้างจาน หุงข้าว ซักผ้า และอีกมากมายเลย นี่พวกเขาไม่นอนกันงั้นเรอะ!!ทั้งๆ ที่ทำงานเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมไม่ไปนอนกันล่ะโว้ย มาทำงานอะไรอีก!!“โรแอนด์..เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”มาลิคเดินออกมาหาโรแอนด์เมื่อเขาเห็นเธอกำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ทางเดิน“ข้า..ข้าแค่มาอาบน้ำน่ะ”มาลิคขมวดคิ้วในทันที“จริงอยู่ที่ข้าแนะนำให้เจ้าอาบน้ำดึกๆ แต่ทว่านี่ก็ดึกมากเกินไปโรแอนด์ เจ้าอาจจะไม่สบายได้”โชคดีจริงๆ ที่ถือตะกร้าเสื้อผ้าออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะมองว่าเธอทำตัววุ่นวายได้“แล้วพวกท่านไม่นอนอย่างนั้นหรือคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว..”มาลิคเดินนำโรแอนด์ไปยังที่อาบน้ำ“บาทหลวงมีพลังเวทโรแอนด์ พวกเราดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้แทนความเหนื่อยล้าได้ เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ สักเจ็ดวันพวกเราถึงจะนอนกันสักครั้งหนึ่ง ผลัดกันนอนน่ะ”วะ..ว่าไงนะ เจ็ดวันถึงจะนอน? นี่มันบ้าไปแล้ว เธอเหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้นหากไม่ได้กินฝันของใครสักคนเธอจะถูกส่งไปยังปรโลก..ไม่เอาแบบนั้นได้ไหม!!“แล้ว..เมื่อไหร่ท่านเอสวาถึงจะนอนคะ”มาลิคยกมือขึ้นมาลูบผมของโรแอนด์เบาๆ“เจ้านี่เป็นห่วงเอสวามากเลยนะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหมอนั่นอดนอนได้นานมากกว่าคนอื่นๆ เขาจะนอนสองสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้งน่ะ เอสวาเกิดมาเป็นลูกรักของพระเจ้าล่ะโรแอนด์ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัว
เป็นเขา/เป็นเธอ..ได้ยังไงกัน!!โรแอนด์นิ่งอึ้งไปหลายนาที ในขณะที่ เอสวาหันไปทางอื่นเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสติก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันคือเรื่องปกติในยามที่บุรุษเกิดความต้องการขึ้นมา การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย เพราะอย่างนั้นเขาไม่ต้องแสดงท่าทีหรือว่าอาการวิตกกังวลขนาดนั้นก็ได้..เพียงแต่ว่าเขาเป็นบาทหลวงนะสิ การกระทำเพื่อสนองต่อความใคร่มันคือเรื่องปกติของบุรุษก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติของบาทหลวงผู้รับใช้พระเจ้าเนี่ยนะสิ ฉะนั้นแล้วการลบความทรงจำของโรแอนด์นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดฉันยกมือขึ้นมาจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้วางมือลงบนหน้าผากของฉัน แต่พอมาลองคิดมาคิดไป นี่มัน..เข้าทางฉันเลยนี่หว่า!เขาไม่ได้เป็นบาทหลวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เข้าใจ ในเนื้อแท้ของจิตใจ เอสวายังคงมีความต้องการที่เหมือนกับบุรุษทั่วไปอยู่ และเพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสล่ะ!“ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นค่ะ”เอสวาเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ“โรแอนด์..เจ้าเห็นถึงตรงไหนกัน”เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะถามคำถามพวกนั้นออกมาด้วยความไม่มั่นใจ“เห็นว่าท
ฉันแตะฝ่ามือลงไปบนกล้ามท้องของเขาผ่านชุดบาทหลวงสีดำสนิทนั่น..“ยินดีต้อนรับสู้ห้วงความฝันที่ยาวนานนับนิรันดรค่ะ..ท่านเอสวา”ถึงแม้ว่าจะพยายามต้านทานมากแค่ไหน แต่ทว่าเอสวาก็ไม่สามารถเอาชนะเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองได้เลย เขาล้มตัวลงบนโซฟาที่ทำจากไม้ และโรแอนด์มองดูเอสวาที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้มเธอมีเวลาสองชั่วโมงในการเข้าไปในความฝันของเขา เพราะแบบนั้นแล้ว เธอจะตั้งใจกลืนกินความฝันของเขาไม่ให้หลงเหลือแม้แต่นิดเดียว“.....”โรแอนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเข้ามาในความฝันของเอสวา ที่นี่ไม่ได้สว่างเจิดจ้าเหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันมืดครึ้มและอึมครึมเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมา เธอบินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตามหาเจ้าของความฝัน เขาอยู่ที่ไหนกันนะ อย่าให้เธอหาเจอนะ แม่จะจับมัดกับเก้าอี้ไว้เลย“สวย..จังเลยนะครับ”เสียงนั้นทำให้โรแอนด์หยุดชะงักในทันที เมื่อเธอมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอ เขามีเส้นผมและดวงตาสีดำ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเป็นพิเศษ อย่าบอกนะว่านี่คือมินิเอสวา เอสวาตอนเด็กงั้นเรอะ!! ให้ตายสิถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจแต่ว่าเธอก็มีจรร
ตลอดชีวิตที่ผ่านของมาของฉัน ฉันไม่เคยสนใจสิ่งไหนเลยนอกจากการหาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงานอีกและหาเงินให้มากเข้าไว้ ฉันไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานหรือว่าผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความตั้งมั่นในใจว่าฐานะของฉันมันควรจะมั่นคงซะก่อน ความรักที่ดีและครอบครัวที่ดีถึงจะตามมาทว่าเมื่อมองเห็นตัวเองตายด้วยการทำงานหนัก โรคภัยรุมเร้าจนมันยากเกินเวลาที่จะรักษา สุดท้ายแล้วการพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตมันสูญเปล่าไปหมดเลย เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบแทนมามันคือความตาย..ในยามนี้ฉันคือปีศาจซักคิวบัส มีเหตุผลอะไรกันที่จะต้องมาคอยนึกถึงเรื่องของผู้อื่น มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาคอยเห็นใจคนอื่น ในเมื่อ..ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้งหนึ่ง..“ถอดออก..ได้ไหมคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ชุดบาทหลวงนี้ปกคลุมมิดชิดกระทั่งลำคอและข้อมือ แทบไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาจากชุดที่สวม แต่ทว่า เอสวายังคงสามารถทำให้เธอหลงใหลเขาได้ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในชุดบาทหลวงนี้เขาดึงรั้งร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ ลมหายใจของเขาสัมผัสใบหูของเธอ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาลูบไล้เบาๆไปตามแผ่นหลัง เขาสัมผัสลงไปบนปีกสีดำนั้น“ข้าควรจะ.
เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเอง ในยามนี้เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า แต่ทว่าดูเหมือนเราจะก้าวข้ามขั้นตอนไปสักหน่อยเขาจับมือของเธอให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน“ข้าได้ยินมาว่า ในยามที่บุรุษและสตรีจะกระทำเรื่องอย่างว่าร่วมกัน พวกเขาอาจจะต้องจุมพิตกันก่อน..”เธอมองหน้าเขา โรแอนด์มองหน้าของเอสวาด้วยความรู้สึกลุ่มหลงจนงงว่าใครกันแน่ที่เป็นปีศาจและใครกันแน่ที่กำลังพยายามหลอกลวงอีกฝ่าย เขาหรือว่าเธอกันแน่ที่เป็นผู้ล่อลวง..มันมึนคงไปหมดแล้วละสิ“ท่านเอสวา..รู้เยอะจังเลยนะคะ”เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมา“อันที่จริง เราแค่ทำไปตามสัญชาตญาณก็พอ เหมือนกับสัญชาตญาณของทารกที่เมื่อเกิดแล้วต้องร้องไห้ ในยามหิวจะต้องดูดนมของมารดา..แบบนั้นเลยโรแอนด์ ทำตามที่เจ้าและข้าต้องการได้เลย”หากเขาเอ่ยถามออกมาว่าในยามนี้เธอต้องการสิ่งใดอยู่ โรแอนด์อยากบอกว่าเธออยากจะลองสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากของเขาสักครั้งยังไม่ทันจะได้คิดต่อ มือของเธอก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงไปบนกลีบปากของเขาเสียแล้ว เธอมองลงไปบนริมปากที่กำลังเผยอออกเล็กน้อย เพื่อยินยอมให้เธอสัมผัสมันแต่โดยดี มือของเอสวาถูกยกขึ้น วงแขนของเขารวบร่างกายของเธอใ
โรแอนด์ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเอสวาขยับ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆ นำความสุขมาเติมเต็มภายในร่างกายของเธออย่างช้าๆ แม้จะอึดอัดอยู่บ้างแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เลย ที่ชัดเจนมากกว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกวาบหวามที่อยากจะระบายปลดเปลื้องอีกนิดสิ! ขอร้องล่ะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์กำลังจะระเบิดออกมาเลย โรแอนด์ช้อนสายตามองหน้าของเอสวาเพื่อร้องขอและวิงวอนต่อเขา ทว่าในช่วงเวลาถัดมาที่ฝ่ามือของเธอกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของเขา ภาพเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ในความรู้สึกของโรแอนด์เหมือนกับว่าเธอกำลังพลัดตกจากที่สูงยังไงอย่างนั้นสวรรค์ที่เธอมองเห็นอยู่รำไร ยามนี้จางหายไปจนหมดสิ้น..ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมา เธอกำลังนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้านพักของเอสวา ส่วนเขาเองก็กำลังลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีดอกกุหลาบ“..นี่ท่านจะมาอายตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา!!”เขาเลื่อนฝ่ามือมาปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในแบบที่เขียนบรรยายเอาไว้ในหนังสือ แต่ร่างกายของเขากลับปกติดีทุกอย่าง อาการเหนื่อยล้าจางหายเป็นปลิดทิ
6ปีที่แล้วพระสันตะปาปาที่3นามว่ามาคิวลัสยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ“ท่านผู้นำศาสนา..ได้โปรดวางใจ สงครามที่จะเกิดขึ้นมาในจักรวรรดินั้นล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ทั้งจักรวรรดิและเวสเทาต่างก็นับถือในพระเจ้าเหมือนๆ กัน เพราะอย่างนั้นต่อให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันให้ตายตกไปข้างหนึ่ง..วิหารศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่..”คาดินันแคนนอนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม“เรื่องนั้นมันก็ใช่ ทว่าแคนนอน เราต้องการมากกว่านั้นนะสิ..ในช่วงเวลาที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังบาดหมางและหันคมดาบสาดใส่กัน วิหารจะมองดูเฉยๆอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวอำนาจมาไว้ให้มากที่สุดอย่างนั้นหรือ..”ในช่วงเวลาที่ทุกหย่อมหญ้าแดงฉานไปด้วยเลือด ประชาชนทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะจบลงและไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะชนะ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือ..ศรัทธาและสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจวิหารต้องเกี่ยวเก็บช่วงเวลาที่แสนเศร้าของพวกประชาชนเอาไว้ แล้วแทนที่ความโศกเศร้าเหล่านั้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า“นำเด็กคนนั้นออกมาได้แล้ว เด็กที่เจ้าเก็บซ่อนเขาเอาไว้ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่รึไง?”แคนนอนก้มหน้าลงเล็
โรแอนด์นั่งอยู่บนโซฟาไม้ตัวยาวในบ้านพักของเอสวา เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเธอเลย หัวไหล่ของเธอนั้นลู่ลงด้วยความห่อเหี่ยว เธออยู่คนเดียวมาวันที่สองแล้วเอสวาไม่ได้กลับมาที่นี่ ที่ด้านนอกก็กำลังวุ่นวายเพราะสงครามสิ้นสุดลงแล้ว ชาวบ้านที่เข้ามาพักอาศัยในโบสถ์เป็นการชั่วคราวกำลังทยอยกันเดินทางกลับไปยังที่พักของตัวเอง..แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ได้มีบ้านให้กลับ..แถมไม่มีคนอื่นที่รู้จักนอกจากเอสวาเลย..มาลิคก็ดูจะไม่ค่อยชอบที่ฉันไปสนิทสนมกับเอสวาสักเท่าไหร่นัก เพราะแบบนั้นฉันจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เดินออกไปข้างนอกห้องนี้ พอมาลิคไม่พบเจอฉันที่ห้องพัก เขาคงคิดว่าฉันเดินทางออกไปจากที่นี่แล้วแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ดี..เพียงแต่โรแอนด์รู้สึกเหมือนกับว่าความเดียวดายเป็นคำสาปที่ติดตัวเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะชีวิตที่แล้วหรือว่าชีวิตนี้เธอก็จะต้องอยู่คนเดียวเสมอเลยลองออกไปข้างนอกบ้างดีไหมนะ..เมื่อคิดได้ดังนั้นโรแอนด์ก็จับสร้อยคอที่เอสวามอบให้เธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะกดมันลงไปเบาๆโรแอนด์เดินออกมาจากที่พักของเอสวาโดยที่ไม่มีใครเห็น เธอเดินออกมาเรื่อยๆ จนถึงด้านนอกของโบสถ์ ถนนที่ครั้งแรกมีแต่ผู้คนก
เฟอน่าระบายยิ้มหวานเมื่อเธอมองเห็นโรแอนด์มีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีราชินีผู้งดงามและที่คู่ควรกับราชาปีศาจที่น่าเกรงขาม พวกเขามีลูกๆ ที่น่ารักด้วยกัน ครองครัวที่แสนอบอุ่นและความรักที่มั่นคงบอกตามตรงว่าเธอชอบเด็กนะ ยิ่งเด็กเล็กๆ แล้วเฟอน่าชอบมากๆ ในบ้านจะรู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้นเมื่อมีเด็กตัวน้อยวิ่งวนไปมาในบ้าน และครอบครัวจะสมบูรณ์ในทันทีเมื่อมีพยานความรักถือกำเนิดขึ้นมาแต่เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสกับความรัก เรียกได้ว่าความรู้สึกตอนนั้นคงเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่เลยทีเดียว เธอเจียนตายถึงเพียงนั้นในยามนี้เฟอน่าจึงต้องการใช้เวลากับมาร์สองคนก่อนเธออยากเป็นสามีและภรรยากับเขา ใช้ชีวิตคู่ให้คุ้มค่าก่อนที่จะตกลงสร้างครอบครัวของเรา เพราะเมื่อมีลูกแล้วเราจะต้องเอาความสนใจที่มีทั้งหมดไปมอบให้ลูก..ในตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะส่งมอบความสนใจของตัวเองไปที่ใครเลยนอกจาก..มาร์เขาเป็นเสือที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ การแสดงออกมาของมาร์นั้นมันไม่มีการเสแสร้งหรือว่าแกล้งทำ“คิดอะไรอยู่”“คิดเรื่องของเราค่ะ..เราไม่ได้ไปท่องเที่ยวกันนานแล้ว
ริมฝีปากของมาลิคกระตุกยิ้มที่ผลิบานเหมือนกับกลีบดอกไม้ หลังจากวันที่องค์ราชาของปีศาจจัดงานแต่งที่โบสถ์ของเขานั้น พวกปีศาจตนอื่นๆ ก็หันมาจัดงานแต่งที่วิหารมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปีศาจที่นี่ยังเกิดความศรัทธาขึ้นมาด้วย..เขาได้ทำให้ในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งศรัทธากลับมามีความศรัทธาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปีก่อนเท่าที่เขาได้ยินข่าวมา เห็นว่าที่เมืองมนุษย์เกิดการก่อกบฏขึ้นมา เนื่องจากคำสั่งที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเคืองขององค์รัชทายาท นั่นจึงทำให้เกิดการเข่นฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน อีกทั้งยังเกิดการใส่ร้ายกันจำนวนมากอีกด้วย บางคนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปีศาจแต่ถูกใส่ร้ายเพื่อการเมืองและทรัพย์สินเมืองมนุษย์สิ้นหวังถึงขีดสุดและเขาไม่คิดเอาตัวเองกลับไปสู่ขุมนรกนั้นอีก เมืองปีศาจที่คราแรกเขาหวาดกลัวแต่ในยามนี้มิได้เป็นเช่นนั้น ผู้คนที่นี่มีความเมตตามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ อีกทั้งองค์ราชายังนำพาเมืองปีศาจก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนมักจะมีมนุษย์หลบหนีมาที่นี่บ่อยๆ“ท่านพ่อครับ..”สิ่งที่ดึงความสนใจจากมาลิคคือบุตรชายวัยสามขวบของเขาเอง“ว่าอย่างไรลูกรัก”เขาก้มลงอุ้มลูกชายขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนด้วยความรัก ในงานแต่งงานข
เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมาด้วยความรู้สึกประหม่า ในโบสถ์เล็กๆ แห่งนี้เขากำลังยืนรอโรแอนด์อยู่ เบื้องหน้าของเขาคือมาลิคที่รับหน้าที่ทำพิธีให้ในวันนี้ แน่นอนว่านี่คืองานแต่งงานที่แปลกประหลาดมากที่สุดในเมืองปีศาจ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการจัดงานแต่งขึ้นมาในโบสถ์เลยเพราะว่าไม่มีโบสถ์หรือว่าบาทหลวงคนไหนอยู่ที่นี่แต่ก็นะ..ในยามนี้มีแล้ว มีมาลิคที่พร้อมจะทำพิธีแต่งงานให้แก่ปีศาจทุกตนเอสวามั่นใจว่าเขาเคยเห็นงานแต่งงานมามากมาย มากมายจริงๆ ในช่วงที่เขาคือบาทหลวงเอสวา เขาตบมือยินดีให้แก่คู่บ่าวสาวที่เขาทำพิธีให้ ยิ้มแย้มเพื่อแสดงความยินดีให้กับผู้คนเหล่านั้น แต่เมื่อถึงงานของตัวเองในวันนี้เขากลับ..ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อคืนโรแอนด์ไม่ได้อยู่กับเขา ที่นี่มีพิธีที่สืบต่อกันมาและเขาไม่อยากจะขัดลุคคาสักเท่าไหร่ ในคืนก่อนวันแต่งงานจะต้องซ่อนตัวของเจ้าสาวจากเจ้าบ่าว เมื่อคืนนี้โรแอนด์จึงไปค้างที่คฤหาสน์ของเชอรีนนั่นยิ่งทำให้เขาคิดถึงเธอมากพอสมควร ในใจมันโหยหา ทรมาน..แทบขาดใจ“ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับองค์ราชา..”มาร์กล่าวพร้อมกับส่งมอบกล่องแหวนให้เขา นี่คือแหวนแสนพิเศษที่เขาทำขึ้น เอสวาทำแหวนวงนี้ด้วยตัวเอ
มาร์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เขามองร่างกายของสตรีผู้หนึ่งซึ่งกำลังหลับใหลอยู่อันที่จริงเธอควรจะต้องฟื้นขึ้นมาได้แล้วเพราะว่าเขาป้อนยาลับของตระกูลเสือให้เธอทานไปเมื่อสองวันก่อน แต่ทว่ากลับไม่มีวี่แววที่เธอจะฟื้นขึ้นมาเลย“ตั้งใจจะตายอย่างนั้นหรือ? ..ให้ตายสิ หากจะตายก็เอาไว้โอกาสหน้าได้ไหม ข้าอุตส่าห์เสียสละยาที่แสนล้ำค่าของตระกูลเพื่อให้เจ้าตื่นขึ้นมาเลยนะ..เจ้าจะเอาแต่นอนแบบขี้เกียจเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน”เขานั่งลงข้างๆ เตียงพร้อมกับลอบมองใบหน้าของเธอ แน่นอนว่าซักคิวบัสนั้นงดงาม ปีศาจชนิดนี้จะต้องมีความงามเพื่อที่พวกนางจะเอาไว้หลอกล่อหรือแม้กระทั่งเอาไว้ล่อลวงมนุษย์ให้มาติดกับดักที่พวกนางสร้างขึ้นมาเท่าที่เห็นท่านราชินีนั้นก็เคยเป็นซักคิวบัสมาก่อนถึงแม้ว่าในยามนี้พระนางจะไม่ใช่ซักคิวบัสแล้วก็ตามที แต่สตรีที่กำลังนอนอยู่ผู้นี้พบเจอเรื่องเลวร้ายมามากแค่ไหนกันนะ นางถึงตัดใจเรื่องการมีชีวิตของตัวเองไปแล้ว..“เจ็บปวดมากเลยอย่างนั้นหรือ? ให้ตายสิช่วยลืมตาขึ้นมาหน่อยได้ไหม หากเจ้าพบเจอความเจ็บปวดที่อยากจะระบายให้ใครสักคนได้รับฟัง เช่นนั้นก็รีบๆ ตื่นขึ้นมาสิ ข้าจะรับฟังเจ้าเอง..”เมื่อมาร์กล่
โรแอนด์มองไปรอบๆห้อง นี่คงเป็นเช้าที่เธอไม่คุ้นเคยมากที่สุดเพราะว่าที่ข้างกายของเธอ บนเตียงนอนที่เธอล้มตัวนอนลงนั้นไม่มีเอสวาอยู่ บนผ้าปูเย็นเฉียบราวกับว่าไม่เคยมีเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนในทันที“เอสวา..ไปไหนกันลุคคา”ลุคคาเดินเข้ามาด้านใน มือของเขาถือถาดอาหารเช้ามาให้นายหญิงของเขา“นายท่านออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วครับ แต่ไม่มีเรื่องอะไรให้นายหญิงต้องเป็นกังวลเพราะนายท่านน่าจะออกไปพูดคุยเรื่องงาน..”โรแอนด์พยักหน้า เธอนั่งลงและเริ่มทานมื้อเช้าโดยที่ดวงตาเบนออกไปมองด้านนอกหน้าต่าง มันเป็นความเคยชินที่น่ากลัวมากพอสมควร เธอชอบมองออกไปด้านนอกหน้าต่างในยามที่เธออาศัยอยู่ที่พระราชวังกับลีออน การมองออกไปด้านนอกหน้าต่างมันทำให้เธอมองเห็นการใช้ชีวิตของผู้คนมากมายที่กำลังวนเวียนอยู่ด้านนอก มีต้นไม้ สายลม หรือแม้กระทั่งนกที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ชีวิตที่อิสระเสรีพวกนั้นมันคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาโดยตลอด..แต่ในยามนี้เธอไม่จำเป็นที่จะต้องคอยนั่งมองและนึกอิจฉานกที่กำลังโผบินเพราะว่าเธอเองก็สามารถเดินทางออกไปจากห้องนอนห้องนี้ได้ตามใจชอบเอสวาให้อิสระพวกนั้นแก่เธอ ให้ตายสิ.
รุ่งเช้าของวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อในปราสาทที่เก่าคร่ำครึของเชอรีนมีบุรุษอยู่ที่นี่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เธอตื่นตั้งแต่เช้า สวมชุดเดรสที่พึ่งซื้อมาเมื่อวาน และสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงสด เชอรีนรวบผมขึ้นไปเพื่ออวดโชว์ลำคอที่ยาวระหง เธอไม่ลืมสวมแหวนแห่งความรักวงนั้นไว้ที่นิ้วนางข้างขวาเชอรีนกำลังสะกดจิตตัวเองเบาๆ“วันนี้มันจะดี ข้าจะได้พบเจอมาลิคในมุมที่คนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อน..”เมื่อกล่าวจบเชอรีนก็เดินลงมาที่ด้านล่าง เธอยกยิ้มให้กับสาวใช้พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเมื่อมองเห็นสวนดอกไม้ที่ด้านหน้าปราสาทกำลังมีบุรุษผู้หนึ่งขุดดินอยู่..อย่างไม่ต้องเอ่ยถามเลยว่านั่นคือใคร มาลิคอยู่ในสวนแห่งนั้นและเขากำลังขุดดอกไม้สีน้ำตาลของเธอทิ้งไป“ข้าพยายามห้ามแล้วค่ะท่านเชอรีน แต่ทว่าบุรุษผู้นั้นต้องการตอบแทนเรื่องที่ท่านให้ที่อยู่อาศัย ข้าไม่รู้ว่าเขาเอาเมล็ดผักมากมายพวกนั้นมาจากไหน แต่เขากำลังพยายามทำให้สวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ราคาแพงของท่าน..เป็นสวนผัก”หากเป็นในยามปกติเธออาจจะเป็นลมล้มพับไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่ทว่า..นี่คือบุรุษที่โชคชะตาส่งมาให้เธอ เพราะแบบนั้นเงินทองมันเป็นของนอกกาย อีกทั
โรแอนด์เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของเอสวา เธอหรี่ตามองหน้าเขาอย่างจับผิด“ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ข้าคิดว่าสามีของข้ากำลังจับคู่ให้ผู้อื่นอยู่”เอสวากระชับฝ่ามือที่เขากำลังจับมือของโรแอนด์เอาไว้ให้แนบแน่นมากกว่าเดิม“ให้ตายสิไม่ว่าข้าจะพยายามทำเช่นไรก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของภรรยาไปได้เลย..”เขาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินแล้วอุ้มโรแอนด์ขึ้นมาในอ้อมแขน“เฟอน่า..เจ็บปวดกับคำว่ารัก นางรู้จักความรักเป็นอย่างดีทีเดียวแต่มาร์ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าทึ่มคนนั้นไม่รู้จักความรักหรือว่าไม่สนใจเรื่องความรักอะไรเลยด้วยซ้ำ การส่งเฟอน่าไปให้เขาดูแล..หัวใจที่ด้านชาของเขาจะอ่อนโยนขึ้นมา..”โรแอนด์พยักหน้าอย่างเข้าใจคำกล่าวของเอสวา เฟอน่าเจ็บปวดกับความรักครั้งแรกมากทีเดียว มากจนแทบขาดใจ หากเป็นเธอที่พบเจอเรื่องราวแบบเดียวกันกับเฟอน่า โรแอนด์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะทนไหวเหมือนกับที่เฟอน่าทนอยู่รึเปล่าเธอไม่ได้รู้จัก มาร์เป็นการส่วนตัว แต่เท่าที่ดูเขาไม่ใช่คนเลวร้ายและเชอรีนก็เล่าเรื่องเพื่อนทั้งสามคนของเธอให้ฟังมากทีเดียว สรุปก็คือมาร์เป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน และเป็นคนที่อ่อนโยนมาเกินกว่าจะคาดเดาได้ ส่วนเฟอร่าเป็นสาวมั่
มีเรื่องราวมากมายที่มาลิคอยากจะเอ่ยเล่าให้โรแอนด์ฟัง เขาดีใจมากๆ ที่พบเจอเธอที่นี่ บอกตามตรงว่าชีวิตของเขามันพลิกผันไปหมด เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนสารเลวเพียงเพราะว่าเขาไม่รักษาให้เอียน แอนเซลบาทหลวงที่โบสถ์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้คาดินันหายตัวไป เพราะว่าเขาต้องการขึ้นเป็นคาดินันเพื่อปกครองโบสถ์แห่งนั้นแทนเขาสูญสิ้นความหวังในการมีชีวิตอยู่เพราะแบบนั้นมาลิคจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อลองมาใช้ชีวิตในโลกที่ตรงกันข้ามกับเขาดู เมืองปีศาจที่เต็มไปด้วยปีศาจมากมายอาจจะไม่ได้น่ากลัวเท่ากับเมืองมนุษย์ก็ได้ เขาหลบหนีเข้ามาเนื่องจากองค์รัชทายาทประกาศให้ปิดประตูเมืองที่เชื่อมต่อกัน พร้อมกับมีรับสั่งให้กวาดล้างปีศาจทั้งหมด“ใจเย็นๆ ค่ะท่านมาลิค เรามีเวลามากพอที่จะพูดคุยเรื่องของท่านกันทั้งวันเลย”ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา ครั้งหนึ่งมาลิคได้ส่งเธอหนีออกมาจากโบสถ์ หนีจากเอียนและในยามนี้เธอต้องตอบแทนบุญคุณเขาบ้างแล้ว“ขออภัยที่ขัดจังหวะนะคะ ข้ารู้จักร้านน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เราสามารถไปนั่งคุยกันที่นั่นได้”เชอรีนกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้กับองค์ราชินีและ..เพื่อนของพ
เชอรีนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ทำตัวตามสบาย ในยามนี้เธออยู่ที่ปราสาทขององค์ราชา และเบื้องหน้าของเธอนั้นคือองค์ราชาที่แสนหล่อเหลาสะดุดสายตา แน่นอนว่าเธอไม่เคยพบเจอบุรุษผู้ใดงดงามเท่านี้มาก่อนในชีวิต อาจจะเพราะว่าชีวิตของเธอนั้นเจอบุรุษแค่สามคนเท่านั้น นั่นก็คือเพื่อนทั้งสามของเธอแน่นอนว่ารูปลักษณ์ขององค์ราชานั้นดูราวกับว่าเขาคือเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์มากกว่าที่จะเป็นองค์ราชาปีศาจ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เชอรีนอ้าปากค้างแบบไม่สามารถหุบริมฝีปากของเธอลงมาได้นั่นคือการได้มองเห็นความสวยงามไร้ผู้เทียบเคียงขององค์ราชินีเธอรู้ว่าเหล่าปีศาจนั้นจะต้องมีรูปลักษณ์ที่งดงามนั่นคือเรื่องปกติเลยล่ะ แต่ทว่าองค์ราชินีนั้นมีความงดงามในแบบที่ไม่เหมือนกับปีศาจทั่วไป ความงามที่เย้ายวนแต่ทว่าก็น่ารักน่าเอ็นดู รอยยิ้มที่อ่อนโยนนั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเชอรีนมองไปรอบๆ ก็เห็นเพื่อนทั้งสามคนที่อยู่ในสภาพไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก“อะ..แอ่ม หากมองภรรยาของข้าจนพอใจแล้ว เช่นนั้นก็เข้ามาเพื่อทำความเคารพและแนะนำตัวสิ”เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกสติของผู้นำทั้งสี่