ปีศาจเช่นข้าเลือกบุรุษมีเกณฑ์สามข้อ... หล่อเหลา ลีลาดี ไม่มีเมีย
Lihat lebih banyak๑
หู่ชิงผู้เงียบขรึม
‘หู่ชิง’ เป็นแม่ทัพใหญ่จากแคว้นตงในเมืองมนุษย์
เขาโดนฮ่องเต้สุนัขกระทำการร้าย ‘เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล’ ลดอำนาจเขาด้วยการโยนข้อหาให้ต่าง ๆ นานา ออกหมายจับ ตั้งค่าหัวเขาสูงลิ่วจนเขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่วแคว้น
เขาต้องระหกระเหินมาซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ตอนนี้ตะวันก็ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทีแล้ว ร่างสูงจึงรีบหาที่หลับนอนในคืนนี้
แต่บังเอิญยิ่ง! เขาเจอเข้ากับป้ายบอกทางแผ่นหนึ่งเขียนไว้ว่า...
“หมู่บ้านกลางน้ำเช่นนั้นหรือ”
หู่ชิงคิดในใจว่า...
แปลก! ป้ายเช่นนี้บ่งบอกว่าด้านในต้องมีคนอยู่แน่ ตลอดทางข้าหลบลี้ผู้คนมาโดยตลอด เหตุใดครั้งนี้กลับก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ อย่างห้ามตัวเองไม่ได้
หู่ชิงไม่ได้สังเกตเลยว่า หมอกหนาที่ปกคลุมเส้นทางไว้ตั้งแต่แรกนั้นได้หายลับไปในทันทีที่เขาก้าวตามทางเดินเข้าไป
อีกทางด้านหนึ่ง...
ผู้มีศีลเสมอกันมาแล้ว!
‘เฟิ่งเฟย’ ปีศาจนกสาวรู้ได้ทันทีเมื่อมีคนเดินเข้ามาในเขตหมู่บ้านของนางแล้ว
ร่างบางระหงหยัดกายขึ้นมาจากเตียงนุ่มด้วยท่าทางสบายไร้ความกระตือรือร้นใด ๆ
แต่ใครเล่าจะรู้ว่านางกำลังตื่นเต้นมากเพียงใด
ร่างกายเปลือยเปล่าอันมาจากการไม่ชอบใส่เสื้อผ้าติดกายเดินไปยังหีบเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดสีแดงเลือดนกขึ้นมาใส่
ชุดที่นางใส่ปิดบังร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่นางหาได้ใส่เอี๊ยมบังทรงกับผ้าชิ้นเล็กด้านล่างไม่
เมื่อหู่ชิงเดินมาถึง เขาจึงผงะไปที่เห็นทุกสัดส่วนของร่างงาม โดยเฉพาะปุ่มก้อนตรงอก ความใหญ่โตของทรวงงามเป็นสิ่งที่สะดุดตาผู้พบเห็นได้ไม่ยาก
“เอ่อ แม่นางคือ...”
แม้แต่ขุนศึกผู้ผ่านศึกรบและศึกรักมาอย่างโชกโชนยังอดที่จะกลืนน้ำลายเหนียวลงคอไม่ได้
“นี่คือหมู่บ้านกลางน้ำ ข้า...เฟิ่งเฟย ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านขอกล่าวคำยินดีต้อนรับผู้มีศีลเสมอกัน”
หู่ชิงพยายามตั้งสติ ไม่ให้ภาพล่อลวงตาตรงหน้ามาทำลายสมาธิ เพียงสะบัดศีรษะไม่กี่ครั้ง ภาพลักษณ์แม่ทัพผู้เงียบขรึมเย็นชาก็กลับมาอีกครั้ง เขาเริ่มระวังภัยจากสตรีตรงหน้าในทันที
“ท่านเป็นใคร”
“เฟิ่งเฟย หัวหน้าหมู่บ้านกลางน้ำแห่งนี้”
ว่าแล้วมือเรียวก็สะบัดหนึ่งครั้งนำม่านพรางตาออก ภาพบ้านเรือนกลางน้ำมากมายหลายสิบหลังก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาเขา
แต่ละเรือนนั้นงดงามมาก โดยเฉพาะเรือนตรงกลางน้ำซึ่งเป็นที่พักของเฟิ่งเฟย
“ข้าอาศัยอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ท่านคือคนแรกที่ข้าเปิดรับเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้”
หู่ชิงเห็นนางสามารถร่ายเวทย์ได้จึงทราบแล้วว่านางไม่ใช่มนุษย์ เขาไม่เคยกลัวอะไรนอกจากความตาย ตราบใดที่แค้นยังไม่ได้รับการชำระ เขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด!
“ท่านจะฆ่าข้าหรือไม่”
ใบหน้างดงามแย้มยิ้ม
“เราต้อนรับแขกบ้านดุจมิตร บริการลูกบ้านยิ่งต้องทำให้ประทับใจ เรื่องฆ่ากันให้ตายตก เห็นทีจะมิใช่วิสัย”
ว่าแล้วนางก็ร่ายเวทย์ทำความสะอาดร่างกายให้แก่เขา ใบหน้าคมคร้ามที่ดูดีอยู่แล้วเมื่อดูสะอาดสะอ้านความหล่อเหลายิ่งทวีคูณ
“ท่านมีเมียหรือไม่”
หู่ชิงขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่านางถามถึงสิ่งนี้ทำไม แต่ก็ยังส่ายหน้าตอบ
“โดยตามกฎหมายแล้วไม่มี”
“เช่นนั้นเมียเก็บเล่า”
“ข้าเป็นแม่ทัพ ต้องออกทำศึกอยู่ตลอด ไม่มีเวลาไปเลี้ยงแม่นางคนใดไว้หรอก”
เฟิ่งเฟยเชื่อ นางร่ายเวทย์กรีดแทงไว้ หากเขาโกหก ร่างกายจะแสบร้อนดั่งถูกไฟแผดเผา
แต่นี่ไม่ แสดงว่าเขากล่าวโดยสัตย์จริง!
“ดี อยู่ที่นี่เถอะ ไม่ว่าท่านจะมีภูมิหลังเช่นใดมาก่อน ก็เป็นได้แค่สมาชิกของหมู่บ้านนี้เท่านั้น สนใจมาเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันหรือไม่”
ตอนนี้หู่ชิงไม่มีที่ไปแล้ว แต่เขาก็อยากลองเลือกบ้าง
“ที่นี่จะปลอดภัยจากโลกภายนอกหรือไม่”
เฟิ่งเฟยยิ้มแล้วเดินมาจับมือหนาของหู่ชิงไว้
“แน่นอน”
ชายหนุ่มลมหายใจสะดุด เมื่อร่างงามส่งกลิ่นหอมกรุ่นเดินเข้ามาใกล้ เขาพยายามไม่มองนางต่ำไปกว่าใบหน้า กลัวสายตาจะทำให้เสียเรื่อง
“เช่นนั้นข้าตกลง”
เสียงหนักแน่นตอบกลับ ใบหน้างดงามปรากฏรอยยิ้มยั่วยวน
“เช่นนั้นก็ต้องพิสูจน์ข้อสุดท้ายกันดูก่อน”
หล่อเหลา✓...ผ่าน
ไม่มีเมีย✓...ผ่าน
ลีลาดีหรือไม่ เรื่องนั้นต้องรอดูก่อน...
เมื่อขั้นตอนการพิสูจน์มาถึง...
“อื๊อ อ๊า แรงอีก!”
เสียงครางกระเส่าของเฟิ่งเฟยดังลั่นห้องคู่กับเสียงเตียงดังเอี๊ยดตามจังหวะช่วงล่าง หู่ชิงเน้นจังหวะเข้าสุดออกสุดใส่เต็มแรงตามคำขอของร่างเย้ายวนใต้ร่าง
“อ๊า~อย่างนั้นแหละ!”
น้ำเสียงพอใจของเฟิ่งเฟยทำให้หู่ชิงฮึกเหิมเป็นอย่างมาก ร่างกายใหญ่โตมัดกล้ามแน่น ๆ ใจกลางตัวเขื่องของเขาน้อยนักที่จะมีสตรีผู้ใดรับได้
“ชอบหรือไม่”
นางไม่ตอบเป็นคำพูด แต่ถ่างขาออกกว้างมากขึ้น เนื้อกระทบเนื้อดังพับ ๆ ร่างกายสั่นเทิ้ม
เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่ถึงใจนางที่สุด แก่นกายของเขาทำให้นางเคลิบเคลิ้มจนปล่อยกลิ่นไอเฉพาะตัวของปีศาจออกมา มอมเมาทั้งนางและเขาให้หลงเข้าสู่กามอารมณ์ขั้นสุด กินเวลาตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งช่วงสายของวันถัดไป
“พักผ่อนเถอะ เรือนหลังนี้ข้ายกให้เจ้า”
สัมพันธ์สวาทคืนแรกของทั้งคู่ เฟิ่งเฟยพาเขามายังเรือนกลางน้ำที่ใกล้กับเรือนของนางที่สุด อย่างไรเสียเขาก็เป็นสมาชิกคนแรกของหมู่บ้าน นางก็อยากให้เกียรติเขาหน่อย
“จะไปแล้วหรือ”
มือหนาคว้าเอวเล็กคอดกิ่วไว้ ดวงตายังคงหลับสนิท แต่ที่ยังตื่นอยู่คือแก่นกายแข็งขึงของเขา มันชี้ขึ้นรับเช้าวันใหม่ พร้อมที่จะฝังกายเข้าร่องสาวแล้ว
“ยังมีแรงเหลืออีกหรือ”
ร่างกายปีศาจฟื้นตัวเร็วมาก ร่องรอยรักหายไปทันทีหลังจากที่นางใช้พลังฟื้นฟูกาย
สัมผัสสากระคายบนนิ้วมือหยาบกร้านทำให้นาง ‘อยาก’ ต่อรอบเช้าขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
“แรงหรือ” ปรือตาขึ้นมามองสามงามก่อนจะยิ้มร้ายออกมา “ยังล้นเหลือ”
เมื่อใจตรงกันเช่นนี้มีหรือที่จะไม่อยากสนองกันและกัน ร่างบางหันกายไปหาเขาแล้วขึ้นคร่อมทับอกแกร่ง เพียงแค่เนื้อเปลือยเปล่าส่วนกลางแนบชิดกับผิวเย็นเฉียบของเขามันก็ฉ่ำเยิ้มขึ้นมาในทันที
“ข้าอยากกินอีก”
เมื่อชายหนุ่มกล่าวความต้องการ นางก็เลื่อนตัวขึ้นมาให้กายสาวจ่ออยู่ตรงปากเขา ลิ้นสากตวัดเลียชิมรสหวานของร่องสาวอย่างหิวกระหาย
สตรีที่เขาผ่านมาไม่มีผู้ใดที่เขาทำแบบนี้ด้วยเลย แต่ด้วยเพราะกลิ่นไอปีศาจของนางหรือไม่ทำให้เขาอยากลองจนตอนนี้ติดใจไปกับรสชาติของนางแล้ว
“ซี๊ด~”
ภาพลิ้นถี่รัวตวัดเลียกลางกายเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกวาบหวามจนเผลอยกมือขึ้นมาบีบอกทั้งสองข้างของตนเองไปด้วย
ลิ้นสากสอดเข้ามาในช่องแคบ ยื่นหน้าเข้าออกเสมือนตอนที่เขากำลังร่อนกลางกายเข้าครอบครองนาง นั่นทำให้นางปล่อยน้ำแห่งความสุขออกมา เมื่อนั้นริมฝีปากหนาก็กลืนกินมันทุกหยาดหยดเข้าปาก
เห็นนางกุมหน้าอกบีบเค้นจนขึ้นรอยเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจใจร้ายนิ่งดูดายได้ ยกตัวนางนอนลงแล้วเป็นฝ่ายกลืนกินอกอิ่มแทน
มืออีกข้างช่วยบีบเคล้นเพิ่มความแข็งของเม็ดบัวสีหวาน ขบกัดผิวขาวจนมันเป็นรอยฟัน แต่นั่นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความกระสันให้ทั้งคนโดนกระทำและผู้ถูกกระทำมากขึ้น
“มีตรงไหนที่ไม่น่าหลงใหลบ้าง บนกายท่าน”
เฟิ่งเฟยไม่ตอบอีกเช่นเคย ขาเรียวสวยยกขึ้นพาดไหล่เขา
ชายหนุ่มไม่รอช้า สอดลิ้นเข้าไปชิมรสหวานสีสวยในทันที เสียงครางกระเส่าเป็นตัวทำให้กลางกายเขามันร่ำร้องจะเข้าไปด้านใน
ในไม่ช้าเขาก็เข้าครอบครองนาง จังหวะกระแทกกระทั้นแรง ๆ แบบที่เขาชอบถูกใจสาวนัก นางเด้งสะโพกเข้าสู้พร้อมกับยื่นอกให้เขาครอบครองนาง
“แบบนั้นแหละ อื๊อ อ๊า...”
อยู่ในท่าเดิมได้ไม่นานเขาก็จับนางหันหลังโก่งก้นงอนงามให้ กายหนาค่อมทับนางแล้วสวนสะโพกเข้าใส่ในทันที มันทั้งลึกถึงจุดกระสัน ทั้งคับแคบจนตอดกายเขาอยู่เรื่อย ๆ สันกรามบนใบหน้าหล่อเหลาชัด บ่งบอกถึงสภาพอารมณ์ของเขาในตอนนี้
“อ๊า~”เมื่อได้ปลดปล่อยความสุขสมกันทั้งคู่แล้ว หู่ชิงก็หยุดพักไปครู่หนึ่ง แม้กลางกายยังคงสอดอยู่ในร่องอุ่นก็ตาม มือหนาบีบเค้นอกอิ่มเล่นอย่างมันมือจนปีศาจสาวไม่คิดอยากหยุดอยู่แค่รอบเดียว
“ดูท่า เจ้าคงจะไม่เหนื่อยจริง ๆ”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้าย เวลานี้เอาความเกลียดชังต่อผู้อื่นไว้ด้านหลัง สนใจเพียงร่างงามตรงหน้าเท่านั้น
“ให้โอกาสข้าได้พิสูจน์อีกสักรอบ”
๔๖ตำนานตลอดไป งานแต่งงานของเฟิ่งเฟยและตานติ่งเฮ่อถูกเนรมิตให้เป็นดั่งดินแดนบุปผาจากฝีมือของปีศาจบุปผา ดอกไม้นานาชนิดเป็นสีดำ แดง ม่วงและน้ำเงินถูกจัดไว้อย่างลงตัวในห้องโถง แขกที่มาร่วมงานต่างเพลิดเพลินไปกับการชมดอกไม้ขณะรอพิธีการเริ่ม พิธีการแต่งงานของแดนปีศาจไม่มากขั้นตอน บ่าวสาวเพียงใส่ชุดแต่งงานแล้วร่วมกรีดเลือดสาบานตนต่อหน้าแขกเหรื่อทั้งงาน เลือดที่กรีดจากกริชเงินจะถูกหยดลงศิลานิรันดร์กาล เครื่องหมายอันแสดงว่าชายหญิงได้ร่วมพิธีสาบานตนกันแล้ว หากใครผิดคำสาบานจะโดนศิลานิรันดร์กาลสำเร็จโทษเอง “บ่าวสาวมาถึงแล้ว” เมื่อฤกษ์ยามมาถึง ผู้ดำเนินการในพิธีก็เบิกตัวบ่าวสาวเข้าสู่ห้องโถง แขกในงานอยู่ในความเงียบสงบ หันไปทางเข้าประตูห้องโถงใหญ่ เมื่อสองเท้าต่างขนาดก้าวเข้ามาด้านใน ทุกคนก็ปรบมือต้อนรับเป็นการให้เกียรติตัวเอกของงาน เฟิ่งเฟยใส่ชุดสีแดงบ่อยแล้ว นางจึงขอเจ้าบ่าวใส่ชุดแต่งงานสีขาวทั้งตัวแทน ดอกไม้และชุดของแขกเป็นโทนทึบ เมื่อเห็นบ่าวสาวอยู่ในชุดสีขาวกันทั้งคู่ทำให้ดูสว่างไสวโดดเด่นราวกับมีแสงตกกระทบ “ท่านพ่อ”
๔๕มือเย็นใจอุ่น เฟิ่งเฟยกำลังอึ้งกับสารที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่นี้ เดินใจลอยในหัวคิดโน้นนี่นั่น รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตานติ่งเฮ่อพานางมาหยุดอยู่ที่รังไหมด้านหลังตำหนักประมุขปีศาจ “เฮ่อเกอพาข้ามาที่นี่ทำไมเจ้าคะ” นางหลุดออกจากภวังค์ได้เพราะมือหนากระตุกมือนางเบา ๆ เพราะความจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นผลให้สมองของนางประมวลผลได้ช้า ลืมไปแล้วว่ารังไหมที่อยู่ตรงนี้มีไว้สำหรับทำอะไร “มนุษย์สองคนนั้นอย่างไรเล่า ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงฟักตัว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะสามารถเป็นภูตได้” หู่ชิงกับชิงป๋ายเช่นนั้นหรือ “พวกเขา อยู่ในนี้หรือเจ้าคะ” ตานติ่งเฮ่อไม่ตอบเป็นคำพูด มือหนาข้างหนึ่งสะบัดหนึ่งครั้ง ก็เห็นว่ามีร่างมนุษย์ชายสองคนกำลังหมุนวนอยู่ในรังไหมใหญ่เท่าต้นไม้สามคนโอบ “อยู่รังไหมเท่ากับเป็นภูตพฤกษา หากตั้งใจบำเพ็ญเพียรก็มีสิทธิ์เป็นปีศาจโอสถได้ ซึ่งที่กล่าวมานี้ต้องใช้เวลา เจ้ารอพวกเขาได้หรือไม่” เฟิ่งเฟยมองตานติ่งเฮ่อว่าเขากล่าวคำพูดนี้ด้วยความรู้สึกใด จนแล้วจนรอดนางก็อ่านสายตาของเขาไ
๔๔พูดแล้วไม่คืนคำ ตานติ่งเฮ่อนิ่งไปกับคำพูดของเฟิ่งเฟย ตอนแรกเขาคิดไว้แล้วว่านางอาจจะรู้สึกดีกับเขามากขึ้น แต่ไม่คิดว่านางจะลั่นวาจานี้ออกมา ไม่สิ! มิใช่ไม่คิด แต่ไม่ ‘กล้า’ คิดต่างหาก “เจ้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จริงจังเพียงกี่ส่วน เชื่อถือได้แค่ไหน” “ข้าจริงจัง ที่ข้าเคยบอกว่ายังไม่อยากแต่งงาน ความจริงแล้วอาจเพราะว่ายังไม่เจอใครให้สามารถฝากชีวิตได้เท่าเฮ่อเกอ วันที่รู้ว่าเฮ่อเกอคือเจ้าบ่าวที่รอมานาน มุมมองการแต่งงานของข้าก็เปลี่ยนไป ท่านดีต่อข้าเพียงนี้ หากข้าไม่ขอท่านแต่งงานแล้วจะไปขอใคร” ท่าทางจริงจังของนางทำให้ตานติ่งเฮ่อพูดไม่ออก เริ่มสับสนว่านางใช้ใจหรือใช้สมองนำทางถึงได้กล้าเอ่ยขอเขาแต่งงาน “ข้าจะเชื่อเพราะข้าอยากเชื่อเช่นนี้ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” แม้จะคิดเช่นนั้นเขาก็เลือกจะเชื่อว่านางใช้หัวใจนำทาง “ไม่คืนคำแน่นอนเจ้าค่ะ” เฟิ่งเฟยให้คำมั่น “เช่นนั้น...เราสองคนแต่งงานกันเถิด!” ตานติ่งเฮ่อเอ่ยขอเฟิ่งเฟยอีกหนซึ่งนางก็พยักหน้ารับ เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ไว้แล้วใช้เวทเคลื่อนกายกลับมาที่ตำหนักประมุขปีศ
๔๓ยินดีหรือไม่ เฟิ่งเฟยกลับแดนปีศาจด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นไม่สม่ำเสมอ ในหัวสับสนไปหมด ทั้งยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มที่นางได้ไปเยือนแดนมนุษย์โดยง่ายทั้ง ๆ ที่ผ่านมาประมุขปีศาจไม่เคยปล่อยให้นางออกนอกเขตปีศาจเลย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากนางกลับจากแดนปีศาจก็ด้วย “เฮ่อเกออยู่หรือไม่เ” เฟิ่งเฟยมาหาตานติ่งเฮ่อถึงตำหนัก ที่นี่มีเพียงพ่อบ้านปีศาจดูแลอยู่เท่านั้น ไม่มีบ่าวรับใช้ปีศาจเพราะเจ้าของตำหนักเชี่ยวชาญอาคมศาสตร์มืด ค่ายกลและเวทย์ทั่วไป ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีสมุนรับใช้ “อยู่ขอรับท่านหญิง ในห้องหนังสือ” “ไปเรียนให้หน่อยได้หรือไม่ว่าข้าขอพบ” พ่อบ้านปีศาจยิ้มพร้อมผายมือเข้าไปยังด้านใน “นายท่านกล่าวว่าหากท่านหญิงมาให้เชิญด้านในได้เลยขอรับ” ขนาดข้าจะมาวันนี้ เขาก็คาดคะเนไว้แล้ว “อือ” เฟิ่งเฟยพยักหน้ารับแล้วเดินไปทางห้องหนังสือของตานติ่งเฮ่อ นางเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาจะมีพ่อบ้านปีศาจเข้ามาขออนุญาตก่อน หากได้รับอนุญาตแล้วนางจึงสามารถเข้ามาที่นี่ได้
๔๒ดินแดนพิภพ ณ แดนพิภพดินแดนที่มีไว้สำหรับการคัดกรองดวงวิญญาณมนุษย์ วิญญาณที่ถึงแก่ฆาตและทำกรรมดีไว้มากจะสามารถขึ้นเป็นเซียนฝึกหัดได้ในทันที แต่หากวิญญาณดวงนั้นทำกรรมชั่วไว้มาก ก็จะถูกส่งไปยังแม่น้ำชำระล้าง ดำผุดดำว่ายอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะล้างกรรมหมด วิญญาณที่ดวงยังไม่ถึงฆาต ผู้นำดวงวิญญาณจะพาดวงวิญญาณเข้าห้องพิพากษา เทพพิภพจะให้ทางเลือกระหว่างจะเป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อนหรือว่าจะเลือกสายปีศาจ การเลือกเป็นสัมภเวสีสามารถกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง มีโอกาสสร้างบุญเพื่อหนทางสู่การเป็นเซียน แต่การเลือกสายปีศาจจะไม่อาจเปลี่ยนเป็นเผ่าสวรรค์ได้ ต้องกลายเป็นภูตหรือปีศาจตลอดไป “เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ามาที่นี่” ดินแดนพิภพไร้สิ่งมีชีวิตใดแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า เป็นดินแดนที่ปกคลุมด้วยไรฝุ่นหนาทึบ ตอนเดินเข้ามาเฟิ่งเฟยเห็นดวงวิญญาณมากมายกำลังเดินเข้ามาที่นี่พร้อมกับนาง บ้างก็โดนผู้นำวิญญาณกระชากลากถูดุจสัตว์เดรัจฉาน สภาพของพวกเขาคือช่วงเวลาสุดท้ายตอนถึงแก่กรรม บ้างก็มีเลือดอาบเต็มใบหน้า บ้างก็ร่างกายไม่ครบส่วน น่าสยดสยองยิ่งแล้ว “นั่
๔๑เหมาะเจาะเพียงนี้ ณ เรือนลอยฟ้า เฟิ่งเฟยมาหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อขบคิดถึงสิ่งที่ตานติ่งเฮ่อบอก คิ้วใบหลิวแทบจะขมวดเข้าหากันยุ่ง รู้สึกกลัดกลุ้มมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยเป็นมา “เรื่องการแต่งงานมิใช่ว่าต้องใช้หัวใจนำทางหรอกหรือ ไฉนให้ข้าลองกลับมาคิดดู” ตั้งคำถามพร้อมถอนหายใจ “หือ” แต่แล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง! เพราะตรงหัวใจซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำพันธะสัญญาไว้กับหู่ชิงและชิงป๋ายร้อนผ่าว ความนี้สื่อได้สองอย่าง ไม่บาดเจ็บหนักก็ถึงแก่ชีวิต นางรีบบินลงจากเรือนลอยฟ้า เร่งเดินทางออกจากแดนปีศาจโดยเร็วที่สุด ใช้เวลานานพอสมควรกว่านางจะออกจากแดนปีศาจได้ เมื่อเท้าแตะดินแดนมนุษย์ ดวงตาคู่งามหลับตาพริ้มหาตำแหน่งของทั้งคู่ “เหตุใดไปอยู่ที่วังหลวงอีกแล้ว!” นางเคลื่อนกายไปยังวังหลวงแคว้นตง ในหัวคิดว่าชินอ๋องจะต้องเล่นแง่อะไรอีก เพื่อความรวดเร็วครั้งนี้นางยอมใช้ปีกของตนเดินทางไปยังจุดหมาย ร่ายเวทไม่ให้มนุษย์สามารถมองเห็นร่างจริงของนางได้ “เฟิ่งเฟย!” แต่กับปีศาจและเทพด้วยกันแล้วยังสามารถมองเห
Komen