"ท่านบาทหลวงเอสวา วันนี้ท่านจะพาข้าลงนรกหรือว่าจะพาข้าขึ้นสวรรค์กันล่ะคะ?"
Voir plusกว่าจะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดไป ก็คือวันที่สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว
ฉันทำได้เพียงมองร่างของตัวเองที่กำลังถูกหมอปั๊มหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเรียกคืนลมหายใจที่หายไปกลับคืนมา แต่ทว่าหมอท่านนั้นถึงแม้ว่าจะทำสุดความสามารถแต่พวกเขาก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพให้กับคนตายได้.. ฉันตาย..แม่งเอ๊ย!! ถ้ารู้ว่าตัวเองจะมาตายง่ายๆ แบบนี้ฉันคงจะใช้ชีวิตที่อยากใช้ไปแล้ว เพราะเติบโตขึ้นมาในสถานสงเคราะห์ เมื่อโตขึ้นมาฉันถึงได้พยายามหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองได้กลับไปในสถานที่เช่นนั้นอีก ฉันตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อวิ่งหนีความจนที่ตามติดเป็นเงา ฉันตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังที่เป็นของตัวเอง จะได้ทำงานน้อยลงเผื่ออายุมากขึ้นจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัวและมีความรักกับเขาดูบ้าง แต่ฉันดันตายก่อน..ตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย “เจ้ามนุษย์ที่แสนโง่เขลาเอ๋ย ข้ามีชีวิตที่ยาวนานนับนิรันดรแต่กลับไม่เคยเห็นใครมีชีวิตที่จืดชืดและไร้สีสันเช่นเจ้ามาก่อนเลย” พอกะพริบตาอีกครั้งจากที่เมื่อครู่ฉันยืนอยู่ในโรงพยาบาลแต่ทว่าในยามนี้ฉันกลับกำลังยืนอยู่ในสถานที่ที่ว่างเปล่าไปหมด รอบข้างเป็นสีรัตติกาลที่แทบมองอะไรไม่เห็นนอกจากตัวเอง “หรือว่าที่นี่คือปรโลกอย่างนั้นหรือคะ หนูไม่เคยทำร้ายหรือว่าคิดไม่ดีกับใครเลย เพราะแบบนั้นหนูจะได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปด้วยความไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่าขนลุกไม่น้อย “ก็เพราะแบบนั้นข้าถึงได้บอกว่าเจ้าคือมนุษย์ที่ใช้ชีวิตได้จืดชืดและไร้สีสันยังไงล่ะ เจ้าไม่เคยรู้จักกับ..ความสัมพันธ์แสนหวานในเรื่องของความรัก ไม่เคยคิดเกลียดชังหรือว่าริษยาผู้ใด อีกทั้งเจ้ายังตายโดยที่ตัวเองยังคงถือครองพรหมจรรย์อีกด้วย..เพราะฉะนั้นข้าจะส่งให้เจ้าไปใช้ชีวิตที่มีสีสันอีกครั้งหนึ่ง” เมื่อเสียงนั้นกล่าวจบร่างกายของฉันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงในทันที มีปีกงอกขึ้นมาที่กลางหลังพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน มีปีกงั้นเหรอ? “นี่ท่าน..จะให้หนูเป็นนางฟ้าใช่ไหมคะ ท่านคือพระเจ้าใช่หรือไม่ ไม่เสียแรงที่หนูอุตส่าห์ทำความดีมาตลอดชีวิต” มีปีกแบบนี้ต้องเป็นนางฟ้าอย่างแน่นอน ให้ตายสิฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะเป็นนางฟ้า “ฮะ..ฮ่า! พระเจ้าอย่างนั้นหรือเด็กน้อย ข้ามิใช่พระเจ้าแต่อยู่ตรงข้ามกันต่างหาก อีกทั้งเจ้าก็มิใช่นางฟ้าด้วย..จงใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณอันแรงกล้าในใจของเจ้า ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องถูกผิด แต่จงคำนึงถึงความต้องการของตัวเองก็พอ” จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน จะให้ใช้ชีวิตโดยเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งเนี่ยนะ นั่นมันคือการกระทำที่เห็นแก่ตัวสุดๆไปเลยไม่ใช่เรอะ...ตาลุงเจ้าของเสียงนี่..คือใครกันนะ “ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตใหม่ จากนี้ไปชื่อของเจ้าคือโรแอนด์..จงกลืนกินความฝันอันแสนเร่าร้อนของบุรุษมาให้มากพอโรแอนด์ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตาย..” “ตู้ม!” เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นมาก่อนที่เบื้องหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นบ้านเมืองที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเท่าไหร่นัก ปีกที่หลังของฉันหายไปแล้ว แต่ทว่าที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ฉันทอดสายตามองออกไปก็พบเจอกับทหารในชุดแปลกประหลาดที่กำลังสู้รบกัน นี่ฉัน..ย้อนเวลามางั้นเรอะ แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย “วิ่งเร็ว!!” นั่นสินะ ต้องวิ่งก่อนอย่างอื่นค่อยคิดทีหลัง ฉันพึ่งจะรอดตายเพราะแบบนั้นจะมาตายอีกครั้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด “!!!” เท้าทั้งสองข้างพลันชะงัก เมื่อฉันได้กลิ่นหอมหวานที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน กลิ่นนั้นไม่ใช่กลิ่นของอาหารแต่มันคือกลิ่นอะไรฉันก็ไม่แน่ใจ รู้เพียงแต่ว่าร่างกายนี้ตอบสนองต่อกลิ่นนั้นจนมือทั้งสองข้างสั่นเทาไปหมด ฝีเท้าทั้งสองข้างหยุดลงที่หน้าโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่นี่มีทั้งผู้บาดเจ็บที่กำลังนั่งรอการรักษา และบาทหลวงที่กำลังช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ ถึงแม้ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่นัก แต่ตาลุงเจ้าของเสียงนั้นบอกให้ฉัน..กลืนกินความฝันอันเร่าร้อนของบุรุษมา.. หัวใจของฉันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเอาเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน กินฝัน มีปีก..เหลืออีกแค่อย่างเดียวเท่านั้น ฉันต้องการเปิดชุดเดรสที่สวมอยู่นี่ออกไป เพราะต้องการดูตรงหน้าท้องว่ามีตราในแบบที่ฉันคิดเอาไว้รึเปล่า “......” ในขณะที่ฉันกำลังจะถกกระโปรงขึ้นก็มีบาทหลวงผู้หนึ่งเดินเข้ามาจับมือของฉันเอาไว้ในทันที “ที่นี่ไม่ปลอดภัยนะครับเลดี้ หากท่านต้องการจะเปลี่ยนชุด..เข้าไปด้านใน..” กลิ่นนี้อีกแล้ว มันเป็นกลิ่นหอมหวานที่เหมือนกับไวน์เบลเดนที่ถูกบ่มอย่างได้ที่ เป็นกลิ่นที่ทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยความรู้สึกกระหายอยาก แล้วใบหน้านี้มันคืออะไรกัน เป็นบาทหลวงจำเป็นจะต้องหล่อเหลาถึงเพียงนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ? “อะ..เอ่อ..ข้ารู้สึก เหมือนจะไม่สบายเลยค่ะ เพราะแบบนั้นกะ..ก็เลยอยากจะ.." เพราะสกิลในการเข้าหาผู้ชายเป็น0 ฉันถึงได้แสดงท่าทีที่น่าตลกเช่นนั้นออกไป “ตามมาสิครับ หากว่าท่านต้องการที่พัก โบสถ์ของเราพอจะมีห้องว่างอยู่” ฉันมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยดวงตาละห้อย ความรู้สึกบ้าบอนี่มันคืออะไรกันนะ รู้สึกอยากจะกัด..ลงไปบนต้นคอนั้นจังเลย แล้วกลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจายออกมานี่มันคือกลิ่นของน้ำหอมหรืออย่างไรกัน ฉันเอื้อมมือไปจับชายเสื้อคลุมของเขาขึ้นมาดมเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันกลับมาในทันที “...เลดี้ครับ?” ฉันรีบปล่อยมือออกจากชายเสื้อนั้นในทันทีด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนยิ่งกว่าเก่า “...คะ? มีอะไรรึเปล่า” เอสวาคิดว่าสตรีผู้นี้อาจจะพบเจอกับเรื่องกระทบกระเทือนในจิตใจมากพอสมควร นางถึงแสดงท่าทีที่แปลกประหลาดออกมาไม่หยุดหย่อน สตรีที่สติดีที่ไหนจะถลกกระโปรงของตัวเองขึ้นมาท่ามกลางสายตาของผู้อื่นเล่า.. เขาเอื้อมมือไปแตะลงบนหน้าผากของนาง และเอสวาก็ได้เห็นแผลบนนั้นพร้อมกับรอยเลือดที่แห้งกรัง นี่ก็บ่งบอกได้แล้วว่านางจะต้องได้รับการกระทบกระเทือนทั้งทางศีรษะและจิตใจ “ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ว่าท่านจะพบเจอเรื่องร้ายแรงมากแค่ไหน พระเจ้าจะสถิตอยู่กับท่านเสมอ” ฉันกัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยความขวยเขิน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรแต่ก็ดีแล้วที่เขาไม่ว่าเรื่องที่ฉัน..ดมเสื้อเขา นี่ฉันทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันไม่ใช่หมาสักหน่อยไปดมเสื้อเขาทำไมก่อน ทว่าสติของฉันดูเหมือนจะจางหายไปอีกครั้งเมื่อมือของเขาแตะลงบนศีรษะของฉันเบาๆ ปลายนิ้วนั้นลูบไล้ลงไปบนรอยแผลนั้นพร้อมกับสายตาที่มองด้วยความเป็นห่วง ข้อมือที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อนั้นมันขาวเนียนและยิ่งได้สูดดมกลิ่นจากร่างกายของเขาในระยะประชิดเช่นนี้มันยิ่งทำให้เธอ..รู้สึกแปลกมากทีเดียว “ท่านพักอยู่ที่ห้องนี้ก่อนสิครับ เดี๋ยวข้าจะไปเอายามาทาแผลพร้อมกับชุดใหม่..” ฉันตรงเข้าไปจับที่แขนของเขาเอาไว้ เพียงแค่คิดว่าจะต้องจากกัน เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้ดมกลิ่นที่แสนหอมหวานนั่นอีกครั้งในหัวใจก็เกิดความเสียดายขึ้นมา “เราพักอยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอคะ ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว” “.....” เอสวามองใบหน้าของสตรีที่กำลังกอดแขนของเขาเอาไว้ เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมาเมื่อเขาจะเดินจากไป แผลในใจของเธอนั้นคงจะหนักหนามากสินะ เธอถึงได้..มีสภาพที่น่าเห็นใจเช่นนี้ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวข้าจะกลับมา..” เธอไม่ยินยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขา “อย่าไปเลยนะคะ อยู่กับข้าที่นี่เถอะ”เฟอน่าระบายยิ้มหวานเมื่อเธอมองเห็นโรแอนด์มีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีราชินีผู้งดงามและที่คู่ควรกับราชาปีศาจที่น่าเกรงขาม พวกเขามีลูกๆ ที่น่ารักด้วยกัน ครองครัวที่แสนอบอุ่นและความรักที่มั่นคงบอกตามตรงว่าเธอชอบเด็กนะ ยิ่งเด็กเล็กๆ แล้วเฟอน่าชอบมากๆ ในบ้านจะรู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้นเมื่อมีเด็กตัวน้อยวิ่งวนไปมาในบ้าน และครอบครัวจะสมบูรณ์ในทันทีเมื่อมีพยานความรักถือกำเนิดขึ้นมาแต่เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสกับความรัก เรียกได้ว่าความรู้สึกตอนนั้นคงเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่เลยทีเดียว เธอเจียนตายถึงเพียงนั้นในยามนี้เฟอน่าจึงต้องการใช้เวลากับมาร์สองคนก่อนเธออยากเป็นสามีและภรรยากับเขา ใช้ชีวิตคู่ให้คุ้มค่าก่อนที่จะตกลงสร้างครอบครัวของเรา เพราะเมื่อมีลูกแล้วเราจะต้องเอาความสนใจที่มีทั้งหมดไปมอบให้ลูก..ในตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะส่งมอบความสนใจของตัวเองไปที่ใครเลยนอกจาก..มาร์เขาเป็นเสือที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ การแสดงออกมาของมาร์นั้นมันไม่มีการเสแสร้งหรือว่าแกล้งทำ“คิดอะไรอยู่”“คิดเรื่องของเราค่ะ..เราไม่ได้ไปท่องเที่ยวกันนานแล้ว
ริมฝีปากของมาลิคกระตุกยิ้มที่ผลิบานเหมือนกับกลีบดอกไม้ หลังจากวันที่องค์ราชาของปีศาจจัดงานแต่งที่โบสถ์ของเขานั้น พวกปีศาจตนอื่นๆ ก็หันมาจัดงานแต่งที่วิหารมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปีศาจที่นี่ยังเกิดความศรัทธาขึ้นมาด้วย..เขาได้ทำให้ในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งศรัทธากลับมามีความศรัทธาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปีก่อนเท่าที่เขาได้ยินข่าวมา เห็นว่าที่เมืองมนุษย์เกิดการก่อกบฏขึ้นมา เนื่องจากคำสั่งที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเคืองขององค์รัชทายาท นั่นจึงทำให้เกิดการเข่นฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน อีกทั้งยังเกิดการใส่ร้ายกันจำนวนมากอีกด้วย บางคนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปีศาจแต่ถูกใส่ร้ายเพื่อการเมืองและทรัพย์สินเมืองมนุษย์สิ้นหวังถึงขีดสุดและเขาไม่คิดเอาตัวเองกลับไปสู่ขุมนรกนั้นอีก เมืองปีศาจที่คราแรกเขาหวาดกลัวแต่ในยามนี้มิได้เป็นเช่นนั้น ผู้คนที่นี่มีความเมตตามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ อีกทั้งองค์ราชายังนำพาเมืองปีศาจก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนมักจะมีมนุษย์หลบหนีมาที่นี่บ่อยๆ“ท่านพ่อครับ..”สิ่งที่ดึงความสนใจจากมาลิคคือบุตรชายวัยสามขวบของเขาเอง“ว่าอย่างไรลูกรัก”เขาก้มลงอุ้มลูกชายขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนด้วยความรัก ในงานแต่งงานข
เอสวาขบเม้มริมฝีปากไปมาด้วยความรู้สึกประหม่า ในโบสถ์เล็กๆ แห่งนี้เขากำลังยืนรอโรแอนด์อยู่ เบื้องหน้าของเขาคือมาลิคที่รับหน้าที่ทำพิธีให้ในวันนี้ แน่นอนว่านี่คืองานแต่งงานที่แปลกประหลาดมากที่สุดในเมืองปีศาจ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการจัดงานแต่งขึ้นมาในโบสถ์เลยเพราะว่าไม่มีโบสถ์หรือว่าบาทหลวงคนไหนอยู่ที่นี่แต่ก็นะ..ในยามนี้มีแล้ว มีมาลิคที่พร้อมจะทำพิธีแต่งงานให้แก่ปีศาจทุกตนเอสวามั่นใจว่าเขาเคยเห็นงานแต่งงานมามากมาย มากมายจริงๆ ในช่วงที่เขาคือบาทหลวงเอสวา เขาตบมือยินดีให้แก่คู่บ่าวสาวที่เขาทำพิธีให้ ยิ้มแย้มเพื่อแสดงความยินดีให้กับผู้คนเหล่านั้น แต่เมื่อถึงงานของตัวเองในวันนี้เขากลับ..ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อคืนโรแอนด์ไม่ได้อยู่กับเขา ที่นี่มีพิธีที่สืบต่อกันมาและเขาไม่อยากจะขัดลุคคาสักเท่าไหร่ ในคืนก่อนวันแต่งงานจะต้องซ่อนตัวของเจ้าสาวจากเจ้าบ่าว เมื่อคืนนี้โรแอนด์จึงไปค้างที่คฤหาสน์ของเชอรีนนั่นยิ่งทำให้เขาคิดถึงเธอมากพอสมควร ในใจมันโหยหา ทรมาน..แทบขาดใจ“ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับองค์ราชา..”มาร์กล่าวพร้อมกับส่งมอบกล่องแหวนให้เขา นี่คือแหวนแสนพิเศษที่เขาทำขึ้น เอสวาทำแหวนวงนี้ด้วยตัวเอ
มาร์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เขามองร่างกายของสตรีผู้หนึ่งซึ่งกำลังหลับใหลอยู่อันที่จริงเธอควรจะต้องฟื้นขึ้นมาได้แล้วเพราะว่าเขาป้อนยาลับของตระกูลเสือให้เธอทานไปเมื่อสองวันก่อน แต่ทว่ากลับไม่มีวี่แววที่เธอจะฟื้นขึ้นมาเลย“ตั้งใจจะตายอย่างนั้นหรือ? ..ให้ตายสิ หากจะตายก็เอาไว้โอกาสหน้าได้ไหม ข้าอุตส่าห์เสียสละยาที่แสนล้ำค่าของตระกูลเพื่อให้เจ้าตื่นขึ้นมาเลยนะ..เจ้าจะเอาแต่นอนแบบขี้เกียจเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน”เขานั่งลงข้างๆ เตียงพร้อมกับลอบมองใบหน้าของเธอ แน่นอนว่าซักคิวบัสนั้นงดงาม ปีศาจชนิดนี้จะต้องมีความงามเพื่อที่พวกนางจะเอาไว้หลอกล่อหรือแม้กระทั่งเอาไว้ล่อลวงมนุษย์ให้มาติดกับดักที่พวกนางสร้างขึ้นมาเท่าที่เห็นท่านราชินีนั้นก็เคยเป็นซักคิวบัสมาก่อนถึงแม้ว่าในยามนี้พระนางจะไม่ใช่ซักคิวบัสแล้วก็ตามที แต่สตรีที่กำลังนอนอยู่ผู้นี้พบเจอเรื่องเลวร้ายมามากแค่ไหนกันนะ นางถึงตัดใจเรื่องการมีชีวิตของตัวเองไปแล้ว..“เจ็บปวดมากเลยอย่างนั้นหรือ? ให้ตายสิช่วยลืมตาขึ้นมาหน่อยได้ไหม หากเจ้าพบเจอความเจ็บปวดที่อยากจะระบายให้ใครสักคนได้รับฟัง เช่นนั้นก็รีบๆ ตื่นขึ้นมาสิ ข้าจะรับฟังเจ้าเอง..”เมื่อมาร์กล่
โรแอนด์มองไปรอบๆห้อง นี่คงเป็นเช้าที่เธอไม่คุ้นเคยมากที่สุดเพราะว่าที่ข้างกายของเธอ บนเตียงนอนที่เธอล้มตัวนอนลงนั้นไม่มีเอสวาอยู่ บนผ้าปูเย็นเฉียบราวกับว่าไม่เคยมีเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนในทันที“เอสวา..ไปไหนกันลุคคา”ลุคคาเดินเข้ามาด้านใน มือของเขาถือถาดอาหารเช้ามาให้นายหญิงของเขา“นายท่านออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วครับ แต่ไม่มีเรื่องอะไรให้นายหญิงต้องเป็นกังวลเพราะนายท่านน่าจะออกไปพูดคุยเรื่องงาน..”โรแอนด์พยักหน้า เธอนั่งลงและเริ่มทานมื้อเช้าโดยที่ดวงตาเบนออกไปมองด้านนอกหน้าต่าง มันเป็นความเคยชินที่น่ากลัวมากพอสมควร เธอชอบมองออกไปด้านนอกหน้าต่างในยามที่เธออาศัยอยู่ที่พระราชวังกับลีออน การมองออกไปด้านนอกหน้าต่างมันทำให้เธอมองเห็นการใช้ชีวิตของผู้คนมากมายที่กำลังวนเวียนอยู่ด้านนอก มีต้นไม้ สายลม หรือแม้กระทั่งนกที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ชีวิตที่อิสระเสรีพวกนั้นมันคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาโดยตลอด..แต่ในยามนี้เธอไม่จำเป็นที่จะต้องคอยนั่งมองและนึกอิจฉานกที่กำลังโผบินเพราะว่าเธอเองก็สามารถเดินทางออกไปจากห้องนอนห้องนี้ได้ตามใจชอบเอสวาให้อิสระพวกนั้นแก่เธอ ให้ตายสิ.
รุ่งเช้าของวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อในปราสาทที่เก่าคร่ำครึของเชอรีนมีบุรุษอยู่ที่นี่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เธอตื่นตั้งแต่เช้า สวมชุดเดรสที่พึ่งซื้อมาเมื่อวาน และสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงสด เชอรีนรวบผมขึ้นไปเพื่ออวดโชว์ลำคอที่ยาวระหง เธอไม่ลืมสวมแหวนแห่งความรักวงนั้นไว้ที่นิ้วนางข้างขวาเชอรีนกำลังสะกดจิตตัวเองเบาๆ“วันนี้มันจะดี ข้าจะได้พบเจอมาลิคในมุมที่คนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อน..”เมื่อกล่าวจบเชอรีนก็เดินลงมาที่ด้านล่าง เธอยกยิ้มให้กับสาวใช้พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเมื่อมองเห็นสวนดอกไม้ที่ด้านหน้าปราสาทกำลังมีบุรุษผู้หนึ่งขุดดินอยู่..อย่างไม่ต้องเอ่ยถามเลยว่านั่นคือใคร มาลิคอยู่ในสวนแห่งนั้นและเขากำลังขุดดอกไม้สีน้ำตาลของเธอทิ้งไป“ข้าพยายามห้ามแล้วค่ะท่านเชอรีน แต่ทว่าบุรุษผู้นั้นต้องการตอบแทนเรื่องที่ท่านให้ที่อยู่อาศัย ข้าไม่รู้ว่าเขาเอาเมล็ดผักมากมายพวกนั้นมาจากไหน แต่เขากำลังพยายามทำให้สวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ราคาแพงของท่าน..เป็นสวนผัก”หากเป็นในยามปกติเธออาจจะเป็นลมล้มพับไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่ทว่า..นี่คือบุรุษที่โชคชะตาส่งมาให้เธอ เพราะแบบนั้นเงินทองมันเป็นของนอกกาย อีกทั
โรแอนด์เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของเอสวา เธอหรี่ตามองหน้าเขาอย่างจับผิด“ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ข้าคิดว่าสามีของข้ากำลังจับคู่ให้ผู้อื่นอยู่”เอสวากระชับฝ่ามือที่เขากำลังจับมือของโรแอนด์เอาไว้ให้แนบแน่นมากกว่าเดิม“ให้ตายสิไม่ว่าข้าจะพยายามทำเช่นไรก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของภรรยาไปได้เลย..”เขาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินแล้วอุ้มโรแอนด์ขึ้นมาในอ้อมแขน“เฟอน่า..เจ็บปวดกับคำว่ารัก นางรู้จักความรักเป็นอย่างดีทีเดียวแต่มาร์ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าทึ่มคนนั้นไม่รู้จักความรักหรือว่าไม่สนใจเรื่องความรักอะไรเลยด้วยซ้ำ การส่งเฟอน่าไปให้เขาดูแล..หัวใจที่ด้านชาของเขาจะอ่อนโยนขึ้นมา..”โรแอนด์พยักหน้าอย่างเข้าใจคำกล่าวของเอสวา เฟอน่าเจ็บปวดกับความรักครั้งแรกมากทีเดียว มากจนแทบขาดใจ หากเป็นเธอที่พบเจอเรื่องราวแบบเดียวกันกับเฟอน่า โรแอนด์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะทนไหวเหมือนกับที่เฟอน่าทนอยู่รึเปล่าเธอไม่ได้รู้จัก มาร์เป็นการส่วนตัว แต่เท่าที่ดูเขาไม่ใช่คนเลวร้ายและเชอรีนก็เล่าเรื่องเพื่อนทั้งสามคนของเธอให้ฟังมากทีเดียว สรุปก็คือมาร์เป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน และเป็นคนที่อ่อนโยนมาเกินกว่าจะคาดเดาได้ ส่วนเฟอร่าเป็นสาวมั่
มีเรื่องราวมากมายที่มาลิคอยากจะเอ่ยเล่าให้โรแอนด์ฟัง เขาดีใจมากๆ ที่พบเจอเธอที่นี่ บอกตามตรงว่าชีวิตของเขามันพลิกผันไปหมด เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนสารเลวเพียงเพราะว่าเขาไม่รักษาให้เอียน แอนเซลบาทหลวงที่โบสถ์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้คาดินันหายตัวไป เพราะว่าเขาต้องการขึ้นเป็นคาดินันเพื่อปกครองโบสถ์แห่งนั้นแทนเขาสูญสิ้นความหวังในการมีชีวิตอยู่เพราะแบบนั้นมาลิคจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อลองมาใช้ชีวิตในโลกที่ตรงกันข้ามกับเขาดู เมืองปีศาจที่เต็มไปด้วยปีศาจมากมายอาจจะไม่ได้น่ากลัวเท่ากับเมืองมนุษย์ก็ได้ เขาหลบหนีเข้ามาเนื่องจากองค์รัชทายาทประกาศให้ปิดประตูเมืองที่เชื่อมต่อกัน พร้อมกับมีรับสั่งให้กวาดล้างปีศาจทั้งหมด“ใจเย็นๆ ค่ะท่านมาลิค เรามีเวลามากพอที่จะพูดคุยเรื่องของท่านกันทั้งวันเลย”ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา ครั้งหนึ่งมาลิคได้ส่งเธอหนีออกมาจากโบสถ์ หนีจากเอียนและในยามนี้เธอต้องตอบแทนบุญคุณเขาบ้างแล้ว“ขออภัยที่ขัดจังหวะนะคะ ข้ารู้จักร้านน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เราสามารถไปนั่งคุยกันที่นั่นได้”เชอรีนกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้กับองค์ราชินีและ..เพื่อนของพ
เชอรีนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ทำตัวตามสบาย ในยามนี้เธออยู่ที่ปราสาทขององค์ราชา และเบื้องหน้าของเธอนั้นคือองค์ราชาที่แสนหล่อเหลาสะดุดสายตา แน่นอนว่าเธอไม่เคยพบเจอบุรุษผู้ใดงดงามเท่านี้มาก่อนในชีวิต อาจจะเพราะว่าชีวิตของเธอนั้นเจอบุรุษแค่สามคนเท่านั้น นั่นก็คือเพื่อนทั้งสามของเธอแน่นอนว่ารูปลักษณ์ขององค์ราชานั้นดูราวกับว่าเขาคือเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์มากกว่าที่จะเป็นองค์ราชาปีศาจ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เชอรีนอ้าปากค้างแบบไม่สามารถหุบริมฝีปากของเธอลงมาได้นั่นคือการได้มองเห็นความสวยงามไร้ผู้เทียบเคียงขององค์ราชินีเธอรู้ว่าเหล่าปีศาจนั้นจะต้องมีรูปลักษณ์ที่งดงามนั่นคือเรื่องปกติเลยล่ะ แต่ทว่าองค์ราชินีนั้นมีความงดงามในแบบที่ไม่เหมือนกับปีศาจทั่วไป ความงามที่เย้ายวนแต่ทว่าก็น่ารักน่าเอ็นดู รอยยิ้มที่อ่อนโยนนั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเชอรีนมองไปรอบๆ ก็เห็นเพื่อนทั้งสามคนที่อยู่ในสภาพไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก“อะ..แอ่ม หากมองภรรยาของข้าจนพอใจแล้ว เช่นนั้นก็เข้ามาเพื่อทำความเคารพและแนะนำตัวสิ”เอสวากระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกสติของผู้นำทั้งสี่
Commentaires