หลังจากพ่อพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้านเมื่อสิบปีก่อน ทำให้เงินทุกบาทจากพ่อและเรื่องในบ้านทั้งหมดถูกแม่เลี้ยงดูแล น้าเพียบจ่ายเงินให้เธอไปโรงเรียนวันละห้าสิบบาท ค่าข้าวที่โรงเรียนมัธยมจานละสี่สิบบาทแล้วเธอเหลือเงินเพียงสิบบาทจากโรงเรียนต้องนำมาเก็บออม
บางวันเธอเลือกที่จะไม่ทานข้าว เปลี่ยนเป็นแซนด์วิชสักชิ้นให้พออิ่มท้องก็จะเหลือเงินเก็บวันละสามสิบกว่า
เฌอริตาเคยมีเป้าหมายเมื่อหกปีก่อนตอนที่เธอขึ้นชั้นมัธยมว่าอยากมีเงินเก็บสักก้อน ไว้ซื้อของที่อยากได้แต่หลังจากสามปีผ่านไปเป้าหมายนั้นของเธอก็เปลี่ยน
เธอเฝ้าบอกกับตัวเองทุกวันว่าจะต้องมีเงินสักก้อนเพื่อพาตัวเองออกไปอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่บ้านหลังนี้ บ้านที่เหมือนเธออยู่ในนรก เหมือนเป็นคนรับใช้ เธอจึงศึกษาเรื่องการขายของออนไลน์และหาเงินจากช่องทางนั้นมาตลอดสามปีที่ผ่านมาจนจับทางได้
“ป็อปแกอยู่ไหน”
เฌอต่อสายไปหาเพื่อนสนิทที่เคยเรียนมัธยมด้วยกัน เป็นคนที่รู้ทุกเรื่องของเธอ ยกเว้นเรื่องล่าสุดที่ยังไม่ได้ปรึกษา เฌอริตารู้สึกว่ามันทำใจยากเหลือเกินถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาเกือบหกปีแล้วก็ตาม
(เป็นอะไรเฌอ แกร้องไห้ทำไม) ปลายสายร้อนใจเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทสั่นเครือ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันเพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก
“เดี๋ยวค่อยเล่า แกว่างไหม”
วันนี้เป็นวันหยุดป็อปจึงนอนอยู่บ้านดูซีรีส์ตั้งแต่เช้า พอเมื่อเพื่อนสนิทบอกให้ไปรับจึงไม่รีรอขอยืมรถพ่อที่เป็นกระบะสี่ประตูวิ่งตรงไปยังบ้านของเฌอทันที
ไม่บ่อยนักที่เฌอจะขอความช่วยเหลือจากเธอถึงแม่ว่าจะสนิทกันมากแค่ไหน และรู้ว่าเรื่องครอบครัวของเพื่อนไม่ได้มีความสุขเหมือนอย่างใครเขาแต่เธอก็เห็นเพื่อนทนมาตลอด ไม่แน่คราวนี้มันอาจจะไม่ทนแล้ว คนเรามันก็ต้องมีจุดสิ้นสุดของความอดทนบ้าง
“แกจะไปอยู่ไหน”
“ห้องที่เช่าไว้ไง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นป็อปก็พยักหน้ารับรู้ เรื่องนี้มันเป็นความลับของเพื่อนที่เธอเองก็มีส่วนรู้เห็นอยู่บ้าง แถมยังเป็นคนเดียวที่รู้อีกด้วยเพื่อนสนิทอีกคนก็รู้แค่คร่าวๆ
เฌอริตาแอบเช่าอาคารพาณิชย์เก่าๆ หลังหนึ่งในราคาเดือนละสามพันบาทเอาไว้ได้ปีกว่าแล้ว เพื่อใช้เป็นห้องเก็บของที่จะนำมาขายออนไลน์ ทุกๆ วันเธอจะรับออเดอร์จากลูกค้าแล้วเข้าไปแพ็คของช่วงเย็นหลังเลิกเรียนแล้วจึงนั่งรถกลับบ้านจนทำให้ทะเลาะกับพ่ออยู่บ่อยครั้งเพราะถูกแม่เลี้ยงยุโยง
ของที่เฌอขายเป็นพวกเครื่องประดับ สร้อย แหวน งานแฟชั่นราคาไม่แรงและสินค้าในกระแสอย่างอื่น เฌอได้แหล่งสินค้ามาจากเว็บสินค้าออนไลน์ของจีนจากการศึกษานานร่วมปี เฌอมีเพื่อนสนิทอีกคนชื่อบอย สนิทกันอยู่สามคน บอยเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยจีนที่พอจะช่วยเหลือเพื่อนเรื่องการสั่งสินค้าเหล่านี้จากจีนได้บ้างแต่ก็ได้ไม่มากเพราะเงินทุนที่ไม่มากพอ
“ทะเลาะกับพ่อเหรอ ทุกทีแกก็บอกว่าอยู่ได้”
ป็อปหันมองเพื่อนสนิทที่ใบหน้าขาดรอยยิ้ม ทั้งที่เฌอเป็นคนยิ้มสวย ยิ้มทีโลกเหมือนจะสดใสไปหมด แต่ตอนนี้ใบหน้าผุดผ่องนั้นกลับเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ผมฟูยุ่งเหยิง
“อืม” ตอบแค่นั้นแล้วหลุบตาต่ำลง
“แม่เลี้ยงแกอีกแล้วใช่ไหม หรือนังเกลมันหาเรื่องแกอีก”
ที่ผ่านมาป็อปรู้จากปากเพื่อนว่าเวลาอยู่ที่บ้านเฌอต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ตั้งแต่จ่ายตลาด หุงข้าว ทำอาหาร ล้างจานซักผ้า ไหนจะต้องทำเรื่องที่สองแม่ลูกนั้นต้องการยิบย่อย ถูกด่าทอว่าร้ายหลายเรื่อง
ห้องนอนส่วนตัวก็ถูกยึดไปเป็นห้องของยัยเกลจนต้องย้ายมาอยู่ห้องชั้นล่างที่เคยเป็นห้องเก็บของ พ่อก็ปกป้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าเฌอทนอยู่ไปได้ยังไง
แต่ที่เธอนับถือใจเพื่อนคือมันไม่เคยท้อเลย ยังเจียดเวลาอันน้อยนิดไปหาเงินเก็บไว้ใช้ส่วนตัวได้ จนตอนนี้รายได้ของเฌอต่อเดือนแตะหกหลักต่อเดือนก็เคยมี
“ไม่ใช่เพราะพวกนั้น แต่เป็นเพราะฉัน” เฌอหันมองเพื่อนที่กำลังขับรถน้ำตาคลอ
“แกทำอะไร”
“แกจำพี่คนนั้นได้ไหม คืนนั้น”
ป็อปขมวดคิ้วครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ปกติเพื่อนไม่เคยพูดถึงเรื่องผู้ชายให้ฟังนักหรอก แต่วันนั้นที่ไปเที่ยวกันมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาจีบแล้วมันก็ถูกตาต้องใจเขาเข้า ไม่รู้ไปคุยกันอีท่าไหนถึงไปจบที่ห้อง เธอเองก็เมาไม่รู้เรื่อง ตื่นมาตอนเช้าถึงรู้ว่าทิ้งให้เพื่อนไปกับเพื่อนพี่ชาย แถมยังจำอะไรแทบไม่ได้เพราะพากันเมา
“พี่บูมนั่นนะเหรอ”
ป็อปจำเขาได้เพราะหนุ่มรุ่นพี่เป็นเพื่อนของพี่ปืนพี่ชายแท้ๆ ของเธอ แต่เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทเพียงแต่เป็นเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกัน แล้วเขาก็หน้าตาดีชนิดที่ว่าสาวเห็นเป็นต้องเหลียวมอง ไหนจะหุ่นดี รูปร่างราวกับนายแบบ
ไม่แปลกใจที่ยัยเฌอมันจะตกไปในหลุมนั้นอย่างง่ายดาย เผลอไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับเขา
“อืม”
“ทำไม”
“ฉันท้อง”
-------------
บทที่ 24เสียงนาฬิกาปลุกดังซ้ำอยู่หลายทีแล้ว แต่เจ้าของมันไม่แม้แต่จะขยับ คนที่ปลุกไม่ยอมตื่นส่วนคนที่ตื่นไม่ได้ตั้งปลุกมือน้อย ๆ ของเด็กชายธีธัชตบลงที่แขนแม่เฌอหลายที เมื่อแม่ไม่ตื่นเขาจึงคลานขยับไปอีกนิด ตบที่แขนของผู้เป็นพ่อ คราวนี้มีคนปิดเสียงรบกวนที่ฟังไม่รื่นหูเสียที“อือ~” คนร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย แต่แขนกำยำยังกอดก่ายอยู่บนร่างกายของเมียเขา ปรือตามองเพียบเล็กน้อยก็เห็นว่าลูกชายนั่งมองเขากับเธออยู่บนเตียงตากลมแป๋ว“พ่อบูม”ลูกชายชินแล้วที่เห็นหน้าชายหนุ่มตอนตื่นนอนแต่ที่ไม่ชินคงเป็นเพราะเขาเลื่อนขั้นมาอยู่บนเตียงแถมยังได้กอดเมียทั้งคืน บูมยิ้มให้ลูกชายก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง อ้าแขนให้ลูกเข้ามาหา“ตื่นเช้าจัง มาหาพ่อเร็ว”น้องฌอนคลานข้ามตัวแม่ไปหาพ่อ คว้าเอามือถือไปด้วยให้เขาช่วยปิด บูมเลิกคิ้วแต่เมื่อพลิกจอดูแล้วถึงรู้ว่านาฬิกาปลุกของคนที่ยังหลับปุ๋ยนั้นดังอยู่หลายครั้งแล้วเมื่อคืนเขาจัดหนักจัดเต็ม แตกยกแรกแล้วต่อยกสองที่ครัว จัดต่อในห้องน้ำ จนเธอหลับไหลคา…อกเขาอยากเห็นแบบนี้ทุกวัน อยากตื่นนอนแล้วได้เห็นหน้าลูก เห็นหน้าเมีย กอดหอม ดอมดมทั้งลูกทั้งเมียเท่านี้ก็มีความสุขมากแล้
บทที่ 23ยกจนหมดอีกกระป๋องเฌอก็เริ่มกรึ่มได้ที่ กลิ่นหอมที่ลอยตลบผ่านลมโชยเข้าจมูกชวนให้ใจดวงน้อยรู้สึกกระสับกระส่ายคล้ายลมพายุกำลังใกล้เข้ามาเตรียมจะพัดพาร่างของเธอให้ลอยหวือลอยหวือ!ร่างบอบบางถูกรวบกอดแล้วยกจนตัวลอยให้ไปนั่งอยู่บนตักในท่าเดิม เขารวดเร็วจนเธอตกใจ อาบน้ำห้านาทีไม่มีขาดเกิน“ห้านาทีไม่เกินจริง สะอาดไหมเนี่ย”“สะอาดทุกซอกมุม”คำว่า ‘ซอกมุม ‘ทำเอาคนตัวเล็กตัวสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง ขนลุกไปทั้งตัว อุตส่าห์คิดว่าเบียร์สองกระป๋องจะทำให้เธอใจกล้าหน้าด้านแต่เรียกความกล้าหน้าด้านนั้นมาแล้วมันก็ไม่ยอมออกมาเสียที“ขออีกป๋อง”“พอแล้วเดี๋ยวเมาหลับ”ก็ต้องหลับไม่ใช่หรือ“ง่วงแล้วเหมือนกัน” เธอแกล้งว่าทั้งที่ตื่นทั้งตาทั้งอวัยวะส่วนอื่น“เธอครับ พี่รีบอาบน้ำยิ่งกว่าอยู่ค่ายทหาร”เฌอหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเขามอบจุมพิตหวานหอมให้คนเร่งรีบอาบน้ำเป็นรางวัล ถ้าแกล้งอีกสงสัยมีงอนให้เธอได้ง้อแน่“รีบทำไมเฌออยากรู้”“รีบมากิน…เบียร์กับเธอ”“แต่ไม่เห็นแตะเบียร์”“เบียร์ในปากเธออร่อยกว่า”เขาดื่มเบียร์ไปเพียงหนึ่งกระป๋อง อีกสองเธอดื่ม เหลือไว้หนึ่งกระป๋องที่สงสัยจะถูกเมินแล้ว บูมเหมือนเมาได้ที่ ม
เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อารมณ์ตกใจ ประหลาดใจปะปนกันไปหมด หัวใจเต้นโครมครามกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างน่าเป็นห่วง จนนึกไม่ออกว่าควรทำอย่างไรต่อเมื่อกี้ฉันทำอะไรค้างไว้นะเขาเองก็ไม่เคยพูดเรื่องของแม่ให้เธอฟัง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของเธอกับเขาแล้วหรือยัง แต่ดูจสกภาพที่เห็น สรรพนามที่เธอได้รับเดาว่าคงรู้แล้ว“แม่จะเข้ามาหาหลานหลายทีแล้ว แต่เจ้าบูมบอกว่าเพิ่งมา กลัวแม่เฌอตกใจ” เพ็ญศรีหัวเราะขบขัน “ไม่ต้องตกใจนะ แม่แค่เหงาอยากมาเล่นกับหลานน่ะ”“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆเฌอริตาขยับขาที่แข็งเป็นหินนั้นไปข้างหน้า หวังจะเดินไปเก็บของเล่นลูกชายที่เรี่ยราดอยู่บนพื้นแต่แทบสะดุดขาตัวเองล้มเมื่อเพ็ญศรีพูดประโยคถัดมาหน้าระรื่น“แม่จะมาคุยเรื่องหมั้นหมายด้วยน่ะ”เธอหันขวับไปที่คุณนายเพ็ญศรี นึกว่าหูตัวเองฟังผิดเพี้ยนไป อ้าปากพะงาบ ๆ แต่ไม่มีเสียงพูดเพราะคิดคำไม่ออกสถานการณ์ชักน่าเป็นห่วง แต่เฌอรู้ว่าไม่มีใครมาช่วยคิดอะไรได้เลยจึงเปลี่ยนเป็นไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นข้างเพ็ญศรีกับลูกชายแทน“คือว่า…” เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้“เจ้าบูมมันไม่บอกหรือ” เพ็ญศรีมองด้วยสีหน้าสงสัยปนตกใจเฌอริตาสั่นหน้า เพ็ญศรีจึงตบขาต
บทที่ 22เรื่องราวของทั้งคู่กลายมาเป็นประเด็นร้อนให้คนพูดถึงแทนเรื่องตำแหน่งดาวเดือน หลายคนให้กำลังใจแต่ก็มีอีกส่วนน้อยที่ยังด่าว่าคนประเภทนั้นจะเรียกว่าไม่อยู่ในความสนใจก็ไม่ใช่ เขาสนใจที่จะเก็บหลักฐานไปฟ้องเล่น ๆ แต่ไม่สนใจจะเอาคำพูดพวกมันมาใส่ใจ คนพวกนี้ไม่ต่างกับหมาที่นั่งเห่าอยู่หน้าจอไปวัน ๆ“เงินเหลือเหรอมึง”“เออ มีสปอนเซอร์ดี” คุณนายเพ็ญศรีตัวแม่เขาตอบเพื่อนที่นั่งหัวเราะมองเขาเก็บภาพที่มีคนด่าว่าบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเอาให้ทนายส่วนตัวของแม่จัดการให้เข็ดหลาบส่วนพลอยก็หายไปจากชีวิตของเขาเลยจนไม่ต้องทำอะไร นอกจากอวดลูกกับเมียไปวัน ๆกระเช้ากูก็ไม่เอาและไม่ต้องมายกมือไหว้กู!“ว่ากูไม่เท่าไร ด่าลูกเมียกูกูไม่ยอม”“กล้าเรียกเขาว่าเมียเขายอมให้มึงเป็นผัวหรือยัง”คำแซวของไมเนอร์ทำเอาคนฟังสะอึก นอกจากจูบแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเผื่อแผ่มาให้เขาได้ลิ้มลอง เฌอไม่เปิดโอกาสให้เขาสักทีนี่ก็ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วนะที่เธอยอมรับเข้า แต่เขารอได้ อีกไม่นานเกินรอ ก็เขาอ่อยเธออยู่ทุกเช้าเย็น ทั้งถอดเสื้อเดินผ่าน โชว์กล้ามหน้าท้องปึ๋งปั๋ง กอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอให้เธอรู้ว่าอ้อมกอดเขามันอบอุ่น แล้วมั
ลมหายใจของคนตัวเล็กหอบหนัก ในหัวอื้ออึง สติกระจัดกระจายไปหลายที่ ร่างกายอ่อนเปรี้ย ดวงตาหยาดเยิ้มฉ่ำปรือ“หวานจัง”ขยับพูดขณะที่ริมฝากยังแนบชิด ขบกลีบปากของเธออย่างหยอกเย้า คนตัวเล็กอกสั่นขวัญผวาเมื่อเขาขยับริมฝีปากออกจากลีบปากเธอ กดแนบลงที่แก้ม ขยับไปที่ขมับ“พี่บูม” อยากตีปากตัวเองสักสิบที ตั้งใจจะห้ามเขาแต่เสียงเธอกลับสั่นพร่าราวกับเชื้อเชิญ“ครับ” เขาตอบทั้งที่ยังง่วนอยู่กับการก่อกวนเธอ กำปั้นเล็กที่ทุบอยู่ตรงอกไม่มีผลให้คนตัวใหญ่สะทกสะท้าน กล้ามเนื้อไม่มีสะเทือนเลยสักนิด“ไปดูลูกก่อนค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะหึคล้ายชอบใจ เธอเลือกใช้คำได้ดีทีเดียว อยากจะให้เขาปล่อยแล้วหนีแต่ให้ความหวังคล้ายจะกลับมาต่อกันอีก“ข้างนอกหนาวจัง นอนข้างในด้วยได้ไหม”“เฌอมีผ้าห่มให้”“พี่นอนกับพื้น ไม่ขึ้นเตียงให้เธอต้องลำบากแน่นอน”เฌอริตาไม่ยอมตอบเธอขยับตัวเพื่อให้เขาปล่อย อยู่อย่างนี้ต่อรองไปเธอก็แพ้ เขากอดรัดเธอไว้ทั้งร่างจะเอาแรงที่ไหนไปสู้“ได้คืบจะเอาศอก”“ไม่ได้จะเอาศอก” จะเอาเธอต่างหากเขาคิดเล่น ๆ แล้วยิ้มตามหลังคนตัวเล็กที่เหมือนจะยอมให้เข้าไปนอนในห้องด้วยกัน แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เพราะเ
บทที่ 21นานทีเดียวกว่าเธอจะยอมปริปากพูดกับเขา แต่ใบหน้าสะสวยนั้นยังซุกซบอยู่กับลาดไหล่แกร่ง เธอหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่ขยับตัวไปไหนที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันทั้งรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย“เฌอแค่เหนื่อยจนอยากร้องไห้”เสียงของเธออู้อี้อยู่บนตัวเขา“แค่เหนื่อยหรือมีมากกว่านั้น พูดมันออกมาให้หมด ไม่ต้องเก็บมันไว้สักเรื่อง”เธอเงียบอยู่เป็นนาทีถึงขยับใบหน้าออกมา ไม่ทันจะยกฝ่ามือขึ้นปาดน้ำตามือของเขาก็ทำหน้าที่แทนเสียแล้ว เข้าใช้ฝ่ามืออบอุ่นนั้นประคองใบหน้า ใช้นิ้วโป้งปาดเอาหยดน้ำตาที่เกาะพราวกับของตานั้นออก สัมผัสที่ใส่ใจและนุ่นนวลนั้นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเป็นกองโดนเขาตกอีกแล้ว เหมือนกับตอนนั้นเมื่อสองปีก่อน“พี่บูมรู้ไหม เฌอไม่มีใครเลยน้องจากลูก เพราะเฌอถูกไล่ออกจากบ้านตอนที่ทุกคนรู้ว่าท้อง”เขารู้ถึงไม่เคยถามให้เธอรู้สึกไม่ดี รู้ตั้งแต่ตอนที่ตามไปดูเธอถึงบ้านเมื่อสองปีก่อน“รู้ครับ”“รู้ได้ยังไง” เธอถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำถึงแม้จะหยุดร้องแต่น้ำตามันก็พร้อมจะทะลักออกมาทุกเมื่อ“ที่เล่าให้ฟังไปไง เมื่อสองปีที่แล้วพี่ตามไปดูเราเห็นเราถูกไล่ออกจากบ้าน”เฌอพยักหน้าอย่างเข้าใจจสกนั้นเธอก็พูดต่อ“แม่เฌ