ป็อปอุทานลั่นรถด้วยความตกใจ เหยียบเบรกจนหัวแทบทิ่ม กระเป๋าสัมภาระและกล่องหลายใบท้ายรถไหลมากองรวมกันด้านหน้าเกือบหมด ตอนขนขึ้นรถก็เกือบตาย
พ่อกับแม่เลี้ยงยืนมองไม่รั้งไว้สักคำ เวรกรรมแท้ๆ
“แกพูดจริงเหรอยัยเฌอ” เธอถามย้ำเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ไม่ป้องกันเหรอวะ”
“ถุงก็ใส่ ใส่ทุกรอบ”
เธอตอบพลางหน้าร้อนวาบ จริงอยู่ว่าปกติกับเพื่อนก็พูดเรื่องแบบนี้กันบ้าง พูดเล่นกันขำๆ ไม่คิดว่าจะต้องมาพูดในสถานการณ์จริงแบบนี้
“หลายรอบ”
เฌอครางตอบในลำคอเสียงเบาถึงจะเป็นเพื่อนสนิทแต่มันก็น่าอายอยู่ดี
“ถุงแตกหรือเปล่า”
“ไม่รู้”
“แล้วแกติดต่อเขาไหม”
“โทรไปแล้ว” เธอตอบเสร็จก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
เพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่งได้สามเดือนกว่าตอนนี้มาท้องแถมยังโดนไล่ออกจากบ้าน มีอะไรแย่ไปกว่านี้ไหม แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเองทั้งนั้นจะโทษใครได้ ถ้าคืนนั้นไม่อยากรู้อยากลองคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“เขาว่าไง”
“ก็ไม่รับ บอกว่าไม่ใช่เขาแน่นอน” เธอตอบ รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้
เขามีสิทธิ์ที่จะไม่รับ เขาไม่ผิด ในเมื่อเธอง่ายเอง ตัวเขาไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธออยู่แล้ว ปัญหาของเธอตอนนี้คือจะทำอย่างไรกับลูกในท้องต่างหาก
“มันต้องรับผิดชอบร่วมกันไหมวะ อย่างนี้ก็หมาดิ”
ป็อปพูดออกมาอย่างหัวเสีย ถ้าจะไม่รับผิดชอบก็ช่วยคิดแก้ปัญหาก็ยังดี ทำอย่างนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยสักนิดเดียว เธอคิดพลางหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองเลื่อนหาเบอร์พี่ชายตัวเอง
“แกจะทำอะไร อย่าบอกพี่แก อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ฉันขอคิดแก้ปัญหาก่อนได้ไหม”
เฌอริตารู้ว่าเพื่อนกำลังจะโทร.ไปโวยพี่ชายตัวเองเรื่องเพื่อนเขาแน่จึงรีบห้ามอย่างรู้ทัน เธอไม่อยากให้ใครรู้ มันน่าอาย โคตรจะขายขี้หน้าตัวเอง ไปนอนกับผู้ชายแล้วพลาดท้องยังจะมีหน้าไปขอให้เขารับผิดชอบ
“แล้วแกจะทำยังไง”
เพื่อนสนิทคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ป็อปหัวหมุนจนต้องยกมือขึ้นมายีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ปัญหาของเพื่อนทำให้เธอกังวลจนเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองแล้ว
“ฉันเพิ่งรู้เมื่อเช้า มันช็อคจนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง” เธอเอ่ยแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
พลันสมองก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่ใช่ว่าผู้ชายคนนั้นเอาเรื่องเธอไปพูดให้ใครต่อใครฟังแล้วหรอกนะ
Cherrita : เรื่องนั้นอย่าเอาไปพูดให้ใครฟัง เฌอไม่คิดจะไปรบกวนอะไรพี่อยู่แล้ว ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ ขอแค่เรื่องเดียว ให้มันเป็นความลับ
ส่งข้อความนั้นเสร็จเธอก็จัดการบล็อกเบอร์และไลน์ของเขาด้วยความใจร้อน ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอต้องติดต่อเขาอีก ต่อให้เก็บลูกในท้องไว้หรือเอาเขาออกไปจากชีวิต
“ถ้าตั้งแต่ตอนนั้นแปลว่าก็ห้าเดือนแล้วดิ แกดูไม่เปลี่ยนเลยนะ แล้วทำไมแกเพิ่งมารู้วะเฌอ”
“ปกติประจำเดือนมันก็ไม่ได้มาปกติอยู่แล้วเว่ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ไปหาหมอก็ได้ยาปรับฮอร์โมน พอหมอหยุดยามันก็เป็นแบบเดิม ฉันก็ไม่เอะใจอะไร “
” แล้วแกรู้ได้ไงว่าท้อง “
” ครั้งนี้มันนานไป แล้วรู้สึกแปลกๆ ช่วงท้อง ไหนจะอาการอื่นอีก ไม่คิดนะว่าจะท้องเพราะป้องกันไง”
เธอเล่าพลางวางศอกกับที่จับตรงประตู วางศีรษะกับฝ่ามือแล้วเหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ห้าเดือนมันนานมากนะ นานพอที่จะทำให้อีกชีวิตในท้องของเธอสร้างสมอง สร้างหัวใจ สร้างร่างกายเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ถ้าเธอเอาเขาออกไปจากชีวิตเท่ากับเธอกำลังจะคร่าชีวิตหนึ่งอย่างโหดร้าย
ฝ่ามือเล็กลูบลงไปที่ท้องของตัวเอง เพิ่งรู้ตัวว่าอาการเหมือนมีฟองน้ำอยู่ในท้องคือการที่ลูกกำลังขยับตัวทักทายคุณแม่อย่างเธอ
แม่อย่างนั้นหรือ
เธอพร้อมที่จะเป็นแม่ใครหรือยัง ตอนนี้เธออายุย่างสิบเก้าปี มีความฝันอยากใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า อยากทำงานและเรียนไปด้วย เก็บเงินให้ได้สิบล้านเพื่อซื้อบ้านสักหลังด้วยความสามารถของตัวเองและออกมาจากบ้านหลังนั้นเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เธอทำสำเร็จแค่เรื่องเดียวคือออกมากบ้านหลังนั้นได้แล้ว แต่แลกมากับความรู้สึกที่เสียไปมากมาย ถูกพ่อทำร้ายเพราะโกรธ ถูกเมินจากคนที่เธอรักมากที่สุด
คนอย่างเธอนะหรือที่จะเป็นแม่ เป็นผู้หญิงที่มีใครคนหนึ่งเรียกว่าแม่
“จะเก็บหรือเอาออกวะแก”
เพื่อนสนิทถามอย่างหนักใจ จริงอยู่ว่าช่วงนี้เพื่อนมีรายได้มากมายจากการขายของออนไลน์แบบที่เธอเองยังทำไม่ได้ ยังเป็นคนที่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ แต่เพื่อนมีเงินเก็บหลักแสนแล้วในตอนนี้
แต่การเป็นแม่คน การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมามันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ แค่ให้เธออยู่กับหลานวัยสามขวบทั้งวันยังเกือบตาย
“เป็นคนแล้วนะป็อป”
--------------
พี่บูมนอนสบายใจเฉิบ ไม่รู้ๆ ไม่ใช่ลูกผ้มมม
บทที่ 24เสียงนาฬิกาปลุกดังซ้ำอยู่หลายทีแล้ว แต่เจ้าของมันไม่แม้แต่จะขยับ คนที่ปลุกไม่ยอมตื่นส่วนคนที่ตื่นไม่ได้ตั้งปลุกมือน้อย ๆ ของเด็กชายธีธัชตบลงที่แขนแม่เฌอหลายที เมื่อแม่ไม่ตื่นเขาจึงคลานขยับไปอีกนิด ตบที่แขนของผู้เป็นพ่อ คราวนี้มีคนปิดเสียงรบกวนที่ฟังไม่รื่นหูเสียที“อือ~” คนร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย แต่แขนกำยำยังกอดก่ายอยู่บนร่างกายของเมียเขา ปรือตามองเพียบเล็กน้อยก็เห็นว่าลูกชายนั่งมองเขากับเธออยู่บนเตียงตากลมแป๋ว“พ่อบูม”ลูกชายชินแล้วที่เห็นหน้าชายหนุ่มตอนตื่นนอนแต่ที่ไม่ชินคงเป็นเพราะเขาเลื่อนขั้นมาอยู่บนเตียงแถมยังได้กอดเมียทั้งคืน บูมยิ้มให้ลูกชายก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง อ้าแขนให้ลูกเข้ามาหา“ตื่นเช้าจัง มาหาพ่อเร็ว”น้องฌอนคลานข้ามตัวแม่ไปหาพ่อ คว้าเอามือถือไปด้วยให้เขาช่วยปิด บูมเลิกคิ้วแต่เมื่อพลิกจอดูแล้วถึงรู้ว่านาฬิกาปลุกของคนที่ยังหลับปุ๋ยนั้นดังอยู่หลายครั้งแล้วเมื่อคืนเขาจัดหนักจัดเต็ม แตกยกแรกแล้วต่อยกสองที่ครัว จัดต่อในห้องน้ำ จนเธอหลับไหลคา…อกเขาอยากเห็นแบบนี้ทุกวัน อยากตื่นนอนแล้วได้เห็นหน้าลูก เห็นหน้าเมีย กอดหอม ดอมดมทั้งลูกทั้งเมียเท่านี้ก็มีความสุขมากแล้
บทที่ 23ยกจนหมดอีกกระป๋องเฌอก็เริ่มกรึ่มได้ที่ กลิ่นหอมที่ลอยตลบผ่านลมโชยเข้าจมูกชวนให้ใจดวงน้อยรู้สึกกระสับกระส่ายคล้ายลมพายุกำลังใกล้เข้ามาเตรียมจะพัดพาร่างของเธอให้ลอยหวือลอยหวือ!ร่างบอบบางถูกรวบกอดแล้วยกจนตัวลอยให้ไปนั่งอยู่บนตักในท่าเดิม เขารวดเร็วจนเธอตกใจ อาบน้ำห้านาทีไม่มีขาดเกิน“ห้านาทีไม่เกินจริง สะอาดไหมเนี่ย”“สะอาดทุกซอกมุม”คำว่า ‘ซอกมุม ‘ทำเอาคนตัวเล็กตัวสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง ขนลุกไปทั้งตัว อุตส่าห์คิดว่าเบียร์สองกระป๋องจะทำให้เธอใจกล้าหน้าด้านแต่เรียกความกล้าหน้าด้านนั้นมาแล้วมันก็ไม่ยอมออกมาเสียที“ขออีกป๋อง”“พอแล้วเดี๋ยวเมาหลับ”ก็ต้องหลับไม่ใช่หรือ“ง่วงแล้วเหมือนกัน” เธอแกล้งว่าทั้งที่ตื่นทั้งตาทั้งอวัยวะส่วนอื่น“เธอครับ พี่รีบอาบน้ำยิ่งกว่าอยู่ค่ายทหาร”เฌอหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเขามอบจุมพิตหวานหอมให้คนเร่งรีบอาบน้ำเป็นรางวัล ถ้าแกล้งอีกสงสัยมีงอนให้เธอได้ง้อแน่“รีบทำไมเฌออยากรู้”“รีบมากิน…เบียร์กับเธอ”“แต่ไม่เห็นแตะเบียร์”“เบียร์ในปากเธออร่อยกว่า”เขาดื่มเบียร์ไปเพียงหนึ่งกระป๋อง อีกสองเธอดื่ม เหลือไว้หนึ่งกระป๋องที่สงสัยจะถูกเมินแล้ว บูมเหมือนเมาได้ที่ ม
เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อารมณ์ตกใจ ประหลาดใจปะปนกันไปหมด หัวใจเต้นโครมครามกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างน่าเป็นห่วง จนนึกไม่ออกว่าควรทำอย่างไรต่อเมื่อกี้ฉันทำอะไรค้างไว้นะเขาเองก็ไม่เคยพูดเรื่องของแม่ให้เธอฟัง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของเธอกับเขาแล้วหรือยัง แต่ดูจสกภาพที่เห็น สรรพนามที่เธอได้รับเดาว่าคงรู้แล้ว“แม่จะเข้ามาหาหลานหลายทีแล้ว แต่เจ้าบูมบอกว่าเพิ่งมา กลัวแม่เฌอตกใจ” เพ็ญศรีหัวเราะขบขัน “ไม่ต้องตกใจนะ แม่แค่เหงาอยากมาเล่นกับหลานน่ะ”“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆเฌอริตาขยับขาที่แข็งเป็นหินนั้นไปข้างหน้า หวังจะเดินไปเก็บของเล่นลูกชายที่เรี่ยราดอยู่บนพื้นแต่แทบสะดุดขาตัวเองล้มเมื่อเพ็ญศรีพูดประโยคถัดมาหน้าระรื่น“แม่จะมาคุยเรื่องหมั้นหมายด้วยน่ะ”เธอหันขวับไปที่คุณนายเพ็ญศรี นึกว่าหูตัวเองฟังผิดเพี้ยนไป อ้าปากพะงาบ ๆ แต่ไม่มีเสียงพูดเพราะคิดคำไม่ออกสถานการณ์ชักน่าเป็นห่วง แต่เฌอรู้ว่าไม่มีใครมาช่วยคิดอะไรได้เลยจึงเปลี่ยนเป็นไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นข้างเพ็ญศรีกับลูกชายแทน“คือว่า…” เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้“เจ้าบูมมันไม่บอกหรือ” เพ็ญศรีมองด้วยสีหน้าสงสัยปนตกใจเฌอริตาสั่นหน้า เพ็ญศรีจึงตบขาต
บทที่ 22เรื่องราวของทั้งคู่กลายมาเป็นประเด็นร้อนให้คนพูดถึงแทนเรื่องตำแหน่งดาวเดือน หลายคนให้กำลังใจแต่ก็มีอีกส่วนน้อยที่ยังด่าว่าคนประเภทนั้นจะเรียกว่าไม่อยู่ในความสนใจก็ไม่ใช่ เขาสนใจที่จะเก็บหลักฐานไปฟ้องเล่น ๆ แต่ไม่สนใจจะเอาคำพูดพวกมันมาใส่ใจ คนพวกนี้ไม่ต่างกับหมาที่นั่งเห่าอยู่หน้าจอไปวัน ๆ“เงินเหลือเหรอมึง”“เออ มีสปอนเซอร์ดี” คุณนายเพ็ญศรีตัวแม่เขาตอบเพื่อนที่นั่งหัวเราะมองเขาเก็บภาพที่มีคนด่าว่าบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเอาให้ทนายส่วนตัวของแม่จัดการให้เข็ดหลาบส่วนพลอยก็หายไปจากชีวิตของเขาเลยจนไม่ต้องทำอะไร นอกจากอวดลูกกับเมียไปวัน ๆกระเช้ากูก็ไม่เอาและไม่ต้องมายกมือไหว้กู!“ว่ากูไม่เท่าไร ด่าลูกเมียกูกูไม่ยอม”“กล้าเรียกเขาว่าเมียเขายอมให้มึงเป็นผัวหรือยัง”คำแซวของไมเนอร์ทำเอาคนฟังสะอึก นอกจากจูบแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเผื่อแผ่มาให้เขาได้ลิ้มลอง เฌอไม่เปิดโอกาสให้เขาสักทีนี่ก็ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วนะที่เธอยอมรับเข้า แต่เขารอได้ อีกไม่นานเกินรอ ก็เขาอ่อยเธออยู่ทุกเช้าเย็น ทั้งถอดเสื้อเดินผ่าน โชว์กล้ามหน้าท้องปึ๋งปั๋ง กอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอให้เธอรู้ว่าอ้อมกอดเขามันอบอุ่น แล้วมั
ลมหายใจของคนตัวเล็กหอบหนัก ในหัวอื้ออึง สติกระจัดกระจายไปหลายที่ ร่างกายอ่อนเปรี้ย ดวงตาหยาดเยิ้มฉ่ำปรือ“หวานจัง”ขยับพูดขณะที่ริมฝากยังแนบชิด ขบกลีบปากของเธออย่างหยอกเย้า คนตัวเล็กอกสั่นขวัญผวาเมื่อเขาขยับริมฝีปากออกจากลีบปากเธอ กดแนบลงที่แก้ม ขยับไปที่ขมับ“พี่บูม” อยากตีปากตัวเองสักสิบที ตั้งใจจะห้ามเขาแต่เสียงเธอกลับสั่นพร่าราวกับเชื้อเชิญ“ครับ” เขาตอบทั้งที่ยังง่วนอยู่กับการก่อกวนเธอ กำปั้นเล็กที่ทุบอยู่ตรงอกไม่มีผลให้คนตัวใหญ่สะทกสะท้าน กล้ามเนื้อไม่มีสะเทือนเลยสักนิด“ไปดูลูกก่อนค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะหึคล้ายชอบใจ เธอเลือกใช้คำได้ดีทีเดียว อยากจะให้เขาปล่อยแล้วหนีแต่ให้ความหวังคล้ายจะกลับมาต่อกันอีก“ข้างนอกหนาวจัง นอนข้างในด้วยได้ไหม”“เฌอมีผ้าห่มให้”“พี่นอนกับพื้น ไม่ขึ้นเตียงให้เธอต้องลำบากแน่นอน”เฌอริตาไม่ยอมตอบเธอขยับตัวเพื่อให้เขาปล่อย อยู่อย่างนี้ต่อรองไปเธอก็แพ้ เขากอดรัดเธอไว้ทั้งร่างจะเอาแรงที่ไหนไปสู้“ได้คืบจะเอาศอก”“ไม่ได้จะเอาศอก” จะเอาเธอต่างหากเขาคิดเล่น ๆ แล้วยิ้มตามหลังคนตัวเล็กที่เหมือนจะยอมให้เข้าไปนอนในห้องด้วยกัน แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เพราะเ
บทที่ 21นานทีเดียวกว่าเธอจะยอมปริปากพูดกับเขา แต่ใบหน้าสะสวยนั้นยังซุกซบอยู่กับลาดไหล่แกร่ง เธอหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่ขยับตัวไปไหนที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันทั้งรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย“เฌอแค่เหนื่อยจนอยากร้องไห้”เสียงของเธออู้อี้อยู่บนตัวเขา“แค่เหนื่อยหรือมีมากกว่านั้น พูดมันออกมาให้หมด ไม่ต้องเก็บมันไว้สักเรื่อง”เธอเงียบอยู่เป็นนาทีถึงขยับใบหน้าออกมา ไม่ทันจะยกฝ่ามือขึ้นปาดน้ำตามือของเขาก็ทำหน้าที่แทนเสียแล้ว เข้าใช้ฝ่ามืออบอุ่นนั้นประคองใบหน้า ใช้นิ้วโป้งปาดเอาหยดน้ำตาที่เกาะพราวกับของตานั้นออก สัมผัสที่ใส่ใจและนุ่นนวลนั้นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเป็นกองโดนเขาตกอีกแล้ว เหมือนกับตอนนั้นเมื่อสองปีก่อน“พี่บูมรู้ไหม เฌอไม่มีใครเลยน้องจากลูก เพราะเฌอถูกไล่ออกจากบ้านตอนที่ทุกคนรู้ว่าท้อง”เขารู้ถึงไม่เคยถามให้เธอรู้สึกไม่ดี รู้ตั้งแต่ตอนที่ตามไปดูเธอถึงบ้านเมื่อสองปีก่อน“รู้ครับ”“รู้ได้ยังไง” เธอถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำถึงแม้จะหยุดร้องแต่น้ำตามันก็พร้อมจะทะลักออกมาทุกเมื่อ“ที่เล่าให้ฟังไปไง เมื่อสองปีที่แล้วพี่ตามไปดูเราเห็นเราถูกไล่ออกจากบ้าน”เฌอพยักหน้าอย่างเข้าใจจสกนั้นเธอก็พูดต่อ“แม่เฌ