ภายในงานเลี้ยงมีแขกมากมายจนบูมรู้สึกอึดอัด มันไม่เหมือนในผับที่มีแต่สาวสวย การมองไปทางไหนเจอแต่พวกมนุษย์วัยห้าสิบถึงเจ็ดสิบเป็นอะไรที่น่าเบื่อเกินทน หากว่าไม่มีใครบางคนที่ทำให้เขาทนอยู่ตรงนี้ได้คงหนีไปแล้ว
เมื่อชั่วโมงก่อนเขาวางแผนจะปฏิเสธการมางานเลี้ยงกับบุพการีของตัวเอง ทว่า การแจ้งเตือนว่าผู้หญิงที่เขาสนใจโพสรูปอยู่ในงานพอดีนั้นทำให้เขาเปลี่ยนความคิด รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วมายืนอยู่ในงานจนได้
วันนี้แหละที่เขาจะทำความรู้จักกับน้องพลอยคนสวยลูกเจ้าของห้างเพชร วันเวลาช่างเหมาะเจาะอย่างกับมีคิวปิดมายิ่งศรใส่
“บูม คนนี้ป้าวิไลเจ้าของห้างเพชรชื่อดังที่แม่เคยเล่าให้ฟังไง” เพ็ญศรีสะกิดลูกชายให้หันมาทักทายผู้ใหญ่ ทีแรกเขาเกือบทำเป็นไม่สนใจแต่ดูเหมือนคำว่าเพชรจะทำให้นึกถึงใครบางคนถึงได้หันมามองด้วยความสนใจ
“สวัสดีครับคุณวิไล”
เขาเอ่ยสวัสดีพร้อมประนมมือไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะขยับลูกตามองไปที่ร่างอรชรของใครอีกคนที่กำลังมองมา เธอเองก็ยิ้มหวานส่งมาให้เขา
น่ารักอะไรอย่างนี้
“ไหว้พระเถอะลูก”
ไหว้แม่ยายต่างหาก
“น้องพลอย ลูกสาวดิฉันเองค่ะ น่าจะรุ่นน้องบูมเขาหนึ่งปี พลอยคนนี้น้าเพ็ญศรี เพื่อนซี้ร่วมทริปของแม่เลยนะ” วิไลแนะนำลูกสาวให้อีกฝ่ายรู้จัก แอบคิดในใจว่าถ้าสองคนนี้สนใจกันขึ้นมาเธอคงจะดันอย่างเต็มที่
ก็ทางเพ็ญศรีฐานะดีกว่าเธอ ธุรกิจเติบโตไปเรื่อยๆ จน ตระกูลนี้จะเป็นมหาเศรษฐีอยู่แล้ว ถ้าได้ดองกับบ้านนี้ลูกเธอคงสบายไปทั้งชาติ
“สวัสดีค่ะน้าเพ็ญศรี”
บูมยืนมองสาวสวยตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยอมหุบสักที มันยิ้มเองโดยไม่ต้องพยายาม หน้าสวย ผิวขาวแถมยังมารยาทดีอีกต่างหาก ถ้าเขาได้คนนี้เป็นเมียคงเหมาะสมที่สุดแล้วไหมวะ
“สวัสดีลูก ได้ข่าวว่าเรียนที่เดียวกันกับพี่เขา รู้จักกันไหมนะ เจอกันบ้างไหม”
เพ็ญสีดูเหมือนจะถูกใจหญิงสาววัยสิบเก้าปีคนนี้ไม่น้อย ผู้หญิงเรียบร้อยพูดน้อยและมีมารยาทแบบนี้แหละที่อยากให้ลูกชายเจอ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดบังคับ หากทั้งคู่พอใจกันหรือยังไม่ใช่ก็สุดแล้วแต่ลูกชายจะตัดสินใจ
“ไม่เคยเห็นหน้าพี่บูมเลยค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วมองอีกคนพลางยิ้ม เขารู้ว่าเธอโกหกจะไม่เคยได้อย่างไรก็เขาแกล้งเดินผ่าน แกล้งไปทานข้าวร้านเดียวกับเธอเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญออกจะบ่อย
“เจอน้องพลอยอยู่นะครับ แต่น้องคงไม่รู้จักผม”
เขาตอบแล้วยิ้มมุมปากมองอีกคน ก่อนที่ผู้ใหญ่จะแซวกันไปมาแล้วปลีกตัวไปทักทายแขกคนอื่นปล่อยให้เขากับพลอยได้คุยกันตามประสาคนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
“ไม่คิดว่าจะมาเจอในงานแบบนี้” เขาพูดแล้วส่งสายตายิ้มหวานไปให้อีกฝ่าย
“งานแบบนี้ สำหรับพี่บูมมันยังไงคะ”
“มันน่าเบื่อ คนก็เยอะ คิดว่าเราคงไม่ชอบ”
“พี่บูมชอบไหม”
“พี่ไม่ชอบ”
“แล้วมาทำไมคะ”
เขาเงียบเมื่อถูกถามแบบนั้นไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบตรงตัวหรือเป็นคำพูดประชดกันแน่ เมื่อพลอยเห็นว่าเขาเงียบและกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดจึงรีบพูดประโยคถัดมา
“ขนาดพี่บูมไม่ชอบยังมายืนตรงนี้ พลอยก็เหมือนกันแหละค่ะ”
“พี่มาเพราะเห็นว่าเรามา”
เขาโล่งใจที่รู้ว่าไม่ได้โดนเหน็บ จึงเอ่ยประโยคที่คิดว่าจะทำให้มีผลต่อความรัสึกของอีกฝ่าย มันไม่ได้รุกแรงไปแต่สื่อว่าเขาให้ความสนใจเธออยู่นะ เธอมาเขาก็เลยอยากมา
มาเจอเธอ...
พลอยยิ้มอย่างเคอะเขิน เธอเองก็สนใจคนตรงหน้าอยู่เหมือนกัน ได้ยินแม่พูดถึงครอบครัวนี้บ่อยจนเธอได้รู้ว่าบูมคือทายาทคนเล็กของบ้านศิวดลมณี ถึงแม้จะสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป แต่เพ็ญศรีก็สามารถดูแลลูกและธุรกิจให้เติบโตได้อย่างงดงาม
มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากได้ลูกชายบ้านนี้มาเป็นแฟน พลอยเองก็ผู้หญิงคนหนึ่งที่หวังอยากอยู่อย่างสุขสบาย มีผู้ชายหล่อรวยอยู่ข้างกายและผู้ชายตรงหน้านี้ก็เป็นไปในแบบที่เธอต้องการ
เขาเองก็ดูสนใจเธอจนทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าเขาจะกลายเป็นของเธอได้ไม่ยาก
“รู้ได้ยังไงคะว่าพลอยมาที่นี่” เธอแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเพราะตัวเองเพิ่งอัพเดทความเป็นไปของชีวิตเมื่อชั่วโมงก่อน เธอทำไปก็เพราะอยากให้เขาเห็น
“พี่เห็นเราโพส เลยรีบมานี่ไง”
“พี่บูมดูเจ้าชู้เนอะ”
เธอแกล้งว่าแต่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าผู้ชายนี้ยังไม่เคยคบใครจริงจัง เธอสืบรู้มาเกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขา รู้ว่าเขาเที่ยวบ่อย พาผู้หญิงขึ้นห้องเป็นว่าเล่น ทว่าช่วงหลังมานี้รู้สึกว่าเขาจะเพลาเรื่องพวกนั้นลง เธอคิดว่าอาจเป็นเพราะเขา...สนใจเธออยู่
ผู้ชายเวลาเจอคนที่ชอบ มักจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พลอยไม่ได้หลงตัวเองแต่เขากำลังให้ความสนใจเธออยู่จริง ตั้งแต่เดือนก่อนที่เขาติดตามเธอผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเกือบทุกอย่าง กดไลก์ กดหัวใจให้ทุกรูปที่เธออัปโหลด แต่ไม่เห็นจะทำความรู้จักเธอสักที
เธอรอจนเหนื่อย รอให้เขาเป็นฝ่ายเริ่ม ทว่าเขาก็ไม่เห็นเขาเข้าหาเธอสักที คิดอยู่ว่าวันนี้ถ้าไม่ได้เจอได้คุยกันเธออาจจะเป็นฝ่ายเริ่มทำความรู้จักกับเขาเองเสียเลย มันคงไม่ดูแย่ไปหรอกใช่ไหม
“เราคิดว่าพี่เจ้าชู้ไหม”
“พลอยไม่รู้ค่ะ เพิ่งรู้จักเพิ่งได้คุยกันตอนนี้”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ดูภายนอกเธอเป็นคนเรียบร้อย เขาคิดว่าเธอจะเป็นคนพูดน้อย ที่ไหนได้พูดเก่งไม่เบา แต่ก็น่ารักอยู่ดี
“งั้นต้องรู้จักกันมากกว่านี้ จะได้รู้ว่าพี่ไม่เจ้าชู้เลย”
“พลอยจะรอดูนะคะ”
ต่างฝ่ายต่างเปิดโอกาสให้อีกคนเข้าหากันอย่างเต็มที่ แต่บูมไม่ได้รีบร้อน เขาอยากค่อยเป็นค่อยไปเพราะตอนนี้เขาก็แค่เด็กปีสอง อายุยี่สิบ จะให้คิดถึงเรื่องแต่งงานคงไม่ใช่ แต่ถ้าคุยกันถูกใจ เข้ากันได้ก็ไม่แน่ทางแม่ก็ดูจะสะดวกดีไม่มีใครมากั้น
----------------จ่ายเงินจ้างมันมาเป็นพระเอกแล้ว แต่รู้สึกไม่คุ้มค่าตัว เหลวไหลมาก 🤣🤣
บทที่ 24เสียงนาฬิกาปลุกดังซ้ำอยู่หลายทีแล้ว แต่เจ้าของมันไม่แม้แต่จะขยับ คนที่ปลุกไม่ยอมตื่นส่วนคนที่ตื่นไม่ได้ตั้งปลุกมือน้อย ๆ ของเด็กชายธีธัชตบลงที่แขนแม่เฌอหลายที เมื่อแม่ไม่ตื่นเขาจึงคลานขยับไปอีกนิด ตบที่แขนของผู้เป็นพ่อ คราวนี้มีคนปิดเสียงรบกวนที่ฟังไม่รื่นหูเสียที“อือ~” คนร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย แต่แขนกำยำยังกอดก่ายอยู่บนร่างกายของเมียเขา ปรือตามองเพียบเล็กน้อยก็เห็นว่าลูกชายนั่งมองเขากับเธออยู่บนเตียงตากลมแป๋ว“พ่อบูม”ลูกชายชินแล้วที่เห็นหน้าชายหนุ่มตอนตื่นนอนแต่ที่ไม่ชินคงเป็นเพราะเขาเลื่อนขั้นมาอยู่บนเตียงแถมยังได้กอดเมียทั้งคืน บูมยิ้มให้ลูกชายก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง อ้าแขนให้ลูกเข้ามาหา“ตื่นเช้าจัง มาหาพ่อเร็ว”น้องฌอนคลานข้ามตัวแม่ไปหาพ่อ คว้าเอามือถือไปด้วยให้เขาช่วยปิด บูมเลิกคิ้วแต่เมื่อพลิกจอดูแล้วถึงรู้ว่านาฬิกาปลุกของคนที่ยังหลับปุ๋ยนั้นดังอยู่หลายครั้งแล้วเมื่อคืนเขาจัดหนักจัดเต็ม แตกยกแรกแล้วต่อยกสองที่ครัว จัดต่อในห้องน้ำ จนเธอหลับไหลคา…อกเขาอยากเห็นแบบนี้ทุกวัน อยากตื่นนอนแล้วได้เห็นหน้าลูก เห็นหน้าเมีย กอดหอม ดอมดมทั้งลูกทั้งเมียเท่านี้ก็มีความสุขมากแล้
บทที่ 23ยกจนหมดอีกกระป๋องเฌอก็เริ่มกรึ่มได้ที่ กลิ่นหอมที่ลอยตลบผ่านลมโชยเข้าจมูกชวนให้ใจดวงน้อยรู้สึกกระสับกระส่ายคล้ายลมพายุกำลังใกล้เข้ามาเตรียมจะพัดพาร่างของเธอให้ลอยหวือลอยหวือ!ร่างบอบบางถูกรวบกอดแล้วยกจนตัวลอยให้ไปนั่งอยู่บนตักในท่าเดิม เขารวดเร็วจนเธอตกใจ อาบน้ำห้านาทีไม่มีขาดเกิน“ห้านาทีไม่เกินจริง สะอาดไหมเนี่ย”“สะอาดทุกซอกมุม”คำว่า ‘ซอกมุม ‘ทำเอาคนตัวเล็กตัวสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง ขนลุกไปทั้งตัว อุตส่าห์คิดว่าเบียร์สองกระป๋องจะทำให้เธอใจกล้าหน้าด้านแต่เรียกความกล้าหน้าด้านนั้นมาแล้วมันก็ไม่ยอมออกมาเสียที“ขออีกป๋อง”“พอแล้วเดี๋ยวเมาหลับ”ก็ต้องหลับไม่ใช่หรือ“ง่วงแล้วเหมือนกัน” เธอแกล้งว่าทั้งที่ตื่นทั้งตาทั้งอวัยวะส่วนอื่น“เธอครับ พี่รีบอาบน้ำยิ่งกว่าอยู่ค่ายทหาร”เฌอหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเขามอบจุมพิตหวานหอมให้คนเร่งรีบอาบน้ำเป็นรางวัล ถ้าแกล้งอีกสงสัยมีงอนให้เธอได้ง้อแน่“รีบทำไมเฌออยากรู้”“รีบมากิน…เบียร์กับเธอ”“แต่ไม่เห็นแตะเบียร์”“เบียร์ในปากเธออร่อยกว่า”เขาดื่มเบียร์ไปเพียงหนึ่งกระป๋อง อีกสองเธอดื่ม เหลือไว้หนึ่งกระป๋องที่สงสัยจะถูกเมินแล้ว บูมเหมือนเมาได้ที่ ม
เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อารมณ์ตกใจ ประหลาดใจปะปนกันไปหมด หัวใจเต้นโครมครามกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างน่าเป็นห่วง จนนึกไม่ออกว่าควรทำอย่างไรต่อเมื่อกี้ฉันทำอะไรค้างไว้นะเขาเองก็ไม่เคยพูดเรื่องของแม่ให้เธอฟัง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของเธอกับเขาแล้วหรือยัง แต่ดูจสกภาพที่เห็น สรรพนามที่เธอได้รับเดาว่าคงรู้แล้ว“แม่จะเข้ามาหาหลานหลายทีแล้ว แต่เจ้าบูมบอกว่าเพิ่งมา กลัวแม่เฌอตกใจ” เพ็ญศรีหัวเราะขบขัน “ไม่ต้องตกใจนะ แม่แค่เหงาอยากมาเล่นกับหลานน่ะ”“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆเฌอริตาขยับขาที่แข็งเป็นหินนั้นไปข้างหน้า หวังจะเดินไปเก็บของเล่นลูกชายที่เรี่ยราดอยู่บนพื้นแต่แทบสะดุดขาตัวเองล้มเมื่อเพ็ญศรีพูดประโยคถัดมาหน้าระรื่น“แม่จะมาคุยเรื่องหมั้นหมายด้วยน่ะ”เธอหันขวับไปที่คุณนายเพ็ญศรี นึกว่าหูตัวเองฟังผิดเพี้ยนไป อ้าปากพะงาบ ๆ แต่ไม่มีเสียงพูดเพราะคิดคำไม่ออกสถานการณ์ชักน่าเป็นห่วง แต่เฌอรู้ว่าไม่มีใครมาช่วยคิดอะไรได้เลยจึงเปลี่ยนเป็นไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นข้างเพ็ญศรีกับลูกชายแทน“คือว่า…” เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้“เจ้าบูมมันไม่บอกหรือ” เพ็ญศรีมองด้วยสีหน้าสงสัยปนตกใจเฌอริตาสั่นหน้า เพ็ญศรีจึงตบขาต
บทที่ 22เรื่องราวของทั้งคู่กลายมาเป็นประเด็นร้อนให้คนพูดถึงแทนเรื่องตำแหน่งดาวเดือน หลายคนให้กำลังใจแต่ก็มีอีกส่วนน้อยที่ยังด่าว่าคนประเภทนั้นจะเรียกว่าไม่อยู่ในความสนใจก็ไม่ใช่ เขาสนใจที่จะเก็บหลักฐานไปฟ้องเล่น ๆ แต่ไม่สนใจจะเอาคำพูดพวกมันมาใส่ใจ คนพวกนี้ไม่ต่างกับหมาที่นั่งเห่าอยู่หน้าจอไปวัน ๆ“เงินเหลือเหรอมึง”“เออ มีสปอนเซอร์ดี” คุณนายเพ็ญศรีตัวแม่เขาตอบเพื่อนที่นั่งหัวเราะมองเขาเก็บภาพที่มีคนด่าว่าบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเอาให้ทนายส่วนตัวของแม่จัดการให้เข็ดหลาบส่วนพลอยก็หายไปจากชีวิตของเขาเลยจนไม่ต้องทำอะไร นอกจากอวดลูกกับเมียไปวัน ๆกระเช้ากูก็ไม่เอาและไม่ต้องมายกมือไหว้กู!“ว่ากูไม่เท่าไร ด่าลูกเมียกูกูไม่ยอม”“กล้าเรียกเขาว่าเมียเขายอมให้มึงเป็นผัวหรือยัง”คำแซวของไมเนอร์ทำเอาคนฟังสะอึก นอกจากจูบแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเผื่อแผ่มาให้เขาได้ลิ้มลอง เฌอไม่เปิดโอกาสให้เขาสักทีนี่ก็ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วนะที่เธอยอมรับเข้า แต่เขารอได้ อีกไม่นานเกินรอ ก็เขาอ่อยเธออยู่ทุกเช้าเย็น ทั้งถอดเสื้อเดินผ่าน โชว์กล้ามหน้าท้องปึ๋งปั๋ง กอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอให้เธอรู้ว่าอ้อมกอดเขามันอบอุ่น แล้วมั
ลมหายใจของคนตัวเล็กหอบหนัก ในหัวอื้ออึง สติกระจัดกระจายไปหลายที่ ร่างกายอ่อนเปรี้ย ดวงตาหยาดเยิ้มฉ่ำปรือ“หวานจัง”ขยับพูดขณะที่ริมฝากยังแนบชิด ขบกลีบปากของเธออย่างหยอกเย้า คนตัวเล็กอกสั่นขวัญผวาเมื่อเขาขยับริมฝีปากออกจากลีบปากเธอ กดแนบลงที่แก้ม ขยับไปที่ขมับ“พี่บูม” อยากตีปากตัวเองสักสิบที ตั้งใจจะห้ามเขาแต่เสียงเธอกลับสั่นพร่าราวกับเชื้อเชิญ“ครับ” เขาตอบทั้งที่ยังง่วนอยู่กับการก่อกวนเธอ กำปั้นเล็กที่ทุบอยู่ตรงอกไม่มีผลให้คนตัวใหญ่สะทกสะท้าน กล้ามเนื้อไม่มีสะเทือนเลยสักนิด“ไปดูลูกก่อนค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะหึคล้ายชอบใจ เธอเลือกใช้คำได้ดีทีเดียว อยากจะให้เขาปล่อยแล้วหนีแต่ให้ความหวังคล้ายจะกลับมาต่อกันอีก“ข้างนอกหนาวจัง นอนข้างในด้วยได้ไหม”“เฌอมีผ้าห่มให้”“พี่นอนกับพื้น ไม่ขึ้นเตียงให้เธอต้องลำบากแน่นอน”เฌอริตาไม่ยอมตอบเธอขยับตัวเพื่อให้เขาปล่อย อยู่อย่างนี้ต่อรองไปเธอก็แพ้ เขากอดรัดเธอไว้ทั้งร่างจะเอาแรงที่ไหนไปสู้“ได้คืบจะเอาศอก”“ไม่ได้จะเอาศอก” จะเอาเธอต่างหากเขาคิดเล่น ๆ แล้วยิ้มตามหลังคนตัวเล็กที่เหมือนจะยอมให้เข้าไปนอนในห้องด้วยกัน แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เพราะเ
บทที่ 21นานทีเดียวกว่าเธอจะยอมปริปากพูดกับเขา แต่ใบหน้าสะสวยนั้นยังซุกซบอยู่กับลาดไหล่แกร่ง เธอหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่ขยับตัวไปไหนที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันทั้งรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย“เฌอแค่เหนื่อยจนอยากร้องไห้”เสียงของเธออู้อี้อยู่บนตัวเขา“แค่เหนื่อยหรือมีมากกว่านั้น พูดมันออกมาให้หมด ไม่ต้องเก็บมันไว้สักเรื่อง”เธอเงียบอยู่เป็นนาทีถึงขยับใบหน้าออกมา ไม่ทันจะยกฝ่ามือขึ้นปาดน้ำตามือของเขาก็ทำหน้าที่แทนเสียแล้ว เข้าใช้ฝ่ามืออบอุ่นนั้นประคองใบหน้า ใช้นิ้วโป้งปาดเอาหยดน้ำตาที่เกาะพราวกับของตานั้นออก สัมผัสที่ใส่ใจและนุ่นนวลนั้นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเป็นกองโดนเขาตกอีกแล้ว เหมือนกับตอนนั้นเมื่อสองปีก่อน“พี่บูมรู้ไหม เฌอไม่มีใครเลยน้องจากลูก เพราะเฌอถูกไล่ออกจากบ้านตอนที่ทุกคนรู้ว่าท้อง”เขารู้ถึงไม่เคยถามให้เธอรู้สึกไม่ดี รู้ตั้งแต่ตอนที่ตามไปดูเธอถึงบ้านเมื่อสองปีก่อน“รู้ครับ”“รู้ได้ยังไง” เธอถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำถึงแม้จะหยุดร้องแต่น้ำตามันก็พร้อมจะทะลักออกมาทุกเมื่อ“ที่เล่าให้ฟังไปไง เมื่อสองปีที่แล้วพี่ตามไปดูเราเห็นเราถูกไล่ออกจากบ้าน”เฌอพยักหน้าอย่างเข้าใจจสกนั้นเธอก็พูดต่อ“แม่เฌ