ภายในห้องพักของคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ มีร่างบอบบางของจันทร์ฉายนั่งทอดถอนใจอยู่ร่วมชั่วโมง สามวันแล้วหลังจากที่เธอได้บอกสงกรานต์ว่าท้องไป คนที่เอ่ยปากว่าจะรับผิดชอบกลับหายหน้าหายตาไปทำงานไม่มาดูดำดูดี ได้แต่บอกกล่าวให้เธอพักผ่อนอยู่ที่ห้อง ส่วนงานก็ให้หยุดพักชั่วคราวไม่ต้องทำแล้วเช่นกัน
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงเรียกเข้าของสมาร์ตโฟนยี่ห้อดังของเธอดังขึ้น ทำให้จันทร์ฉายหลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวหยิบมือถือนั้นขึ้นมาตั้งใจว่าจะกดรับ ทว่าเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยมกลับทำให้ชะงัก จันทร์ฉายใจกระตุก
‘พี่อร’
ชื่อที่ปรากฏอยู่หน้าจอสมาร์ตโฟนเครื่องหรูทำให้ร่างบอบบางของจันทร์ฉายตัวแข็งค้าง ใจสั่นสะท้านมองชื่อที่ปรากฏอยู่นิ่งนานก่อนจะทำใจกดรับสายและยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“สวัสดีค่ะพี่อร” เสียงหวานกรอกไปตามสายโดยพยายามทำให้ตัวเองร่าเริงที่สุด
(สวัสดีค่ะน้องฉาย น้องฉายสบายดีไหมคะ)
ความห่วงใยที่แฝงมาพร้อมประโยคคำถามจากคนปลายสายนั้น ทำเอาร่างบางถึงกับสะอึก เธอเงยหน้าขึ้นกะพริบตาถี่ ๆ หลายครั้ง เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่กำลังจะรินไหล
“สบายดีค่ะพี่อร พี่อรล่ะคะสบายดีไหม”
(พี่สบายดี นี่พี่คิดถึงเรามาก ๆ เลยนะ แล้วทำงานเป็นยังไงบ้าง สงไม่ได้ใช้งานฉายหนักเกินไปใช่ไหม)
“ไม่ค่ะ ไม่เลย”
(ดีแล้วล่ะ ถ้าสงใช้งานฉายหนักมากเกินไป ฉายต้องบอกพี่ทันทีเลยนะ พี่จะจัดการสงให้เอง)
“ค่ะพี่อร ว่าแต่พี่อรจะกลับไทยเมื่อไหร่คะ” หญิงสาวถามกลับ
(คงอีกสักระยะเลยน้องฉาย พี่คิดถึงเรานะ จำเอาไว้ว่าเราเป็นน้องสาวของพี่ หากมีอะไรที่ไม่สบายใจสามารถปรึกษาพี่สาวคนนี้ได้เสมอ)
“ฮึก! ค่ะพี่อร ฉายจะจำไว้ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงสะอื้น
(จ้า งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว บายนะจ๊ะ)
“สวัสดีค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
(จ้า เช่นกันนะคะคนเก่ง)
จบคำพูดของอรอุมาหญิงสาวก็วางสายไป
จันทร์ฉายกำโทรศัพท์ในมือแน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมาในที่สุด
ร่างบางทรุดลงไปนั่งกอดเข่าที่พื้นหลังพิงเตียงไว้ ความใจดีความเอาใจใส่ของอรอุมาประเดประดังเข้ามาในมโนสำนึกจนทำให้เธอไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้“ฮึก! พี่อร... ฉายขอโทษ ฮือ ฉายขอโทษ”
หญิงสาวร่ำไห้พร่ำพูดว่าขอโทษไม่หยุด เธอรู้สึกเสียใจมากที่ทำลายความหวังดี ความไว้เนื้อเชื่อใจที่อรอุมามีให้
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด...
“ฉายขอโทษ ฮึก! ฮือ... พี่อร ฉายขอโทษ”
ร่างบางยังคงนั่งกอดเข่าหลังพิงเตียงร้องไห้อยู่อย่างนั้น กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมงถึงได้หยุด
มือบางของจันทร์ฉายยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวก ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว กลืนความรู้สึกผิดนั้นไว้ก่อน เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเกี่ยวพันถึงชีวิตของเด็กคนหนึ่ง เนื่องจากหญิงสาวตั้งใจจะไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล
ด้วยความที่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อหยุดร้องไห้และตั้งสติได้ หญิงสาวก็รีบจัดการกับเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับฝากครรภ์ทันที โชคดีที่เธอจัดเตรียมเอกสารเหล่านั้นไว้ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา วันนี้เพียงหยิบซองเอกสารและตรวจเช็กเท่านั้น
เมื่อเช็กเอกสารที่ต้องใช้เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็ยิ้มออกมา เอกสารสำคัญเหล่านี้จะทำให้เธอฝากครรภ์ได้ หากจะขาดก็ขาดแค่เพียงเอกสารพ่อของลูกเท่านั้น
เดิมทีสงกรานต์บอกกับเธอว่า เขาจะเป็นคนพาเธอไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอง ซึ่งจันทร์ฉายก็รู้สึกดีที่เขาจะทำแบบนั้น หากแต่เมื่อคุยโทรศัพท์กับอรอุมาจบเธอก็รู้สึกผิดจนไม่สามารถพูดคุยหรือสนทนากับสงกรานต์ได้
หญิงสาวคิดเพียงว่าหากไม่มีชื่อของสงกรานต์ในสมุดฝากครรภ์อะไร ๆ ก็คงจะง่ายขึ้นเมื่ออรอุมากลับมา เธอและสงกรานต์จะได้ไม่มีเรื่องอะไรต้องยุ่งยากใจ สิ่งที่เธอกำลังทำนี้แน่นอนว่าคือการขัดคำสั่งของเขา
คำสั่งที่ว่า ห้ามเธอไปฝากครรภ์คนเดียว!
จันทร์ฉายคว้าหยิบกุญแจรถและคีย์การ์ดของคอนโดฯ จากนั้นก็ออกจากห้องไป หญิงสาวตรงไปยังรถที่จอดเอาไว้ก่อนจะขับไปโรงพยาบาลที่หมายมาดไว้ในใจ
ตลอดระยะเวลาในการขับรถหญิงสาวครุ่นคิดเรื่องของเธอกับสงกรานต์ตลอดเวลา และเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะทำอะไรต่อไปหลังจากนี้
จันทร์ฉายตั้งใจว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัดไปหาครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรทั้งสอง ตากับยายสุดที่รักของเธอ กลับไปสารภาพความผิด ที่เธอประพฤติตัวไม่ดีจนทำให้ตัวเองต้องตั้งท้อง กลับไปขอโทษที่ทำผิดจากคำสั่งสอนของผู้เป็นยาย และความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้เป็นตา เมื่อทั้งสองคนให้อภัยเธอแล้วหญิงสาวก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น
ที่บ้านของเธอ...
ณ โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง
“คุณจันทร์ฉายค่ะ” เสียงเรียกชื่อของพยาบาลทำให้เจ้าของชื่ออย่างจันทร์ฉายหลุดจากภวังค์ความคิด เธอยกมือแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของชื่อ ก่อนจะเดินตามร่างของพยาบาลที่เดินนำเธอเข้าไปในห้อง
จากนั้นพยาบาลวัยกลางคนก็เริ่มกรอกรายละเอียดส่วนตัวและซักถามประวัติของเธอคร่าว ๆ เสร็จแล้วจึงทำการตรวจปัสสาวะของหญิงสาว เมื่อผลออกมาว่าท้องก็ให้เธอเข้าพบคุณหมอเป็นลำดับต่อไป
“เชิญเข้าไปพบคุณหมอด้านในได้เลยค่ะ” พยาบาลพูดก่อนจะบอกให้หญิงสาวเดินเข้าไปในห้อง
“สวัสดีค่ะ มาฝากครรภ์ใช่ไหมคะ”
ภายในห้องตรวจมีคุณหมอหญิงวัยกลางคนหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งรออยู่ เธอส่งรอยยิ้มพร้อมเอ่ยถามอย่างใจดี
“ค่ะ เอ่อ คือ” หญิงสาวไม่รู้ว่าควรพูดอะไร คุณหมอที่เข้ามานั่งส่งยิ้มให้หญิงสาวเพราะเข้าใจอาการของจันทร์ฉายได้อย่างดี แน่นอนว่าคนที่มีอาการประหม่าแบบนี้เธอเจอมานับไม่ถ้วน
“ท้องแรกใช่ไหมคะ” คุณหมอสาวเอ่ยถามเครื่องหน้ายังคงประดับรอยยิ้มจาง ๆ ไม่ขาดหาย
“ค่ะ” หลังจากได้เห็นรอยยิ้มของคุณหมอ จันทร์ฉายก็รู้สึกดีขึ้น ไม่ได้เกร็งเหมือนตอนที่เธอเดินเข้ามาภายในห้องครั้งแรก
“ประจำเดือนมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่คะ”
“เดือนที่แล้วค่ะ”
คุณหมอพยักหน้ารับ ก่อนจะให้จันทร์ฉายขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วเริ่มการตรวจท้องของหญิงสาวด้วยวิธีการคลำ ระหว่างนั้นก็ชวนหญิงสาวคุยไปด้วยเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเกร็งจนเกินไป เสร็จแล้วคุณหมอก็ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ดีใจด้วยนะคะ คุณจันทร์ฉายตั้งครรภ์ได้สองอาทิตย์แล้วค่ะ”
จันทร์ฉายยิ้มรับอย่างมีความสุข ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความกังวล
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ มีข้อมูลคุณแม่มือใหม่อยู่ คุณจันทร์ฉายสามารถหยิบไปอ่านได้ค่ะ มาค่ะ เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้”
จันทร์ฉายจะพยักหน้ารับ ก่อนจะลงจากเตียงตรวจและไปนั่งที่เก้าอี้ รอคุณหมอจัดยาให้
“นี่เป็นยาทั้งหมดนะคะ มีทั้งยาบำรุงต่าง ๆ คุณจันทร์ฉายทานตามที่หมอเขียนแนะนำได้เลย ส่วนอาการแพ้ท้องที่คุณแม่ทุกคนจะมี หมอก็ได้จัดยาแก้แพ้ไว้ให้เรียบร้อยแล้วเช่นกันค่ะ”
“...”
“เนื่องด้วยครรภ์นี้เป็นครรภ์แรกของคุณจันทร์ฉาย ดังนั้นคุณจันทร์ฉายที่เป็นคุณแม่มือใหม่ต้องระวังให้มาก ๆ นะคะ โดยเฉพาะครรภ์อ่อน ๆ แบบนี้ พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารให้ครบห้าหมู่ รวมถึงห้ามยกของหนักด้วยนะคะ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะส่งผลกระทบกับเด็กในท้อง”
“ค่ะคุณหมอ” หญิงสาวรับคำอย่างตั้งใจ
คุณหมอมองหน้าจันทร์ฉายพลางครุ่นคิดกับตัวเองก่อนจะมองหน้าหญิงสาวด้วยความจริงจัง ก่อนจะกล่าวคำแนะนำออกมา
“หมอไม่รู้นะคะว่าคุณจันทร์ฉายมีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล แต่ว่าสิ่งที่คุณจันทร์ฉายต้องระวังมาก ๆ อีกหนึ่งอย่างเลยคือความเครียดค่ะ พยายามอย่าเครียดนะคะ”
จันทร์ฉายฟังที่คุณหมอแนะนำก็หน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา พร้อมทั้งตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา เสร็จแล้วเธอก็กลับออกมาจากห้องตรวจ
จันทร์ฉายสัญญากับตัวเองว่าจะต้องไม่เครียดเธอจะต้องอารมณ์ดีอยู่เสมอ เพื่อลูกในท้องของเธอ ลูกที่เธอรักแม้ยังไม่เห็นหน้า ลูกที่เธอสาบานว่าจะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด
จันทร์ฉายเผยรอยยิ้มบาง รอยยิ้มแห่งความสุขใจ เพียงพูดถึงลูกก็ทำให้เธอสามารถสงบจิตใจได้ หญิงสาวยกมือลูบหน้าท้องตัวเองไปมาเบา ๆ ก่อนจะตรงไปที่รถแล้วจึงขับรถกลับคอนโดมิเนียมเป็นลำดับต่อไป
2 วันต่อมาในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง หลังจากที่จันทร์ฉายนอนโรงพยาบาลได้สองวัน หญิงสาวก็ได้รับสัญญาณว่าตัวเองจะคลอดแล้ว น้ำคร่ำหญิงสาวแตกออกเยอะมาก สงกรานต์ก็รีบกดกริ่งเรียกพยาบาล พร้อมทั้งขอเข้าไปในห้องคลอดกับคนรักด้วย หลังจากได้รับอนุญาตเขาก็โทรบอกครอบครัวเขาและเธอก่อนจะรีบไปเปลี่ยนชุด และเข้าไปอยู่ข้าง ๆ จับมือเธออย่างรวดเร็ว“โอ๊ย เจ็บ ฟู่วว!” จันทร์ฉายพูดขึ้นยามเมื่อถูกพาเข้ามาในห้องคลอดแล้ว เธอหันไปสบสายตากับคนรัก แล้วก็พบสายตาแห่งความรักความอบอุ่นมองสบมา“คุณแม่สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบ่งออกมาเลยนะคะ” เสียงคุณหมอที่เป็นคนทำคลอดเอ่ยบอก“อื้ออออออ!”เสียงเบ่งหายใจดังออกมาจากลำคอของจันทร์ฉาย เธอหอบจนตัวโยน“ฉายครับเบ่งอีกนะครับ เราจะได้เจอหน้าลูกแล้วสู้ ๆ นะครับ” สงกรานต์รีบเอ่ยบอก มือก็จับมือไว้แน่น“คุณแม่ไม่ต้องกลั้นเสียงตอนเบ่งไว้นะคะ สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบ่งออกมาปลดปล่อยเสียงได้เต็มที่ มันจะทำให้คลอดง่ายขึ้นนะคะ” คุณหมอนำคลอดเอ่ยบอก มือก็สาละวนอยู่ที่ช่องคลอดของหญิงสาว“เอานะครับ พร้อมนะฉาย หนึ่ง สอง สาม”“กรี๊ดดดด!” เธอเบ่งคลอดพร้อมคิดออกมา เหงื่อกาฬไหลพราก ด
หลายเดือนผ่านไปในที่สุดอายุครรภ์ของจันทร์ฉายก็ครบเก้าเดือนแล้ว ตอนนี้ท้องของจันทร์ฉายนูนออกมามาก แม้จะไม่ใหญ่เท่าท้องคนอื่น แต่ก็ใหญ่มากแล้วสำหรับท้องแรกหรือที่เรียกว่าท้องสาวตั้งแต่ท้องของเธอมีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม สงกรานต์ก็แทบจะไม่ห่างกายหญิงสาวอีกเลย เขาหอบงานมาทำที่บ้านถ้าไม่มีธุระสำคัญหรือด่วนจริง ๆ เขาจะไม่ยอมทิ้งเธอไปไหนชายหนุ่มทำหน้าที่สามีได้ดีมาก ๆ และเขาก็ดูแลเธอดีมากเช่นกัน ว่ากันว่าคนท้องมักปวดเมื่อยตามร่างกายโดยเฉพาะเท้าและหลัง ชายหนุ่มก็ไปเรียนนวดกับคุณหมอ เขาได้คำแนะนำมามาก แล้วก็เอาความรู้ที่ตัวเองได้เรียนมาปรนนิบัติให้กับหญิงสาวคนรักจันทร์ฉายรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่มีชายหนุ่มอยู่เคียงข้างกาย การมีคนดูแลและเอาใจใส่ตัวเองมากขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสุข และจะมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อคนคนนั้นเป็นคนที่เธอรักและรักเธอแต่ก็ว่าเถอะนะ การมีคนดูแลและใส่ใจมันก็ดี แต่ว่าก็ต้องตั้งอยู่ในความพอดีด้วย ไม่ใช่ว่าห้ามไปซะหมดเหมือนกับสงกรานต์ ที่ไม่ยอมให้เธอทำอะไรเลย จนบางครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกเบื่อไปเหมือนกัน เหมือนตอนนี้“ฉาย จะไปไหนก็บอกพี่สิครับ พี่จะได้พาไป เดินไ
ตกเย็นจันทร์ฉายก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าหกโมงเย็นแล้วยังไม่มีทีท่าว่ารถของสามีตีทะเบียนจะเข้ามา ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ หญิงสาวออกมานั่งรอเขาที่ศาลาหน้าบ้าน ชะเง้อคอมองไปทางประตูรั้วบ่อยครั้ง“แปลกจริงวันนี้ตาสงกลับช้า”“นั่นน่ะสิคะคุณแม่ ทุกทีห้าโมงเย็นก็ถึงบ้านแล้วนี่นา” เธอตอบด้วยความกระวนกระวายใจ จนคุณสารภียิ้มขำ“หนูฉายไม่ต้องเป็นห่วง แม่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกน่าจะเร่งทำงาน เพราะเหมือนแม่ได้ข่าวว่างานเยอะมาก!”“หึ! สมน้ำหน้า เวลาบอกให้ไปทำงานก็ไม่ฟังเอาแต่จะอยู่ดูแลฉาย”“ตาสงเขาก็คงเป็นห่วงนั่นแหละ”“ฉายรู้ค่ะ แต่ว่าก็ควรทำหน้าที่ตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่องสิคะ ที่สำคัญฉายอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่นะคะ เด็กในบ้านรวมถึงคนรถก็มี เขาห่วงฉายมากเกินไปค่ะ” แม้คำพูดจะเหมือนต่อว่าแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความรักคุณสารภีมองลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ท่านจะชวนเธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้หญิงสาวกังวลเรื่องของลูกชายท่านเกินไปนัก ไม่นานรถหรูคุ้นตาก็แล่นเข้ามาในรั้วบ้านก่อนจะขับเข้าไปจอดที่โรงจอดรถจันทร์ฉายมองสภาพหมดเรี่ยวแรงของสงกรานต์ด้วยสายตาสงสาร เธอเข้าไปถามไถ่ชายหนุ่มด้ว
“นี่มันอะไรครับ”“ก็งานของคุณสงไงคะ”“ผมรู้ว่ามันเป็นงาน แต่ทำไมถึงเยอะแบบนี้ ตอนผมอยู่บ้านคุณก็หอบเอางานมากมายไปให้ผมทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ค่ะ... แต่งานที่ดิฉันเอาไปให้คุณสงที่บ้านนั้น ส่วนใหญ่เป็นงานสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการซึ่งไม่อาจรอได้ค่ะ ส่วนงานที่อยู่บนโต๊ะคุณสงทั้งหมดในตอนนี้ล้วนเป็นรายละเอียดงานยิบย่อยที่สามารถรอได้ ดิฉันจึงไม่ได้นำไปให้คุณสงทำที่บ้าน ดังนั้นมันจึงมากมายอย่างที่คุณสงเห็น”“แต่งานพวกนี้มันก็ไม่ได้ยากมากมายอะไรนะคะ เพราะดิฉันจัดการข้อมูลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว รอแค่คุณสงตรวจสอบและเซ็นชื่ออนุมัติก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ความจริงมันเยอะกว่านี้อีกนะคะ แต่ดิฉันเข้าใจว่าคุณสงรีบกลับไปหาน้องฉาย ดังนั้นวันนี้จึงมีเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกองใหม่ค่ะ”สงกรานต์ที่ได้ฟังคำตอบจากเลขาส่วนตัวก็อ้าปากค้าง พลางก้มมองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า‘กองเบ้อเริ่มขนาดนี้ก็ว่าเยอะแล้ว นี่ยังบอกว่ายังไม่หมดและมีรออยู่อีกเหรอ ตาย ๆ ๆ งานเยอะขนาดนี้จะกลับบ้านเร็วได้ยังไงเล่า!’ชายหนุ่มได้แต่บ่นภายในใจคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความรู้สึกออกมาจนเมธ
“พี่ไม่อยากไปเลยฉาย ให้พี่อยู่กับฉายหนึ่งวันนะ” สงกรานต์มีท่าทีไม่อยากไปทำงาน พร้อมทั้งขอร้องหยุดอยู่บ้านกับเธออีกหนึ่งวัน“ไม่ได้ค่ะ พี่สงเกเรไม่ยอมไปทำงานหลายวันแล้วนะคะ”“ขอวันนี้อีกแค่วันเดียวนะ นะครับ”“ไม่ได้ค่ะ ฉายไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าวันนี้พี่สงไม่ไปทำงานก็นอนนอกห้องไปเลย” หญิงสาวยื่นคำขาดจนชายหนุ่มหน้าเสียสงกรานต์รู้สึกไม่ยินยอม เขาอยากอยู่กับจันทร์ฉาย อยากดูแลเธอ แล้วทำไมเธอไม่เข้าใจเขาบ้างนะ ชายหนุ่มขบคิดหาทางออกให้ตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์“ถ้าพี่ไปทำงานแล้วใครจะดูแลฉายล่ะครับ ดูสิตอนนี้ฉายท้องโตแล้วนะ เดินเหินก็ยาก พี่ว่าให้พี่อยู่ดูแลฉายดีกว่า”“ไม่! ถ้าพูดไม่ฟังล่ะก็นอนนอกห้องไปเลย”พูดจบหญิงสาวก็สะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดของเขาพร้อมทั้งเดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วสงกรานต์มองตามร่างภรรยาตีทะเบียนที่เขาทั้งรักและหลงเธอด้วยสายตาตัดพ้อ แถมยังบืนปากขัดใจที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้จันทร์ฉายน่าจะเข้าใจเขาสักนิด ว่าที่เขาต้องการอยู่กับเธอก็เพราะว่ารักและเป็นห่วงเธอกับลูกในท้องทั้งนั้น ตอนนี้ตัวเธอเองก็ท้องโตมากแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เดินอุ้ยอ้ายอย่างคุณแม่คนอื่น ๆ เพราะ
‘ตกลงครับ เลื่อนไปก่อนได้ รอจนกว่าเจ้าตัวเล็กจะคลอดและอายุครบสามปีเดินได้คล่อง เราค่อยแต่งงานกัน แต่ว่า... ฉายต้องจดทะเบียนสมรสกับพี่นะครับ หากไม่ตกลงข้อเสนอของฉายก็ถือว่าเป็นโมฆะ’‘ฉายกับพี่ต้องจดทะเบียนสมรสกัน หากฉายไม่ตกลง งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นทันที’ประโยคนี้คือคำพูดของสงกรานต์ที่ได้พูดไว้ในวันที่ครอบครัวของเขามาทำการสู่ขอเธอวันนั้นหลังจากที่ได้ฟังเธอก็ได้แต่ยิ้มค้างไว้จนได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เจือความเอ็นดูจากผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อไม่อาจปฏิเสธอะไรได้เธอจึงได้ตอบตกลงเขาไป ซึ่งหลังจากนั้นเจ็ดวันให้หลัง เธอและเขาต้องมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ณ ที่ว่าการอำเภอหลังจากที่สงกรานต์ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสกับจันทร์ฉายแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็กำลังรอเจ้าหน้าที่บันทึกและตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ อยู่อย่างสงบระหว่างรอสงกรานต์ก็เอาแต่สนใจและกุมมือจันทร์ฉายไว้ไม่ปล่อยเช่นกัน จวบจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เรียกชื่อพวกเขาเพื่อสอบถามข้อมูล ชายหนุ่มถึงได้หันไปให้ความสนใจกับเจ้าหน้าที่ทะเบียน“ไม่ทราบว่าพวกคุณแต่งงานกันวันไหนครับ”“ยังไม่แต่งครับ”คำตอบของชายหนุ่มทำให้เจ้าหน้าที่ชะงักเล็กน้อยแต่ก็