“หยุดร้องก่อนเถอะฉาย แค่นี้พี่ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มว่า
จันทร์ฉายเงยหน้ามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกในท้อง มองคนที่เธอแอบรัก
ใช่ เธอแอบหลงรักเขา แต่เธอก็รู้ฐานะตัวเองดีว่าเธอเป็นได้มากสุดแค่ไหน และก็รู้ด้วยว่าหัวใจเขามันเป็นของใคร รู้ว่าเขาไม่มีทางรักเธอ แทนที่จะตัดใจตามการสั่งการของสมองแต่ใจเจ้ากรรมกลับไม่เคยฟัง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ความรักที่มีให้เขามันยากจะถอนตัวแล้ว
จันทร์ฉายส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความน้อยใจความกลัวและกังวลไปยังชายหนุ่ม ให้เขาได้รับรู้ว่าเธอก็เครียดไม่ต่างกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่นำพาความรู้สึกของเธอเลยสักนิด ชายหนุ่มเอาแต่ก้มหน้ายกมือทึ้งผมและหัวของตัวเอง เมื่อเห็นแบบนั้นจันทร์ฉายก็ยอมรับความจริงและตัดสินใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้ได้
ปากกระจับได้รูปของเธอเม้มเข้าหากันแน่น หญิงสาวพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ หยุดสะอึกสะอื้นกลืนน้ำลายและความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอให้ลงคอไป ก่อนจะฉีกยิ้มเยาะให้กับตัวเองอย่างสมเพชพร้อมคำพูดที่ออกจากปากว่า
“พี่สงไม่ต้องเครียดหรอกค่ะ หลังจากวันนี้ฉายจะหายไปจากชีวิตพี่สงเอง”
“ว่าไงนะ!”
สงกรานต์ได้ยินคำพูดของเธอ จากที่เครียดอยู่แล้วก็เครียดเข้าไปอีก ชายหนุ่มส่งสายตากดดันถามหญิงสาว เขาไม่แม้จะเอ่ยปากพูดนั่นก็เพราะเขาพูดไม่ออก เพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่มีนิสัยหัวอ่อนที่แอบรักเขาและยอมเขาเรื่อยมาอย่างจันทร์ฉายจะพูดเรื่องนี้ออกมาได้ง่าย ๆ
คำพูดง่าย ๆ แค่ได้ยินก็ทำให้เขาไม่พอใจแล้ว เธอจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าการที่เธอพูดแบบนี้นั้นหมายความว่ายังไง และคิดหรือว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ
“ฉายบอกว่าฉายจะกลับบ้านไปอยู่ในที่ของฉาย ฉายจะไม่อยู่ที่กรุงเทพอีก”
“แล้วลูกในท้อง ?”
“เขาคือลูกของฉาย ฉายจะดูแลเขาอย่างดี พี่สงไม่ต้องห่วง ฉายสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่สงลำบากใจ” จันทร์ฉายพูดออกมามองสบตากับเขาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว
สงกรานต์รู้สักไม่พอใจกับคำพูดของเธอมาก เธอพูดว่าจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ แล้วถามเขาสักคำหรือยังว่ามีตรงไหนที่เขาลำบากใจไหม!
“ไม่ได้! พี่ไม่ยอม เด็กในท้องเป็นลูกของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะรู้พัฒนาการความเป็นไปของเขา พี่ไม่ยอมให้เราพรากลูกในท้องไปจากพี่เด็ดขาด พี่จะรับผิดชอบ” ชายหนุ่มพูดด้วยสายตาจริงจังไม่ต่างกัน
จันทร์ฉายตีหน้ายุ่งมองเขาด้วยความแปลกใจ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะรั้งเธอไว้ทำไม เขาควรจะดีใจสิที่ไม่มีบ่วงมาคอยผูกมัดเขาไว้ และเขาควรดีใจที่ไม่มีเธอคอยเป็นก้างชิ้นใหญ่ระหว่างเขากับคนที่เขารัก
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ในเมื่อพี่สง... ไม่ได้รักฉาย”
จันทร์ฉายแย้งเสียงเบา ตอนแรกที่ได้ยินสงกรานต์บอกว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง หญิงสาวก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่ที่มุมปาก แต่แล้วเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจ ความเสียใจฉายชัดที่ใบหน้าหวานอย่างเห็นได้ชัด
หากสงกรานต์รับผิดชอบลูกในท้องของเธออย่างที่พูดจริงก็คงดี เพราะลูกจะได้ไม่เป็นกำพร้าเหมือนกันกับเธอ ด้วยรู้ดีว่าชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นั้นมันรู้สึกอย่างไร หญิงสาวย้อนนึกไปถึงชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
จันทร์ฉายใช้ชีวิตอยู่กับคุณตาคุณยายที่ต่างจังหวัด พ่อแม่เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อครั้งที่เธอมีอายุได้ 10 ขวบปี หลังจากวันนั้นเธอก็ใช้ชีวิตกับญาติผู้ใหญ่ทั้งสองที่มอบความรักและความจริงใจให้กับเธอมาโดยตลอด ชีวิตของเธอดูเหมือนจะมีความสุขดีและไม่ได้ขาดความรัก ทว่าจันทร์ฉายก็อดรู้สึกคิดถึงอ้อมกอดและความรักของคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้ ไหนจะคำล้อเลียนสมัยเด็กอีก มีหลายครั้งที่เธอต้องแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเพราะคำล้อที่ว่า
‘ลูกกำพร้า’คิดไปถึงตรงนี้จันทร์ฉายก็ยิ่งรู้สึกเศร้า เพราะหญิงสาวไม่ได้อยากให้ลูกในท้องต้องประสบปัญหาและรู้สึกเช่นเดียวกันกับที่เธอเคยรู้สึก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเธอก็ทำอะไรมากไม่ได้ ครั้นจะให้เธอไปทำแท้ง หญิงสาวก็ไม่กล้าพอและก็ไม่คิดทำ ที่สำคัญหากทำจริงขึ้นมาตัวเธอคงจะรู้สึกผิดบาปในใจไปชั่วชีวิต
อย่างไรก็ตาม จันทร์ฉายตัดสินใจกับตัวเองหลังจากที่รู้ตัวว่าท้องแล้วว่า เธอจะเลี้ยงดูลูกคนนี้ให้ดีที่สุด ลูกที่เกิดจากคนที่เธอรัก หญิงสาวจะเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีที่สุดให้แก่เขา เมื่อหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ หญิงสาวจึงได้มาบอกให้ชายหนุ่มทราบว่าเธอตั้งท้องเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะให้เขารับผิดชอบเลยสักนิด
ด้วยความที่รู้ฐานะตัวเองดี ทั้งยังรู้ว่าใจของสงกรานต์ไม่เคยมีเธอ ถ้าให้ชายหนุ่มรับผิดชอบ คงจะเป็นการฝืนความรู้สึกของสงกรานต์เกินไป ดังนั้นจันทร์ฉายจึงคิดแบกรับความรู้สึกอันหนักอึ้งนี้ไว้เพียงคนเดียว
ทว่าหลังจากบอกกล่าวให้เขาได้รู้แทนที่เขาจะปล่อยเธอไปกลับบอกว่าจะรับผิดชอบ เรื่องนี้เกินความคาดหมายของเธอไปมาก
‘พี่จะรับผิดชอบ’ แค่คำนี้ที่หลุดออกมาจากปากของเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นถี่ระรัวได้แล้ว ลึก ๆ ภายในใจจันทร์ฉายรู้สึกดีใจที่ได้ยินเขาพูดคำนี้ออกมา แต่เมื่อระลึกได้ถึงความจริงที่ว่าเขาไม่ได้รักเธอความดีใจในตอนแรกก็กลายมาเป็นความเศร้า ก้อนสะอื้นที่กล้ำกลืนไปครั้งแรกแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอไม่ช้าเธอก็ปล่อยน้ำตาไหลรินร้องไห้โฮราวกับเขื่อนแตก
ความรับผิดชอบของเขาจะเป็นแบบไหนเธอไม่อาจจินตนาการได้ ให้เธออยู่ในความลับต่อไปแล้วส่งเสียเลี้ยงดูอย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะต่างอะไรกับการเป็นเมียน้อยคนรวย จันทร์ฉายรับไม่ได้ เธอไม่อยากให้ลูกที่กำลังจะเกิดมาถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย แม้ว่าตอนนี้สงกรานต์จะยังไม่มีสถานะผูกมัด แต่เธอที่อยู่กับเขามาร่วมหกเดือนนั้นรู้ดีว่าหากคนของใจเขากลับมาเมื่อไหร่เขาคงจะขอเธอแต่งงานแน่ เธอคนนั้นที่ดีกับเธอเสมอมา
“ฉาย... หยุดร้องได้แล้ว ยังไงพี่ก็รับผิดชอบแล้ว เลิกร้องเถอะ”
สงกรานต์พูดออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจที่เห็นว่าหญิงสาวร่ำไห้ไม่ยอมหยุด เขาอยากจะปลอบเธอมากกว่านี้แต่ก็ติดที่ว่าเขาปลอบใครไม่เป็นและที่สำคัญเขายังตั้งตัวไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้
“รับผิดชอบ ? ยังไงคะ จะให้ฉายอยู่ในสถานะลับ ๆ ของพี่งั้นเหรอคะ ? ไม่หรอกค่ะ ฉายไม่ยอม ฉายไม่อยากให้ลูกของฉายถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย” ความรู้สึกไม่ยินยอมที่มีอยู่ในจิตใจฉายชัด จันทร์ฉายก็โพล่งขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียน ภาพที่เห็นนี้ทำให้เธอน่าสงสารยิ่งนัก
“!!!” กลับกันสงกรานต์เมื่อได้ยินคำพูดของเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ เขามองใบหน้าสวยด้วยอารมณ์กรุ่น ๆ พร้อมทั้งคิดในใจว่า เธอเห็นเขาเป็นคนแบบไหนกันที่จะได้ให้เธอไปอยู่ในสถานะนั้น
แม้ตอนนี้เขาไม่ได้รักเธอ แต่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายพอที่จะทิ้งลูกและเมียของตัวเองนะ!
“เอาตามที่ฉายว่าเถอะค่ะ จากนี้พี่สงก็ใช้ชีวิตตามสบายได้เลย ฉายไม่มารบกวนและสร้างปัญหาให้พี่แน่นอน” จันทร์ฉายที่เห็นเขาไม่พูดอะไรก็เข้าใจว่าสิ่งที่เธอพูดไปนั้นถูก หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพูดออกมา ทว่าคำพูดของเธอนั้นกลับทำให้คนฟังอย่างสงกรานต์โมโหทันที
“ฉาย! พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะรับผิดชอบ อย่าดื้อและอวดดีได้ไหม”
“ฉายไม่ได้อวดดี”
“ไม่ได้อวดดีแล้วที่พูดอยู่คืออะไร” ชายหนุ่มถามกลับเสียงห้วน หญิงสาวเม้มปาก
“ฉายแค่ไม่อยากสร้างปัญหาให้พี่...”
“ถ้าไม่อยากสร้างปัญหาให้พี่ก็อยู่เฉย ๆ อย่าได้คิดและตัดสินใจเองคนเดียว”
“แต่ว่าถ้าพี่อรกลับมา...” เธอยังพูดไม่ทันจบ เขาก็สวนขึ้นมา
“เรื่องนั้นพี่จัดการเอง ฉายอยู่เฉย ๆ ดูแลลูกในท้องให้ดีก็พอ”
ชายหนุ่มพูดจบก็มองหน้าหญิงสาวด้วยสายตากดดัน จนหญิงสาวยอมพยักหน้านั่นแหละ เขาถึงได้สลายสายตานั้นไป
2 วันต่อมาในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง หลังจากที่จันทร์ฉายนอนโรงพยาบาลได้สองวัน หญิงสาวก็ได้รับสัญญาณว่าตัวเองจะคลอดแล้ว น้ำคร่ำหญิงสาวแตกออกเยอะมาก สงกรานต์ก็รีบกดกริ่งเรียกพยาบาล พร้อมทั้งขอเข้าไปในห้องคลอดกับคนรักด้วย หลังจากได้รับอนุญาตเขาก็โทรบอกครอบครัวเขาและเธอก่อนจะรีบไปเปลี่ยนชุด และเข้าไปอยู่ข้าง ๆ จับมือเธออย่างรวดเร็ว“โอ๊ย เจ็บ ฟู่วว!” จันทร์ฉายพูดขึ้นยามเมื่อถูกพาเข้ามาในห้องคลอดแล้ว เธอหันไปสบสายตากับคนรัก แล้วก็พบสายตาแห่งความรักความอบอุ่นมองสบมา“คุณแม่สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบ่งออกมาเลยนะคะ” เสียงคุณหมอที่เป็นคนทำคลอดเอ่ยบอก“อื้ออออออ!”เสียงเบ่งหายใจดังออกมาจากลำคอของจันทร์ฉาย เธอหอบจนตัวโยน“ฉายครับเบ่งอีกนะครับ เราจะได้เจอหน้าลูกแล้วสู้ ๆ นะครับ” สงกรานต์รีบเอ่ยบอก มือก็จับมือไว้แน่น“คุณแม่ไม่ต้องกลั้นเสียงตอนเบ่งไว้นะคะ สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบ่งออกมาปลดปล่อยเสียงได้เต็มที่ มันจะทำให้คลอดง่ายขึ้นนะคะ” คุณหมอนำคลอดเอ่ยบอก มือก็สาละวนอยู่ที่ช่องคลอดของหญิงสาว“เอานะครับ พร้อมนะฉาย หนึ่ง สอง สาม”“กรี๊ดดดด!” เธอเบ่งคลอดพร้อมคิดออกมา เหงื่อกาฬไหลพราก ด
หลายเดือนผ่านไปในที่สุดอายุครรภ์ของจันทร์ฉายก็ครบเก้าเดือนแล้ว ตอนนี้ท้องของจันทร์ฉายนูนออกมามาก แม้จะไม่ใหญ่เท่าท้องคนอื่น แต่ก็ใหญ่มากแล้วสำหรับท้องแรกหรือที่เรียกว่าท้องสาวตั้งแต่ท้องของเธอมีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม สงกรานต์ก็แทบจะไม่ห่างกายหญิงสาวอีกเลย เขาหอบงานมาทำที่บ้านถ้าไม่มีธุระสำคัญหรือด่วนจริง ๆ เขาจะไม่ยอมทิ้งเธอไปไหนชายหนุ่มทำหน้าที่สามีได้ดีมาก ๆ และเขาก็ดูแลเธอดีมากเช่นกัน ว่ากันว่าคนท้องมักปวดเมื่อยตามร่างกายโดยเฉพาะเท้าและหลัง ชายหนุ่มก็ไปเรียนนวดกับคุณหมอ เขาได้คำแนะนำมามาก แล้วก็เอาความรู้ที่ตัวเองได้เรียนมาปรนนิบัติให้กับหญิงสาวคนรักจันทร์ฉายรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่มีชายหนุ่มอยู่เคียงข้างกาย การมีคนดูแลและเอาใจใส่ตัวเองมากขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสุข และจะมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อคนคนนั้นเป็นคนที่เธอรักและรักเธอแต่ก็ว่าเถอะนะ การมีคนดูแลและใส่ใจมันก็ดี แต่ว่าก็ต้องตั้งอยู่ในความพอดีด้วย ไม่ใช่ว่าห้ามไปซะหมดเหมือนกับสงกรานต์ ที่ไม่ยอมให้เธอทำอะไรเลย จนบางครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกเบื่อไปเหมือนกัน เหมือนตอนนี้“ฉาย จะไปไหนก็บอกพี่สิครับ พี่จะได้พาไป เดินไ
ตกเย็นจันทร์ฉายก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าหกโมงเย็นแล้วยังไม่มีทีท่าว่ารถของสามีตีทะเบียนจะเข้ามา ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ หญิงสาวออกมานั่งรอเขาที่ศาลาหน้าบ้าน ชะเง้อคอมองไปทางประตูรั้วบ่อยครั้ง“แปลกจริงวันนี้ตาสงกลับช้า”“นั่นน่ะสิคะคุณแม่ ทุกทีห้าโมงเย็นก็ถึงบ้านแล้วนี่นา” เธอตอบด้วยความกระวนกระวายใจ จนคุณสารภียิ้มขำ“หนูฉายไม่ต้องเป็นห่วง แม่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกน่าจะเร่งทำงาน เพราะเหมือนแม่ได้ข่าวว่างานเยอะมาก!”“หึ! สมน้ำหน้า เวลาบอกให้ไปทำงานก็ไม่ฟังเอาแต่จะอยู่ดูแลฉาย”“ตาสงเขาก็คงเป็นห่วงนั่นแหละ”“ฉายรู้ค่ะ แต่ว่าก็ควรทำหน้าที่ตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่องสิคะ ที่สำคัญฉายอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่นะคะ เด็กในบ้านรวมถึงคนรถก็มี เขาห่วงฉายมากเกินไปค่ะ” แม้คำพูดจะเหมือนต่อว่าแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความรักคุณสารภีมองลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ท่านจะชวนเธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้หญิงสาวกังวลเรื่องของลูกชายท่านเกินไปนัก ไม่นานรถหรูคุ้นตาก็แล่นเข้ามาในรั้วบ้านก่อนจะขับเข้าไปจอดที่โรงจอดรถจันทร์ฉายมองสภาพหมดเรี่ยวแรงของสงกรานต์ด้วยสายตาสงสาร เธอเข้าไปถามไถ่ชายหนุ่มด้ว
“นี่มันอะไรครับ”“ก็งานของคุณสงไงคะ”“ผมรู้ว่ามันเป็นงาน แต่ทำไมถึงเยอะแบบนี้ ตอนผมอยู่บ้านคุณก็หอบเอางานมากมายไปให้ผมทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ค่ะ... แต่งานที่ดิฉันเอาไปให้คุณสงที่บ้านนั้น ส่วนใหญ่เป็นงานสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการซึ่งไม่อาจรอได้ค่ะ ส่วนงานที่อยู่บนโต๊ะคุณสงทั้งหมดในตอนนี้ล้วนเป็นรายละเอียดงานยิบย่อยที่สามารถรอได้ ดิฉันจึงไม่ได้นำไปให้คุณสงทำที่บ้าน ดังนั้นมันจึงมากมายอย่างที่คุณสงเห็น”“แต่งานพวกนี้มันก็ไม่ได้ยากมากมายอะไรนะคะ เพราะดิฉันจัดการข้อมูลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว รอแค่คุณสงตรวจสอบและเซ็นชื่ออนุมัติก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ความจริงมันเยอะกว่านี้อีกนะคะ แต่ดิฉันเข้าใจว่าคุณสงรีบกลับไปหาน้องฉาย ดังนั้นวันนี้จึงมีเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกองใหม่ค่ะ”สงกรานต์ที่ได้ฟังคำตอบจากเลขาส่วนตัวก็อ้าปากค้าง พลางก้มมองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า‘กองเบ้อเริ่มขนาดนี้ก็ว่าเยอะแล้ว นี่ยังบอกว่ายังไม่หมดและมีรออยู่อีกเหรอ ตาย ๆ ๆ งานเยอะขนาดนี้จะกลับบ้านเร็วได้ยังไงเล่า!’ชายหนุ่มได้แต่บ่นภายในใจคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความรู้สึกออกมาจนเมธ
“พี่ไม่อยากไปเลยฉาย ให้พี่อยู่กับฉายหนึ่งวันนะ” สงกรานต์มีท่าทีไม่อยากไปทำงาน พร้อมทั้งขอร้องหยุดอยู่บ้านกับเธออีกหนึ่งวัน“ไม่ได้ค่ะ พี่สงเกเรไม่ยอมไปทำงานหลายวันแล้วนะคะ”“ขอวันนี้อีกแค่วันเดียวนะ นะครับ”“ไม่ได้ค่ะ ฉายไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าวันนี้พี่สงไม่ไปทำงานก็นอนนอกห้องไปเลย” หญิงสาวยื่นคำขาดจนชายหนุ่มหน้าเสียสงกรานต์รู้สึกไม่ยินยอม เขาอยากอยู่กับจันทร์ฉาย อยากดูแลเธอ แล้วทำไมเธอไม่เข้าใจเขาบ้างนะ ชายหนุ่มขบคิดหาทางออกให้ตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์“ถ้าพี่ไปทำงานแล้วใครจะดูแลฉายล่ะครับ ดูสิตอนนี้ฉายท้องโตแล้วนะ เดินเหินก็ยาก พี่ว่าให้พี่อยู่ดูแลฉายดีกว่า”“ไม่! ถ้าพูดไม่ฟังล่ะก็นอนนอกห้องไปเลย”พูดจบหญิงสาวก็สะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดของเขาพร้อมทั้งเดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วสงกรานต์มองตามร่างภรรยาตีทะเบียนที่เขาทั้งรักและหลงเธอด้วยสายตาตัดพ้อ แถมยังบืนปากขัดใจที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้จันทร์ฉายน่าจะเข้าใจเขาสักนิด ว่าที่เขาต้องการอยู่กับเธอก็เพราะว่ารักและเป็นห่วงเธอกับลูกในท้องทั้งนั้น ตอนนี้ตัวเธอเองก็ท้องโตมากแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เดินอุ้ยอ้ายอย่างคุณแม่คนอื่น ๆ เพราะ
‘ตกลงครับ เลื่อนไปก่อนได้ รอจนกว่าเจ้าตัวเล็กจะคลอดและอายุครบสามปีเดินได้คล่อง เราค่อยแต่งงานกัน แต่ว่า... ฉายต้องจดทะเบียนสมรสกับพี่นะครับ หากไม่ตกลงข้อเสนอของฉายก็ถือว่าเป็นโมฆะ’‘ฉายกับพี่ต้องจดทะเบียนสมรสกัน หากฉายไม่ตกลง งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นทันที’ประโยคนี้คือคำพูดของสงกรานต์ที่ได้พูดไว้ในวันที่ครอบครัวของเขามาทำการสู่ขอเธอวันนั้นหลังจากที่ได้ฟังเธอก็ได้แต่ยิ้มค้างไว้จนได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เจือความเอ็นดูจากผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อไม่อาจปฏิเสธอะไรได้เธอจึงได้ตอบตกลงเขาไป ซึ่งหลังจากนั้นเจ็ดวันให้หลัง เธอและเขาต้องมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ณ ที่ว่าการอำเภอหลังจากที่สงกรานต์ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสกับจันทร์ฉายแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็กำลังรอเจ้าหน้าที่บันทึกและตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ อยู่อย่างสงบระหว่างรอสงกรานต์ก็เอาแต่สนใจและกุมมือจันทร์ฉายไว้ไม่ปล่อยเช่นกัน จวบจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เรียกชื่อพวกเขาเพื่อสอบถามข้อมูล ชายหนุ่มถึงได้หันไปให้ความสนใจกับเจ้าหน้าที่ทะเบียน“ไม่ทราบว่าพวกคุณแต่งงานกันวันไหนครับ”“ยังไม่แต่งครับ”คำตอบของชายหนุ่มทำให้เจ้าหน้าที่ชะงักเล็กน้อยแต่ก็