ตอนที่ 3 ขอเสนอซาตาน
“โอววว....ซี๊ดดด....อย่างนั้น...แรงอีก...แรงอีก...” เสียงครางดังลั่นของคิมหันต์ นักธุรกิจหนุ่ม หน้าตาคมเข้ม บุคลิกเย่อหยิ่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง
“บ๊วบบบ....บ๊วบบบ...ดีไหมคะ คุณคิม” นาดฤดี เงยหน้าจากแก่นกายใหญ่ขึ้นมา พร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มใส่คิมหันต์อย่างเอาอกเอาใจ
นางแบบสาวสวย คู่ควงหรืออาจเรียกว่าคู่ขาคนใหม่ของคิมหันต์ พยายามใช้เสน่ห์ยั่วยวนชายหนุ่มให้หลงใหลอย่างมั่นใจในลีลารักของตน เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่คิมหันต์เรียกใช้อยู่บ่อยครั้งอย่างไม่เบื่อหน่าย ด้วยความเป็นสาวสวยและลีลารักเด็ดสะระตี่
“อย่าพูดมาก...โอววว...” ชายหนุ่มบ่นอย่างขัดใจ ก่อนจะกดหน้าหญิงสาวเข้าแก่นกายอีกครั้ง พร้อมจับศีรษะควบคุมการกระแทกขึ้นลงตามจังหวะหฤหรรษ์
“แอ๊กก...แคร่กกก...” หญิงสาวที่โดนควบคุม แทบจะตั้งรับไม่ทัน แก่นกายกระแทกเข้าออกในช่องปากเธอ ความใหญ่ยาวทะลวงเข้าไปถึงลิ้นไก่ จนเธอแทบจะสำลักออกมา
ชายหนุ่มหาได้สนใจไม่ เขายังคงควบคุมการเคลื่อนไหว ตามอารมณ์พิศวาสที่มีอย่างเมามันจากความสุขที่หญิงสาวตรงหน้าปรนเปรอให้ เขาเงยหน้าขึ้น หน้าตาเหยเก สันกรามขบแน่น เส้นเลือดปูดโปนเป็นริ้วยาว
ภาพในหัวเขามีหน้าหญิงสาวน่ารักลอยเข้ามาในความคิด จะดีแค่ไหนถ้าหญิงสาวตรงหน้าคือ “กุลนารี” ยิ่งจินตนาการถึงหญิงสาว หน้าตาจิ้มลิ้มหมดจด อารมณ์พิศวาสก็พลุ่งพล่านขึ้น
ชายหนุ่มยกตัวหญิงสาวขึ้น จากนั้นจึงจับหญิงสาวหันหลังในท่าคุกเข่า ก่อนจะจะแก่นกาย กดกระแทกเข้าช่องรักเต็มลำยาว อย่างรุนแรง
“อ๊ะ...เบาหน่อยค่ะ นาดเจ็บ” หญิงสาวร้องเบา ๆ
ชายหนุ่มไม่ฟังคำ จับสะโพกกลมกลึงมั่น ก็จะกดกระแทกเข้าออกรัว ๆ
“ตับบบ....ตับบบ...ตับบบ...ซี๊ดดด...แอ้...โอว...แอ้...คุณเยี่ยมเหลือเกิน” ชายหนุ่มเพ้อออกมาอย่าง
นาดฤดีถึงกับหน้าเสีย นี่เขากำลังร่วมรักกับเธอแต่กลับเพ้อเรียกหาผู้หญิงอื่น แต่ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มหงุดหงิด เธอจึงจำเป็นต้องปิดปากไว้ หญิงสาวขัดใจอย่างแรง
ชายหนุ่มยังคงสาวลำใหญ่ยาว เข้าออกในตัวเธอ มือหนาเลื่อนขึ้นกอบกุมเต้าตึงเต็มไม้เต็มมือที่ทำมาอย่างดี เขาบีบขยำ ขึ้นลงร่วมกับจังหวะการกระแทกเข้าออก
“ซี๊ดดด....สุดยอด...ตอดอย่างนั้นแหละ” ชายหนุ่มที่กำลังเมามันอย่างหนัก ร้องครางไม่หยุด แม้ว่าหญิงสาวจะผ่านสงครามรักมานักต่อนัก แต่เพราะประสบการณ์ที่โชกโชน ทำให้หญิงสาวรู้วิธีตอดรัดแก่นกายชายหนุ่มไว้เป็นอย่างดี
“อ่าาา...แรงอีกค่ะ...แรงอีก...นาดจะไม่ไหวแล้ว” นาดฤดีร้องเสียงหลง แม้ชายหนุ่มจะไม่อ่อนโยนมากนัก แต่ลีลารักของเขาก็เร่าร้อนถึงใจเธอยิ่งนัก
ชายหนุ่มเร่งจังหวะความเร็วเข้าออกอีกครั้ง หนักหน่วง รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ตับบบ...ตับบบบ”
“อร๊ายยย...อร๊ายยย....” ทั้งสองครางออกมาเมื่อถึงจุดสูงสุด
หญิงสาวทรุดตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรง ในขณะที่ชายหนุ่มกลับลุกขึ้น พร้อมเดินไปหยิบเงินในกระเป๋าปึกใหญ่
“กลับไปได้แล้ว วันนี้ฉันมีธุระ” ชายหนุ่มยื่นให้หญิงสาวอย่างไม่แยแส
“วันนี้นาดขอนอนห้องคุณได้ไหมคะ” หญิงสาวบิดกาย มือไม้ลูบไล้ไปตามลำตัวนวลระหง อย่างยั่วยวนชายหนุ่ม
“อย่าเรื่องมาก ถ้าไม่อยากถูกฉันเขี่ยเร็ว ๆ นี้” ชายหนุ่มยื่นคำขาด โดยไม่แม้จะเหลียวมองหญิงสาวตรงหน้า
นาดฤดีทำหน้าตาน้อยอกน้อยใจ แต่ก็ไม่อาจขัดใจชายหนุ่มได้ ทำได้เพียงลุกขึ้นจัดการตัวเองแล้วรีบออกไปทันที
คิมหันต์อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก เขายืนมองตัวเองหน้ากระจก ยืนนึกถึงรสรักที่เพิ่งผ่าน ใบหน้าสาวน้อยที่เขาหลงใหลตั้งแต่แรกเห็น “กุลนารี” ชื่อนี้วนเวียนในหัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพรสรักที่เขาและเธอนัวเนีย เกี่ยวกวัดเป็นพัลวันยิ่งทำให้ชายหนุ่มหมายมั่นอยากได้เธอมาเป็นเมีย
ชายหนุ่มรีบขับรถออกจากที่พักตรงไปยังที่หมายที่ตั้งใจไว้
“คุณคิม ผมขอเวลาหน่อย ผมขอโอกาสคุณสักครั้ง” เสียงคุณอัสวินที่คุยโทรศัพท์อยู่ แม้จะพยายามเบาเสียง แต่ก็ทำให้สองแม่ลูกต่างได้ยิน
ตั้งแต่กุลนารีออกจากโรงพยาบาล พ่อและแม่เธอต่างเฝ้าดูแลเธออย่างดี แม้ว่าตอนนี้สภาพที่บ้านเธอจะไม่ได้ดีนัก บริษัทกำลังจะล้มละลาย บ้านกำลังจะถูกยึดก็ตาม
หญิงสาวฟังสิ่งที่ได้ยิน ยิ่งทำให้เธอเป็นกังวล
ไม่นานนักบานประตูใหญ่เปิดออก พร้อมร่างชายหนุ่มที่เดินอาด ๆ เข้ามาอย่างไม่เกรงใจใคร
“คุณคิม เอ่อ...คุณมาได้ยังไง” คุณอัศวินร้องออกมาอย่างตกใจ
“ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราควรมีข้อสรุปกันได้แล้วครับ” คิมหันต์พูดออกไปโดยไม่มองหน้าคุณอัศวิน สายตาเขาจับจ้องกุลนารีเขม็ง สายตาส่งผ่านอย่างลามเลียไปทั่วร่างหญิงสาว แสดงออกอย่างแจ่มชัดว่าเขาต้องการเป็นเจ้าของเธอ
กุลนารีได้แต่ก้มหน้านิ่ง เธอเกลียดสายตาของเขาเหลือเกิน คนหยาบคาย เจ้าชู้ ผู้ชายที่ยื่นข้อเสนอเลวร้ายให้กับเธอ คนที่พรากคนรักของเธอไป
“ขอเวลาผมคิดก่อนนะครับ ลูกสาวผมยังไม่พร้อม” คุณอัศวินพยายามต่อรองทั้งที่รู้ว่าไร้ผล
คิมหันต์เดินตรงไปยังหญิงสาว พร้อมนั่งประจันหน้าเธอ
“ผมต้องการคำตอบภายใน 5 นาทีนี้ และคุณ...แอ้ต้องเป็นคนตอบ” ชายหนุ่มพูดอย่างชัดเจนเน้นเสียงเรียกหญิงสาวอย่างจงใจ
“ถ้าคุณแอ้ตกลงแต่งงานกับผม ผมยินดีเข้าช่วยเหลือธุรกิจพ่อคุณ และบ้านหลังนี้ก็จะยังเป็นเกษมมนตรีเช่นเคย แต่ถ้าไม่ พวกคุณก็เตรียมตัวย้ายออกไปภายในวันพรุ่งนี้เท่านั้น” ชายหนุ่มยังคงรุกต่ออย่างไม่สนใจความรู้สึกใครทั้งสิ้น
“คุณ...คุณมันบ้า” กุลนารีร้องออกมาอย่างโมโห
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยื่นหน้าจ้องตาเธอ
“คนบ้าคนนี้กำลังจะเป็นสามีคุณ” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างได้เปรียบ
“เหลืออีก 3 นาที ถ้าคิดว่าการเงียบเป็นวิธีที่ดีที่สุด ผมว่าคุณคงคิดผิด” ชายหนุ่มยังคงรุกหนัก กดดันหญิงสาว
หญิงสาวละล้าละลัง เธอหันมองหน้าพ่อแม่เธอไปมา สถานการณ์ตรงหน้ารวดเร็วเกินไปจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
“หมดเวลาของพวกคุณแล้ว งั้นพรุ่งนี้ผมหวังว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพวกคุณอีก” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินออกไปช้า ๆ อย่างใจเย็น
“ดะ...เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน...ฉัน...ฉัน...” หญิงสาวร้องปรามชายหนุ่มอย่างตะกุกตะกัก
คิมหันต์อมยิ้มขึ้นมาทันทีอย่างผู้มีชัย ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ เขาหันกลับไปหาเธอ พร้อมยักคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถาม
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ คุณพอใจแล้วใช่ไหม” กุลนารีกลั้นใจตอบกลับไป
เธอไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือผิด แต่พ่อแม่เธอก็แก่มากแล้ว จะให้ไปลำบากเริ่มต้นใหม่ เธอคงไม่สามารถใจร้ายอย่างนั้นได้
คิมหันต์ยิ้มออกมามุมปาก สายตาเจ้าเล่ห์จับจ้องหญิงสาวไม่วางตา ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปทันทีอย่างไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา
ตอนที่ 36 ดีใจที่มีเธอหลังจากงานแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศเสร็จสิ้น คิมหันต์และกุลนารีก็กลับมาถึงห้องพักของพวกเขา ห้องพักที่จัดไว้สวยงามและเรียบร้อย มีแสงไฟอ่อน ๆ ที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและผ่อนคลาย ผ้าม่านสีครีมปิดลงครึ่งหนึ่ง ทิ้งให้แสงจันทร์ส่องเข้ามาอย่างนุ่มนวลคิมหันต์นั่งลงบนเตียงพร้อมดึงกุลนารีมานั่งข้าง ๆ เขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย "แอ้...แอ้เสียใจไหมที่คนข้าง ๆ แอ้เป็นพี่" เขาถามออกมาอย่างนึกหวั่นใจ น้ำเสียงที่อ่อนโยนปนด้วยความประหม่าที่ยังคงติดอยู่ในใจของเขากุลนารีหันมองหน้าคิมหันต์อย่างอ่อนโยนก่อนจะยิ้มและส่ายหน้าไปมา "แอ้ไม่เสียใจค่ะ" สายตาของหญิงสาวที่ดูจริงจังและหนักแน่น ทำเอาคิมหันต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมากับคำตอบที่ได้รับ"งั้นแปลว่าดีใจใช่ไหม" คิมหันต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของกุลนารี ก่อนจะจ้องมองหน้าของหญิงสาวด้วยสายตากรุ้มกริ่มและความออดอ้อนกุลนารียิ้มอย่างนึกขำ "แน่นอน แอ้ต้องดีใจสิคะ" หญิงสาวพูดพร้อมยกมือบางลูบไล้ไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างหลงใหล สายตาหญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่หวานซึ้ง กุลนารีอยากให้คิมหันต์รับรู้ถึงความรู้สึกที่เธอ
ตอนที่ 35 รักลงตัวบรรยากาศในวันแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความสุข สวนสวยกลางแจ้งที่จัดงานเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและไฟประดับระยิบระยับ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างยิ้มแย้มและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว แพรวพราวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ เดินเคียงข้างเข็มทิศผู้สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรักลึกซึ้ง มือใหญ่ของเข็มทิศกอบกุมมือบางไว้ไม่หยุดเมื่อเข็มทิศและแพรวพราวเดินเข้ามาในพิธีแต่งงาน เข็มทิศกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและมั่นคง "ผมขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเราในวันนี้ ผมเคยทำผิดพลาดจนเกือบจะต้องเสียแพรวไปจากชีวิตของผม วันนี้ผมได้หัวใจของผมคืนมาแล้ว ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลพราวอย่างดีที่สุด จะทำให้เธอมีความสุขในทุกๆ วันครับ"คำพูดของเข็มทิศทำให้แขกทั้งหลายต่างปรบมือและส่งเสียงแสดงความยินดี แพรวพราวยิ้มอย่างเขินอาย รอยยิ้มกว้างใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขฉายออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวกอดแขนของเข็มทิศแน่น ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความรักและความซาบซึ้งคิมหันต์กับกุลนารีที่มาร่วมงานในชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดูหล่อเหล
ตอนที่ 34 ข่าวดี ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง แพรวพราวและเข็มทิศขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของคิมหันต์ เมื่อมาถึงบ้านของชายหนุ่ม ทั้งสองคนก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้าน บรรยากาศยามบ่ายที่บ้านของคิมหันต์และกุลนารีเต็มไปด้วยความเงียบสงบ เมื่อมาถึงคิมหันต์และกุลนารีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่เข้ามาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้เล่า” คิมหันต์ทักทายแพรวพราว พร้อมปรายตามองเข็มทิศที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์แพรวพราวทำเป็นไม่สนใจสีหน้าของคิมหันต์ หญิงสาวจูงมือเข็มทิศมานั่งด้านข้างคนทั้งสอง ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับคิมหันต์และกุลนารี “พี่คิม คุณแอ้ พราวมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” คิมหันต์เลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความสงสัย “พราวมีเรื่องอะไรเหรอ” แพรวพราวสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พี่คิมคะ พราวกับเข็มทิศตัดสินใจจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ” คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ กุลนารีมีสีหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับข่าวที่ได้รับ หญิงสาวรีบแสดงความยินดีกับทั้งสอง
ตอนที่ 33 เรื่องของเราคิมหันต์และกุลนารีกลับออกมาจากห้องของแพรวพราว ความเงียบสงบในคอนโดตัดกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของคิมหันต์ เมื่อถึงพวกเขาถึงที่รถ คิมหันต์เองที่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่หาย เขายืนอยู่ข้างรถ เอามือเท้าสะเอว พลางมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกุลนารีมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “พี่คิม คิดอะไรอยู่คะ”คิมหันต์หันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด “พี่ไม่ชอบหน้าไอ้เข็มทิศเอาเสียเลย เชอะ...จะให้พี่ยอมรับงั้นเหรอ เข็มทิศทำให้พราวเกือบต้องตาย แล้วจะให้พี่วางใจง่ายๆ ได้ยังไง”กุลนารีมองค้อนคิมหันต์ ก่อนจะพูดประชดออกมา “พี่คิม อันที่จริงจะโทษเข็มทิศฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็เริ่มมาจากพี่คิมไม่ใช่เหรอ”คิมหันต์ได้ยินถึงกับสะอึกไปทันที ชายหนุ่มมองหญิงสาวตาละห้อย ก่อนจะรีบโอบร่างบางเข้าหา “แอ้กำลังโทษพี่เหรอ” เสียงออดอ้อนทำเอากุลนารีถึงกับอ่อนใจ หญิงสาวได้แต่เบนหน้าหนี “แล้วแอ้พูดผิดตรงไหนกัน” เสียงหญิงสาวยังคงกล่าวออกมาด้วยความงอน ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น รีบแก้ตัว “เพราะพี่รักแอ้หรอกนะ ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้น วันน
ตอนที่ 32 เผชิญหน้าในเช้าวันต่อมา แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของแพรวพราว บรรยากาศอบอุ่นและสงบ เข็มทิศลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบิกบาน ชายหนุ่มหันมองหน้าหญิงสาวในอ้อมกอด เขาเผลอยิ้มขึ้นมาในทันใด มือหน้าลูบไล้เส้นผมที่ปรกลงบนใบหน้าอย่างรู้สึกเอ็นดู เขาเหม่อมองใบหน้านวลเนิ่นนานอย่างรู้สึกโล่งใจ บัดนี้เขารับรู้ความรู้สึกที่ตนมีต่อหญิงสาวถึงความเสน่หาอย่างแท้จริงทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูดังขึ้นทำให้เข็มทิศชะงักมือลง แพรวพราวยังคงงัวเงียด้วยความอ่อนเพลียอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มได้แต่นึกเอ็นดู เขาค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนหญิงสาวตรงหน้า เข็มทิศที่ยังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเดินมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นแขกมาเยือนเขาก็ได้แต่ชะงักงันลงไปคิมหันต์ที่ถือข้าวของมาอย่างพะรุงพะรังนิ่งอึ้งไป เขาเกือบโยนข้าวของดังกล่าวแล้วกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้า คิมหันต์มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”เข็มทิศมองคิมหันต์อย่างไม่เกรงกลัว “ผมค้างที่นี่” คำตอบของเขาทำเอาคิมหันต์ถึงกับบันดาลโทสะ ชายหนุ่มโยนของลงกับพื้นพร้อมปรี่เข้าหาเข็มทิศ “
ตอนที่ 31 ตามง้อเข็มทิศยังคงมาหาแพรวพราวที่โรงพยาบาลทุกวัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจทุกครั้งที่เห็นแพรวพราวที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้นแม้จะยังซีดเซียวอยู่ แต่แพรวพราวก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมคืนดีด้วย ทุกครั้งที่เข็มทิศเอ่ยปากขอโทษและพยายามอธิบายความรู้สึกของตัวเอง แพรวพราวก็เพียงแค่เบือนหน้าหนีและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เข็มทิศ คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีกแล้ว” แพรวพราวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแสดงถึงความงอนง้อคิมหันต์ยืนอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย เอาแต่มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ “คุณควรจะเลิกมาที่นี่ได้แล้ว แพรวพราวต้องการคนที่ดีกว่าคุณ”เข็มทิศถอนหายใจหนัก ความรู้สึกท้อแท้เข้ามาท่วมท้นในใจเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “ผมรู้ว่าผมทำผิดพลาดมาก แต่ผมอยากให้พราวให้โอกาสผมอีกครั้ง”คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ “โอกาส คุณเคยมีโอกาสแล้วแต่คุณก็ทำมันพัง คุณคิดว่าคุณสมควรได้รับโอกาสอีกครั้งหรือ”ในขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย กุลนารีมองค้อนคิมหันต์อย่างไม่พอใจ หญิงสาวกระทุ้งแขนเข้าที่เอวชายหนุ่มอย่างแรง คิมหันต์ได้แต่มองกุลนารีตาละห้อย พร